ดาราอรุณ บทที่ 10 : ชะตากรรมกำหนดมาแล้ว

ดาราอรุณ บทที่ 10 : ชะตากรรมกำหนดมาแล้ว

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

ทันใดนั้น เสียงจากมือถือของลมเย็นก็ดังขึ้น ชายหนุ่มคนเมื่อวานสวัสดีผ่านมา

“สวัสดีค่ะ คุณเปรียว” หล่อนก็เลยทักทายลูกค้าคนสำคัญที่มีหวังว่า ถึงอย่างไร มารดาเขาก็คงตกลงซื้อที่ดินแปลงนี้ของแม่อย่างแน่นอน “ตื่นแต่เช้าเชียวนะคะ”

ขณะที่หิ้งตาเขียวขึ้นมาโดยพลัน ราวกับยามอรุณวันนี้เริ่มผันแปร เม้มริมฝีปากแน่นสนิท พารถผ่านถนนที่ยังว่างวายพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น…อย่างติงเตือนคนที่กำลังเยื้อนยิ้มอยู่กับโทรศัพท์ว่า…น้อยๆหน่อย…หึงแล้วนะ…ทำนองนั้น

แต่ลมเย็นไม่พรั่นพรึง ด้วยว่ายังนึกถึงคำทำนายของบิดาพร้อมวาจาของเขา

‘หนูน่ะติดจะขี้หึงนะลูกนะ’

ใช่น่ะซี…ก็แค่ที่พ่อเปรยๆถึงเสน่ห์ของเขา หล่อนก็ยังแทบจะทนฟังมิได้ น้ำตาหรือก็ทำท่าจะรื้นขึ้นมาทันใด…นี่ก็ยังมิทันตกลงเลยว่าจะรักใคร่กันหรือไม่ ก็ยังทำท่าคล้ายอาการหนักขึ้นมาโดยไม่สามารถยับยั้งได้เสียแล้ว…แล้วนี่…ต่อไป…หากตกลงใจเด็ดขาดว่าจะผูกพันมั่นหมายถึงขั้นจะรักกันจนชีพสลายหรืออย่างไรทำนองนั้น พลันก็มีหญิง…ที่มิใช่แค่ลมโชย น้องสาว แต่ยังมีรุ่นราวคราวเดียวกันอีกจำนวนหนึ่งซึ่งยังมิรู้ว่าเป็นใคร ก้าวเข้ามาใส่เสน่ห์เก๋ไก๋จนเขาเองก็เพลิดเพลินจำเริญอารมณ์จนข่มความอยากไว้มิได้ แล้วจะทำอย่างไรกันดี

ดังนั้น นาทีนี้ ลมเย็นก็เลยต้องทดสอบตัวเองและตัวเขาไปพลางๆว่า หากทั้งเขาและหล่อนจะต้องผจญประจันกับทั้งชายและหญิงที่วิ่งเข้ามา แต่ไม่ยอมวิ่งกลับไป หล่อนและเขาจะต้องสวมบทบาทผู้ร้ายผู้ดีกันได้เพียงไหน

ในเมื่อเคยได้ยินพ่อเปรยๆว่า อย่าประมาทอิทธิพล ‘ดาวศุกร์’ เป็นอันขาดทีเดียวเชียว

มิว่าดาวศุกร์จะสถิตราศีไหน ก็วางใจหาได้ไม่ พ่อเคยย้ำว่าอย่างนี้

ขณะที่ฟังเปรียวถามไถ่

“แล้วนั่นคุณเย็นอยู่ไหนล่ะฮะ…ถ้าอยู่บ้าน เดี๋ยวผมจะแวะไปคุย”

“เรื่องราคายังไม่คืบหน้าเลยนะคะ…เดี๋ยวจะเสียเวลาคุณไปเปล่าๆ” หากหล่อนก็ยังไม่ได้บอกว่าขณะนี้ตัวเองไม่อยู่บ้าน…เนื่องด้วยเหลือบเห็นหน้าบึ้งๆของคนขับจนแทบจะขำกิ๊กออกมา

“ไม่เป็นไรหรอกฮะ วันนี้บังเอิญผมไม่มีนัด เพราะมัวแต่คุยเรื่องที่กับคุณแม่เพลิน คุณแม่ก็เลยให้โทร.มาลองถามว่าคุณอยู่ไหม อาจจะแวะมาคุยสักนิดเกี่ยวกับราคา เพราะแน่ใจนะฮะว่า ราคาประเมินคงจะยังไม่ออกเดือนนี้”

