ฝุ่นในสายลม บทที่ 14 : แฝงตัว

ฝุ่นในสายลม บทที่ 14 : แฝงตัว

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

กานนกับฝนดาวออกจากโรงแรมและไปต่อที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปที่เกาะ ฝนดาวบ่นอุบตลอดทางที่นั่งเรือไปด้วยกัน

“พี่นนว่ามั้ย มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องที่หัวหน้าฝันร้ายไม่ได้หยุดหย่อนเลย ติดต่อกันสองวันเข้านี่แล้ว ฝนว่ามันต้องเกี่ยวกับเจ้าที่แน่ๆ เลย แล้วกล้องที่พี่นนเอาไปถ่ายมันบอกอะไรได้มั่ง”

“จริงๆ แล้วกล้องนั่นเคยเอาไปถ่ายจับผีนะ” กานนว่า

“จับผีเหรอ” ฝนดาวตกใจ “เคยไปจับที่ไหนมามั่ง”

“ก็ช่วงที่เคยทำข่าวบ้านผีสิง เราก็เอากล้องนี่ไปตั้งคอยจับวิญญาณข้ามคืน”

“แล้วเขามากันรึเปล่าวิญญาณพวกนั้น”

“เต็มเลย ก็มาในรูปของดวงไฟเล็กๆ อย่างที่จับภาพที่โรงแรมได้นั่นแหละ สิ่งเหล่านี่เรามองตาเปล่าไม่เห็น แต่พวกสัตว์บางประเภทเช่นหมาหรือกิ้งก่าอะไรพวกนั้น มันมองเห็นได้ในเวลากลางคืน เพื่อการล่าสัตว์ไปกิน กล้องก็สร้างมารูปแบบเดียวกัน คือจับภาพที่สัตว์อาจจะเห็นแต่เรามองไม่เห็น” กานนอธิบาย

“มิน่าหมามันถึงได้หอนเวลามันเห็นผี”

“คือมันเห็นพลังงงานพวกนี้ได้ พอไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็เห่าหอนไปตามเรื่องตามราว กลายเป็นประเพณีที่เรารู้กัน เวลาคนตายวิญญาณกลับบ้าน ถึงได้มีหมาหอน”

“งั้นที่ถ่ายจับได้จากโรงแรมเมื่อคืนก็เป็นผีแน่นอนสิใช่ไหมพี่นน”

“ถ้าไม่ใช่ผีก็น่าจะเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่เข้ามาในห้องตอนที่หัวหน้าหลับ ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นตาของหัวหน้าถึงได้มองเห็นมันได้ และรู้ด้วยว่ามีมาด้วยกันสามตัว”

“คือเกิดขึ้นจริงๆ และไม่ใช่ความฝัน แล้วทำไมพี่นนไม่ยืนยันกับหัวหน้าไปแบบนั้น”

“หัวหน้าเคยเชื่ออะไรมั่ง พี่ทำงานกับเขามาหลายปีพี่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องลี้ลับพวกนี้ ขนาดไปจับผีด้วยกันยังไม่ยอมเชื่อ หาว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ชาวบ้านคิดไปเอง จนจะตีกันกับพระตาย ยิ่งบรรดาร่างทรงนี่ไล่ตะเพิดเลย ทำไมถึงต้องออกจากสื่อหลักมาสร้างเว็บข่าวของตัวเอง เพราะเที่ยวได้ไปขัดคอเขาไปทั่วนั่นไง”

“คนอย่างหัวหน้านี่ ฝนว่าถ้าไม่เจอเข้ากับตัวเองก็คงไม่รู้สึก”

“ถึงว่าอย่าได้ไปขัดคอเขา เขาอยากเชื่ออะไรก็ให้เขาเชื่อไป”

“ก็ฝนห่วงว่าจะถูกหลอกจนจับไข้หัวโกร๋น ย่านนี้ยิ่งเจ้าที่แรง”

“มันอาจจะไมใช่ผีเจ้าที่ก็ได้”

“งั้นเป็นอะไร”

“อาจจะเป็นพลังงานอื่น จากที่อื่น”

“พี่นนหมายถึงเอเลี่ยน” ฝนดาวตกใจ

“มันก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่งใช่ไหมล่ะ ที่ไปได้ทุกที่ พรางตาคนได้ด้วยเท่าที่พี่ศึกษามา ทำไมบางคนเห็น ทำไมบางคนไม่เห็น นี่ก็ยังอยากจะเจอกับตัวเองนะให้มันสิ้นสงสัยไป”

“แล้วทำไมมันต้องเกิดกับหัวหน้า”

“อาจจะอยากให้สิ้นสงสัยไปเลยมั้งกับคนชอบลองดี เพราะคนอย่างหัวหน้านี่นะถ้าไม่เจอกับตัวเอง จะไม่มีวันเชื่อเรื่องพวกนี้เด็ดขาด”

ขึ้นฝั่งที่เกาะกันวันนั้นและแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ฝนดาวยังขนหัวลุกกับสิ่งที่กานนเล่าให้ฟัง สังหรณ์ว่าภยันตรายอาจจะกำลังเกิดขึ้นกับพวกหล่อนแล้วหรืออย่างไร เริ่มต้นจากหัวหน้างานนั่นเลย

