บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ลำจวนลูบหน้าลูบตัวด้วยน้ำเย็นฉ่ำจากตุ่ม ทันทีที่กลับถึงแพ ใช้ผ้าฝ้ายผืนยาวซับแห้ง

คุณพุ่มเดินเลี่ยงจากครัวที่พวกบ่าวกำลังวุ่นวายเตรียมอาหารเย็นไปยังหลังแพ

“ ชายหนุ่มจีนผู้นั้นรู้จักมักคุ้นกับ..นางลำจวนมันรือ ? ”

เธอหยุดยืนกระซิบเบา ผ่านฉากลับแล ขณะที่ลำจวนกำลังแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าที่เตรียมมาแต่งถึงในห้องน้ำ

“ ไม่ถึงกับคุ้นกันดอกค่ะ เพียง..ได้พบเจอกันมาแต่เด็ก..ไม่กี่ครั้ง แล..พูดจาชอบคอกัน.. ”

หญิงสาวในโจงเรียบร้อย กับเสื้อคอกลมเก่าหลวมของท่านเจ้าคุณบิดาคุณพุ่มที่ได้รับการแก้ให้เล็กพอสบายตัวสำหรับสวมใส่ในบ้าน เดินออกมา

คุณพุ่มดักอยู่ตรงหน้า

“นางลำจวนมันตายไปแล้ว เจ้าเฉก..คือคนอีกคน ”

“ เจ้าค่ะ ”

ลำจวนรับคำ

“ อย่าให้นางลำจวนกลับมาอีก จะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่เจ้าเฉก ”

คุณพุ่มจ้องเขม็ง

“ เจ้าค่ะ ”

หญิงสาวทอดสายตาต่ำ สงบรำงับ

“ เมื่อกี้เจ้าแสดงได้แนบเนียนดีแล้ว เจ้าต้องเป็นชายให้สนิท  มิใช่ชายอย่างละคร หากทำตัวลักปิดลักเปิด ความคงแตกสักวัน ”

ลำจวนปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางแข็งขันโดยพลัน เปลี่ยนช่องเสียงกว้างต่ำ

“ ขอรับ.. ”

“ ช่วงนี้เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในเรือนไปก่อน ข้าว่า..เราออกจะประมาทไปหน่อย ต้องระวังมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้น..คงต้องหนีให้ไกลกว่าเพียงข้ามฟากแม่น้ำ ”

คุณพุ่มกล่าวแผ่วเบา ทว่าหนักแน่นเฉียบขาด

 

ในแสงตะเกียงสลัว หนุ่มผมเปียนั่งตัดแต่งซ่อมแซมขนปลายแปรงพู่กันที่เริ่มชี้บาน ขนเล็กๆทิ่มแทงออก ไม่เข้ารูปทรง

ชายหนุ่มเล็มให้เรียวแหลมด้วยมีดบางคมกริบบนเขียงไม้ อันที่ปรับปรุงเสร็จแล้ว ก็วางเรียงตามขนาด รูปร่าง การใช้งาน แต่สักพัก ชายหนุ่มก็นั่งเพ่งพู่กันในมือ  นิ่งงัน ใจลอยไป

เมื่อครูพุดเดินมาเห็น ก็ส่ายหัว

“ ฮุนเอ๊ย..   แสงสว่างไม่พอแล้วก็ไม่ต้องนั่งหลับใน  ไปนอนไป.. ”

คงแป๊ะดับธูปกำยานที่จุดไว้เพื่อไล่ยุงที่เฉลียงหน้าเรือน เตรียมตัวเข้าห้อง  บ่นพึมพำๆ

“ กลางวันสว่างๆไม่ทำ   เอาแต่เที่ยวเล่นกัน ไป ดึกแล้ว..”

