สะใภ้ผีบ้า-แม่ย่า (ฝรั่ง) งก

สะใภ้ผีบ้า-แม่ย่า (ฝรั่ง) งก

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

ปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้นับเป็นปัญหาระดับโลก ไม่ว่าชาติไหนปัญหานี้คือปัญหาน่าปวดหัวมาแสนนาน  ใครที่แม่สามีรักถือว่าโชคดีเหมือนถูกหวย หากตรงกันข้าม จัดว่าเป็นความซวยมหาซวยที่สุด เพราะปัญหาอาจลามมาถึงคนที่สามจนทำให้ต้องแยกทางร้างรากันไป

คนอเมริกันสูงวัยที่เกิดทันสงครามโลกมักมีอคติต่อคนชาติอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมนี เนื่องจากเคยเป็นคู่สงครามถล่มระเบิดตูมตามใส่กันมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงมีทัศนคติไม่ค่อยดีต่อคนสามชาติที่ว่ามากนัก บางคนแยกแยะญี่ปุ่นกับชาติเอเซียอื่นๆ ไม่ได้ก็เกลียดแบบเหมารวม   พอรู้ว่าลูกชายคนเดียวไปคว้าสาวเอเซียมาเป็นภรรยา  ยิ่งทำให้สองตายายร้อนรุ่มในอก     เพราะฟังจากที่ “เขาว่ากัน” ว่าผู้หญิงไทยนี่มันร้ายนัก

ถึงแม่ผัวฝรั่งจะไม่ค่อยถูกใจสะใภ้ไทย   แต่ไม่แสดงทีท่าออกมาชัดแจ้งว่ารังเกียจ ฉันเองก็ทำดีกับแม่สามีเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่จี๋จ๋าตอแหลใส่จนอยู่ในข่ายที่ตัวเองต้องแอบไปอ้วกหลังบ้าน ว่างๆ ทำขนมนมเนยแวะไปส่งส่วยบ้างพอหอมปากหอมคอตามประสาคนไทย    แต่จะให้ไปฉอเลาะจนน่าเฉาะฟันนั้นบอกเลยว่าไม่มีทาง

กระนั้นก็มีการประดาบกันบ้างพอหอมปากหอมคอในช่วงแรก มีอยู่วันหนึ่ง พี่สาวสามีขับรถไปรับแม่สามีแล้วตรงดิ่งมาแวะบ้านลูกชายโดยไม่บอกกล่าว ฉันกำลังทำกับข้าวไทยกลิ่นฟุ้งไปทั้งบ้าน ลูกชายแกเองคุ้นเคยกับอาหารไทยเพราะอยู่เมืองไทยมานาน แถมยังชอบกินอาหารไทยมากกว่าอาหารอเมริกัน

ทั้งคู่ประคองปีกเดินเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ พอเดินเข้ามาได้สามก้าว ก็เริ่มทำจมูกฟุดฟิดเหมือนยอดสุนัขแสนรู้ทันที

“นี่..กลิ่นอะไรเนี่ย ทำไมเหม็นจัง อาหารประเทศเธอเหม็นแบบนี้เหรอ”

แม่นางจากเมืองไทยยืนกัดฟันกรอดกำตะหลิวจนเส้นเลือดโปน นี่แสดงว่าพวกยูไม่เคยกินอาหารชาติอื่นนอกจากอาหารอเมริกันเลี่ยนๆ พวกนั้นสินะ  ผัดไทยแสนโอชาหาใดปานก็คงไม่เคยต้องลิ้นอันกระด้างอย่างแน่นอน  ถึงได้กล้าหยามหมิ่นอาหารอร่อย 1 ใน 10 ติดอันดับโลกเยี่ยงนี้   ไวเท่าความคิด  ดั้นด้นมาเปรี้ยวถึงบ้านต้องอำเล่นให้สนุกไปเลย ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างตามแบบคนจากสยามเมืองยิ้ม

“คุณแม่กับคุณพี่รับประทานมื้อเย็นแล้วหรือยังคะ  ถ้ายัง เดี๋ยวรอทำกับข้าวเพิ่มอีกอย่าง รับรองอร่อยแน่ๆ รับกาแฟไปก่อนนะคะ”

เดินไปรินกาแฟส่งให้คนละถ้วย เข้าใจได้หรอกนะว่า บ้านนี้มีลูกชายคนเดียว อยู่ๆ ไปคว้าผู้หญิงหน้าแปลกมาจากไหนไม่รู้  เลยต้องแวะมาสืบเป็นระยะ  แต่การมาสืบเสาะควรมีน้ำใจต่อกันบ้าง ฉันเดินกลับเข้าครัว  บรรจงแก้ห่อปลาอินทรีเค็มที่อุตส่าห์แบกมาจากเมืองไทย  เทน้ำมันลงกะทะ ใส่ปลาเค็มลงไปทอดเสียงฉี่ฉ่า

สิบนาทีต่อมา เพื่อนบ้านข้างๆ เห็นผู้หญิงฝรั่งต่างวัยสองคนกรีดร้อง ถลันออกมาจากบ้าน ขณะที่เจ้าของบ้านฝ่ายหญิงถือตะหลิวตามมาส่งตรงประตูหน้า พนมมือไหว้ ร่ำลาแขกทั้งสองอย่างอ่อนหวานสมเป็นกุลสตรีไทยทุกกระเบียดนิ้ว  หลังจากนั้นมาแม่สามีไม่เคยแวะมาแบบไม่ตั้งตัวอีกเลย แต่จะโทรบอกก่อนทุกหน

หลายปีผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากแต่งงานอยู่กินกับลูกชายของสองตายายมาระยะหนึ่ง เลยทำให้วางใจได้เต็มร้อยว่า สตรีหน้าเหี้ยมจากเมืองไทยไม่มีวันมาเกาะลูกชายสุดที่รักของแกกินแน่ๆ   เวลากลับไทยทีไร   ก็ใช้เงินตัวเองซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเองทุกหน  ทำให้คนขี้เหนียวอย่างสองเฒ่าเบาใจไปเปลาะหนึ่ง

ความที่ไม่เคยแบมือรอสามีเปย์ใดๆ เลยทำให้หม่อมแม่ผัวเกิดความคิดพิสดารว่าลูกสะใภ้ไทยคนนี้จะต้องมีฐานะแลชาติตระกูลราวเชื้อพระวงศ์ทายาทมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน เพราะบินกลับไทยกี่หนๆ ก็ไม่เคยมาไถแทะลูกชายเราให้เศร้าใจ ฉะนั้นสรุปได้ประการเดียวว่าบ้านนางนี่จะต้องมีเงินถุงเงินถังมิใช่น้อย

แล้ววิบากกรรมก็มาเยือนแบบไม่ตั้งตัว ก่อนที่ฉันจะบินเดี่ยวกลับไทยเที่ยวล่าสุด  แวะไปถามแม่ผัวว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญจากเมืองไทยบ้าง ซึ่งถามตามมารยาททุกหน ปกติแม่จะยิ้มจนปากย่นแล้วจีบปากบอกอย่างมีมารยาทเช่นกันว่า

“อุ๊ย..ไม่เอาอะไรเลย ที่รัก”

ที่เรียก “ที่รัก” หรือ “หวานใจ” นี่ไม่ได้แปลว่าฝรั่งรักใคร่เอ็นดูอะไรหรอก   แต่เป็นคำเรียกชาวบ้านทั่วไปของคนอเมริกัน เช่น เวลาไปสั่งอาหารในร้าน พอนั่งปุ๊บ ป้าแก่ๆ ซึ่งเดินเหนียงยานเสิร์ฟอาหารอยู่แถวนั้นจะปราดเข้ามาถามทันทีว่า รับอะไรดีจ๊ะ ที่รัก

คราวนี้ถามแม่ผัวตามมารยาทเช่นเคย  แต่หม่อมแม่ฝรั่งตอบกลับมาจนคนฟังสะดุ้งโหยงแทบตกเก้าอี้ว่า

“แหม..เกรงใจยูจังเลย แม่อยากได้สร้อยทับทิมสักเส้น”

หลังจากอ้อมแอ้มรับปากส่งเดชแล้ว   ก็ลากลับมาจัดเสื้อผ้ายัดใส่ถุงปุ๋ยเตรียมบินกลับไทยแลนด์แดนร้อนตับแตก ขณะที่สมองคิดเอาตัวรอดจากของฝากมหาโหดไปพลางๆ

พอกลับถึงเมืองไทยก็ลืมเรื่องสร้อยทับทิมพันล้านที่แม่ผัวอยากได้สนิท เดินดูตามห้างเห็นราคาแล้วแทบล้มทั้งยืน แต่ละเส้นล้วนจับไม่ลง ใกล้กำหนดกลับอเมริกา เลยต้องหาทางเอาตัวรอด สุดท้ายหลอดไฟในหัวก็ส่งเสียงดังปิ๊งงงง..เมื่อเห็นคณะลิเกมาเปิดวิกแถวบ้าน

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันบึ่งไปพาหุรัดทันที พยายามเลือกสร้อยที่ดูเหมือนทับทิมสยามนามประเทืองเรืองรอง เพราะเชื่อมั่นในความช่างปลอมของคนไทยที่ปลอมของแบรนด์เนมและสินค้าราคาแพงได้เหมือนจนแยกความแตกต่างไม่ได้

คงเป็นกรรมเก่าของแม่ผัว   ลูกสะใภ้ไทยตาไว เหลือบไปเจอสร้อยทับทิมปลอมสีแดงแช๊ดราวทับทิมสยามเนื้อดีบนแผงลอย เลยสอยมาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง หัวเราะฮิฮะอยู่ในใจ เมื่อกลับมาอเมริกาก็แล่นไปหาแม่สามีพลางพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานว่า

“หนูซื้อสร้อยทับทิมมาฝากตามสัญญาแล้วนะคะ”

“โอ้มายก๊อด..มายเดียร์ สวยอะไรอย่างนี้ สมชื่อทับทิมสยามจริงๆ ดูสิเธอ”

ว่าแล้วก็ยกขึ้นทาบคอที่เหมือนไก่งวงแล้วส่งยิ้มไปรอบๆ ห้อง ขณะที่ลูกสะใภ้ผู้แสนซื่ออย่างฉันปั้นหน้าอิ่มบุญข้างๆ จนทุกวันนี้ก็ไม่มีใครในครอบครัวรู้เลยนะว่าสร้อยทับทิมสะสวยเส้นนั้นเป็นเครื่องประดับลิเกจากพาหุรัด

 

Don`t copy text!