“บังเอิญฉันไม่อยู่บ้านน่ะค่ะ ออกมาสักพักนึงแล้ว”

“อ้อ” เสียงของเขาฟังดูผิดหวังวังเวง หากแต่วินาทีต่อมาก็กลับดังกว่าเก่า “คุณไปไหนหรือครับ ถ้าเราจะนัดกันทานกลางวันที่ไหนสักแห่งจะขัดข้องไหมฮะ”

“คือ…คือ…” ลมเย็นเอ่ยตะกุกตะกัก ขณะตวัดนัยน์ตาไปมองคนขับ แลเห็นหน้าบึ้งจัดก็เลยบอกอีกฝ่าย “ฉันมากับเพื่อนน่ะค่ะ”

“ถ้างั้นรู้แล้ว…แค่นั้นนะครับ แล้วค่อยคุยกันใหม่”

หญิงสาวกดปิดมือถือพลางหันไปหัวเราะปลอบใจ

“คุณเปรียวแกอยากได้ที่ตรงนี้มากเลยพี่หิ้ง”

“อยากได้ที่หรืออยากได้อย่างอื่น” หิ้งตวัดเสียงอย่างเสียอารมณ์ “หนอย…ไอ้หมอนี่ นึกได้ไงว่าคนอื่นโง่”

“พี่ขา…พี่หิ้ง…” หญิงสาวได้แต่ทอดเสียง “อย่าคิดเลยไปถึงยังงั้น ภรรยาเขาก็มี…”

“มีแล้วไง…มีอีกไม่ได้หรือไง”

“พี่ก็…” ลมเย็นชอบเสียงนี้ของเขาเป็นที่สุด…ดี…จะได้รู้เสียบ้างว่า ยามเขาไปตีสนิทติดใจหญิงใดอื่นในวันหน้า คนรักของเขาจะรู้สึกอย่างไร หึงแค่ไหน “คงไม่ใช่อย่างที่พี่คิดหรอกค่ะ ไม่งั้นเขาจะมาดูดวงกับพ่อหรือคะ…อาจกำลังหาทางประคับประคองชีวิตคู่ของเขาอยู่ก็ได้ ก็เลยต้องมาขอคำแนะนำจากหมอดู”

“นั่นเย็นคิดเอง…แต่ที่เขาคิด…มันไม่ใช่…ที่มาดูก็เพราะจะหาทางเลิกแบบไหนมากกว่า” หิ้งตอบอย่างเดือดจัด

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเย็นกับพี่ด้วยล่ะ” หญิงสาวอารมณ์ดี ไม่มีเลยที่จะนึกโกรธ หากแต่ยิ้มในหน้า “เรื่องเขากับภรรยาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา…ที่เขาจะต้องตัดสินใจใช่ไหม…อีกอย่าง…”

ลมเย็นชะงักไว้เพียงนั้น เพราะนึกขึ้นได้ว่า ขืนบรรยายมากจนละเอียดเกินไป เดี๋ยวจะบานปลายจนกู่ไม่กลับ

เสียดายการพบกันอย่างสวยงามเมื่อวันวาน ครั้นมาถึงวันนี้ กลับมีเรื่องไม่เป็นเรื่องผ่านเข้ามาให้ทั้งเขาและหล่อนถึงกับต้องเคืองขุ่นกันอย่างไร้สาระ

เพราะทุกคราวที่เฉียดเข้าไปใกล้กับความเข้าใจผิด ลมเย็นมักจะนึกถึงมิตรภาพระหว่างพ่อกับลุงหัน ที่หักสะบั้นอย่างน่าเสียดาย ด้วยเรื่องราวผิดใจเพียงผงคลี

ดังนั้นจึง ‘นิ่งเสียตำลึงทอง’

“อีกอย่างอะไร” แต่หิ้งยังคงคาดคั้นเพราะเริ่มชังน้ำหน้า ‘ไอ้หมอนั่น’ ขึ้นมาเป็นลำดับอย่างคาดไม่ถึง

“พี่จ๋า…พี่หิ้ง…นี่ก็เลยโมโหโกรธาใหญ่โต…”

“ก็มันมาชอบเย็นใช่ไหม”

“โธ่เอ๊ย…จะมาชอบได้ไง เพิ่งเจอกันวันเดียว”

“วันเดียวก็ชอบได้”  ชายหนุ่มลงเสียง “นาทีสองนาทีก็รักได้”

 