ฮุนหน้าสลด เก็บพู่กันใหญ่ แปรงทาพื้นหลัง  แปรงเขียนภาพหยาบ พวกที่ทำด้วยเปลือกต้นกระดังงาหรือการะเวกทุบ ปลายรากลำเจียกทุบ มาวางเรียงในถาด

ส่วนพู่กันหนวดหนูสำหรับตัดเส้นละเอียด เก็บใส่กล่องไม้ใบเล็ก

แม่เตยหลานสาวครูคงแป๊ะ ถือตะเกียงดวงเล็ก เดินมา ท้าวสะเอวบอกเสียงรำคาญสะบัด

“ ที่นอน หมอน มุ้ง เจ้เอาออกมาวางให้แล้วนะอาฮุน  ปูลาดเอาเอง เคยนอนตรงไหนก็นอนกันไปก็แล้วกัน เจ้ไม่ปูให้ดอก จะเสียนิสัย ”

ครูพุดอดขำไม่ได้ กับกิจวัตรของแม่เตย ที่ปากเปียกปากแฉะกับบรรดาศิษย์ลุงทุกคน ทุกวี่วัน

“ อาฮุนมันไม่รบกวนอาเตยถึงเพียงนั้นดอกหลาน เรื่องที่หลับที่นอน มันไม่ใช้ผู้อื่นดูแลดอก นอกจากหากมีเมีย แล้วจึงใช้เมีย ”

“ โอ๊ย ครูพุด อย่างอาฮุน ไม่ใช้ดอกเมีย มีแต่มันจะให้เมียใช้ล่ะไม่ว่า ”

สาวรุ่นพี่ค่อนอย่างเอ็นดูปนหมั่นไส้ เดินถือตะเกียงกลับขึ้นบันไดไปชั้นบน

ส่วนคงแป๊ะเดินดุ่มไปเข้าห้องนอนที่ห้องด้านใน ซึ่งจุดตะเกียงไว้สว่างรออยู่แล้วที่ชั้นล่างนั่นเอง

ฮุนปิดหีบเครื่องเขียนลง มองครูพุด ที่ช่วยกันเก็บของอย่างครุ่นคิด ตัดสินใจถามออกมา

“ ครูจำหน้าคุณหนูลำจวน ที่วัดทอง..ได้หรือไม่? ”

ครูพุดมองศิษย์รัก มองลึกลงไปจนเห็นความในใจ

“ เคยเห็นตอนเล็กๆแต่ครั้งกระโน้น  จำไม่ได้ถนัดชัดเจนนักดอก บอกตรงๆ ”

“ คนที่เห็นวันนี้ ที่ท่าช้าง..เป็นชาย..”

ฮุนระบายออกมาอย่างสับสน แต่แล้ว กลับเงียบไป

ครูพุดตัดสินใจตอบตรงตามคิด

“ ตัดอกตัดใจเถิด ฮุน ถึงเขายังอยู่ เจ้าก็ใช่ว่าจะอาจเอื้อมไปถึง ”

 

อากาศเย็นชื่นท่ามกลางความชื้นหนักอึ้งของท้องน้ำทำให้มีไอหมอกลอยต่ำๆ รอบแพยามรุ่งสาง

ลำจวน ที่ใส่เสื้อคอกลมแบบผู้ชาย กางเกงแพร  มีแพรเพลาะคลุมอก นอนหลับอยู่ในมุ้งเล็กๆ กลางเรือน ในแสงเช้าที่ลอดช่องลมมาจับมุ้งเป็นลายทาง

ทันใด แพทั้งแพไหวเยือก ด้วยน้ำหนักคนที่กระโจนขึ้นมา ตามด้วยเสียงตบประตูโครมคราม

ลำจวนสะดุ้ง ลุกพรวด มุดออกมาจากมุ้ง พอนึกได้ หยิบผ้าคลุมไหล่มาคลุมปิดบังร่างกายไว้ก่อน แล้ววิ่งไปเปิดกลอนบานเฟี้ยมข้างหน้า

