ดาราอรุณ บทที่ 15 : ดาวศุกร์ยาตราเข้ามาพักพิง

ดาราอรุณ บทที่ 15 : ดาวศุกร์ยาตราเข้ามาพักพิง

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

นางยาใจจึงเริ่มค้นหาโฉนดที่ดินพร้อมด้วยทะเบียนสมรสของทั้งนางและสามี ในที่สุดก็พบทั้งสองหลักฐาน เพียงแต่อยู่ต่างลิ้นชักตู้ รวมทั้งอยู่ลึกลงไปถึงล่างสุด เพราะเก็บดีเกินไป

ลมเย็นก็ได้แต่ถอนใจใหญ่อย่างโล่งอก รับเอาโฉนดและทะเบียนของทั้งคู่มาเก็บไว้ โดยต้องถ่ายเอกสารส่งเพียงสำเนาโฉนดไปให้คุณปรียา เนื่องด้วยคุณปรียาสั่งให้เปรียวไลน์มาขอ

‘คุณแม่ก็เลยตื่นเต้น อยากเห็นโฉนดที่จะซื้อไปพลางๆน่ะฮะ’

นายชัดตั้งใจอยู่ก่อนแล้วว่าต้องให้ เพราะตอนที่พ่อซื้อที่ดินสองแปลง คุณอารมณ์ก็ยังไปขอให้พนักงานที่ดินมารังวัดให้พ่อของเขาได้ดูก่อนซื้อขายกัน เพื่อให้มั่นใจว่าใช่ที่ของนายเชิดแน่ รวมทั้งอาณาเขตของที่แต่ละแปลงจะไม่ไปก้าวก่ายรุกล้ำเขตของใครอื่นจนต้องมายื่นฟ้องร้องกันอีกให้ยุ่งยาก เพราะแม้แต่ได้โฉนดไว้ในกำมือแล้ว หากยังไม่ล้อมรั้วกั้นบริเวณให้แน่นอนลงไป ผู้มาปลูกสร้างบ้านเรือนข้างเคียง ก็อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขตของที่ดินตนอยู่ตรงนั้นตรงนี้ที่มันเกินเลยเข้ามาเกี่ยวเอาเนื้อที่ที่ติดกันเข้าไปทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งสามารถจะเกิดกรณีพิพาทกันได้ทั้งสิ้น

จึงเพื่อให้ดินทุกผืนได้ยืนยันตรงกันกับโฉนด ผู้ขายทุกคนก็ควรถ่ายสำเนาให้ผู้ที่จะมาซื้อเก็บไว้ตรวจสอบด้วยความสบายใจ ช่วยให้โล่งอกไปด้วยกันทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ

ดังนั้น เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ลมเย็นก็นำสำเนาโฉนดที่ดินไปถึงบ้านคุณปรียา

แต่เปรียวและพงาไม่อยู่ ลูกชายตนโตกับภรรยาของเขาก็พาลูกออกไปเที่ยวสวนสนุกที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลมาก ลมเย็นก็เลยส่งซองใส่สำเนาโฉนดให้เจ้าของบ้านเปิดดูเพื่อจะได้เห็นได้รู้ถึงเขตที่ดินที่จะซื้อไปพลางๆ หลังจากอีกฝ่ายเชื้อเชิญให้นั่งคุยอย่างชื่นชอบขอบใจ

“นี่ก็กำลังรวบรวมเงินอยู่ไงหนูเย็น” เธอบอกอย่างเป็นกันเอง “คือก็เริ่มจากต้องขายหุ้นแล้วละค่ะ แต่ก็กำลังคิดว่าควรจะเป็นหุ้นตัวไหนดี…คุณชัดให้เวลาถึง 1 กันยา ก็ได้แต่ขอบคุณ หวังว่าคงไม่มีใครมาตัดหน้าให้ราคามากกว่าหรอกนะคะ”

“ถึงให้ก็คงไม่ขายหรอกค่ะ”

“เรียกฉันว่าป้าก็ได้ ไม่เป็นไร” เธอยิ้มแย้มอย่างสบายใจ ช่างไม่คล้ายกับความรู้สึกของลูกสะใภ้ที่กล่าวถึงเธอไว้ในด้านลบเอาเสียเลย… “เราก็เป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านกันมานาน แล้วป้าเองก็ยังเคยไปดูดวงกับคุณชัดเลยนี่นา…ตอนนั้นป้าก็เพิ่งเสียคุณพ่อของเปรียวไปใหม่ๆ…แทบไม่เป็นอันกินอันนอนทั้งวันทั้งคืน…หนูคงไม่รู้หรอกนะคะว่าการเสียคู่ชีวิตที่ดีขนาดคุณแปรมันแสนทรมานขนาดไหน…คุณพ่อของเปรียวชื่อแปรค่ะ เคยเป็นทูต…”

