ฝุ่นในสายลม บทที่ 20 : ศูนย์ปฏิบัติธรรมเอกภพ
โดย : ม.มธุการี
ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co
ภาวินลงจากเรือได้ก็เดินเข้าศูนย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ชื่อศูนย์ปฏิบัติธรรมเอกภพอันเป็นชื่อของด็อกเตอร์คนนั้นนั่นเอง เพราะชื่อแกเองก็ขายได้มานานแล้วตามหน้าสื่อทั้งหลายทั้งไทยและเทศ เกี่ยวกับประสบการณ์มนุษย์ต่างดาวที่แกเองเคยเจอะเจอมา บ้างก็ถึงขนาดเรียกแกว่าด็อกเตอร์เพี้ยนไปโน่นเลย
ถูกค้นตามเนื้อตัวโดยรปภ.ของที่นั่นยิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายก่อนจะปล่อยให้เข้าไปได้
ตึกรามบ้านช่องภายในสร้างแบบเรียบง่ายและไม่มีหลังคาจานบินอย่างที่เขาคิดเอาไว้
ข้างในแบ่งเป็นแผนกๆ ไม่ปะปนกัน มีตั้งแต่ห้องโถงใหญ่ที่ใช้เพื่อการปฏิบัติกรรมฐานกับห้องโถงที่ใช้เพื่อรองรับผู้ป่วยเข้ามารับการรักษา แค่ห้องนั้นห้องเดียวก็มีคนรอคิวกันยาวเหยียดจนนับไม่ไหว ใครมันจะบ้าได้ถึงขนาดนั้น ถึงขนาดทอดทิ้งบัตรทองรักษาทุกโรค มารับการรักษาจากตัวแทนมนุษย์ต่างดาว ที่มีแค่ฝ่ามือตัวเองเป็นแหล่งรวมพลัง
ยอมต่อแถวด้วยอีกคนเพื่อหาประสบการณ์ไปทำข่าว เพราะถ้าไม่ทำด้วยตัวเองก็คงไม่รู้ เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันก่อนที่โปรเจ็ตท์จะต้องจบตัวลงก่อนที่สภาพถังแตกจะมาเยือน ไหนจะต้องจ่ายค่าโรงแรม ค่ากินอยู่ รวมทั้งลูกน้องที่ไม่เป็นประสาอีกทั้งคน
ยืนชวนพวกที่มาเข้าคิวคุยไปด้วยเพื่อฆ่าเวลา
“ผมมาเป็นครั้งแรกครับลุง ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า” ชวนลุงที่เข้าแถวก่อนหน้าเขาคุย
“หนแรกผมพาตามาก่อน ป่วยติดเตียงมาหลายปีแล้ว พอตาหายขาดก็พาพ่อมา เพราะแกป่วยเป็นเนื้องอก พอพ่อหาย ผมก็มาเองมั่ง เพราะเครียดจนประสาทกินหัวขรับ”
“ผมไม่รู้ว่าเขารักษาโรคประสาทได้ด้วย”
“เขารักษาได้ทุกโรคนั่นแหละ มาครั้งเดียวเอง แค่ฉายแสงวาบเข้าลำตัว”
“แสงจากไฟฉายหรือครับ หรือว่าอะไร”
“แสงเลเซอร์สิ ไฟฉายมันจะไปได้เรื่องอะไร ว้า… เขามีเครื่องมือจากต่างดาวครับ เห็นว่าเอเลี่ยนมาทิ้งเอาไว้ให้สมัยที่เขามายึดครองโลกนานมาแล้ว ดีซะยิ่งกว่าเครื่องมือแพทย์แผนปัจจุบัน ปะกงปะกันอะไรผมทิ้งแมร่งหมด มารับของฟรีที่นี่ดีกว่าเป็นไหนๆ สามสิบบาทก็ไม่ต้องไปเสียให้โง่ แล้วนี่คุณมาจากไหนกันล่ะครับ”
“กรุงเทพฯ ครับ”
“นั่นไง ขนาดคนกรุงเค้ายังมากัน รับรองได้แสงเลเซอร์ที่นี่ไปคุณหายขาดแน่ แล้วป่วยเป็นอะไรล่ะ ท่าทางก็แข็งแรงดีนี่ครับ”
ภาวินนิ่งคิด เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะป่วยเป็นอะไรดี โรคคนหนุ่มสมัยนี้มีอะไรมั่งนอกเสียจากโรคประสาทกินหัว ยิ่งฝันร้ายติดต่อกันมาหลายคืนแบบนี้จะโรคอะไรถ้าไม่ใช่โรคประสาทหลอน เจอแสงเลเซอร์เข้าไปไม่ดีจะยิ่งเซ่อหนักเข้าไปอีก
ตัดสินใจออกจากที่นั่นเพราะยังไม่อยากจะเสี่ยงตายมากไปกว่านี้ นี่คือสังคมของคนบ้างมงายที่เขาควรจะต้องระวังตัวให้มากเป็นพิเศษ
ก่อนที่จะพลัดตกเข้าไปในกับดักด้วยอีกคน ทุกลัทธิมักจะมีกับดักของตัวเองที่ยากจะมองด้วยตาเปล่าเห็นอย่างชัดเจน คนมันถึงได้ตกเป็นทาสของลัทธิอุบาทว์เหล่านี้กันแทบทั้งโลก…