นางทองใบ ยืนหน้าตื่นอยู่

“ คุณเจ้าขา ศพเจ้าค่ะ ศพคนตาย ไม่มีผ้าผ่อนติดตัว ที่เขาว่า ผู้หญิงหงาย ผู้ชายคว่ำ เป็นจริงตามนั้นแท้ๆ ลอยอยู่แถวดงลำพู เลยวังหน้าไป ใกล้ๆป้อมพระสุเมรุ   เขาพายเรือไปมุงกันกลุ้ม คุณอยากไปดูไหมเจ้าคะ ”

ลำจวนยืนงงงัน

พอดีนายหมายพายเรือมาโผล่ด้านหลัง

“ อีทองใบ  มีอย่างที่ไหน ชวนนายเฉกไปดูศพหญิงเปลือยกาย เอ็งจะดูก็ดูคนเดียวไปซีเล่า ”

คุณพุ่มและนางเต็ม ตามกันออกมาจากห้องด้านใน

“ เกิดเหตุอันใด  ใครเป็นอะไรตาย? ”

คุณพุ่มพลอยตื่นตกใจไปด้วย

นายหมายรีบขึ้นจากเรือมาเล่าความ

“ เขาโจษกันว่าเป็นศพลูกสาวนายโรงสุ่นขอรับ นายโรงละครนอกฟากข้างโน้น ลูกสาวคนเล็กแกโดดน้ำตายหนีขันหมากเจ้าคุณนครบาลที่ปากคลองบางกอกน้อยเมื่อสี่ห้าวันก่อน หาศพไม่เจอ เมื่อเช้ามืด เพิ่งลอยอืดขึ้นมาอยู่เลยวังหน้าไป น้ำตรงปากคลองบางกอกน้อย แรงนัก กระแสน้ำวนคงดูดลงไป เมื่อวนจนหมดแรง ก็คายศพโผล่ขึ้นมา ”

ลำจวนใจสั่น รีบถอยไปเกาะขอบประตู ด้วยเกรงจะหน้ามืดเป็นลมล้มลงไปต่อหน้าคน

คุณพุ่ม กับนางเต็ม สบตากัน แล้วต่างรีบหันไปคนละทาง

“ นครบาลเขามาดูแล้วรือ ถึงรู้ว่าศพผู้ใด ”

คุณพุ่มถามเรียบๆ เหมือนไม่ใส่ใจอันใดเป็นพิเศษ

“ เขาเอาขึ้นมาที่ท่าตรงข้างป้อมฯ ขอรับ ชาวบ้านเขามุงกันอยู่ แลบอกๆกันต่อๆมา เห็นว่าทางนครบาลเขาพยายามหาศพกันอยู่หลายวันก่อนหน้านี้ สภาพก็ขึ้นอืด เน่าเปื่อย ถูกสัตว์น้ำกัดกินหน้าตา ท้องไส้ เครื่องในไปบ้างขอรับ ”

นายหมายบรรยายละเอียดลออ ทำให้ทุกคนรู้สึกผะอืดผะอมไปตามๆกัน

 

ที่ท่าน้ำเรือนนายสุ่น ริมคลองบางกอกน้อย นายสุ่น นางนอบ และนางจำปา กำลังใส่บาตรพระที่พายเรือทยอยตามๆกันมา มีนางทิมช่วยหยิบสิ่งต่างๆให้นายตน เมื่อเรือลำใดผ่านมาใกล้พอ  นายสุ่นก็จะเรียกเสียงดัง

“ นิมนตร์ขอรับๆ ”

ให้พระวาดเรือมาเทียบรับ

เมื่อพระรับบาตรแล้วก็พายต่อไป

พระบุญลือ กำลังเหหัวเรือเพื่อเข้ามารับบาตรจากโยมมารดา กับบิดา-มารดาเลี้ยง พอดี เมื่อเรือของนพที่มีทาสพายให้ จ้ำพรวดๆอย่างรีบร้อน แซงปาดมาจนน้ำแหวกกระจาย