ลมเย็นไม่เคยรู้จักครอบครัวนี้มาก่อน จึงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

คุณปรียาก็เลยเล่าถึงความหลังครั้งติดตามสามีไปเป็นทูตหลายประเทศ ตั้งแต่ลูกชายสองคนยังเยาว์วัยจนกระทั่งค่อยๆเติบโตขึ้น ได้เรียนหนังสือที่นิวซีแลนด์  เป็นหลักเป็นฐานจนจบปริญญาโททั้งคู่ โดยปราณรับราชการสืบต่อคุณพ่อของเขา ส่วนเปรียวรักอิสระจึงสมัครใจเป็นล่ามสามภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน

“ลูกชายคนเล็กเขาชอบภาษาค่ะหนู…เก่งภาษามาตั้งแต่เด็ก นี่เขาก็ยังอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นกับเยอรมันอีกเลย แต่งานก็รัดตัว ลูกค้าเยอะค่ะ ทั้งราชการ ทั้งธุรกิจเรียกเขาตลอด”

ลมเย็นฟังพลางคิดถึงแววนัยน์ตาของเปรียวไปพลาง คล้ายกับมีแววเศร้าแกมอ้างว้างอย่างมิควรจะเป็น

“ล่ามเก่งๆเป็นที่ต้องการค่ะคุณป้า” หญิงสาวก็เลยบอกกล่าวอย่างจริงจังรวมทั้งเอาใจ

“ว่าแต่ว่า…” คุณปรียาเริ่มตะกุกตะกักคล้ายมีบางเรื่องอยากจะเล่า

หากท้ายที่สุดคงเปลี่ยนใจเป็นไต่ถาม

“หนูล่ะคะ…เป็นยังไงมั่ง ท่าทางดูจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของคุณพ่อดีจังนะ…ป้าก็เสียดายมาก อยากได้ลูกสาวอย่างหนูสักคนก็ไม่ได้”

“หนูก็ธรรมดาค่ะคุณป้า” ลมเย็นยิ้มๆอย่างถ่อมตน “วันๆก็ทำงานให้พ่อ รับใช้พ่อน่ะค่ะ…คือเราก็…อย่างที่คุณป้าเห็นน่ะค่ะ…ไม่มีกำลังอะไรมากมาย…พ่อเองก็ไม่ได้แข่งกับใคร…เราก็อยู่ในที่ของเราเท่านั้นเองค่ะ พ่อก็แค่ใช้ความรู้สามอย่างเลี้ยงครอบครัวตามปู่…ทางการเขาให้จดทะเบียนอะไรก็จดไป ก็เท่านั้นค่ะ ยานี่ เราก็เลือกทำยาที่ไม่มีโทษภัยอะไรกับคนที่เอาไปใช้ เพราะส่วนใหญ่เป็นยาทาภายนอกค่ะ…ยาทานนี่ก็ต้องง่ายๆ พวกสมุนไพรที่เราทานประจำวันอยู่แล้วไงคะคุณป้า เหมือนสมัยคุณป้ายังเล็กก็อาจจะเคยทานยาแสงหมึก ยาเขียว ยาลมของบริษัทยาสมัยก่อน…คุณป้าคงจำได้มากกว่า เพราะหนูก็แค่ฟังพ่อเล่าเท่านั้นค่ะ”

“พอจะจำได้เหมือนกัน หนู” คุณปรียารู้สึกชุ่มชื่นใจที่ได้สนทนา

เธอกำลังหดหู่อยู่ทีเดียว เพราะเมื่อเช้า…เจอกับพงาที่โต๊ะกินข้าว  เจ้าตัวแต่งกายอย่างเฟี้ยวเตรียมขับรถออกจากบ้านด้วยสีหน้าชาเย็น

“พ่อก็ถ่ายทอดมาจากปู่อีกทีค่ะ คุณป้า ที่อยู่มาได้จนถึงวันนี้เพราะลูกอยากสืบต่อความรู้ทางแพทย์แผนไทยของบรรพบุรุษไว้ให้ได้น่ะค่ะ…คือพิสูจน์แล้วได้ผลไงคะ เวลาเป็นอะไรที่ไม่มาก ทานยาไทยสรรพคุณดีก็ช่วยได้เหมือนกัน มีทั้งยาทาน ยาทา ยาพ่น ยาพอก ยารม…ของเรามีหมดไงคะคุณป้า…แล้วแต่ศรัทธา…ช่วยคนที่กำลังทรัพย์น้อยด้วยน่ะค่ะ เพราะราคาถูก”

