ฝุ่นในสายลม บทที่ 18 : พลังของลัทธิ

ฝุ่นในสายลม บทที่ 18 : พลังของลัทธิ

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

เบิกเงินไปให้ป้าจิตและป้าก็มองอย่างแปลกใจ

“ค่าอะไร”

“เจ้านายฝนเขาให้มา”

“แล้วกัน  ก็ป้าให้ไปกินกัน  คนแก่เงินทองไม่ค่อยมีไม่ใช่เหรอ”

“ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกป้าอย่าห่วงไปเลย  ว่าแต่ฝนมีเรื่องจะถามป้าเกี่ยวกับโรงแรมนั้นที่เขาไปอยู่  มันเคยมีประวัติผีสิงอะไรมั่งรึเปล่าที่นั่น”

“ก็ไม่เห็นมีนี่นะ  เคยมีแต่เหตุการณ์ไฟไหม้เดือนที่แล้ว  ทำไม  เขาโดนผีหลอกรึไง”

“แล้วมีคนตายรึเปล่าไฟไหม้น่ะ”

“ไม่มีนี่นา  เคยแต่มีข่าวเจ้าของจะทุบทิ้ง  เห็นว่าเจ้าที่น่าจะแรง เพราะอยู่ตรงสามแยก  ตอนหลังก็เห็นเงียบๆไปนี่  คงไม่ทุบแล้วมั้งป้าว่า  แล้วทำไมไม่ให้เขาจุดธูปเทียนไหว้เจ้าที่ก่อนเข้ามาพักล่ะ  ฝนมาอยู่บ้านป้ายังต้องไหว้เจ้าที่เจ้าทางเลย”

“เขาเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้หรอกป้า  ฝนลองแนะนำแล้ว  โดนด่าเปิงเข้าอีก”

“คนแบบนี้คงต้องเจอกับตัวเอง”

“ฝนก็ว่างั้น  ว่าแต่ป้าพอจะมีเครื่องรางของขลังอะไรมั่งมั้ย ที่พอจะป้องกันตัวได้  ฝนกลัวว่าเขาจะจับไข้หัวโกร๋นไปเสียก่อน”

“ป้าก็มีของป้า  เพื่อนที่เป็นร่างทรงเขาให้ไว้  แต่ถ้าเขาอยากจะได้ เขาก็ต้องไปให้ร่างทรงเค้าทำพิธีกรรมให้  เขาเรียกค่าสินสอดไม่แพงหรอก”

“เขาเรียกว่าค่ายกครูไม่ใช่หรือป้า”

“ก็นั่นแหละ  เพราะเขาต้องตรวจดูดวง  ดูอะไรต่อมิอะไร  ว่าจะโดนทำของใส่รึเปล่า  เพราะผู้ชายนี่น่ะถ้าไม่เมียน้อยทำใส่ก็เมียหลวงทำใส่ รายไหนจะอยู่อย่างปลอดโปร่งโล่งสบายมันยากมาก  เพราะมันเป็นโลกของการแก่งแย่งแข่งดีกัน”

“แล้วป้าทำใส่ลุงรึเปล่า” ฝนดาวหลอกถาม

“ไม่บอก  เรื่องแบบนี้ใครเขาบอกกันมั่ง” ป้ามองค้อนให้

“แต่เจ้านายฝนคนนี้ยังโสดนะป้า”

“โสดรึหย่า  แก่แล้วโสดได้ไง แล้วเขาไม่มีแฟน  อาจจะแฟนทำของใส่ก็ได้”

“ไม่เห็นพูดถึงใคร  มีแต่เรื่องงาน”

“จะให้รู้แน่ว่าโดนของรึเปล่าต้องไปหาร่างทรงอย่างเดียว”

“เอาช้างมาลากฝนก็ว่าเขาไม่ไปแน่  หัวดื้อหัวแข็งมากรายนี้  แค่ฝนเอ่ยถึงร่างทรงนิดเดียวโดนด่าเช็ด”

“คือเคยพยายามมาแล้วเหมือนกัน”

“แต่ไม่ได้ผลไง”

“อีกทางคือแอบเอาของใช้ส่วนตัวไปให้ร่างทรงเขาลองสัมผัสดู  เขาน่าจะบอกได้ว่าเจ้าของเคยโดนของใส่รึเปล่า”

“ทำกันได้ด้วยหรือป้า”

“เพื่อนป้าคนนี้เขาเก่ง  มีอยู่ทีลุงโดนคนทำของใส่  ปวดท้องเป็นเดือน  ต้องให้ร่างทรงช่วย  เขาไปเจอเส้นผมกับตะปูเต็มท้องเลย”

