ฝุ่นในสายลม บทที่ 6 : กำเนิดเจ้าลัทธิ

ฝุ่นในสายลม บทที่ 6 : กำเนิดเจ้าลัทธิ

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

ภาวินจ้องหน้าทุกคน ก่อนที่จะพยักหน้าถามกานนต่อ

“เอ้า แล้วมีไรอีก นอกจากไปได้ชื่อเสียงเรียงนามแกมา”

“คือดูไปแล้วประวัติของแกนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับหัวหน้า ประกาศว่าแม่เคยถูกเอเลี่ยนลักพาตัวไป จากนั้นก็ตั้งท้องขึ้นมา พอคลอดก็คือตัวแกนี่ละ”

“คือแม่ท้องไม่มีพ่อเอางั้นดีกว่า จับพลัดจับผลูหาใครไม่ได้ ก็อ้างว่ามีลูกกับมนุษย์ต่างดาว สมัยนั้นเรื่องที่จะมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนสมัยนี้มันยาก ต้องเอาปี๊บคลุมหัวกันเลยถ้าเกิดท้องไม่มีพ่อขึ้นมา…แล้วตกลงคนเขาก็เชื่อกันหรือ”

“เชื่อครับ เพราะตอนแกคลอดออกมา เกิดมีปาฏิหาริย์หลายอย่าง ไฟดับหมดทั้งโรงพยาบาล แล้วเกิดมีแสงสว่างวาบส่องมาที่ตัวแกคนดียว ท่ามกลางเด็กทารกที่นอนกันอยู่ จากนั้นก็มียานอวกาศมาลอยอยู่ริมหน้าต่าง แล้วก็มีมนุษย์ตัวเรืองแสงเดินลงมารายล้อมตัวแกเอาไว้ คาดว่าเป็นเอเลี่ยนมาดูหน้าลูกชาย”

“มากันกี่ตัว”

“ตามที่กล่าวอ้างเขาว่ามากันเป็นทีมเลยครับ เห็นเป็นแค่แสงที่ไม่มีตัวตน พวกหมอพยาบาลเห็นกันทุกคน ตื่นตกใจกันไปหมด”

“แล้วทำไมมันไม่เป็นข่าว”

“อาจจะเป็นก็ได้นี่คะ แต่หัวหน้าเกิดไม่ทัน” ฝนดาวแย้ง

“ถ้ามี ก็ไปเอาข่าวมาให้ดูดีกว่า มันต้องมีอยู่แล้วตามห้องสมุดไม่ว่าจะย้อน

หลังไปกี่ปีกี่ชาตินะ จะมากล่าวอ้างลอยๆ แบบนี้ไม่ได้ มันขัดกับจริยธรรมว่าด้วยการเสนอข่าว ถ้าไม่มีหลักฐาน…สรุปก็คือเรื่องแหกตาทั้งนั้น อาจจะกุเรื่องขึ้นมาหลอกผู้คนว่าเกิดขึ้นจริง ก็แค่ลมปากคนที่เชื่อถือไม่ได้เลยนะ จำไว้…มันต้องมีภาพถ่ายประกอบ เหมือนสมัยนี้ไง ที่หลอกคนได้ยากเย็น เพราะทุกคนมีมือถือหมด สามารถถ่ายภาพมาเป็นพยานหลักฐานได้ทุกเมื่อ ว่าแต่ไปเที่ยวนี้ได้ภาพถ่ายอะไรมากันหรือเปล่า”

“ผมถ่ายภาพมาหมดเลยครับตั้งแต่ตอนขาเข้าไป แต่ต้องแอบถ่ายเพราะเขามีกฎห้าม”

“ห้ามถ่ายภาพอีก มันชักจะยังไงๆ”

“มีข่าวลืออีกว่าเจ้าลัทธิคนนี้แกหายตัวได้ มักจะไปปรากฏกายที่โน่นที่นี่”

“ดีแล้ว ถ้ามาปรากฏตัวให้พวกเราเห็นเมื่อไหร่ก็รีบถ่ายภาพเอาไว้เลย เป็นหลักฐาน”

“เขาว่าแกลอยได้ด้วยค่ะหัวหน้า”