ออกเดินลัดเลาะไปด้านหลังก็พบว่าเป็นป่าละเมาะที่เขียวชะอุ่มกว้างไกลสุดสายตา มีเรือนพักเล็กๆ ตั้งเรียงรายตลอดเส้นทาง มีต้นกุหลาบหลากสีชูช่อตามรายทางส่งกลิ่นหอมรวยริน มันเป็นกลิ่นหอมแปลกๆ ที่เขาไม่เคยได้สัมผัสจากป่าคอนกรีตในตัวเมือง และนี่ก็คือสวรรค์เล็กๆ ของใครก็ได้ที่อยากจะหลบลี้หนีความวุ่นวายในชีวิต น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เมียนักการเมืองคนนั้นมาซื้อที่เอาไว้ และปล่อยให้เจ้าลัทธิใช้เป็นสถานที่ล้างสมองผู้คนเพื่อประโยชน์สุขส่วนตัว และนั่นก็อาจจะเป็นเหยื่อรายสำคัญที่จะเข้ามาปิดฉากขบวนการอันนี้ก็ได้ เพราะอีตาผัวคงไม่ยอมแน่ ข่าวล่าสุดเห็นว่ากำลังอาศัยอำนาจที่มีอยู่หาทางปิดศูนย์แห่งนี้อย่างถาวร แต่มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะปิดที่นี่ก็ไปเปิดที่โน่น ตราบใดที่รากแห่งความเชื่อยังฝังแน่นในจิตใจของสาวก คนเรายอมตายเพื่อความเชื่อและลัทธิผิดๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…
ฝนดาวกลับมาที่โรงแรมตอนเย็นก็พบว่ากานนกำลังนั่งคุยอยู่ในห้องกับหัวหน้า ทุกคนทำจมูกฟุดฟิดในทันทีที่หล่อนเดินเข้าไป
“ได้อะไรมากินวันนี้ ไม่ใช่ข้าวแกงเจ้าเดิมอีกนะ” เจ้านายดักคอเอาไว้ก่อน
“อาหารพิเศษค่ะ แม่ครัวที่ศูนย์เขาให้มา กลัวว่าพวกเราจะอดตาย”
“คือไปขอทานเขามา” ภาวินขมวดคิ้ว
“ฝนแค่บอกเขาไปตามความจริงว่าครอบครัวตอนนี้กำลังอดอยากมาก พ่อตกงานไม่มีรายได้เพียงพอมาจุนเจือครอบครัวที่กำลังจะอดตายกันอยู่แล้ว ป้าสงสารแกเลยตักอาหารให้หลายกล่องเลย”
“มันเป็นความจริงตรงไหน”
“ฝนเรียนรู้จากหัวหน้าว่าเป็นนักข่าวที่ดีจะพูดความจริงไม่ได้ไงคะ”
“เขาเรียกตลกรับประทานครับ” กานนเสริม
“ถ้าจะพูดให้สุภาพเขาเรียกตลกแดก” ภาวินต่อเติม
“แล้วนี่มีแต่อาหารเจ” นิ่วหน้าตามองกล่องใส่อาหารที่ถูกเปิดเรียงรายบนโต๊ะ
“แม่ครัวเขารสมือดีหัวหน้า ผมกินมาแล้ว” กานนช่วยส่งเสริมอีกแรง
“มันต่างจากอาหารหมูตรงไหนไม่ทราบ”
“ตรงที่ใส่ผงชูรสค่ะ ฝนเห็นป้าแกงใส่ผงชูรสทีเป็นขวดๆ”
“หัวไม่ล้านตอนนี้แล้วจะไปล้านตอนไหน” ภาวินตักกินละเลียด กินไปกินมาชักจะอร่อย
“ฝีมือเขาไม่เลว ผักก็มีหลายชนิดช่วยเสริมสร้างวิตามิน งั้นพรุ่งนี้ขนกลับมาอีกเพื่อประหยัดรายจ่าย ว่าแต่วันนี้ไปได้อะไรกันมามั่ง เริ่มที่ฝนก่อน ทำการบ้านไปถึงไหน”
“ได้สัมภาษณ์คุณจันทราสิบห้านาทีเต็มๆ ไม่ขาดไม่เกิน ฝนอัดเสียงมาเรียบร้อย”
ภาวินเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู
“สิบห้านาที คุยอะไรกันมั่ง”
“กินข้าวเสร็จหัวหน้าก็จะได้ฟัง”
“ไม่เลวนี่นะ แล้วนนล่ะ ได้อะไรมา เจอตัวเจ้าลัทธิรึยัง”
“ไม่เจอ ขนาดผมตั้งป้อมอยู่หน้าบ้านแกเลย กะออกมาเมื่อไหร่จะแอบถ่าย แต่ก็ไม่มีวี่แวว”
“แล้วมีสีกาย่องเข้าไปหามั่งรึเปล่า เผื่อจะมีใครย่องเข้าไปนวดเฟ้น มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในสมาคมผู้ถือศีล เราต้องไม่มองข้ามไป”
“ไม่มีใครเข้าออกเลยเหมือนกัน แม้กระมั่งการไปส่งอาหารก็ไม่มี”
“งั้นฝนจะถามแม่ครัวให้ละกันว่าแกกินของแกยังไง”
“แบบนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะย่องไปเสวยสุขอยู่ตามรีสอร์ทที่อื่น ใช้สาวกเป็นมดงานเพื่อทำงานให้แก เพราะไปวันนี้เห็นมีแต่คนงานเต็มไปหมด”
“ผมเห็นหัวหน้าไปยืนเข้าคิวรักษากับเขาด้วย”
“แค่ไปสังเกตการณ์ว่ารักษากันยังไง เห็นว่าถึงขั้นใช้แสงเลเซอร์รักษากันเลย มันชักจะยังไงๆ ตายได้ง่ายๆ นะนั่น”
“ป้าแม่ครัวบอกฝนว่ามันได้ผลนี่คะ ยิ่งคนเป็นโรคประสาทหลอน ละเมอกลางดึกกลางดื่นก็น่าจะไปลองดู”
“ว่าใครประสาทหลอน” เสียงเริ่มดุ “เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในระหว่างการวินิจฉัยว่าเป็นผลพวงมาจากอะไรกันแน่ ทฤษฎีที่ว่าอาจจะเกิดจากมีบุคคลแอบแฝงตัวเข้าในห้องกลางดึกก็ยังไม่ถูกตัดทิ้งไป” เขาพูดต่อ
“ผมว่าตัดทิ้งไปได้เลยครับหัวหน้าทฤษฎีนั้น เพราะเท่าที่ผมตรวจดูจากกล้องมันไม่มีใครเข้ามาเลยทั้งคืน มีแค่วงกลมสีแดงๆ ที่ลอยไปมา คาดว่าน่าจะเป็นเพราะมีฝุ่นผงในห้องมากไปหน่อย เหมือนตอนเราสลัดผ้านวมแล้วเกิดฝุ่นผงลอยตัวไปรวมกันในปริมาณมากๆ และกล้องเราจับเอาไว้ได้ นอกจากนั้นผมก็ยังไม่เห็นมีอะไร”
ภาวินเงียบ เพราะไม่ได้บอกใครนั่นเองเกี่ยวกับวังวนของหลุมดำ ที่เกือบจะเขมือบเอาตัวเขาเข้าไปตั้งแต่เมื่อคืน กล้องน่าจะจับเอาพลังงานที่ว่าเอาไว้ได้
มันคืออะไรกัน…
สิ่งที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ตราบเท่านาทีนี้
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 21 : พลังมืด
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 20 : ศูนย์ปฏิบัติธรรมเอกภพ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 19 : คุณจันทรา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 18 : พลังของลัทธิ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 17 : ศรัทธา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 16 : เรื่องประหลาดในพื้นที่
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 15 : จิตกับกาย
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 14 : แฝงตัว
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 13 : เงาในกล้อง
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 12 : ลักพา
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 11 : เรือลึกลับ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 10 : แสงไฟกลางทะเล
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 9 : ค่ำคืนบนเกาะ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 8 : ผีเจ้าที่
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 7 : อาคันตุกะยามวิกาล
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 6 : กำเนิดเจ้าลัทธิ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 5 : ดอกเตอร์เอกภพ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 4 : เกาะประหลาด
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 3 : กฏสามข้อ
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 2 : เขี้ยวมา เขี้ยวไป
- READ ฝุ่นในสายลม บทที่ 1 : ลัทธิประหลาด