ขี้หมาพารวย

ขี้หมาพารวย

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

ขึ้นชื่อว่าเงินไม่ว่าจะสกุลไหนล้วนแต่หอมหวนยวนใจด้วยกันทั้งนั้น อย่าเพิ่งแปลกใจที่ต้องรำพึงรำพันฝันหาออกมาดังๆ  ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนในอเมริกาถังแตกกันทั่วหน้า นั่นคือช่วงเทศกาลกระเป๋าฉีก    ไล่มาตั้งแต่คริสต์มาสยาวไปยันปีใหม่ ใครมีสุดที่รักรักที่สุดที่เพิ่งจีบใหม่หมาด อาจส่งผลให้กระเป๋าเงินฉีกขาดบาดเจ็บต่อเนื่องจนถึงวาเลนไทน์ พอขึ้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์นั่นแหละเงินถึงจะหยุดไหล จากนั้นก็ค่อยๆ เลียแผลและหันเข้าหาซองบะหมี่สำเร็จรูปกันตามอัธยาศัย

พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วให้ครื้มอกครื้มใจตามประสาคนเบี้ยน้อยหอยเหี่ยว บางหนถึงขั้นปลงว่าชาตินี้คงไม่รวยแน่นอน แม้จะมีความหวังทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนก็ตาม สุดท้ายฝันสลายตลอด ไม่ว่าจะกี่งวดถูกรับประทานเรียบจนนั่งไม่ได้เพราะหมดตูด กระนั้นคนเราก็ไม่ควรสิ้นหวังในชีวิต… จริงไหม

หลายคนมองว่าอเมริกาเป็นดินแดนแห่งการแสวงหาโอกาสและความร่ำรวย จึงมีคำพูดทำนองว่าไปขุดทองในอเมริกา จะว่าไปก็ถูกแต่ไม่ทั้งหมด สมัยก่อนอเมริกาเป็นดินแดนที่คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าในประเทศตน หลายคนร่ำรวยจากการทำงานหนักและเก็บหอมรอมริบตลอดชีวิต

แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เศรษฐกิจในอเมริกาตกต่ำมากจนไม่เหลือทองที่ไหนให้ขุด ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองทำให้เกิดขอทานผิวขาวยืนชูป้ายขอเงินเกลื่อนตามสี่แยกทั้งประเทศ

แม้จะไม่ค่อยเหลือทองให้ขุด แต่กลับมีเศรษฐีเกิดใหม่วัยละอ่อนเกิดขึ้นมาก เพราะการต่อยอดไอเดียแปลกๆ มาขยายผลสร้างรายได้จำนวนมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งความคิดเหล่านี้ดูเพี้ยนๆ  แต่หากว่าคนชอบใจ ต่อให้เพี้ยนแค่ไหน เงินก็ไหลมาเทมา

ไม่เชื่อดูเจ้าพ่อเฟซบุ๊กอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กนั่นปะไร ขนาดเรียนไม่จบ แต่เพราะไอเดียเจ๋ง คิดแค่โปรแกรมเดียวยังรวยเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้ นึกๆ แล้วให้อิจฉา จากนั้นก็มองหาเลขเด็ดตามต้นไม้ต่ออย่างไม่ลดละ

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กมองเห็นเงินไหลพรู ผ่านช่องทางการสื่อสารแห่งโลกอนาคตอย่างโปรแกรมเฟซบุ๊กซึ่งสร้างผลกำไรแบบชนิดที่เรียกว่านั่งกินนอนกินสบายไปทั้งชีวิต แต่หนุ่มอเมริกันบางรายกลับมองเห็นอนาคตในกองขี้หมา

คนที่อยู่อเมริกานานค่อนชีวิตคงรู้ว่ามะริกันรักหมาที่สุด แต่ละครอบครัวจะต้องมีหมาสามัญประจำบ้านอย่างน้อยหนึ่งตัว  ส่วนบ้านไหนจะมีกี่ตัวก็แล้วแต่ความขยันและกำลังเงิน แม้ว่าคนอเมริกันจะรักแมว แต่อัตราส่วนระหว่างการเลี้ยงหมาและแมวทิ้งห่างหลายช่วงตัว บ้านไหนเลี้ยงหมาหลายตัวและมีสนามหญ้าหลังบ้านเล็ก เชื่อว่าคงแทบจะไม่มีใครได้ใช้ประโยชน์จากสวนสักเท่าไหร่ เพราะพอเดินออกไป กลิ่นที่มะหมาแสนรักฝากไว้ทุกวันก็โชยตลบอบอวล

บางคนอาจแย้งว่าถ้าอย่างนั้นก็เปิดประตูรั้วให้หมาออกไปอึที่อื่นได้นี่ หากเป็นเมืองไทยคงทำได้โดยเสรี เพราะไม่มีกฎหมายและกฎหมารองรับ นอกจากโดนเจ้าของบ้านที่หมาของเราไปฝากรักไว้ตะโกนด่าลอยๆ ด้วยความเจ็บใจ เพราะจับตูดหมาตัวไหนดมไม่ได้

แต่ในอเมริกาทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด กฎหมายทุกรัฐระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้องทำความสะอาดอึหมาทุกครั้งที่พาหมาออกมาเดินในละแวกบ้านหรือตามสถานที่สาธารณะทั่วไป  คนที่นิยมขับรถพาหมาไปเที่ยวต่างรัฐสามารถแวะพักรถระหว่างทาง  บริเวณจุดจอดรถแต่ละแห่งจะมีอาคารที่ให้บริการอาหาร กาแฟ และห้องน้ำ  ถัดออกไปเป็นสนามหญ้าเพื่อให้ตูบทั้งหลายได้อึฉี่ตามถนัด โดยมีกล่องเหล็กใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ใส่อึหมาด้วย หากไม่ทำความสะอาดถือว่าผิดกฎหมาย

