ความตายสีขาว

ความตายสีขาว

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

หลายคนฝันอยากเห็นหิมะเป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต เพราะเคยเห็นแต่ในหนัง อยากจะสัมผัสเหลือเกินว่าไอ้ปุยขาวๆ ที่ลอยฟ่องจากฟ้าจะอ่อนละมุนเย็นเฉียบขนาดไหน

สมัยฉันยังละอ่อนก็เหมือนกัน อยากรู้จนตัวสั่นว่าหิมะเป็นอย่างไร ตอนแม่ส่งไปเรียนภาษาในประเทศที่เต็มไปด้วยฝรั่งมังค่าก็ดันไปตกอับอยู่ในโซนที่ไม่มีหิมะเสียอีก ซ้ำเป็นประเทศที่ฝรั่งด้วยกันเองดูถูกว่าไกลสุดกู่มีแต่จิงโจ้ จึงขัดใจเป็นกำลัง พอแต่งงานกับอเมริกันเลยหมายมั่นปั้นมืออยากเห็นหิมะดังฝัน แล้วฝันบรรเจิดก็กลายเป็นฝันร้ายเมื่อมาถึงอเมริกาได้ 3 วัน

ไม่รู้ว่าคือวาสนาหรือคราวเคราะห์ที่มาจ่อมก้นหนแรกในอเมริกาเดือนเมษายน เรียกว่าฉลองสงกรานต์หัวหกก้นขวิดเสร็จ  ก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่ถุงปุ๋ยมาอเมริกาเลยทันที สามีปลอบว่าไม่หนาวเท่าไหร่หรอกน่า พอสิ้นเมษายนถือเป็นหมดช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่พอมาได้สามวัน หิมะเจ้ากรรมดันตกผล็อยๆ ไอ้เราก็บ้านนอกเข้ากรุงตื่นเต้นเต็มประดา เลยแต่งตัวเต็มยศออกไปกางลิ้นเร่าๆ รับหิมะอย่างไร้ยางอาย เล่นเอาชาวบ้านลือไปทั้งบางว่า นางคนที่เพิ่งมาใหม่นี้ช่างพรีมิถีฟดึกดำบรรพ์บ้านนอกเสียจริง

วันนั้นตื่นเต้นเสียจนลืมหนาว แต่ยี่สิบปีให้หลัง ทุกครั้งที่หิมะโปรยปราย เป็นต้องถอนหายใจทุกหนเพราะระอาต่อความหนาว  โดยเฉพาะ “ผื่นหิมะ” ทำพิษ เรื่องนี้เป็นปัญหาสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่เพิ่งไปอยู่เมืองหนาว แทบทุกคนต้องเจอปัญหาผื่นหิมะกัด  ผื่นขึ้นเป็นปื้นๆ ตามผิวหน้าและลำตัว คันคะเยอเพราะผิวแห้งกราก เกายิกเลือดซิบจนต้องไปซื้อครีมชนิดพิเศษมาทาทั่วตัว แต่หลังจากนั้น ผิวหนังจะด้านหนาปานแรด ไม่สะท้านใดๆ ต่ออากาศหนาวอีกเลย

เมืองที่อาศัยอยู่ติดทะเลสาบมิชิแกน ลมหนาวจากขั้วโลกเหนือกรูเกรียวทักทายรูขุมขนทุกหน้าหนาว เวลาออกจากบ้านต้องสุมเครื่องกันหนาวลงไปเต็มพิกัดเหมือนออกรบกับลมฟ้าอากาศ อันได้แก่ถุงมือถุงตีน รองเท้าบูทที่ออกแบบให้ย่ำหิมะได้สะดวก ไม่ใช่บูทหัวแหลมทรงแฟชั่นเก๋ๆ จากดีไซน์เนอร์ เพราะเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้ ขืนใส่เดินก้าวแรก มีหวังลื่นลงไปกองหน้าบ้านแน่ๆ บูทที่ว่านี้จะมีลักษณะเหมือนรองเท้าบูทที่ใส่ย่ำน้ำท่วมบ้านเรา แต่ข้างในบุนวมเพื่อรักษาเท้าให้อุ่น เสื้อกันหนาวกันลม ผ้าพันคอและหมวกปิดหู เรียกได้ว่าเต็มอัตราศึกนั่นแหละ กระนั้นยามที่ลมหนาวพัดมา ความหนาวบรรลัยถึงไส้ถึงพุงยังเสียดแทงเข้าไปทุกอณูเนื้อผ้าอันหนาหนักอยู่ดี คนไทยบางคนเคยหนาวถึงขนาดฉี่แตกโดยไม่รู้ตัวก็มี เพราะความหนาวเข้าไปบีบกระเพาะปัสสาวะจนไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้

