ดาราอรุณ บทที่ 19 : มิละพยศ

ดาราอรุณ บทที่ 19 : มิละพยศ

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

“ไม่ลงได้ไหมคะ” เสียงหญิงสาวข้างๆ เธอเอ่ยทันทีที่รถจอดสนิทหน้าประตู ลมเย็นเสียววูบขึ้นมาทันใด เพราะนึกอยู่แล้วทุกขณะว่า…น้องสาวน่าจะออกอาการตามความชำนาญของหล่อนที่พ่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘บ่อนแตก’

‘โชยนี่นิสัยเป็นยังไง มันถึงได้ชอบทำให้บ่อนแตกทุกที’

แต่แล้วก็เท่านั้น…เพราะเขามักบอกกล่าวกับหล่อนในวันถัดมาว่า

‘อย่าไปถือสามันเลยนะเย็น ยกให้สักคนแล้วกัน…ถ้าเย็นรู้ดวงมันเหมือนพ่อรู้ ก็จะคงซึ้งหรอกว่า ทำไมพ่อถึงไม่เอาเรื่องกะมัน’

“อ้าว…แล้วโชยจะนั่งอยู่ในรถอย่างงี้ละเหรอ” พี่สาวถาม…ออกจะเก้อกระดากอยู่เหมือนกันที่มีน้องแท้มาออกฤทธิ์แบบนี้กับผู้ที่จะนำลาภมาให้ “พี่กะพี่หิ้งจะเข้าไปคุยกับคุณปรียาซักหน่อยไง”

“ไม่เข้าก็ได้ค่ะ” เสียงเจ้าของบ้านฟังดูเยือกเย็น “ว่าแต่ว่า แล้วคุณจะไปไหนหรือคะ”

“จะเอารถไปแถวนี้แป๊บนึง” ลมโชยตอบกลับอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่มีเยื่อใย รวมทั้งไม่รักษามารยาท

หิ้งอดอยู่ไม่ไหวก็เลยตัดบท

“เอา…ไปก็ไป…เย็น…ให้โชยเอารถไป เดี๋ยวเราสองคนเดินกลับก็ได้” ชายหนุ่มหมั่นไส้จึงหาทางดัดนิสัย…ต่อหน้าคุณปรียา

เจ้าของบ้านก็เลยยิ้มในหน้าอย่างสะใจ

“เอ้า..ถ้างั้นก็ได้” ครั้นแล้วลมเย็นจึงเปิดประตูรถก้าวลงมา ฝ่ายหิ้งช่วยเปิดด้านหลังให้ผู้จะนำโชคมามอบแก่ครอบครัวสหายเก่าของบิดาอย่างทำใจได้

ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่ายสำคัญกว่า…มิใช่เพียงแค่โยงอาชีพ หากแต่ยังเกี่ยวร้อยความรักเข้ามาถักทอต่อสายสัมพันธ์ที่เคยชำรุดให้กลับไปสู่จุดหมายงามสง่า

พร้อมกับลมเย็นสบตาเขา เห็นเขาพยักหน้านิดหนึ่ง หล่อนจึงยื่นกุญแจรถให้น้องสาวผู้ก้าวออกมายืนหน้าตาย ไม่ปริปากเอ่ยคำใดๆ ที่จะช่วยบรรเทาความประหลาดของตนเองให้ทั้งสามโล่งอก หากแต่เปิดที่นั่งด้านหน้า ก้าวขึ้นไปสตาร์ตเครื่องด้วยหน้าตาเรียบสนิท

ครั้นแล้วจึงพาพาหนะแล่นวื้ดจากไป

ลมเย็นก็เลยหันมายิ้มเชิงขออภัยพร้อมถ้อยคำ

“ต้องกราบขอโทษคุณป้าอย่างยิ่งค่ะ…โชยคงอารมณ์เสียหลายเรื่อง” หล่อนจำต้องรวบรัดให้ดูสมเหตุสมผล “เมื่อคืนเขาโดนพ่อปรามนิดหน่อยค่ะ…เช้านี้เลยหงุดหงิด”

