ฝุ่นในสายลม บทที่ 19 : คุณจันทรา

ฝุ่นในสายลม บทที่ 19 : คุณจันทรา

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

ฝนดาวเข้าไปที่โรงแรมตอนสายหลังจากแวะซื้อปาท่องโก๋กับกาแฟอีกขวด 

เดาว่าขวดเดิมน่าจะเกือบหมดไปแล้ว เพราะหัวหน้าเล่นฟาดกาแฟทั้งกลางวันกลางคืนไม่ยั้ง  นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งก็ได้ ที่ทำให้นอนไม่เต็มอิ่มและฝันร้ายทุกคืน

กานนกำลังเตรียมตัวออกจากห้องเมื่อหล่อนไปถึง

“หัวหน้าล่ะ” ฝนดาวถาม

“กำลังอาบน้ำ” กานนกระซิบ “เมื่อคืนฝันร้ายอีก  โวยวายน่ากลัว  แต่เดี๋ยวจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านแล้วเลยไปที่ศูนย์  ยังไงก็ไปเจอกันที่นั่น”

กานนไปแล้วและฝนดาวก็เตรียมชงกาแฟ ตาสอดส่ายมองหาของใช้ส่วนตัวของเจ้านาย เพื่อเตรียมเอาไปให้ร่างทรงอย่างที่ป้าจิตแนะนำ  เพราะแบบนี้มันไม่ไหวแน่แล้ว คนอะไรละเมอกลางดึกเหมือนเด็กๆ สิ่งที่หล่อนเองก็ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยเหมือนกัน…

ชงกาแฟไปวางไว้บนโต๊ะ  ตาสอดส่ายไปเจอปากกาของฝ่ายนั้นเข้าพอดี  เลยเก็บใส่กระเป๋าถือเพื่อเอากลับไปให้ป้าเย็นนี้ ขอยืมไปแค่วันเดียวคงไม่ทันสังเกต…

นั่งคอยจนอีกฝ่ายออกจากห้องน้ำก็เห็นแววตาอิดโรยเต็มที่อย่างซ่อนกันไม่มิด ตาที่เคยเคร่งขรึมวันนี้มันเฉื่อยชาเหมือนคนไม่มีวิญญาณติดตัวมาด้วยยังไงยังงั้นเลย

“นนไปไหนล่ะ” ถามในทันที่ทรุดตัวลงนั่งจิบกาแฟ

“กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ  นัดเจอกับฝนที่ศูนย์” หล่อนบอกไป

“วันนี้บ่ายๆจะเข้าไปที่นั่นด้วย  อยากไปดูสถานที่” เป็นคำพูดลอยๆ  “ถ้าเจอกันก็ไม่ต้องทักทายล่ะ  ทำเป็นไม่รู้จัก  บอกนนด้วย” เขาพูดต่อ

“คนเยอะค่ะที่นั่น  อาจจะไม่ได้เจอกัน”

“แล้วเหล่าสาวกมีกันประมาณเท่าไหร่แน่” เขาถามมา

“ฝนว่าน่าจะหลายร้อยที่นั่น  หมายถึงพวกที่อยู่ประจำเลย  ไม่รวมพวกที่ ให้การสนับสนุนอยู่ห่างๆ”

“หมายถึง?”

“พวกบริจาคเงินช่วยเหลืออะไรทำนองนั้น”

“เอาตัวเลขแท้จริงมาให้หน่อยได้ไหม  เราเป็นนักข่าวจะต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้  ไม่ใช่แอบอ้างออกมาลอยๆ  เพราะคนอื่นเขาพูดกัน  แบบนั้นมันใช้ไม่ได้”

“ค่ะ  แล้วฝนจะหาข้อมูลมาให้”

“ยังไงวันนี้อย่าลืมสัมภาษณ์  คุณอะไรนะ…”

“จันทราค่ะ”

“นั่นแหละ  ในเมื่อเข้าถึงตัวได้ก็น่าจะมีข้อมูลมากกว่านั้น  ชวนเขาคุยมั่ง  อะไรมั่ง”

“เกิดเขาไม่ยอมคุยกับฝน”

“แสดงว่าเราไม่ใช่นักข่าวที่ดี  เพราะนักข่าวที่ดีเขาจะหาทางจนได้  ถามชี้นำยั่วยุให้เขาโกรธก็ต้องเอา  เพราะเวลาคนเราโกรธนี่มักจะออกมาหมด  นั่นคือนักข่าวที่ดี  คือต้องคอยกวนประสาทคนอื่นเอาไว้ให้มากๆ  เข้าใจยัง”