นพเอะอะเอ็ดตะโรแตกตื่น

“ คุณพ่อ คุณแม่ แม่จำปา เกิดเหตุแล้วขอรับ ”

พระบุญลือ ขยับเรือให้เรือนพเทียบ

นพละล่ำละลัก

“ ศพ..ร่าง..แม่ลำจวนขอรับ ลอยขึ้นมาแล้ว เมื่อเช้านี้เอง ไปติดที่ดงลำพู ตรงข้ามเยื้องๆปากคลองเรานี่เอง ”

นายสุ่นผงะ นางนอบกุมอก หันไป มองจำปา

“ ลำจวน ลูกแม่..”

แม่จำปาร้องได้เพียงนั้นก็อ่อนระทวยซวนทรุดหมดสติลง นางทิมเข้ามารับไว้เกือบไม่ทัน

“ เห็นแน่นอนแล้วรือ ว่าเป็น..น้องเรา? ”

พระบุญลือไม่ปักใจ

“ เอ้อ..คะเนจากรูปพรรณสัณฐานแล้ว เขาว่าใช่ เพลานี้เขายังไม่เอาขึ้นมา ”

นพกระอึกกระอัก

“ อาตมาไปดูเอง ถ้าอย่างไร จะได้ให้เอามาไว้ที่วัดเสียเลย ”

พระบุญลือกล่าวจบ ก็รีบหันหัวเรือ พายออกไปทางปากคลองสุดฝีพาย

“ พ่อไปเอง ”

นายสุ่นหันมา สั่งบ่าวเสียงเครียด

“ เฮ้ย ใครเอาเรือลำใหญ่ออกถี กูจะไปฟากโน้น ”

คุณนายนอบพยายามคุมสติ ช่วยนางทิมที่ร้องไห้โฮๆพลางอุ้มประคองแม่จำปาพาไปเรือน

 

ลำจวนแต่งกายเป็นชายทะมัดทะแมง เดินเข้ามาที่ห้องด้านใน ขณะที่คุณพุ่ม กำลังนั่งอยู่หน้าหีบสองสามใบ กำลังค้นของบางอย่าง

ลำจวนคุกเข่าลง

“ คุณขอรับ..คือ.. ”

หญิงสาวกลัวๆกล้าๆที่จะออกปาก

คุณพุ่มหันหลังให้ ซ่อนสีหน้ารู้ทัน หากถามออกไปอย่างเรียบเย็น

“ ว่ากระไร? ”

“ กระผม..ใคร่จักขอไปข้างนอก ”

“ ไปไหน? ”

เธอแสร้งถาม

“ ไปดู..ศพ.. ”

ลำจวนบอกเสียงเบา หายไปในลำคอ

คุณพุ่มหันมามองผู้อ่อนวัย สีหน้าสมเพช

“ ไปดูศพตัวเองให้เห็นกับตากระนั้นหรือ? ”

ลำจวนก้มหน้าลง พูดไม่ออก

“ รือควรรีบบอกกล่าวแก่นครบาล ว่าคนตายมิใช่เจ้า? ”

เธอแจกแจงเป็นลำดับ

“ ญาติพี่น้องของหญิงคนตายจักได้รู้ความจริง ว่าลูกหลานตายแล้ว มิได้สาบสูญหายไปไหน แลตัวเจ้าเอง ก็จะได้กลับบ้านไปพบพ่อแม่พี่น้อง ”

เธอวางห่อสมบัติของลำจวน ที่ได้ค้นเตรียมไว้แล้วลงตรงหน้า

“ เอาเครื่องเพชรเครื่องทองของเจ้ารีบไปสำแดงตัวเสีย พ่อแม่จักดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว ”

