โลกนี้ยังมีมนุษย์ถ้ำ
โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง
สมัยฉันยังเด็ก มีการ์ตูนฝรั่งเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วชอบอกชอบใจเป็นกำลังชื่อ ‘กัปตันเคฟแมน’ หรือยอดชายนายมนุษย์ถ้ำอะไรทำนองนี้แหละ ขออภัยที่จำชื่อภาษาไทยไม่ได้ เพราะนานจนความทรงจำผุกร่อนไปตามกาลเวลา ตัวกัปตันเคฟแมนเป็นมนุษย์ถ้ำยุคหินผมเผ้ายาวเป็นกระเซิง เวลาจะทำอะไรทีก็แหกปากตะโกนว่า ‘กัปตันเคฟแมน’ จนขนฟูไปทั้งตัวตามด้วยเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางกบาล ซึ่งพอเสียงฟ้าผ่าดังบึ้มทีไร เด็กผีอย่างฉันหัวเราะชอบใจทุกที (คาดว่าเป็นคนใจโหดและชอบตลกเจ็บตัวมาแต่เด็ก)
กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนานจนลืมตัวการ์ตูนเรื่องนี้ไปแล้ว จนกระทั่งมาเจอเพื่อนสามีคนนี้ ภาพกัปตันถ้ำขนฟูผมเผ้ารุงรังหนาวเคราเฟิ้มผุดขึ้นมาในใจทันที ถามตัวเองว่าทำไมสามีเราถึงมีเพื่อนหนวดเครารุงรังกระเซิงเป็นแผงเหมือนค่างห้าสีแก่ๆ เช่นนั้น หาที่เหมือนผู้คนบ้างไม่ได้เลยเชียวหรือ
เจฟเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมัธยมของสามี จะว่าไปแล้วเรื่องของเจฟหนวดลิงค่อนไปทางชวนให้สงสารหรือน่ากระทืบก็ตัดสินได้ยากอยู่ เพราะเป็นเรื่องของการทำตัวเองล้วนๆ ทั้งที่มีโอกาสทางสังคมดีกว่าเพื่อนฝูงคนอื่นแท้ๆ
เจฟเกิดมาในตระกูลร่ำรวย พ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกหรืออะไรทำนองนี้แหละ เอาเป็นว่าพ่อแม่โบกมือหยอยๆ จากลูกหัวฝอยเป็นกระเซิงไปตั้งแต่ยังแบเบาะก็แล้วกัน จนทำให้พี่ชายทุกคนของเจฟหนวดลิงเข้ามารับผิดชอบโอบอุ้มน้องชายคนนี้ทันที
พี่ชายทุกคนของเจฟหนวดลิงเรียนจบระดับปริญญาเอก ตอนที่เจฟยังละอ่อน พี่ชายที่รับเลี้ยงดูแลเจฟก็เป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยระดับหรูแล้ว แถมมีบ้านหลังใหญ่สวยสะเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป ถึงแม้ว่าไอ้เด็กหัวฝอยจะไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น แต่พี่ชายปัญญาชนก็อบรมเลี้ยงดูน้องชายอย่างดีเหมือนพ่อแท้ๆ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ แต่อะไรไม่รู้เบี่ยงเบนมีผลให้เด็กผีกลายสภาพมาเป็นแบบนี้
หลังจากเรียนจบมัธยม เพื่อนๆ สามีต่างดิ้นรนหาทางไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย สามีกับเพื่อนศิลปินอีกคนเผ่นไปเรียนไกลถึงแคลิฟอร์เนีย เพราะเบื่ออากาศหนาวสาหัสของอินเดียน่าจนแทบจะชักดิ้น อีกอย่างช่วงนั้นตรงกับยุคหลังฮิปปี้เบ่งบาน ใครๆ ก็อยากแวะเวียนไปทำเก๋ในย่านฮิปปี้ที่ซานฟรานซิสโกกันทั้งนั้น สามีเลยได้ไปสิงเป็นฮิปปี้ลืมบ้านเกิดอยู่แถวนั้นนับสิบปี