เข้าครัวไปช่วยทำอาหารในศูนย์อีกและแม่ครัวก็จำหล่อนได้

“มาอีกแล้วหรือหนู ก็ดี มาช่วยป้าทำอาหารได้ทุกวัน”

แกชื่อป้าฉลวย สืบสาวราวเรื่องได้ว่าแกเองก็ไม่ใช่คนในพื้นที่สักนิด

“ป้าก็มากับลูกสาว เดินทางกันมาจากสงขลานั่นเลย เพราะมันเพิ่งจะเลิกกับผัว ไอ้ผัวก็ตามตื๊ออยู่นั่นแล้ว ยิ่งมีข่าวยิงกันตายบ่อยๆ มันก็ยิ่งกลัว กลัวว่าจะต้องมาตายทั้งแม่ทั้งลูก มีเพื่อนเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว เลยชวนกันมาปฏิบัติธรรมที่นี่ ป้าก็เลยตามมันมาอยู่ด้วย นานเข้าก็เลยไม่อยากกลับบ้าน”

ป้าฉลวยหัวเราะพุงกระเพื่อมไปด้วย ร่างอ้วนนั่งหั่นผักตัวกลมอยู่หน้าเขียงอันโต มีหล่อนนั่งเป็นผู้ช่วยอยู่ใกล้ๆ

“แล้วลูกป้ากับเพื่อนๆ เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวเขามาป้วนเปี้ยนกันแถวนี้มั่งมั้ยล่ะป้า”

ฝนดาวเลียบๆ เคียงๆ ถาม

“ก็ไม่เห็นมีใครเคยเห็นน่ะนา แต่ท่านพ่อท่านว่าถ้าปฏิบัติธรรมไปนานๆ แล้ว ก็จะได้เห็นเอง”

“ท่านพ่อ?”

“เจ้าของวัด”

“มันไม่ใช่วัดนี่ป้า”

“ก็นั่นแหละ พวกเราเรียกวัด แต่ไม่มีพระ มีแค่คนมาปฏิบัติธรรม”

“มาจากที่ไหนกันมั่งล่ะป้า”

“ไกล…ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพ เพราะเขาเชื่อเรื่องต่างดาวกัน มากันเป็นร้อยมั้ง คนในวัดนี่ก็มากกว่าร้อยแล้ว จะเกือบพัน”

“พวกที่มาจากกรุงเทพ ป้ารู้จักใครมั่งล่ะ” ฝนดาวเลียบเคียงถามต่อ

“ไม่รู้จักกันหรอก ส่วนใหญ่พวกคนรวยๆ เขาจะอยู่กันเป็นกลุ่ม ปฏิบัติธรรมเป็นกลุ่มๆ”

“ตกลงไม่มีใครกลับไป”

“ก็ไม่เห็นมีใครไปนี่ มีแต่เพิ่มมากขึ้นทุกที จนแทบไม่มีที่พัก โชคดีมีคนเขาบริจาคเงินซื้อที่เพิ่ม ท่านพ่อเลยสร้างที่อยู่เพิ่ม ก็แยกกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ไม่ปะปนกันหรอก ต่างคนต่างอยู่”

“คนที่เขาบริจาคเงิน…” ฝนดาวสนใจแค่นั้น “ป้าเคยเห็นเขากันไหม”

“ไม่ค่อยเห็น ส่วนใหญ่เขาจะอยู่บ้านพักส่วนตัว หรือไม่ก็ออกไปปฏิบัติธรรมในสวนลึก ที่เขาสร้างสำหรับพวกปฏิบัติธรรมขั้นสูงขึ้นไป มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน นี่เดี๋ยวก็ต้องส่งคนไปอีกแล้ว”

“ถ้าฝนจะเอาไปส่งให้เขาเองล่ะป้า จริงๆ แล้วฝนก็อยากเห็นสถานที่ข้างในอยู่เหมือนกัน” ฝนดาวรีบขันอาสา

“ต้องไปสองคน งั้นเดี๋ยวทำอาหารเสร็จแล้วป้าจะจัดเตรียมถาดไว้ให้ แต่รีบไปแล้วรีบมา เพราะท่านพ่อไม่ชอบให้ใครเข้าไปจุ้นจ้านสถานปฏิบัติธรรมพวกนั้น คนนอกนี่จะห้ามเข้าเด็ดขาดเลยนะ แต่ป้าเห็นหนูเริ่มมาบ่อยแล้ว ไม่น่าจะเป็นไรมั้ง”

และนี่ก็คือชั้นเชิงของเหล่าบรรดานักข่าวที่หล่อนเรียนรู้จากเจ้านาย คือถ้าอยากรู้อะไรก็แฝงตัวเข้าไปจนกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เมียนักการเมืองคนนี้ต้องไม่ธรรมดาถึงได้สิทธิ์พิเศษอะไรมากมาย อำนาจเงินช่างเป็นใบเบิกทางที่ดี ในทุกกาลเวลาและสถานที่นั่นเลยทีเดียว

 



Don`t copy text!