ลำจวนเงยขึ้นมองตาตรงๆ เพื่ออ่านความในใจ

“ คุณพุ่ม..ไล่กระผมรือ? ”

“ หามิได้ ”

คุณพุ่มหน้านิ่ง หันไปยังอีกหีบ คราวนี้หยิบสมุดไทยออกมาสองสามเล่ม

“ แต่ข้าให้เจ้าเลือก.. ทางที่หนึ่ง หากเจ้ายังอยากจักกลับไปเป็นนางลำจวน ก็จงรีบไปก่อนที่พ่อแม่จักปักใจว่าเจ้าตายไปแล้วจริงๆ ทางที่สอง หากเจ้าปรารถนาจักเป็นเจ้าเฉก ข้าก็มีหนังสือให้เจ้าได้เรียนหัดเขียนหัดอ่าน ”

ลำจวนอึ้ง

“ กลับไปบ้าน ไปเป็นลำจวน..พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ดีใจ แลเจ้าคุณเจ้าบ่าว ก็อาจจักปล่อยเจ้า ไม่เอาความ แลอาจจะไม่บังคับขืนใจให้เจ้าเป็นเมียอีก พ่อแม่ก็อาจยอมตามใจเจ้า แต่หากอยู่กับข้า  เจ้าก็ต้องตั้งใจพากเพียร  อ่านให้ออก เขียนให้ได้ จนประกอบการงานได้จริงๆ  ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากทั้งสำหรับตัวข้าแลตัวเจ้า หากเจ้าเหลวไหล จับจด ดีแต่พูด ทุกสิ่งก็จักเสียเปล่า ”

ลำจวนนิ่งคิด แต่ลึกลงไป เธอได้เลือกแล้ว

 

ในป่าลำพู พื้นตลิ่งลุ่มต่ำชื้นแฉะ นายสุ่นยืนโงนเงนอยู่ตรง-วงผู้คน ที่ยืนมุงดูศพ เข่าคอยแต่จะอ่อนพับลงหากไม่มีเนตรกับนพ บุตรชายทั้งสอง ที่ช่วยกันค้ำยันร่างไว้

“ ไม่ใช่..ไม่ใช่ ”

น้ำตาผู้เป็นพ่อทะลักเกินหักห้าม ลงมาอาบหน้า

เนตร นพ แทบจะอาเจียน กลิ่นศพเหม็นเน่าขึ้นทุกขณะ ที่ตะวันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองพยายามลากบิดาออกมา

“ กลับเถอะขอรับ คุณพ่อ ”

นพกลั้นหายใจ

“ ไม่..ไม่ ขอดู..ให้แน่ก่อน ”

นายสุ่นดื้อดึง

หลังต้นลำพูห่างออกไปจากบรรดาไทยมุงจำนวนมาก ที่จริงๆมีทั้งแขก ลาว มอญ จีน มุง  ร่างกระทัดรัดของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีผ้าขาวม้าคลุมหัว ยืนสอดส่องหาช่องดูอยู่กับชายวัยกลางคนที่เป็นบ่าวติดตาม

เจ้าคุณอินทรายืนเป็นประธาน คุมคนของนครบาลที่มีหน้าที่พลิกศพ

“ กะโหลก กระดูกคอ แขนขา เนื้อตัวมิได้หักแตกหักเสียหาย ไม่มีรอยถูกฟันถูกแทง หรือถูกทุบตีบุบสลายขอรับ ”

คนที่หนึ่งกล่าว

“ นอกจากเนื้อหนังที่เน่าเปื่อย ถูกสัตว์แทะกินไปบ้าง ก็มิมีบาดแผลใดๆ ”

คนที่สองเสริม

“ หน้าตาบวมอืดจนไม่เป็นหน้า ”

