ดาราอรุณ บทที่ 13 : นิยายครอบครัว

ดาราอรุณ บทที่ 13 : นิยายครอบครัว

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

แต่ยังไม่ทันจะพูดจาว่าอย่างไร…ก็มีเสียงกริ่งดัง

หิ้งแทบจะร้อง เฮ้อออกมา

“ใครมาแต่เช้าครับอา”

“ก็ไม่เช้าแล้วนะ นี่ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว” นายชัดรีบปิดสมุดที่มีดวงครอบครัวของหิ้งซึ่งเขาก็มักจะย้ายที่ไปมาเพราะกะว่าจะไม่เหลียวแลดวงชะตาของคนในครอบครัวนี้อีกต่อไป แต่หิ้งมาคราวนี้ มาดี มาช่วยให้ไมตรีของเขาเกิดใหม่ โดยเฉพาะกับลูกชายคนโตของสหายเก่า เขาก็เลยต้องกลับใจ

ครั้นแล้วจึงลุกออกไปชะโงกมอง พลางหันมาบอกทั้งคู่

“คุณอะไรที่เป็นเมียคุณเปรียว”

หิ้งกับลมเย็นจึงขยับตัวลุกจากเก้าอี้ ก็พอดีพงาก้าวเข้ามาถึง พลางพนมมือไหว้

“สวัสดีค่ะ คุณน้า” วาจาท่าทีของอีกฝ่ายดูนับถือจริงใจ

นายชัดจึงเชิญนั่ง พร้อมกับหล่อนหันมายิ้มแย้มทักทาย

“อยู่ว่างๆ เลยต้องมาดูหมอสักหน่อยค่ะ…นี่พี่เปรียวก็ออกไปเมื่อกี้ เห็นคุณแม่บอกว่าไปพบกับพวกล่ามด้วยกัน” หญิงวัย 29 ปี บอกกล่าวขณะที่เจ้าของบ้านพาหล่อนไปนั่งประจันหน้ากับเขาที่โต๊ะดูดวง “ที่จริงหนูก็เคยได้ยินกิตติศัพท์คุณน้ามานานแล้วว่าดูแม่น แต่ก็ยังไม่จำเป็นจนถึงกับต้องมาให้ได้…จนกระทั่งเมื่อคืน…”

ผู้ฟังยังคงนิ่งฟัง พร้อมชำเลืองไปทางเตียงใหญ่ที่มีโถบรรจุสมุนไพรตั้งเรียงราย แต่ไม่มีทั้งนางยาใจและน้าเยี่ยมเยือน เนื่องด้วยไปตลาดยังไม่กลับ ส่วนลมโชยยังไม่ตื่น หรือแม้ตื่นแล้วก็ยังไม่ลงมา ยังคงเจ๊าะแจ๊ะคุยโทรศัพท์กับคนที่หล่อนพอใจที่มิใช่เหิน

น้ำตารื้นขึ้นจางๆในหน่วยตาที่เขียนขอบไว้เข้มนิดหนึ่ง

นายชัดก็เลยถามวัน เดือน ปี เวลาตกฟาก พงาจึงบอกช้าๆ พร้อมซับน้ำตาขณะกล่าวต่อ

“เขาขอหนูหย่า”

อีกฝ่ายไม่ว่ากระไร ไม่พยักหน้าหรือฉงนฉงาย ด้วยชินเสียแล้วกับคำนี้หรือคล้ายๆอย่างนี้

นั่นก็เนื่องด้วยคำว่า ‘รักกัน’ กับ ‘อยู่กินกัน’ เป็นสองความหมายที่ต้องใช้ต่างเวลาต่างสถานที่ ต่างดินฟ้าอากาศ เป็นความหมายที่อาจจะรวมกันแน่นแฟ้นในระยะหนึ่ง จะสั้นหรือยาวย่อมสุดแท้แต่สิ่งแวดล้อม หากก็มักจะค่อยๆย่อมเยาลงเมื่อวันเวลาผ่านไป

ดังนั้น นานแสนนาน นายชัดจึงจะเจอดวงคู่ครองที่เกี่ยวคล้องต้องใจกันและกันตั้งแต่ต้นจนชีวีอวสานสักรายหนึ่ง