“ไม่เป็นไรหรอกหนู” คุณปรียาเดินนำ พาทั้งคู่เข้าประตู “เดี๋ยวหนูกับคุณหิ้งก็เลยทานกลางวันกับป้าดีกว่านะคะ…จะได้คุยให้ฟังเรื่องหุ้นที่ป้าลงไว้หลายแห่ง…แต่ยังตัดสินใจไม่ตกว่าจะถอนหุ้นตัวไหนออกมา ถ้ามันยังดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เสียดายนะคะ แต่ถ้าหยุดไปนาน ก็ต้องชั่งใจว่า ถอนดีหรือไม่ดี”

ลมเย็นฟังแล้วไม่สู้จะเข้าใจถ้อยคำที่อีกฝ่ายปรารภ แต่หิ้งเข้าใจ

นายหันผู้บิดาเป็นนักเล่นหุ้นมานาน แม้ไม่เท่ากับซื้อขายเพชรพลอย แต่เพราะเงินในกระเป๋าของเขาลื่นไหล จึงมีที่ทางถ่ายเทเพื่อทำกำไรเผื่อไว้เสมอ ตรงกันข้ามกับนายชัดผู้มีการค้าที่ค่อนข้างจำกัดรายได้ หมอยา หมอนวด หมอดู ไม่ใช่อาชีพที่ทำเงินมากแต่อย่างใด เคยไปได้เรื่อยๆ อย่างไร แค่ไหน เดี๋ยวนี้ก็เช่นกัน เพราะอาชีพทั้งสามนี้ ก็มีคนทำสืบเนื่องกันมายาวนานมากราย หมอดูที่แม่นเท่ากับนายชัดก็มีอยู่มาก หมอสมุนไพร หมอนวดก็เช่นกัน ครั้นลูกค้าติดใจคนใด ก็มักยึดเอาผู้นั้นเป็นที่หมาย ยิ่งถ้าหาทางขึ้นราคาอยู่เนืองๆ แต่ฝีมือไม่ปราดเปรื่องคุ้มค่า ลูกค้าก็อาจย้ายไปหาคนใหม่ที่ราคาย่อมเยา

อาหารบ้านคุณปรียาอร่อยมาก บ้านเงียบสงัดมีเพียงคนรับใช้สองคน กินเสร็จแล้ว เธอจึงถาม

“สมุนไพรสำคัญๆ ซื้อง่ายขายคล่องนี่ มีอะไรมั่งคะหนูเย็น”

“มีมากค่ะ คุณป้า มีทั้งสมุนไพรที่เราใช้กันทุกวัน พวกขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด…ที่ปลูกง่ายขึ้นง่าย ไปจนถึงที่ปลูกยากขึ้นยาก…คุณป้ารู้จักต้นเปล้าน้อยไหมคะ”

“ไม่รู้จักเลยค่ะ”

“ต้นเปล้าน้อยนี่ก็เป็นหนึ่งที่พ่อเอามาทำเครื่องยาค่ะ…มักจะขึ้นตามเชิงเขาที่เป็นทราย พ่อก็เลยต้องมีเจ้าประจำสำหรับส่งเปล้าน้อยของแท้มาเก็บไว้”

“อิอ…คุณชัดนี่รอบรู้หลายศาสตร์จังเลยนะคะ โชคดีมากเลยที่เราได้มาอยู่ใกล้กัน มีอะไรขึ้นมาจะได้พึ่งพากันได้”  เจ้าของบ้านบอกกล่าวอย่างจริงใจ ขณะที่ความคิดกำลังวิ่งวุ่น นึกถึงแต่วันที่ที่ดินแปลงนี้จะผ่านจากมือนางยาใจมาเป็นชื่อของตนเอง “ว่าแต่ว่า ตกลงคุณพ่อชอบวิชาไหนมากที่สุดคะ”

“น่าจะชอบทุกวิชาค่ะคุณป้า ถ้าไม่ชอบ พ่อจะเรียนไม่ได้” ลมเย็นตอบอย่างลูกผู้รู้ใจ

คุณปรียาก็เลยเพ่งพิศชายหนุ่มหญิงสาวผู้นั่งเรียงเคียงคู่กันอยู่ตรงหน้า

ด้วยความรู้สึกเสียดายสตรีผู้นี้มิรู้จบ ขณะที่นึกในใจ

‘แต่มันจะไปกันได้สักกี่น้ำ’

 

ผู้มาดูดวงวันนี้มีตลอดวัน หลังจากลมเย็นขับรถพาคุณปรียาไปส่งบ้าน นายชัดก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องรอคุยกับทั้งคู่เรื่องวันโอนที่ดินที่ยังมิรู้แน่ว่าวันใด หากก็แน่ใจว่าคนทั้งบ้านกำลังใจเต้นทุกเวลานาที