ท่านเจ้าคุณกล้ำกลืน

ผมอันยาวนั้นเป็นกระเซิง แหวกเผยใบหน้าที่บวมจวนระเบิด ลูกตาโบ๋หายไปข้างหนึ่ง ริมฝีปากถูกกัดแทะ จนเห็นฟันขาวโร่อย่างคนไม่กินหมาก เหมือนหัวกะโหลกข้างในกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันหัวเราะเยาะ มือทั้งสองและเท้าทั้งสองชูแข็งชี้แผ่  เปื่อยเน่า และถูกสัตว์กัดจนตอนปลายรุ่งริ่ง ทรวงอก หน้าท้องบวมอืด อวัยวะเพศถูกกัดแทะกินไปถึงท้องน้อย เพื่อล้วงกินตับไตไส้พุง

ลำจวนที่มุดมาโผล่ เขย่งหลังผู้คน ได้เห็นศพนั้นแล้ว ก็รีบเบือนหน้าหนี

นายหมายขมคอ พยายามสะกิดให้นายหนุ่มน้อยถอยออกมา

เจ้าคุณนครบาล เอาผ้าฝ้ายดิบสำหรับห่อศพ คลุมลงบนร่างเปลือยที่ชวนสยดสยอง  เหลือแต่มือ เท้าที่พ้นชายผ้าออกมา

หน้าท่านเจ้าคุณผะอืดผะอม ปิดจมูก ถอยออกมา ทว่ายังคงมีข้อกังขาบางอย่าง

“ ดูเอาเถอะ เมื่อเหลือแต่ศพเปื่อยยุ่ยขึ้นอืดเหม็นเน่าแล้วมีอะไรเหลือให้รักใคร่ ยกให้แบกกลับบ้านไป ก็คงไม่มีใครเอา ”

 

เสียงพระเทศน์อย่างปลงสังเวชลอยมา ทำให้ท่านเจ้าคุณหันไปมอง

พระบุญลือนั่นเอง ดวงตาทอดต่ำลงมองเฉพาะศพ สีหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ใดๆ

เจ้าคุณเคืองวูบขึ้นมา เหมือนถูกตีกระทบ

ท่านสืบเท้าเข้าไปหาพระด้วยทีท่าคุกคามอย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับน้ำเสียงกร้าว

“ ไม่มีผู้ใดอยากให้เป็นไปเช่นนี้ ฉันก็หวังจะทำนุบำรุงเชิดชูแม่ลำจวนให้เป็นสุข ฉันเองก็เศร้าโศกเสียใจไม่แพ้ใคร”

แต่แล้ว เมื่อสบตาพระ ที่เหลือบขึ้นมามองอย่างซื่อๆ เจ้าคุณก็พลันตั้งสติควบคุมตัวเองได้ ท่าทีสุ้มเสียงอ่อนลง

“ หลวงพี่ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไถ่บาปของฉัน แลเพื่อส่งวิญญาณลำจวนให้ไปที่ชอบๆ หลวงพี่ก็ต้องช่วยทำพิธีบอกกล่าว ให้ลำจวนอย่าได้เร่ร่อนไปให้เป็นทุกขเวทนา จงมารับอโหสิจากฉันด้วย ”

พระบุญลือยังคงมองนิ่ง ด้วยดวงตาอ่อนซื่อสงบดังเดิม

ลำจวนค่อยๆมุดตัว ถอยออกมาจากแนวคนดูวงแรก ด้วยความกลัวเจ้าคุณจับใจ

แต่แล้ว เสียงเนตรตั้งข้อสังเกต ดังขึ้นมา

“ เมื่อกระโดดลงน้ำ ลำจวนแต่งเครื่องเพชรเครื่องทองเต็มตัว นุ่งห่มสวมเสื้อผ้าหรูหราอย่างเต็มอัตรา แต่ศพนี่เปลือยกายหมด แลสร้อยแหวนใดๆก็ไม่มีเหลือติดตัวแม้แต่น้อยนิด ”