หลังจากผูกดวง บรรจุตัวเลขลงบนตารางที่มีทั้งหมด 12 ช่องแล้ว หมอดูจึงบอกเจ้าตัวว่า

“ลัคนาคุณอยู่ราศีกุมภ์นะ มี 14 กุมลัคน์…”

เพียงแค่เห็น 1 ดาวปัตนิหรือดาวคู่ครอง เป็น ‘ประ’ กุมลัคน์เจ้าชะตา ร่วมกับ 4 ดาวกาลกิณีเพราะเจ้าตัวเกิดวันเสาร์แล้ว นายชัดก็มีอันเป็นอึ้งไป

หากในที่สุดก็บอกเรื่องดีก่อน ให้อีกฝ่ายคลายร้อนรุ่มไปพลาง

“แต่การงานคุณดีเยี่ยม คือ 8 เจ้าเรือน ลัคน์เป็นมหาอุจที่พิจิก คุณทำงานเก่ง มีตำแหน่งงานดี” นายชัดทายไปมองไล่ไปตามตัวเลขในช่องต่างๆ “มีความขยันหมั่นเพียรสูงมาก ยากแค่ไหนคุณก็บากบั่นฟันฝ่ามาได้ทุกพ.ศ….เอ้อ…เพราะฉะนั้น คุณก็เลยไม่ต้องพึ่งใครสักเท่าไร…”

แต่ในใจนายชัดก็มีแต่ความเสียดาย เนื่องด้วยไม่มีผู้ใดจะดีหมดทุกหยดหยาด มีดีมากเท่าไร เรื่องเสียก็มักจะระดมพลมาคอยดักทำร้ายในจุดที่สำคัญเสมอไป

สำหรับดวงของพงาผู้นี้ จุดเสียที่สุดก็คือจุดคู่ครอง

ครั้นแล้ว เขาก็เลยลองพลิกกลับไปดูอีกหน้าซึ่งมีดวงเปรียวที่เพิ่งดูให้เมื่อวาน จึงจำได้ว่าอยู่ราศีเมถุน

หากจะวัดเอาตามราศี ก็อยู่ในเกณฑ์สมพงศ์ เนื่องด้วยเป็นตรีโกณแก่กัน เพียงแต่เจ้าเรือนลัคน์เท่านั้นที่เป็น ‘อริ’ ต่อกัน

เฮ้อ…แล้วนี่จะทำฉันใดดี

“คุณก็ลองดูเขาไปก่อนแล้วกัน…อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ดาวทุกดวงเดินถอยหน้าถอยหลังก็ได้” นายชัดก็เลยพูดไปเสียอย่างนั้น

เชิงไกล่เกลี่ยมิให้อีกฝ่ายเสียใจเกินควร

เพราะถึงอย่างไร เขาก็อยากจะบอกหล่อนเหมือนกันว่า หล่อนก็น่าจะเพลาๆวิธีพูดจาเหน็บแนมแกมเย้ยหยันลงไป เนื่องด้วยตามปกติ เปรียวก็เป็นคนพูดจาดีมีเหตุผล ไม่เกินหรือล้นที่ตรงไหนเนื่องด้วยมี 145 กุมลัคนา

“แต่หนูไม่หย่านะคะคุณน้า เป็นไงเป็นกัน” ท้ายที่สุด พงาก็ยืนยันออกมาพร้อมเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาที่เมื่อครู่ดูว่าแค่ซึมๆ บัดนี้ร่วงผ่านแก้มสีชมพูเรื่อ “ไม่หย่าได้ไหมคะ จะฝืนดวงไหม”

“ไม่เลยคุณ ผมว่ารอๆดูลาดเลาไปอีกหน่อยก่อนดีกว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมขอร้องเลยนะว่าต้องใจเย็น คิดให้รอบคอบซะก่อน…อีกอย่าง…พอดีตอนนี้ ดาวมฤตยูก็ถอยหลังมาที่เมษ” นายชัดเผลอตัวเอ่ยชื่อดาว “ลองรอจนกว่าจะเดินหน้าไปราศีพฤษภก่อนดีกว่า”

แต่พงาไม่สนใจเพราะไม่รู้เรื่องนี้ หากแต่ถามว่า

“เขามีคนอื่นแอบอยู่ไหมคะ”