หลังจากกินอาหารเย็นที่ลมเย็นโทรศัพท์กลับมาว่าไม่ต้องรอ ตนเองก็เลยใช้เวลาที่ควรสบายแต่แท้จริงกำลังวุ่นวายที่สุดนำดวงชะตาของทั้งคุณปรียา นางยาใจ เขาและลมเย็นมาตรวจตราหาความคล้ายและแตกต่างเพื่อดูความลงตัวอีกครั้งและอีกครั้งจนกว่าจะถึงวันนัด

เพราะตราบใด เขายังไม่ได้เห็นภรรยามีแคชเชียร์เช็คยี่สิบล้านกับเงินสดเจ็ดแสนกว่าในกำมือ ก็ยังมิอาจเชื่อได้ว่าจะซื้อจริง

ใครจะไปเชื่อว่าใครจะไม่เปลี่ยนใจกะทันหัน

ดังนั้น เย็นวันนี้ หลังจากกินอาหารแล้ว จึงดูดวงคุณปรียาคู่กับดวงนางยาใจอีกหน

สิ่งที่ชวนให้หายกังวลก็ได้แก่ทั้งวันเกิดและลัคนาของสตรีทั้งคู่ ต่างก็อยู่ในภพที่ไม่ขัดแย้งกัน

ขณะนี้ดาวศุกร์ก็โคจรมาทับทั้ง 1 และ 6 ในดวงนางยาใจเจ้าของโฉนด ทับลัคนาคุณปรียาผู้จะต้องเสียเงินก้อนใหญ่ นับเป็นการยืนยันทั้งผู้จะได้และผู้จะเสียตรงกัน

ช่วยให้นายชัดเชื่อมั่นในการเดินทางคราวนี้ของดาวศุกร์ราชาโชคยิ่งนัก

สิ่งที่ชวนให้แปลกใจที่สุดก็คือ

ดวงชะตาของทั้งสองนาง ต่างก็มีดาวศุกร์ 6 เป็น ‘ศุภะ’ ของชีวิต

นั่นก็คือ 6 ของทั้งคู่ต่างก็สถิต ณ ภพ ที่ 9 อันเป็นภพแห่งความสุขความเจริญ มีทั้งศักดิ์และศรีพร้อมเผชิญความยากทุกรูปแบบของชีวิต

โบราณาจารย์แต่ก่อนเก่าถึงแก่ลิขิตไว้ว่า

‘ผู้ที่มีพระเคราะห์ในเรือนที่ 9 แก่ลัคนา ทักษาเป็นศรีหรือมีดาวศรีเข้าครองอยู่ในภพศุภะ หรือพระเคราะห์เกษตรในเรือนศุภะถูกเกาะกุมอยู่ด้วยดาวศรี ต่อให้ลัคนาอยู่เรือนกาลกิณีหรือถูกกาลกิณีกุมลัคนา ก็มิอาจกดเจ้าชะตาให้เป็นคนยากไร้ได้’

แต่ยังไม่ทันจะพลิกตำราเล่มต่อไปอันจะช่วยยืนยันการขายที่ดินได้ของคนดวงดีทั้งคู่…ก็ได้ยินเสียงมือถือดัง

เมื่อเขารับสาย ลมโชยก็ส่งเสียงเอะอะเข้ามา

“พ่อ…รถมาชนอยู่แถวพัฒนาการนี่เอง ทำไงดี”

บิดาฟังแล้วได้แต่อยากถอนใจ

ดูดวงใครก็ไม่ปวดหัวเหมือนดวงลูกคนนี้

 

หิ้งกับลมเย็นลาคุณปรียาออกมาตั้งแต่คุยจบ

เพิ่งบ่ายสองโมงเศษที่ถนนยังคงว่างวาย แม้บนเส้นทางที่ผ่านปากซอยซึ่งงานสร้างทำรถไฟฟ้ากำลังดำเนินไปค่อนข้างรีบเร่ง ด้วยว่ากลางปีหน้าคือกำหนดเวลาเปิดให้บริการประชาชนได้แน่นอน แต่แสงแดดอันกล้าแข็งยามนี้แรงร้อนเกินควร เขาก็เลยโบกมือเรียกแท็กซี่ กะจะพาตนเองและหล่อนหนีไปพึ่งความเย็น