ลมเย็นมิรู้จะตอบว่าอย่างไร เพราะคำของเขาบังเอิญตรงกับความรู้สึกของหล่อนราวนัดพบ ดังนั้นจึงจบด้วยประโยคจากใจ

“คงใช่นะคะ…เท่าที่เย็นฟังๆมา…มีคนรู้สึกแบบนี้มากเหมือนกัน เพียงแต่…ไม่ทราบว่าความรู้สึกที่มาเร็วจะอยู่ได้แค่สั้นๆไหมเท่านั้น”

“บางคนก็สั้น แต่บางคนก็ยาวตลอดชีวิต” คราวนี้ เสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลกว่าเมื่อครู่…คงรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้วนั่นเองว่า…ความหวงหึงของเขาน่าจะ ‘เกินไป’ ไหม กล่าวหาเปรียวแค่ง่ายๆเช่นนี้โดยยังมิรู้ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร

“มีไหมคะที่ชอบคนนี้ แต่ก็รักอีกคน”

“ก็ต้องมีแหละนะเย็น…” พลางเขาก็หันมายิ้มด้วยนัยน์ตาแวบหนึ่ง “มนุษย์เรา ทั้งผู้ชายผู้หญิง โดยเฉพาะสมัยนี้ ก็อาจจะมีอะไรมากมายที่เรานึกไม่ถึงตามมาจนเก็บตกไม่ครบก็ได้”

ที่จริงก็จริงของเขา ชวนให้หล่อนนึกถึง คำของพ่อขึ้นมาอีก

‘อย่าหึงเลยลูก ผู้ชายน่ะ เขาจะรักลูกมากทุกคน เชื่อพ่อ’

หล่อนนั้นเชื่อพ่ออยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื่อความรู้ด้านโหราศาสตร์ของพ่อ

ทันทีที่นึกถึงคำว่าโหราศาสตร์ ลมเย็นก็อยากกลับไปขอตำราอันว่าด้วย ‘ดาวศุกร์’ จากบิดามาเปิดอ่าน จะได้ผ่านตาไว้บ้างว่า ดาวดวงนี้คืออย่างไรกันแน่ เพราะตอนที่พ่อดูดวงให้เมื่อวาน หล่อนยังแลเห็นตัวเลขจับกลุ่มกัน ณ ราศีที่พ่อบอกว่าคือลัคนาของหล่อน

‘นี่…เห็นไหม ดาวประกายพรึกยังไม่ตก ทั้งดาวอาทิตย์กับดาวศุกร์ก็เลยกุมลัคนาของหนูไง…ใคร้จะมีดาวกุมลัคน์ตั้งสี่ดวงเหมือนหนู’

ดีละ…หล่อนจะต้องรู้ให้ได้ว่า ‘ดาวศุกร์’ ดวงนี้มีดีอย่างไร มีเสียหรือไม่ ตรงไหน นั่นก็คือจะต้องรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่างน้อย…ก็อาจจะใช้เป็นเครื่องมือปลอบใจหากจะต้องผจญกับคลื่นใหญ่คลื่นเล็กแห่งความรักที่อาจถาโถมเข้ามาจนไม่สามารถถอดสลักใดๆได้

นั่นก็เนื่องด้วยแต่ไหนแต่ไรมา จากวัยเยาว์จนถึงวัยกว่ายี่สิบ ก็ใช่ว่าหล่อนจะไม่มีเพศชายมาติดพัน แต่ติดแล้วก็…นั่นแหละ…เสมือนจุดเท่าไรก็ไม่มีไฟสว่างขึ้นมา  ฝ่ายที่ก้าวเข้ามาจุดก็เลยท้อใจไปตามกัน

ต่างก็ถอยออกไปทีละคน ทีละวันเวลา ครั้นทั้งแม่และน้าถามไถ่ ลมโชยหยอกเอินมิวายเว้นว่า

‘พี่เย็นตายด้าน’

แต่หล่อนก็ยิ้มรับโดยไม่สงสารตนเอง รวมทั้งไม่อิจฉาน้องสาวผู้ราวกับเกิดมาเพื่อใช้วันเวลาที่มีอยู่ให้ฟู่ฟ่าด้วยฟอนไฟ…ตั้งแต่เริ่มวัยสิบสองสิบสามปีโดยไม่มีกระดากอาย

ปล่อยให้พ่อเฝ้ามองตามอย่างเงียบๆด้วยสายตาเฉียบแหลมอย่างล่วงรู้

‘มันมีราหูที่เป็นดาวมรณะกุมลัคน์ แต่ดาวเสาร์คู่ครองดันเป็นศรี’