“อือ…” อีกฝ่ายสะบัดร้อนสะบัดหนาวอยู่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแอบตวัดสายตาไปทางขวาที่มีชายหนุ่มหญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงคุยกันกระซิบกัน “ถึงมีก็ไม่น่าเป็นไปได้นะฮะ”

“คุณน้าหมายความว่ายังไงหรือคะ” อีกฝ่ายตามเอาเรื่อง

“คุณถาม ผมก็พูดเผื่อไว้แค่นั้นเองว่า…ถ้าคุณไม่ยอมหย่า คุณเปรียวก็คงไม่กล้าทำอะไรเกินเลย”

“ได้ข่าวว่าเขามาดูดวงกับคุณน้าไงคะ หนูเลยตาม อยากรู้เรื่องที่เขาซ่อนไว้มั่งน่ะค่ะ”

“มารยาทของหมอดูมีอยู่ว่า อย่านำคำทำนายชีวิตใครที่เจ้าตัวเขาไม่เต็มใจให้เปิดเผย ไปพูดคุยให้ใครฟังนะคุณ…แล้วผมก็เคร่งครัดเรื่องนี้มาตลอดหลายสิบปี”

 

พงากลับไปหลังจากนั่งซักถามพลางจดคำตอบลงกระดาษสมุดฉีกที่มีบนโต๊ะจนละเอียดทุกถ้อยความ

พอดีลมโชยยุรยาตรลงจากชั้นบนพลางบอก

“ตื่นนานแล้วละ ขี้เกียจลงมา หมั่นไส้พวกผัวทิ้งแล้วเที่ยวพิโอดพิโอย” หล่อนบอกกล่าวอย่างไม่เกรงใจใคร กลิ่นน้ำหอมโปรยปลิวจากเนื้อตัวในชุดกระโปรงติดกันยาวใกล้ถึงข้อเท้า สดชื่นตื่นตารับวันใหม่ พลางถามหนุ่มสาว

“พี่เย็นคงตื่นแต่ไก่โห่ชิงออกไปรอพี่หิ้งแน่เลย ไม่งั้นหน้าคงไม่บานขนาดนี้” อีกฝ่ายแขวะอย่างไม่ลดรา ด้วยว่าอิจฉาแล่นขึ้นเมื่อแลเห็นแววตาชายหนุ่มผู้เพิ่งหันจากดวงหน้าลมเย็น “ว่าแต่ว่า ไงๆพี่หิ้งก็ต้องยุติธรรมหน่อยละนะ พาโชยไปกินอะไรกลางวันได้ไหมคะ…”

ปลายเสียงกึ่งล้อกึ่งรุกโดยไม่เกรงใจใคร

หากยังมิทันไร เหินก็เดินออกจากบ้านมาถึงพอดี

พอโผล่เข้ามาในห้องกลาง แลเห็นทุกคนนั่งกันอยู่พร้อมหน้า ขาดนางยาใจและน้าเยี่ยมเยือนผู้กลับจากซื้อของใช้ประจำสัปดาห์ ก็รีบเข้าครัวทำอาหารมื้อกลางวัน แต่ยังไม่เสร็จ

หลังจากพงากลับไปแล้ว นายชัดก็ยังคงเพ่งพิศดูดวงของทั้งคู่ คือเปรียวกับเจ้าตัว พลางก็นึกห่วงใย เมื่อเห็นดาวมฤตยู 0 กำลังเตรียมถอยหลังในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่จะถึง ถอยมาทับดาว 2 ของหล่อนที่ถูกราหู 8 ทับอยู่ก่อนหน้า  ตอนนั้นหล่อนและเปรียวก็ระหองระแหงกันอยู่แล้วด้วยเรื่องมารดาของฝ่ายชาย

มิได้ข้องเกี่ยวกับหญิงอื่นใดแม้แต่น้อย

เฮ้อ…นิยายครอบครัว มันก็มักจะลงเอยประมาณนี้

ลูกสะใภ้ไม่ชอบแม่ผัว แม่ผัวขวางหูขวางตาลูกสะใภ้

มิน่า เมื่อวาน เปรียวจึงได้พาแม่ไปกินอาหารเย็นตามลำพังทั้งๆพงาก็อยู่บ้าน

นายชัดนึกพลางก็เกิดอาการเอือม จึงพลอยระลึกถึงนายหันผู้เคยมาเคี่ยวเข็ญให้เขารักน้องหทัย