ลำจวนชงัก หยุดฟัง

นครบาลคนหนึ่งสันนิษฐานขึ้นบ้าง

“อาจจะมีคนพบศพก่อนแล้ว แลลอกคราบเอาเสื้อผ้าอาภรณ์ไป แล้วทิ้งศพลงในน้ำอีกครั้งหนึ่งขอรับ ”

เจ้าคุณคล้อยตาม

“ หรือลำจวนไม่ได้ตายเมื่อโดดน้ำทีแรก แต่เมื่อขึ้นจากน้ำมาได้ ได้นัดพบกับใครบางคน แลถูกมันชิงทรัพย์ แล้วจึงทำให้จมน้ำตายทีหลัง

ลำจวนผงะ คำว่า.. ‘ ใครบางคน  ’  ของเจ้าคุณนครบาล

“ เป็นไปได้เช่นกันว่า..นอกจากชิงทรัพย์แล้ว มันยังข่มขืนกระทำชำเราด้วย แล้วค่อยฆ่า ”

นครบาลอีกคนร่วมด้วย ช่วยคาดเดา

“ หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็ต้องตายตกไปตามกัน ”

ท่านเจ้าคุณแผดเสียง ด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นอีก

“ พอที..ฉันไม่ต้องการฟัง หยุดพูดจากันเสียที ”

นายสุ่นสุดจะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปกับการคาดเดาของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เขาร้องไห้ออกมาเสียงดัง ปานใจจะขาด

“ ลำจวน พ่อผิดเอง พ่อผิดเอง พ่อควรจักฟังคำลูก พ่อไม่น่าฝืนใจลูก ”

เขาสะบัดจากเนตร นพ พุ่งผวาเข้าไปจะกอดศพ แต่ทุกคนเข้ามารุมรั้งไว้ทัน

“ คุณพ่อ ตั้งสติหน่อยขอรับ ”

เนตรดุบิดาเหมือนดุเด็ก

“ โธ่!  คุณพ่อ..ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อนะขอรับ พ่อทุกคน ก็ย่อมอยากให้ลูกอยู่ดีมีสุขกันทั้งนั้น ”

นพเข้ากอดพ่อไว้

“ คุณพ่อหวังดีอย่างที่สุด ทำดีอย่างที่สุด แต่อีลำจวนต่างหาก ที่มันไม่รักดี มันไม่มีบุญ ”

เนตรปลอบสลับขู่

ลำจวนน้ำตาไหล สงสารพ่อยิ่งนัก

“ เนตร  นพ  พานายโรงสุ่น ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะเป็นธุระเอง ”

ท่านเจ้าคุณสั่ง อดทนต่อความรันทดของนายสุ่นไม่ได้อีกต่อไป

เนตร นพ หิ้วปีกนายสุ่นผ่านหน้าลำจวน ที่หดตัวลีบท่ามกลางผู้คนเพียงเฉียด

ลำจวนน้ำตาหยด ยื่นมือออกไป แต่แล้ว กลับระงับใจไว้ได้ ชักมือกลับ ทำให้นายหมายมองอย่างแปลกใจ สงสัย

ลำจวนกัดฟัน ข่มใจ ก้มหน้าลง  กระชับผ้าคลุมหัวให้ปิดบังใบหน้ามากขึ้น หันหลัง ก้าวออกไปจากวงล้อมนั้น

นายหมายรีบตามคุ้มครอง

“ คุณเฉก บอกแล้ว ว่าไม่น่าดูสักนิด ยิ่งสายแดดก็ยิ่งร้อน จะเป็นลมสินะขอรับ ”

ลำจวนจ้ำอ้าว  ผ้าที่คลุมหัวตกลงมาคล้องบ่า เผยให้เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้เหมือนเด็ก ใช้มือป้ายน้ำตา แล้วพอหันมาเห็นนายหมายมองเขม้น ก็รีบวิ่งหนี ..นำไป

 



Don`t copy text!