ถึงรักหมาจะเป็นจะตายอย่างไร แต่การเก็บอึหมานั้นถือเป็นความน่าเบื่อหน่ายขั้นสุดยอดและไม่ใช่ความน่าอภิรมย์อย่างแน่นอน คนส่วนใหญ่มองเห็นอึหมาเป็นอึหมาเหม็นๆ ที่พยายามหลีกเลี่ยง แต่คนกลุ่มหนึ่งมองเห็นเงินซ่อนอยู่ในกองอึกรุ่นๆ ทั้งหลาย

หนุ่มอเมริกันรายหนึ่งชื่อแมธทิว ออสบอร์น ผู้ซึ่งทำงานสองกะอย่างเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่กระนั้นยังไม่พอยาไส้ เพราะเงินที่ได้มานับว่าน้อยนิดตามค่าแรงขั้นต่ำสุดของเมืองโคลัมบัสในรัฐโอไฮโอ แค่ปากท้องเดียวยังไม่ค่อยจะพอกิน นี่มีภรรยา ลูกชายและลูกสาวที่ต้องดูแลอีกเป็นพรวน เลยนึกอยากหารายได้พิเศษ ด้วยความที่รักหมาเลยอยากทำงานอะไรก็ได้เกี่ยวกับหมา และสังเกตว่าแถวบ้านตัวเองไปจนถึงระยะ 15 ไมล์นั้นมีหมาอยู่ถึงแสนตัวทีเดียว แมธทิวนึกอะไรบางอย่างออกในขณะที่กำลังโกยอึหมาออกจากสนามหน้าหลังบ้านตัวเอง

แมธทิวจึงตั้งบริษัทรับกำจัดอึหมาขึ้นมา โดยสร้างเว็บไซด์ชื่อ Pooper-Scooper.com  ตอนแรกที่ทำคิดแค่ว่าอยากจะหาเงินรายได้พิเศษมาจุนเจือครอบครัวเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดหวังร่ำรวยอะไร แต่ทำไปทำมา  กิจการก้าวหน้าจนต้องจ้างพนักงาน 7 คน และซื้อรถบรรทุก 6 คัน เพื่อให้บริการลูกค้าประจำประมาณ 700 คน กิจการยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีขี้หมาไปแล้ว

ไม่เฉพาะพ่อหนุ่มรายนี้หรอกที่เห็นก้อนขี้หมามีค่าดุจทองคำ สองผัวเมีย จาคอบ และซูซาน คาเนียลโล่ ในรัฐวอชิงตันดีซีก็แลเห็นสวรรค์รำไรในกองอึเช่นกัน ทั้งคู่ตั้งบริษัท Doody Calls ขึ้นมาแบบเดลิเวอรี เรียกว่าอยากให้เก็บขี้ที่ไหน โปรดเรียกใช้บริการ

บริการหลักของบริษัทนี้คือ ตามเก็บขี้หมาที่ลูกค้าโทร.มาสั่งตามสถานที่ต่างๆ โดยค่าบริการอยู่เริ่มต้นที่ครั้งละ 12 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 420 บาท ค่าบริการจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนก้อนขี้และจำนวนหมา แถมยังมีบริการครบวงจรด้วยการกำจัดอึน้องตูบตามบ้านอีกด้วย โดยมีแพ็กเก็จให้เลือกทั้งแบบรายสัปดาห์และรายเดือน

ความแปลกบางอย่างสามารถนำมาต่อยอดแปรเป็นเงินได้ แต่ความแปลกบางอย่างคือความแปลกที่เปล่าประโยชน์ ไม่ใช่ว่าความแปลกหรือไอเดียเพี้ยนๆ จะสามารถทำเงินได้เสมอไป กระนั้นทุกคนต่างพยายามหาจุดขายเพื่อสร้างตัวตนให้ตนเอง ในยุคโลกไร้พรมแดนและเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้ชาวโลกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นตัวเชื่อม ยิ่งทำให้ใครๆ อยากเด่นดังกลายเป็น ‘เน็ตไอดอล’ ด้วยกันทั้งนั้น

เคยสังเกตไหมว่าทำไมเฟซบุ๊กของบางคนถึงมีแต่คนรอกดไลค์หรือคอยแชร์อย่างชื่นชม ในขณะที่เฟซบุ๊กจำนวนมากไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้คนทั่วไป คนที่ได้รับยอดไลค์มากๆ อาจจะมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่ทำให้หลายคน สนใจ อาจนำไปสู่การมีรายได้เข้ามาเพราะความเป็น ‘เน็ตไอดอล’ การได้เป็นจุดสนใจในโลกโซเชียลคือสุดยอดปรารถนาของผู้คนในยุคสังคมก้มหน้าไปแล้วอย่างปฏิเสธไม่ได้

ไอเดียแปลกแหวกแนวและไม่เหมือนใคร อาจนำไปสู่รายได้หรืออาจจะทำให้กลายเป็นเศรษฐีในอนาคตก็ได้ใครจะไปรู้  เพี้ยนเถอะ… หากว่าเพี้ยนแล้วรวย ว่าแล้วก็คิดว่าจะลองเพี้ยนดูสักที เผื่อจะเป็นเศรษฐีกับเขาบ้าง

 

Don`t copy text!