“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ใช่ฝีมือป้า”

“ใครเขาจะบ้าไปทำของแบบนั้นใส่ผัวตัวเอง” ป้ามองค้อนหล่อน “แกมันจะบ้าไปรึเปล่า  ของอย่างนี้มันต้องศัตรูการเมืองนั่นแหละ  ฟันไม่ยับเลย เพราะลุงไปจับผู้ร้ายมาเยอะ  ศัตรูมาก  เขาเลยทำของใส่  เจ้านายคนนี้เป็นนักข่าว  ศัตรูน่าจะมากยิ่งกว่า  ฝนเองเป็นนักข่าวจะต้องระวังตัวไว้ให้มาก  เกิดไปทำข่าวที่สร้างศัตรูขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว”

“ช่วงนี้ฝนทำข่าวมนุษย์ต่างดาวป้า  ไม่น่าจะมีใครตั้งตัวเป็นศัตรู”

“ว่าได้หรือ  ต่างดาวก็ต่างดาวเหอะ  ไปกวนเขามากเขาก็จะเล่นเข้าให้  ยิ่งตอนนี้พื้นที่เรามันมีอะไรแปลกๆ  มีคนเห็นจานบินขึ้นมาจากน้ำไม่เว้นแต่ละวัน”

“แหกตาทั้งนั้นแหละป้า”

“เรารู้ได้ไง”

“ก็ฝนมีหลักฐาน”

ฝนดาวทิ้งท้ายเอาไว้แคนั้น คันปากยิบๆ อยากเล่าความจริงทั้งหมดที่ไปสืบรู้มาให้ป้าฟัง แต่กลัวความจะแตกไปเสียก่อนเพราะป้าเป็นคนปากไม่มีหูรูดอยู่แล้ว  หัวหน้าจะเป็นคนเปิดโปงเองในเวลาที่เหมาะสม  เขาย้ำไว้อย่างนั้น…

 

 

คืนนั้นภาวินนั่งวางแผนงานกับกานนจนดึกดื่น เพราะทำท่าว่าการล่วงลึกเข้าไปในลัทธิแห่งนั้นมีทีท่าว่าจะคว้าน้ำเหลว

“จนป่านนี้ด็อกเตอร์ก็ยังไม่ยอมปรากฏตัว  ปกติคนที่เป็นเจ้าลัทธิ มันจะต้องออกมาเสวนากับสาวกมั่ง  เพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ  แต่นี่ไม่มีเลย”

“แกอาจจะล่วงรู้ก็ได้นี่หัวหน้าว่าพวกเราเข้าไปทำข่าว”

“พูดยังกะว่าแกมีญาณวิเศษล่วงรู้ไปเสียหมดงั้นแหละ  อย่าลืมว่านี่คือสิบแปดมงกุฏตัวฉกาจ  ไม่งั้นแกก็คงไม่มีสาวกเต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้หรอก  นี่ขนาดฝนก็ทำท่าว่าจะโอนเอน  ยังไงๆ ก็เตือนลูกน้องไว้มั่งก็ดี เพราะพวกผู้หญิงเชื่ออะไรง่ายกันอยู่แล้ว  ดูแต่เมียนักการเมืองคนนั้นซิ ถึงขั้นหอบเงินผัวไปประเคนหมดหน้าตักขนาดนั้น  คนเราถ้าไม่งมงายถึงขนาดทำไม่ได้หรอก  กลัวอย่างเดียวคือผู้หญิงคนนี้จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ลัทธินี้พังพินาศย่อยยับเพราะมีนักการเมืองลงมาเล่นด้วย  ดีไม่ดีจะถึงจุดจบด้วยการมีคนตายกันนับไม่ถ้วน เพราะส่วนใหญ่นั่นคือจุดจบของลัทธิดังๆ หลายลัทธิมาแล้ว  อย่างที่เคยเล่า  คือเหล่าสาวกจะยอมตายเพื่อเจ้าลัทธิในบั้นปลายท้ายสุด”

“ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง”