ส่วนยอดชายนายเจฟนั้นสบายกว่าเพื่อน เพราะไม่ต้องทำเรื่องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาส่งเสียตัวเองเรียนพ่อแม่ทิ้งเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยไว้ให้จนจบ และตัวเองได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีกรัฐหนึ่ง ดูๆ ไปแล้วอนาคตก็น่าจะสดใดมิใช่น้อย
แต่อาจเป็นเพราะความที่พ่อแม่มีเงินหรือไรก็ไม่ทราบ พ่อคุณเลยฉลองซะเต็มคราบจนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ซ้ำถังแตกหมดเงินเรียนตั้งแต่ขึ้นปีสอง หากจะให้เดาคือ หมอนี่ชอบกัญชาและการกิมดื่มแบบไร้ความยับยั้งชั่งใจ หลังจากถูกถีบออกจากมหาวิทยาลัย เจฟถึงกับคว้าง สุดท้ายไปหางานขั้นต่ำสุดของกระบวนการจ้างงานคือเป็นคนหยิบของลงถุงในซูเปอร์มาร์เกตแล้วคอยลากรถเข็นกลับมาที่จอดรถเข็น ซึ่งงานแบบนี้เป็นงานเด็กเพิ่งจบมัธยมเท่านั้นแหละที่ยอมทำ เพราะค่าจ้างขั้นต่ำสุดจนแทบไม่พอยาไส้
จริงๆ แล้วหากเจฟยังพอมีสติปัญญาหลงเหลืออยู่บ้างก็น่าจะก้มหน้าก้มตาทำงานแล้วเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นระดับผู้จัดการซูเปอร์มาร์เกตได้ไม่ยากนัก เพราะเรียนถึงปีสองในมหาวิทยาลัย ดีกว่าพวกที่จบแค่มัธยมด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เกิดภาวะชะงักงันอะไรขึ้นมา เจฟหยุดการใช้สติปัญญาอย่างถาวร อาจจะชั่วชีวิตเลยก็ว่าได้ 30 -40 ปีผ่านไป เจฟก็ยังทำหน้าที่เป็นเด็กเข็นรถเหมือนเดิม ไม่มีผิดเพี้ยน !
นอกจากหยุดใช้สมอง เจฟยังเอาเงินที่ได้จากการทำงานไปซื้อกัญชาสูบทุกวัน แล้วเพ้อฝันอยากเป็นนักดนตรีร็อกชื่อก้องโลก ทั้งๆ ที่ตนเองไม่มีความสามารถใดๆ ทางดนตรีแลยแม้แต่น้อย พอมาถึงตรงนี้ ฉันเลยถามว่า
“มีอย่างงี้ด้วยเหรอวะ ฝันอยากเป็นโน่นนี่แต่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แล้วเมื่อไหร่ฝันจะกลายเป็นจริงล่ะ”
เจฟมองหน้าฉันนัยน์ตาฉ่ำ ไม่ใช่ด้วยความเสน่หา แต่เป็นเพราะฤทธิ์ยาสูบสมุนไพรที่ล่อมาเต็มเหนี่ยว เหลือกตามองฟ้าทีหนึ่ง แล้วหันมายิ้มปากเบี้ยวๆ ตาเหล่อีกทีหนึ่งให้แมลงวันหัวเขียวที่หลงผิดบินหึ่งๆ มาใกล้ เคราฟูเฟิ้มถึงหัวนม (ของเจฟเอง)
“ยูไม่เข้าจายนะ …วันหนึ่งไอจะต้องเป็นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ให้ได้”
สิ่งที่คนเป็นเมียต้องตระหนักอย่างหนึ่งคือ ควรให้อิสระสามีในการคบหาเพื่อนฝูง โดยเฉพาะเพื่อนเก่าที่คบหามายาวนาน ไม่ว่าเพื่อนเก่าๆ พวกนั้นจะดูวิปริตผิดมนุษย์อย่างไร ทุกคนย่อมต้องการมีโลกส่วนตัวที่ผัวหรือเมียไม่อาจแตะต้องถึงซุกซ่อนอยู่ในใจ สิ่งนี้แหละคือส่วนหนึ่งของเสรีภาพในชีวิตคู่ที่ต้องคอยปรับไม่ให้ตึงหรือหย่อนตลอดชีวิตแต่งงาน เรื่องเพื่อนผีบ้าแต่ละคนของสามีก็เช่นกัน