ฝนดาวออกจากโรงแรมเพื่อนั่งเรือข้ามไปที่เกาะ เพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้เองว่าทำไมเจ้านายถึงได้อยู่สื่อสายหลักไม่เคยยืด เท่าที่จำได้เขาเปลี่ยนงานอาจจะมากพอๆ กับที่เปลี่ยนแฟนหมายถึงว่าใครก็ตามที่หลวมตัวเข้าไปในเส้นทางชีวิตของเขา…เพราะนี่คือนักกวนประสาทชาวบ้านตัวยงทีเดียว

และเท่านั้นยังไม่พอ ยังจะพยายามปลูกฝังนิสัยเสียๆส่งต่อไปให้ลูกน้องในสังกัดอย่างไร้มโนธรรมเสียอีกด้วย…

ไปถึงเกาะและรับอาสาป้าฉลวยเอาอาหารไปส่งคุณจันทราอีกครั้ง วันนี้ถ้าไม่ได้อะไรกลับไปมั่งมีหวังถูกด่าเปิง  ดีไม่ดีอาจจะถูกลดค่าแรงที่ต่ำเตี้ยอยู่แล้ว

ต้องเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่เป็นก้อนหินปูลาดเป็นทางยาวสุดลูกหูลูกตา  สองข้างทางเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกหลากสีสันสวยงามไม่ต่างอะไรกับ สวนสวรรค์  สองข้างทางมีเรือนไม้ปลูกห่างๆกันดูสันโดษ ใช้เวลากว่าจะไปถึงบ้านที่พักแห่งนั้นที่ไม่แตกต่างอะไรกับบ้านพักหลังอื่นๆ

ไม่มีอะไรที่ส่อถึงการได้รับอภิสิทธิ์เหมือนอย่างที่หัวหน้าว่าเอาไว้สักนิด

ผู้หญิงคนนั้นนั่งคอยที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้านและดูโดดเด่นแม้จะมองจากระยะไกล  สีผิวสวยออร่าเริดไม่ต่างอะไรกับนางงามในอดีตที่หล่อนเคยได้ข่าวมา ในวัยกว่าห้าสิบก็ยังดูอ่อนกว่าวัยจนเดาอายุแท้จริงแทบไม่ออก  อดีตน่าเป็นนางงามคนหนึ่งในระดับต้นๆที่สามีนักการเมืองคนดังคว้าเอาไปประดับบารมีเล่นๆ

ได้ข่าวว่าสามีมีกิ๊กยาวเหยียดเป็นบัญชีหางว่าวเอาเลยทีเดียว การหันเข้าหาลัทธิต่างดาวน่าจะเป็นทางออกสุดท้ายถ้าไม่ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน…

เอาอาหารใส่ถาดไปให้ถึงที่และฝ่ายนั้นก็ยังจำหล่อนได้  จดจำได้แม้กระทั่งชื่อ

“หนูฝนมาคนเดียวหรือคะวันนี้”

“ค่ะ  พอดีฝนอยากมาคุยกับคุณด้วย” พูดพลางก็แอบล้วงมือกดมือถือและอัดเสียงเอาไว้อย่างแนบเนียนตามที่ได้รับการฝึกมา

“เพราะวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายนะคะที่ฝนจะมาที่ศูนย์นี่”

ต่อคำพูดประโยคนี้ออกไปและก็ได้ผล เพราะมือที่กำลังยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปทันควัน

“ทำไมล่ะหนู” เป็นคำถามกลับมางงๆ  วางแก้วเครื่องดื่มและจัดการกับ ซุปผักเบื้องหน้าไปเรื่อยๆ

“คือคุณพ่อกับคุณแม่ฝนเรียกตัวกลับกรุงเทพฯค่ะ  ไม่อยากให้ฝนอยู่นาน  ที่ฝนมานี่ก็ตามเพื่อนมา  เพราะเพื่อนฝนเชื่อเกี่ยวกับเอเลี่ยนอะไรพวกนั้น”

“แต่หนูไม่เชื่อ…” เป็นคำถามกลับมาเรื่อยๆ

“ก็อยากจะเชื่ออ่ะค่ะ  แต่ฝนยังไม่เคยเห็นซักที  อีกอย่างการปฏิบัติธรรมก็ยาก  ต้องฝึกโยคะอะไรต่ออะไร”