“อือ…หนูเป็นคนสมัยใหม่ที่น่ารักมากเลยนะคะ…ป้ารักหนูตั้งแต่แรกเห็นเลยละค่ะ” คุณปรียาพึมพำขณะมองหน้าสบตาลมเย็น

นี่ถ้าไม่เห็นแก่ศีลธรรม เธอก็คงจะนึกเลย ไปถึงถ้อยคำที่อยากเอ่ย

‘ป้าอยากได้หนูเป็นลูกสะใภ้จังเลย’

“ขอบพระคุณค่ะคุณป้า” ลมเย็นก็ได้แต่พนมมือไหว้

พอดีหิ้งโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของหล่อน หญิงสาวก็เลยขอตัว เอียงข้างบอกเขาแผ่วเบา

“เย็นเอาโฉนดมาให้คุณป้าปรียาที่บ้าน”

เท่านั้นเอง อีกฝ่ายก็วางหู

หญิงสาวจึงล่วงรู้ได้ทันใดถึงอารมณ์ของชายหนุ่ม

ปิดเครื่องแล้วจึงขยับตัว

“หนูเห็นจะต้องกลับก่อนละค่ะคุณป้า”

“มีคนมาตามแล้วละมัง” คุณปรียายิ้มๆ ยิ้มมีนัยอย่างนึกขึ้นมาได้ทันควัน

ลูกชายเธอนั่นเองกระซิบกระซาบวันก่อน

‘แม่เห็นหนุ่มเนื้อหอมนั่นไหม  นั่นละ ผมว่ามันมาติดคุณเย็น’ ปลายเสียงเขาเน้นๆชอบกล

 

หิ้งเพิ่งสอบถามเกี่ยวกับการรับเลขานุการจากบริษัทพลังงานที่เขาจะต้องเข้าไปเป็นพนักงานใหม่ตอนต้นเดือน ก็ได้คำตอบว่า สามารถจะยื่นใบสมัครผ่านเว็บไซต์ของบริษัทได้ตลอดเวลา ครั้นแล้วบริษัทก็จะเก็บไว้ หากต้องการเลขานุการเมื่อไรก็จะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ได้ทันที ถ้าสัมภาษณ์แล้ว ‘ผ่าน’ ก็เข้าไปรออยู่ใน ‘สต็อค’ ของบริษัท รอจนกว่าทางนั้นจะเรียกไปบรรจุ

“พ่อก็ช่วยบอกเขาตามนี้ด้วยแล้วกัน”

แต่พ่อของเขายังมัวกลุ้มใจว่าจะหาทางช่วยลูกค้าคนสำคัญได้อย่างไร ไม่เช่นนั้น ก็จะดูราวเขาละเลยเฉยสนิทกับความเดือดร้อนคราวนี้ที่เธอมิอาจปฏิเสธได้

จนหิ้งรู้สึกว่า พ่อน่าจะกระวนกระวายเกี่ยวกับครอบครัวนี้มากเกินไป

“นี่ถ้าเรากะไอ้ชัดยังดีกัน ยื้มที่แปลงที่เหลือของมันมันก็คงให้”

หิ้งฟังแล้วถึงแก่ตกใจ ยังโชคดีที่เหินเดินพล่านอยู่สักครู่ก็ขับรถออกจากบ้าน

“แต่รับรองว่าไม่แวะหาอาชัด” อีกฝ่ายทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บใจ

พอดีหิ้งตอบได้ทันควัน

“ฉันก็รับรองเหมือนกันว่า ไม่มีวันเข้าไปงาบของเผ็ดร้อนอย่างแฟนแกหรอกนะโว้ย”

นายหันถึงกับโวยออกมาอย่างหัวเสีย

“เว้ย…มาเอะอะอะไรกัน…ไอ้เหินนี่นานไปชักจะโง่ใหญ่”

แต่ลูกชายคนเล็กลับกายไปก่อนแล้ว

“พ่อ…ก็อย่ากลุ้มให้มากไปเลย ผมขอละนะ”

นางพริ้งเพียงแต่ชะโงกออกมามองแล้วหายเข้าไปข้างใน

สามีกำลังขอให้นางลองเลือกเพชรพลอยสักสองสามชิ้นที่กะว่าจะขายได้ในราคาพอสมควร เพื่อนำเงินจำนวนหนึ่งไปมอบให้คุณหญิงเผื่อจะละลายหนี้สินบางส่วนของบิดาลูกเขยได้บ้าง…ถือเป็นน้ำใจไมตรีที่มิตรหาทางช่วยมิตรยามเดือดเนื้อร้อนใจ