เจฟไม่ขับรถ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวสกปรกรุงรังเหม็นสาบเพราะน้ำท่าไม่ค่อยได้อาบ เวลาเจฟอยากจะไปไหนก็คอยโทรตามสามีฉันให้ขับรถไปรับไปส่งที่บ้านเช่าโกโรโกโสในย่านสลัม เวลาไอ้หนวดฟูยัดตัวเองลงมาในรถทีไร แทบจะกลั้นใจตายทีนั้น เหม็นเน่ายิ่งกว่าซากแร้งสามพันปี รีบหยิบน้ำหอมมาป้ายจมูกไว้ก่อนที่จะสลบคารถ
นอกจากเรื่องไม่ขับรถเพราะไม่มีจะขับแล้ว เจฟยังไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพราะใช้ไม่เป็น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือไม่เคยซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้ จนอายุล่วงเข้าไปห้าสิบกว่าแล้วถึงค่อยคิดซื้อโทรศัพท์มือถือถูกๆ แบบเติมเงินมาไว้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนฝูงบ้าง ความสามารถในการใช้โทรศัพท์นั้นติดลบและเงอะงะมาก สมเป็นมนุษย์ถ้ำตัวจริงเสียงจริง
วันหนึ่งเจฟตัดสินใจไปเยี่ยมพี่ชายอีกรัฐ ที่ต้องนั่งรถไฟไปเป็นวันๆ จึงนัดแนะกับสามีฉันไว้ดิบดีว่า ให้ไปรับที่สถานีรถไฟเช้าวันอาทิตย์ตอนเจ็ดโมงเช้าตรง เล่นเอาฉันร้องเป็นชะนีตกต้นยาง อุวะ… เจ็ดโมงเช้าวันอาทิตย์ใครจะอยากลุกจากเตียงกันล่ะ พอถึงเช้าวันอาทิตย์ที่นัดกับเจฟ สามีฉันกุลีกุจอแหกตาตื่นแต่เช้า เพื่อไปรับเพื่อนหนวดฟูตามที่นัดแนะไว้ เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยง สามีกลับมาบ้านด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย แล้วบอกว่า
“ไม่เจอเจฟ”
สามชั่วโมงต่อมา ยอดชายนายมนุษย์ถ้ำก็โทร.มารายงานตัว ได้ความว่า เจฟอุตส่าห์เอามือถือติดไป กะเอาไว้โทรหาเพื่อนตอนลงรถไฟแล้ว แต่อนิจจา… ดันลืมเอาแท่นชาร์จไปด้วย แล้วด้วยความฉลาดจัดคิดว่ามือถือของตนนั้นใช้ได้กับสายชาร์จที่แถมมากับเครื่องเท่านั้น เลยไม่ได้ขอยืมแท่นชาร์จพี่ชายมาชาร์จแบต ปล่อยให้แบตหมดคาเครื่อง
พอลงจากรถไฟมองหาเพื่อนตัวเองไม่เจอ เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สามีฉันอยากเข้าห้องน้ำเต็มแก่ เลยคลาดกัน สุดท้ายนายมนุษย์ถ้ำเลยตัดสินใจเดินกลับบ้านเช่าซึ่งอยู่ไกลประมาณ 10 กิโลเมตร…
โธ่เอ๋ย… เจฟเคฟแมน !
- READ โลกนี้ยังมีมนุษย์ถ้ำ
- READ อาณานิคมล่องหน
- READ ผู้ปรีชาชาญนั้นผลิตเบียร์
- READ ฤดูหนาวอันยาวนานในเทศกาลแห่งความสุข
- READ อุรังอุตังเฒ่า..เราจะคิดถึงเธอ
- READ มลรัฐวูล์ฟเวอรีน
- READ อินเดียนแดงที่โลกลืม
- READ ประโยชน์ของเบียร์ที่เมียไม่รู้
- READ โลกทับซ้อนของคนสองแผ่นดิน
- READ เมียบังเกิดเกล้า
- READ จับงูบูชาพระเจ้า
- READ ภาษามหาระทวย