“เขามีขั้นตอนง่ายๆนี่หนู  ที่ค่อยๆฝึกกันไป  ฉันเองแรกๆก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน  แต่อาศัยที่เรามีความพยายาม  ว่าเราต้องทำให้ได้  ถ้าทำไม่ได้เราก็ไม่บรรลุและต้องกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆอีก  หมายถึงสังคมที่เราทิ้งมันมา  ฉันคงไม่อยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีก”

เริ่มเข้าเค้า…เริ่มพูดยาวแม้จะไม่ได้ถาม  คงคับแค้นและอยากจะระบาย

“คุณเคยอยู่กรุงเทพฯเหมือนกันหรือคะ”  ถามตาใสและทำเป็นไม่รู้

“ฉันไม่มีอะไรที่นั่นอีกแล้วนี่  มาสุดทางแค่นี้  เพื่อการเริ่มต้นใหม่ๆ  อีกอย่าง ด็อกเตอร์เอกภพก็ตอบโจทย์ชีวิตของฉันได้หมด  ฉันถึงได้ศรัทธาในตัวท่านมาก  หนูก็คงรู้ประวัติชีวิตท่านมาบ้างแล้ว”

“แต่หนูยังไม่เคยเห็นด็อกเตอร์เลยนะคะตั้งแต่มา”

“หนูอาจจะไม่เห็นท่านเองก็ได้นี่” มีเสียงหัวเราะเบาๆติดตามมา “เพราะท่านเองได้บรรลุมานานแล้ว  ก่อนหน้าที่จะมาเปิดศูนย์แห่งนี้เสียอีก  แต่มาเพื่อการสละอุทิศให้กับพวกเราได้เข้าใจแจ้ง  ท่านเป็นลูกผสมมนุษย์ต่างดาวที่มาจากมิติที่แปด  นั่นคือมิติที่ไม่มีร่างแล้ว  ท่านไปมาได้ทั้งสองมิติถ้าท่านต้องการ  ในขณะที่พวกเรายังทำไม่ได้  และนั่นก็คือจุดมุ่งหมายที่ทำไมพวกเราต้องใช้ความเพียรพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น  วันดีคืนดีท่านจะมาปรากฏตัวให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เห็นกัน  อยู่ไปนานๆหนูอาจจะเห็นท่านก็ได้นะ”

ชักจะเริ่มเข้าป่าเข้าดงไปไกล  เพราะตาคู่นั้นเริ่มลอยเคว้งคว้าง…

“โลกภายนอกมันไม่น่าอยู่มากขึ้นทุกทีแล้ว  และท่านก็กำหนดเวลาวันสิ้นโลกให้พวกเราทุกคนได้เตรียมตัวกัน”

“เมื่อไหร่คะวันสิ้นโลก” ฝนดาวถามไป

“แล้วท่านจะบอกเองเมื่อถึงเวลา  แต่ก็น่าจะใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว  ยานแม่จะมารับพวกเราทุกคนที่นี่  คนบรรลุแล้วจะไม่เหลือร่าง  ใครยังไม่บรรลุจะต้องทิ้งร่างเอาไว้  โลกจะมืดสามวันสามคืน  ดาวพเนจรจะโคจรเฉียดชนโลกจนวิบัติ  ทะเลจะลุกเป็นไฟ  ภูเขาจะราบเรียบเป็นหน้ากลอง  และโลกจะเหลือแต่เถ้าถ่าน  คนบรรลุแล้วเท่านั้นถึงจะรอดไปจากโลกนี้ได้”

เหล่านั้นคือข้อสนทนาทั้งหมดที่ฝนดาวอัดเสียงเอาไว้ได้ก่อนที่จะออกจากที่นั่น  ตื่นเต้นเสียจนทำอะไรแทบไม่ถูก  การสัมภาษณ์ที่หล่อนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้จากผู้หญิงคนนี้ มันฟังหลุดโลกเสียจนไม่เชื่อว่าจะมีใครเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

เรื่องปรากฏการณ์วันสิ้นโลกยังพอฟังไหวเพราะมีคนพยากรณ์กันให้เกลื่อนอินเทอร์เนต

แต่เรื่องที่ยานแม่จะมารับนี่สิ…

 



Don`t copy text!