อย่างน้อยก็จะได้เดินได้นั่งตามสบายในที่ที่สามารถจะนั่งคุยเรื่อยไปได้นานพอซึ่งไม่มีที่อื่นนอกจากศูนย์การค้าที่มีร้านกาแฟให้นั่ง มีความเย็นฉ่ำน่าเดิน แม้นึกเลยไปถึงห้องหรือหอสมุดประจำย่านก็ไม่เคยนึกออกเลยว่าอยู่ที่ใด

เพียงไม่นาน รถก็พาเขาและหล่อนมาถึงศูนย์การค้าใหญ่

ชวนกันเข้าไปเลือกร้านเงียบๆ สั่งกาแฟมาจิบพร้อมเค้กคนละชิ้น

แต่ลมเย็นยังมีกังวลเรื่องรถที่น้องสาวขับจากไปเมื่อครู่

“ไม่รู้จะเอาไปทำเรื่องอีกไหมน่ะพี่”

ผู้คนในห้างมีพอบางตา โต๊ะเก้าอี้ในร้านกาแฟจึงว่างพอที่จะนั่งแช่ได้ ส่วนใหญ่ต่างก็ก้มหน้าอยู่กับมือถือ แทบจะไม่ละสายตาขึ้นมามองใคร

โลกของเทคโนโลยีแผ่ขยายไปไกล โดยไม่มีขอบเขตว่าจะหยุดอยู่ที่ใด

“เขาขับรถเก่งไม่ใช่หรือเย็น” หิ้งได้แต่เห็นใจ เนื่องด้วยตนเองก็มีน้องชายคนหนึ่งที่มักจะหาเรื่องราวมารุมเร้าให้พ่อกับแม่ รวมทั้งตัวเขาต้องมึนศีรษะ

แม้เพียงคู่รักคนเดียวเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวดีก็สามารถทำให้ผู้คนกลัดกลุ้มได้แล้ว

เพียงไม่กี่วันกลับมา เขาเองก็ยังต้องหาทางหนีทีไล่ว่าต่อแต่นี้ไป ควรวางตัวอย่างไร ทำดีทำร้ายแค่ไหนจึงจะ ‘เอาอยู่’

มีทั้งพ่อ แม่และน้องชายคล้ายรวมหัวกันก่อให้เกิดเรื่องราวขึ้นมา

นำเรื่องสารพัดของผู้อื่นมาเข้าบ้าน

แล้วเกณฑ์ทางอ้อมให้เขาช่วยแก้

“เฮ้อ” หิ้งก็เลยเผลอทอดถอนใจ หลังวางถ้วยกาแฟลงบนจานรอง

ลมเย็นจึงได้แต่ยิ้มๆ

“ก็ขับคล่องนะคะ…เพียงแต่เย็นกำลังนึกว่า เขาจะหายไปจนค่ำไหมเท่านั้นค่ะ”

ชายหนุ่มได้แต่เพ่งพิศดวงหน้าหญิงสาวผู้มีภาระรอบตัว หากก็ไม่แลเห็นความขุ่นมัวใดๆ นอกจากกังวลนิดหนึ่ง

“คือเขาชอบแกล้งคนไงคะ” คราวนี้ก็เลยหัวเราะออกมาอย่างขำมากกว่าถือสา “แกล้งเหินซะจนช่ำชอง เลยบางทีก็แกล้งใครต่อใครในบ้าน”

“ใครมั่ง” หิ้งก็เลยพลอยอารมณ์ดี พลางดึงนิ้วนางขวาที่มีแหวนเพชรน้ำงามมาเพ่งพิศพลางเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ว่า เย็นอย่าถอดวงนี้ออกเป็นเด็ดขาดนะ ถ้าถอดเมื่อไหร่ละก็…”

ลมเย็นก็เลยยิ้มๆ …ตาสบตา ทั้งอ่อนหวานฉ่ำลึกกันทั้งคู่

ห้างใหญ่กว้างขวาง อุดมไปด้วยสรรพสินค้า หากก็คล้ายไม่มีใคร

มีเพียงสองดวงใจ สองนัยนาที่กำลังจำนรรจากันด้วยภาษาดอกไม้หอมกรุ่น

ละเลยความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง

 



Don`t copy text!