“อย่าลืมว่าลัทธิใหญ่ๆ ก็เคยสร้างสงครามโลกมาแล้วในอดีต  ดูลัทธินาซีเป็นตัวอย่าง  ไม่ใช่เพราะฮิตเล่อร์เชื่อฝังหัวเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว ที่เรียกว่าเผ่าอารยันหรือต้องการจะให้เผ่าพันธุ์นี้ครองโลกว่างั้นเหอะ  นั่นคือเผ่าพันธุ์ผิวขาวตาสีฟ้าอย่างเดียว  ผิวสีช้ำเลือดช้ำหนองอย่างพวกเราจะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป  ไม่งั้นยิวจะถูกฆ่าตายกันเป็นล้านๆ หรือถ้าไม่ใช่เพราะความงมงายของเจ้าลัทธิตัวเดียว  ดีลกับลัทธิพวกนี้มันไม่ง่ายหรอก”

“ผมยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คนเราไปเข้ากับลัทธิต่างๆ ง่ายดายกันเหลือเกิน”

“ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากปัญหาส่วนตัวกับปัญหาสังคมเสียมากกว่า  คนเราผิดหวังในชีวิต  เกิดความว้าเหว่ซึมเศร้า  หันไปทางไหนก็ไม่มีใครเข้าใจ  ครอบครัวก็ทอดทิ้งอีก  เพื่อความอยู่รอดเขาก็ต้องสร้างสังคมใหม่ของตัวเองขึ้นมา อันไหนอยู่ใกล้มือก็คว้าไว้ก่อน  ยิ่งได้เจ้าลัทธิสร้างความเชื่อใหม่ๆ ขึ้นมา  ถึงจะแปลกประหลาด  แต่สาวกก็พร้อมจะเชื่อตามอยู่แล้วเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง  เกิดเป็นชุมชนที่ผูกพันกันเหนียวแน่น  และยอมตายเพื่อลัทธิของตัวเองได้  การจะดีลกับลัทธิพวกนี้เขาถึงต้องใช้นักจิตวิทยาเข้ามาทำหน้าที่  และไม่ใช่กฎหมายบ้านเมือง  เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่าเดิม  ตายกันมาเท่าไหร่แล้วล่ะเรื่องพวกนี้  เหตุผลที่พวกเราจะต้องสืบเรื่องนี้กันอย่างระมัดระวังมากที่สุด  ทุกอย่างที่รู้มาต้องเก็บเป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”

ภาวินเข้านอนเมื่อดึกมากแล้ว  ยังไงเขาก็อุ่นใจที่ได้กานนมาอยู่เป็นเพื่อน

เพราะเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วเกี่ยวกับสภาพจิตของตัวเองที่เพื่อนหมอเองก็ยังไม่มีคำอธิบายให้แน่ชัด  มันช่างเป็นฝันร้ายบ้าบอคอแตกที่ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว

กานนหลับไปก่อนเขาเพราะได้ยินเสียงกรนดังมาจากร่างที่นอนขดตัวบนโซฟา

ลูกน้องคนสนิทคนเดียวที่มีอยู่ ที่เขารักมากที่สุด…

เคลิ้มหลับไปและมาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคล้ายลมพายุดังอื้ออึงอยู่รอบกาย  มันเป็นลมที่พัดแรงจนข้าวของในห้องปลิวว่อน ทั้งผ้าห่มและผ้าปูที่นอนปลิวลู่ออกจากเตียงเข้าสู่วังวนของใบพัดที่หมุนติ้ว มันหมุนเป็นวงกลมและมีหลุมดำอยู่ตรงกลางดูมืดทมึน หลุมนั้นขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีและดูดร่างของเขาจนลื่นไถลลงจากเตียง ภาวินไขว่คว้าทุกสิ่งรอบกายเพื่อพยุงร่างเอาไว้เพื่อไม่ให้หลุดลอย หายเข้าไปในหลุมดำมหึมาอันนั้น

ก่อนที่จะหมดเรี่ยวแรงพลันก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยึดร่างของเขาเอาไว้ได้  พร้อมเสียงเรียก

“หัวหน้า”

ผวาลืมตาตื่นและตะกายตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว  ฝัน…เขาฝันไปนั่นเอง

กานนยืนอยู่ข้างเตียง  หัวหูยุ่งแสดงว่าเพิ่งตื่นเหมือนกัน

“หัวหน้าเป็นอะไร  ผมได้ยินเสียงร้องโวยวาย”

ภาวินยกสองมือถูขยี้หน้าตัวเองไปมาแรงๆ

“ฝัน”

“อีกแล้วหรือ”

“ไม่มีอะไร  ไปนอนเถอะ”

ไล่ลูกน้องให้ไปนอนแต่ตัวเองกลับนอนตาแข็งค้าง ในชีวิตเขาไม่เคยฝันบ้าบอคอแตกอะไรแบบนี้เลย

มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่….

 



Don`t copy text!