เวลาที่หิมะตกต่อเนื่องหลายๆ วัน เหมือนซีรีส์หนังเกาหลี วันแรกๆ หิมะจะสะอาดสะอ้านขาวเป็นปุยเวลาย่ำดังเอี๊ยดๆ เหมือนเดินบนหาดทรายละเอียดๆ พอตกลงมาปุ๊บ ทุกคนจะออกไปโกยหิมะ โดยใช้เครื่องโกยไฟฟ้า ซึ่งดูคล้ายๆ เครื่องตัดหญ้า  ถ้าใครไม่มีก็เอาพลั่วมาโกยไปพลางบ่นบ้าน้อยใจในความไร้เงินของตัวเองไปพลาง  การใช้พลั่วโกยนั้นเป็นงานหนักสาหัสอย่างยิ่ง เล่นเอาเกือบข้อมือหักในปีแรกที่หัดโกย สุดท้ายต้องไปซื้อเครื่องโกยไฟฟ้ามาใช้เครื่องหนึ่ง

พอโกยถางเป็นช่องทางเดินแล้วต้องโรยเกลือ  เพื่อรักษาช่องทางที่เพิ่งเปิดใหม่ๆไม่ให้มีน้ำแข็งหรือหิมะมาเกาะอีก พอโรยหลายๆ หนเข้าเกลือก็จับเป็นคราบขาว ตามถนนหนทางต่างๆ มีเจ้าหน้าที่ขับรถมาโกยหิมะจากนั้นรถบรรทุกเกลือมาเต็มคันรถเพื่อโรยลงบนถนนทุกสายกันไม่ให้น้ำแข็งจับ พอถึงหน้าหนาว รถทุกคันในเมืองนี้ขมุกขมอมไปด้วยคราบเกลือ รถคันไหนที่อายุใช้งานเกิน 10 ปีตามขอบล้อจะมีสนิมจับผุด้วยเหตุนี้เอง แตกต่างไปจากรถของคนอเมริกันที่อยู่ทางตอนใต้ซึ่งไม่มีหิมะ

ลองนึกภาพมดเจาะทางเดินเล็กๆ เป็นเส้นยาวๆ เฉพาะส่วน แล้วคงพอนึกออกเวลาที่คนบางนี้โกยหิมะเปิดทางแล้วโรยเกลือ ส่วนที่ไม่ได้โรยเกลืออย่างลานจอดรถหรือฟุตบาทก็กลายสภาพเป็นน้ำแข็ง หากนึกไม่ออกลองเปิดช่องฟรีซในตู้เย็นดู ไอ้ตรงที่จับกันเป็นน้ำแข็งนั่นแหละคือสภาพถนนในเมืองนี้ช่วงหน้าหนาว

ตอนหิมะจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง น่ากลัวจนประสาทเสียทุกรอบ ฝ้าน้ำแข็งลื่นปร้าบจับทั่วทุกแห่ง ก้าวเท้าลงไปปุ๊บเหมือนเล่นสเก็ตปั๊บ เพราะยากจะทรงตัวได้  ลองนึกภาพตัวเองยืนบนน้ำแข็งแท่งใหญ่ๆ สิ บอกตรงนี้อย่างไม่อายเลยว่า ปีแรกๆ พอรถจอดหน้าบ้านปั๊บ ไม่ลังเลที่จะลงไปคลานสี่ตีนเพราะไม่กล้าเสี่ยงกับความลื่น หากหกล้มไปด้วยวัยและด้วยน้ำหนักพุงอาจจะไม่คุ้มเสีย