ถ้า ความรักเป็นสิ่งที่ซื้อขายถ่ายโอน จำนำจำนองกันได้ เขาก็คงยอมตามไปแล้ว ด้วยเห็นแก่สหาย

แต่นี่เป็นเพราะ ‘ดาวศุกร์’ ร้ายกว่านั้นพันเท่าล้านทวี

เขาจึงมีแต่คำที่ต้องตอบผู้มารับคำทำนายว่า ถ้าใครผิดหวังก็ต้องเป็นไป ใครสมหวังก็ดีใจด้วย

ไม่มีเลย เรื่อง ‘โชค’ มาช่วยคนอาภัพรัก

เขาเองก็มีดวงชะตาของคุณปรียา…หากก็คร้านจะนำมาเทียบเคียง ด้วยผู้มาดูดวงกับเขาหลายราย มีอาการคล้ายพงา นั่นก็คือแตกร้าวกับสามีด้วยเรื่องแม่ของฝ่ายนั้น

แต่สตรีผู้เพิ่งลับร่างไปเมื่อครู่เอ่ยอย่างชัดเจนกับเขาว่า

‘แม่เขาเป็นโรคไม่ยอมให้ลูกชายคลาดสายตาไงคะ คือทุกวันนี้แกก็ไม่มีอะไรทำ…อาศัยเงินลูกที่ได้จากทำงานล่ามสามภาษา กับหุ้นส่วนบริษทที่แกเคยลงทุนกับเขา พอตกกลางคืน แกจะนั่งคอยลูกชายทั้งสองคน คอยกอดจูบกู้ดไนท์ ยังกะเขาเป็นลูกเล็กๆ…เป็นแบบนี้ทุกคืน…น่ารำคาญที่สุดที่แกคอยส่งลูกเข้านอนช่างไม่นึกเกรงใจเมียเขาเอาซะเลย’

นายชัดฟังแล้วอยากหัวเราะออกมาดังๆ ขำขันอยู่ในที เขาจึงได้แต่อมยิ้มพลางบอกอย่างปลอบใจ

‘คุณก็ทำไมไม่เข้านอนไปก่อนล่ะฮะ…เรื่องมันก็เล็กนิดเดียว…เราเป็นสะใภ้ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะมั่ง เขาแม่กันลูกกัน…ดูเหมือนคุณปรียาจะเลี้ยงลูกแบบฝรั่งนะ…ก็เธอเคยตามคุณพ่อคุณเปรียวไปรับราชการเมืองนอกตั้งนาน’

แต่พงาก็ดูเหมือนจะไม่มีวันรับได้

นายชัดจึงกำลังนึกอยู่ในใจว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะมีโอกาสบอกคุณปรียาว่า อย่าเข้าไปพัวพันกับลูกชายมากเกินไป

เฮ้อ…คนมาดูดวงแต่ละคนมักมีปีญหาไม่เหมือนกัน

บางดวง เรื่องเล็กนิด แต่คิดมากจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

แล้วนี่ฝ่ายชายก็ถึงกับขอหย่า

หรือว่า มีเรื่องอื่นแทรกเข้ามา

ก็พอดีข้างในครัวทำกับข้าวเสร็จ ตั้งโต๊ะอาหารอยู่ด้านใน

นายชัดจึงชวนหิ้งเหินร่วมรับประทานด้วยกัน

ครั้นแล้ว ก็ตามเคย…ลมโชยชิงมานั่งเบียดข้างหิ้งหน้าตาเฉยจนเหินทนไม่ไหว ผลักคู่ควงลงไปหมอบอยู่บนพื้นจนทุกคนตกตะลึงไปตามกัน

“กะฟันพี่หิ้งอีกคนเหรอ…บอกมา…แล้วจะรู้นะว่าไม่ง่าย” คนพูดยืนจังก้าหน้าตาแดงก่ำราวกำลังชักดาบ

 



Don`t copy text!