หากก็ไม่มีใครแปลคำของพ่อได้

จะตั้งคำถามว่าอย่างไรก็ตั้งมิถูก

พอให้รู้กลางๆว่า ทั้งไม่ดีและดี

ไม่ดีอย่างไร เพียงไหน ก็หาใครมีปัญญาถามจนได้คำตอบที่ชัดเจนไม่

‘แต่ดาวศุกร์ก็ไม่ดี’

ดีนะที่เขายังยั้งไว้ไม่เปรียบเทียบกับลูกสาวอีกคน

ลมเย็นก็เลยเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้หิ้งเลิกติดข้องอยู่กับชายที่จะมาซื้อที่ดิน

“ว่าแต่ว่า วันนี้ ใจคอพี่จะไม่กลับบ้านหรือไงคะ”

“ดูก่อน…”

ยังไม่ทันจะเอ่ยความต่อไป มือถือที่เขาตั้งไว้ตรงหน้าก็ดังขึ้น

เสียงบิดาผ่านเข้ามาดังลั่น

“นั่นแกอยู่ไหน นายหิ้ง…วันนี้ คุณหญิงระวีอาจจะมาอีกก็ได้นะ…มาตามเรื่องที่แกจะถามให้ลูกเขาไง”

“เอาน่าพ่อ…พรุ่งนี้ผมถามแน่…ถ้าเขาโทร.มา พ่อก็ช่วยตอบไปด้วยได้ไหมว่า ลองหาเองดู เผื่อไว้ ถ้าไม่มีที่ที่ทำงานผม ก็อาจจะได้จากที่อื่นไงฮะ ต้องหาหลายแห่ง อย่ามาหวังแต่ที่นี่ที่เดียวเลย เดี๋ยวจะช้า”

ทันใดนั้น นายหันก็แผดเสียง

“แล้วนั่นอยู่ไหน สงสัยบ้านไอ้ชัดละมัง กะไปติดลูกมันอีกจนได้…ติดได้…เอาเลยด้วยนะ แต่อย่าให้หนูขาวไหวตัวทัน…”

“นั่นพ่อพูดอะไร จะไม่เหมือนดูถูกใครต่อใครมากไปสักหน่อยหรือ…ผมกำลังจะไปธุระ กลับเมื่อไหร่ค่อยคุยต่อแล้วกันนะครับ”

พลางเขาก็กดปิดมือถือทันใด หันมาทางลมเย็นผู้ได้ฟังโดยบังเอิญจึงรู้สึก

นายหันยังคงเคียดแค้นบิดาหล่อนไม่ยอมเลิก

“ขอโทษด้วยนะเย็น…พี่ลืมไปว่าพ่อยังคงโกรธไม่จบ…เฮ้อ…ไม่รู้จะเคียดแค้นไปถึงไหนกับไอ้เรื่องผัวเมีย” หากแต่เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “พ่อพี่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต…จริงนะ…ไม่กลัวบาปเลยละ…เด็กถูกตามใจจนเคยตัว ไม่รู้ว่าแค่ไหนพอดี…”

“ช่างลุงเถอะค่ะ” ลมเย็นไม่ถือสาบิดาของอีกฝ่ายมาแต่ไหนแต่ไร

มีคนจำนวนมากที่มักทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องแก้ง่ายให้กลายเป็นเรื่องแก้ยาก เรื่องแก้ยากก็ทำให้ยากขึ้นจนหาทางออกไม่พบ

มิน่า พ่อของหล่อนจึงไม่เคยยอมปริปากถามทุกข์สุขของเพื่อนเก่าจากเหินลูกชายของฝ่ายนั้นแม้แต่คำเดียว ทิ้งความแปลกใจไว้ให้คนทั้งหลายถึงน้ำใจของเขา

น้ำใจนั้นก็คือ นายชัดต้อนรับเหินเข้ามาติดพันลมเย็นโดยดี…ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทักทาย คล้ายหันกับเหินมิใช่พ่อลูกกัน

คนในบ้านตั้งแต่แม่ น้า และตัวหล่อนเองก็ไม่เคยกังขา เนื่องด้วยเคยได้ยินพ่อบอกกล่าว

‘คนทั้งหลายก็ถูกชะตากรรมกำหนดมาแล้วไง…ว่า…นิสัยสันดานที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ของแต่ละคนเป็นยังไง  ฉะนั้น ก็ต้องยอมรับกันไป จะได้ไม่เจ็บปวด’

 



Don`t copy text!