เนื่องด้วยอย่างน้อย เขาก็ซ่อนความหวังอีกครั้งอันเป็นครั้งใหญ่ไว้เงียบเชียบ

แต่ยังมิทันจะเลียบเคียงว่ากระไร หิ้งก็เหาะเหินเดินอากาศด้วยรถของเขาบึ่งไปบ้านลมเย็น

เห็นหล่อนนั่งอยู่แล้วตามลำพังที่เตียงบรรจุยา ฝ่ายนายชัดมีแขกมาดูหมอ

เขาไหว้ว่าที่พ่อตาแล้วเลยเข้าไปนั่งด้วย พลางก็ทวงถาม

“เล่ามาเลย เย็น เมื่อกี้เย็นไปบ้านนายเปรียวทำไม”

หญิงสาวก็เลยบรรยายให้เขาฟังจำเพาะแค่โฉนดที่ดิน โดยไม่เอ่ยเลยไปถึงเรื่องส่วนตัวของเปรียวและคุณปรียาที่หล่อนเพิ่งฟังเธอบรรยาย

แม้กระนั้น เขาก็ยังมิหายกังขา

ด้วยหึงสาผุดขึ้นมาเต็มอารมณ์

“ทีนี้ก็คงติดแล้วต่อกันทุกวี่ทุกวันจนกว่าจะรวบรวมเงินได้ละมังนะ”

“โธ่เอ๊ย…พี่หิ้งก็…” ลมเย็นทอดเสียงปลอบใจ “เขาไม่มีอะไรกับเย็นหรอกน่าพี่น่า…”

“แต่มันกำลังมีอะไรกับเมียมัน” หิ้งยืนยันอย่างเริ่มมีกังวล “แล้วดูตาที่มันมอง ยิ้มที่มันยิ้มกับเย็นก็ได้ เห็นชัดๆเลยว่าติดใจ…”

“พี่หิ้ง…พี่หิ้งขา…ไปกันใหญ่แล้ว” ลมเย็นได้แต่ขำขัน พลางนึกถึงน้ำตาตนเองยามฟังคำทำนายของบิดา…เพียงแค่ล่วงรู้นิดเดียว่าเขานั้นคือชายเจ้าเสน่ห์ที่วันข้างหน้า น่าจะมีหลายสตรีมาหลงรัก…หล่อนยังสู้กับความหึงสาที่แล่นขึ้นมาไม่ไหวเลย

ก็แล้วเขาเล่า…เขาก็รักหล่อนตั้งแต่นาทีแรกที่พบหน้าเช่นเดียวกับหล่อนติดใจเขาในนาทีเดียวกันมิใช่หรือ

แล้วจะไม่เห็นใจเขาเท่าเห็นใจตนเองได้อย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ บัดนี้ ‘ดาวศุกร์’ 6 ก็ยาตราเข้ามาพักพิงอยู่ ณ ราศีกรกฎเรียบร้อยแล้ว รอแค่องศาที่จะต้องค่อยๆสูงขึ้นตามวันเวลาดังพ่อว่าเท่านั้น

ศุกร์เป็นราชาโชค…ก็บอกกล่าวด้วยชื่อนามและตำแหน่งของดาวดวงนี้อยู่ก่อนหน้า…จะมีอำนาจล้นฟ้าใดสามารถเข้ามาโค่นล้มดุจโค่นตำแหน่งแห่งที่ของดาราดวงนี้ได้

“ไม่ใช่ไปกันใหญ่ คนอย่างพี่ไม่เคยประมาทหรอกนะเย็น” เขายังเป็นฟืนเป็นไฟ “ไม่ไว้ใจใครง่ายๆแน่นอน…อย่าลืมละกันว่า ผู้ชายกับผู้ชายน่ะ แค่มองตากันก็รู้แล้วว่ามันจะมาไม้ไหน…”

“ถ้างั้น…เย็นก็จะไม่…ไม่พูดกับเขา…จะดีหรือพี่หิ้ง”

“ดี” หิ้งลงเสียงอย่างแน่ใจ “ให้อากับแม่มันพูดกันเอง เย็นอย่าเกี่ยว”

ลมเย็นก็ได้แต่ทำท่าถอนหายใจ

“วันโอน พี่ก็คุมไปแล้วกันนะ” นั่นเอง เขาจึงหัวเราะออกมาได้

 



Don`t copy text!