โชคดีที่รถบังสายตาเพื่อนบ้าน พอลงจากรถปั๊บก็ค่อยๆ คลานอย่างแช่มช้อยสมเป็นกุลสตรีไทย ก่อนจะตะกายไปถึงหน้าบ้าน พลันเหลือบไปเห็นหมาฝรั่งบ้านข้างๆ กระดิกหางร่อยๆ แล้วหันมาทำตาหวานใส่ เล่นเอาหนาวเยือก กลัวมันจะเข้าใจผิดว่าเป็นหมาเหมือนมัน

พลเมืองบางนี้ไม่ค่อยแยแสและยี่หระกับหิมะมากนัก คาดว่าคงชินเหมือนที่คนไทยชินกับเรื่องฝนตกน้ำท่วมยังไงยังงั้น แม้ว่าจะชินกับหิมะเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องมียกเว้นบ้าง เช่นในยามที่พายุหิมะกระหน่ำตูมลงมา ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างอย่างฉับพลัน  เพราะทางการออกคำสั่งห้ามทุกคนออกจากบ้านและห้ามขับรถเด็ดขาด

นอกเหนือจากมวลหิมะจะกรรโชกไม่ขาดสายแล้วอุณหภูมิยังลดต่ำลงไปถึง -40 หรือ -50 เซลเซียสด้วย (จริงๆ ที่อเมริกาใช้ฟาเรนไฮน์ แต่เทียบเป็นเซลเซียสให้เข้าใจง่ายขึ้น) ทางการประกาศให้เมืองเป็นเขตภัยพิบัติทันที เพราะมีคนตายเนื่องจากความหนาว การออกจากบ้านแม้เพียงห้านาทีโดยปราศจากเสื้อหนาวอาจทำให้ถึงตายได้ หรือไม่ก็ถูกหิมะกัดจนต้องตัดมือตัดเท้า

ทางการประกาศผ่านทางรายการข่าวหนังสือพิมพ์และทุกสื่อ  ห้ามทุกคนออกจากบ้าน ให้สถานที่ทุกแห่งปิดหมด ยกเว้นโรงพยาบาล  นี่ถือเป็นเรื่องสาหัสมาก  มีการสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ผู้คนออกมาโกยหิมะ แต่เห็นเพื่อนบ้านทำใจกล้าออกมาโกยหิมะได้ไม่กี่นาทีแล้วทิ้งพลั่ววิ่งอ้าวเข้าบ้านไปแบบไม่เหลียวหลัง ถนนหนทางทุกแห่งเงียบสงัด ไม่มีรถราวิ่งเลยแม้แต่คันเดียว หิมะนอกบ้านกองสูงท่วมเลยสะโพก เสียงลมกรรโชกน่าสะท้านใจ ได้ยินเสียงลมพายุหวีดหวิวเหมือนเสียงผีครวญครางจากนรก

สำหรับคนจรจัด ทางการเปิดบ้านพักฉุกเฉินให้เข้ามาหลบภัยเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่มีใครสามารถอยู่ได้โดยไม่มีเครื่องทำความอุ่น ทางการออกประกาศเตือนภัยพิบัติแทบจะทุกชั่วโมงให้ทุกคนหลบภัยอยู่แต่ในบ้าน

ดูๆ ไปก็เหมือนหนังสงคราม  ก่อนหน้านี้มีประกาศเตือนให้ทุกบ้านซื้ออาหารมาตุนไว้ในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะกินเวลายาวนานไปถึงเมื่อไหร่ ทำให้ทุกชั้นวางของในห้างว่างเปล่าเหมือนเกิดสงคราม พายุหิมะที่พัดถล่มเมือง ส่วนใหญ่เป็นลมหนาวที่มาจากอาร์กติกหรือขั้วโลกโดยตรง ทำให้ทุกเที่ยวบินทุกการเดินรถไฟหยุดสนิท…ที่สำคัญคนร่างกายอ่อนแออย่างเด็กและคนแก่ หากร่างกายไม่อุ่นพอก็จะเจ็บป่วยล้มตายลงเหมือนใบไม้ร่วง

หิมะ…แม้จะสวยงามราวภาพฝันก็มีความตายสีขาวซ่อนอยู่ในทุกอณูละออง…

 

 

Don`t copy text!