ฝุ่นในสายลม บทที่ 31 : ศรัทธา

ฝุ่นในสายลม บทที่ 31 : ศรัทธา

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

หยิบแก้วเครื่องดื่มสองแก้วใส่ถาด และออกเดินไปตามทางเดินแคบๆที่สองข้างทางมีบ้านพักเรียงรายตลอดทางเดิน 

บ้านดอกเตอร์มีป้ายติดเอาไว้ชัดเจน และเป็นแค่บ้านพักหลังเล็กๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรจากบ้านหลังอื่นๆ ที่หัวหน้าเคยกล่าวหาว่าแกไปเสวยสุขบนกองเงินกองทองของคนอื่นไม่ใช่เรื่องจริง ดูแล้วเขาจินตนาการเอามากกว่า

วางแก้วเครื่องดื่มใส่ในช่องที่เขียนไว้ว่าช่องสำหรับใส่อาหาร  ยืนรีรออยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นมีมือปริศนาเอื้อมออกมาหยิบแก้วและหายเข้าไป

เดินต่อไปยังที่พักของคุณจันทรา ก็พบฝ่ายนั้นนั่งอยู่บนแคร่ใต้ร่มไม้ตรงจุดเดิม  เงาแดดส่องผ่านมากระทบร่างบอบบางที่เหมือนจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก  แต่ดวงหน้านั้นก็ยังสดชื่นผ่องแผ้วอย่างน่าทึ่ง

ฝ่ายนั้นยิ้มอย่างดีใจเมื่อได้พบหล่อนอีก

“ฉันดีใจมากเลยนะที่หนูยังอยู่ต่อ  คิดอยู่เหมือนกันว่าหนูอาจจะเริ่มเบื่อที่นี่แล้ว”

“ฝนก็ดีใจค่ะที่มีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่เข้าใจเรื่องพวกนี้มากกว่าคนอื่นๆ  อย่างน้อยฝนก็รู้ว่าคุณต้องพูดความจริงทั้งหมดจากประสบการณ์ของตัวเอง”  รีบดักคอเอาไว้ก่อน

“หนูมีอะไรสงสัยก็ถามมาได้เลยนะ  เพราะฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกที่จะเข้าใจความเป็นมาของจักรวาลทั้งหมด  ขนาดฉันเองก็รู้เท่าที่มีประสบการณ์ เท่านั้นเอง  และไม่ได้มากมายอะไร”

“เท่ากับว่าอย่างน้อยคุณจันทราก็เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวที่มาปรากฏตัวให้เห็นบ้างแล้วใช่ไหมคะ” เริ่มถามเข้าจุดตามที่ได้รับมอบหมายมาสดๆ ร้อนๆ

“ยังไม่เคยหรอกหนู” เป็นคำตอบตรงไปตรงมาจนฝนดาวเองก็ถึงกับอ้ำอึ้งไปอึดใจ

“แต่คุณก็ยังเชื่อ…”

“ฉันหมายถึงการเผชิญหน้ากันตรงๆ เท่านั้นนะ” แก้คำพูดเสียใหม่ “แต่ถ้ามาในความฝันละก้อ บ่อยมาก  หรือไม่ก็เป็นเสียงมาให้เราได้ยิน เวลาเรามีคำถามที่คับข้องใจเรื่องอะไร  เขาก็จะมาอธิบายให้ฟัง”

“หูแว่วหรือคะ”

“ไม่ใช่สิ  หูแว่วนั่นเป็นเรื่องของคนโรคจิต  หนูต้องแยกให้ออก”

“ฝนเองแยกไม่ค่อยออกหรอกค่ะ  เพราะบางทีฝนก็คุยกับตัวเองบ่อยๆ จนไม่รู้ว่าเสียงใครกันแน่  แล้วจะทราบได้ไงคะว่าไม่ใช่เสียงจากจิตใต้สำนึกของเราเอง”

“เพราะมันต่างกัน นี่คือเสียงที่ให้ความรู้ในระดับสูง  ระดับที่ฉันเองคิดไปไม่ถึง  ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เรา  เขาจะมาตอนที่เรามีสมาธิขั้นสูงสุด เพราะเขาอยู่ในมิติที่แปด  ถ้าเรายังยกระดับจิดขึ้นไปไม่ถึง มันก็ติดต่อสื่อสารกันไม่ได้”

“ต้องมิติที่แปดเท่านั้นหรือคะ  มีมิติอื่นอีกหรือเปล่าที่คุณจันทราติดต่อกับเขาได้”

“มีมนุษย์ต่างดาวอีกหลากลุ่มเลยนะ และก็มีอยู่ในอีกหลากหลายมิติที่พร้อมจะติดต่อกับเรา  มันแล้วแต่ว่าเราจะส่งกระแสจิตไปถึงกลุ่มไหน  ดอกเตอร์เองติดต่อได้กับทุกกลุ่ม เพราะท่านจะเป็นลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาวจากมิติที่แปด  สมัยที่คุณแม่ของท่านถูกลักพาตัวไป  เกิดปฏิสนธิเป็นตัวท่านขึ้นมา มันมีอยู่ในประวัติของท่านแล้ว หนูต้องไปหาอ่านเอา”

“แสดงว่าดีเอ็นเอของท่านนี่จะต้องไม่ใช่คนใช่ไหมคะ”

“หนูพูดถึงดีเอ็นเออีกแล้ว  ไปฝังใจอะไรนักหากับเรื่องดีเอ็นเอ  มันเป็นเทคโนโลยีใหม่”

“แต่ก็แก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลได้ผลนะคะ  ไม่งั้นตำรวจคงไม่ใช้จับผู้ร้าย”

“ดอกเตอร์ไม่ใช่ผู้ร้ายนี่นะ  เราจะไปจับผิดอะไรท่าน  ในเมื่อท่านบอกที่มาของท่านชัดเจน ใครอยากเชื่อก็เชื่อ  ไม่เชื่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร หนูยังจะต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกมากทีเดียว ท่านมาช่วยให้พวกเราหลุดพ้นจากเรื่องทางโลก  เพื่อไปสู่มิติและภพภูมิที่ดีกว่า แล้วอย่างนี้เราจะไปสงสัยท่านเพื่ออะไรกัน”

ตาคู่นั้นกระจ่างใสเหมือนลูกแก้ว  ตาของคนที่ถูกล้างสมองมาจนไม่มีอะไรจะให้ล้างกลับได้อีก…

ฝนดาวออกจากที่นั่นและผ่านไปที่บ้านพักของดอกเตอร์  มีแก้วน้ำผลไม้ที่ดื่มหมดแล้ววางทิ้งอยู่

รีบเก็บมันยัดใส่ถุงที่เตรียมไป หวังว่าจะมีดีเอ็นเอของดอกเตอร์แฝงอยู่ที่นั่นไม่มากก็น้อย ช่องทางเดียวที่จะพิสูจน์ตัวตนของแกว่าจะมีดีเอ็นเอของต่างดาวฝังอยู่ในตัวมากน้อยแค่ไหน

 



Don`t copy text!