“มายากลเก่าแก่ของพวกโยคีที่เขารู้กันหมดแล้วว่าลอยตัวได้ไง แค่ขึ้นไปนั่งบนแผ่นไม้รองรับแล้วปิดบังด้วยผ้าคลุม ใครๆ ก็ทำได้ ฉะนั้นอย่าไปเชื่อแม้จะเห็นด้วยตาตัวเอง ตาดอกเตอร์คนนี้แกจะต้องเป็นนักเล่นกลตัวฉกาจเลยละเท่าที่ฟังดู อย่าได้ไปหลงกลแกง่ายๆ แล้วมีอะไรอีก ฝนล่ะ ไปสืบหาตัวเมียนักการเมือง ได้ความอะไรมามั่ง”

“หาตัวยังไม่เจอเลยค่ะ ฝนแอบถามแม่ครัวตอนเข้าไปช่วยเขาทำอาหาร แม่ครัวบอกว่าคุณนายคนนั้นมีบ้านอยู่ข้างใน ไม่ปะปนกับใคร อาหารก็ต้องนำไปส่งถึงที่”

“เสียเงินไปสิบล้านแล้วมันก็ต้องมีอภิสิทธิ์กันหน่อย นี่มีข่าวว่าผัวกำลังเดินเรื่องหาทางเอาเมียกลับไปเหมือนกัน เริ่มมีสื่อบางสำนักไปสัมภาษณ์แล้ว ฉะนั้นเราจะต้องเร่งปฏิบัติการให้รวดเร็ว ก่อนหน้าที่สื่อหลักพวกนี้จะเข้ามายึดพื้นที่ไปได้ เข้าใจรึยัง เพราะถ้าเราไม่เร่งเอาความจริงไปนำเสนอก่อนเขาเราก็พัง สื่อโนเนมอย่างเราใครจะมาติดตาม ยิ่งภาพถ่ายนี่เป็นพยานหลักฐานที่สำคัญที่สุดเลย ใครไปได้ภาพถ่ายจานบินอะไรมากันมั่งรึเปล่า”

“ยังไม่มีเลยครับ แต่ผมสืบรู้มาว่ามีนักท่องเที่ยวไปเกาะกลุ่มถ่ายภาพกันในสวนสาธารณะบนเกาะตลอดเวลา เห็นว่ามีจานบินโผล่ขึ้นที่นั่นบ่อยๆ”

“สวนในลัทธินั่นน่ะหรือ”

“ไม่ใช่ครับ คนละเจ้าของกัน เป็นสวนเอกชน แต่อยู่บนเกาะนั้น มีเต็นท์ให้เช่าคืนละสองสามพันบาท”

“แพงกว่าอยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์อีกนะ”

“ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไปกันเพราะได้ภาพไปลงยูทูบ ลงติ๊กต่อกเรียกยอดวิวได้ มันคงคุ้มนะครับผมว่า”

“ถ้างั้นเราไปกันเลยพรุ่งนี้ จะยอมลงทุนถ้ามันคุ้มจริงนะ” ภาวินตื่นเต้นไปด้วย

“ทุกคนไปเตรียมตัว เราจะเตรียมอาหารสำหรับไปแคมปิง เตรียมกล้องถ่ายรูปให้พร้อม เราจะไปเช่าเต็นท์กัน ลองไปค้างอยู่สักคืน”

“ค่าเช่าเต็นท์ละสองพัน เต็นท์เดียวห้ามอยู่เกินสองคนค่ะหัวหน้า” ฝนดาวรีบขัด

“มีงบประมาณเช่าได้แค่เต็นท์เดียวเท่านั้น ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ เบียดๆ กันน่าจะ ไม่ไหว ออกมานอนนอกเต็นท์สักคนไหม”

คราวนี้สองหนุ่มหันไปมองหน้าฝนดาวเป็นตาเดียวกัน

“คือโหวตกันด้วยสายตาแล้วจะให้ฝนนอนนอกเต็นท์…” ฝนดาวชักเดือด

“เสียงข้างมากไง เอาไว้ไปถึงนั่นค่อยโหวตกันอีกที เต็นท์มันอาจจะใหญ่พอที่เราสามคนอาจจะอยู่กันอย่างสบายๆ ก็ได้”

“ฝนขอสละสิทธิ์ได้ไหมคะงานนี้”

“ไม่ทันไรก็จะเอาตัวรอด” ภาวินคำราม “สาเหตุที่ไม่อยากได้ผู้หญิงมาร่วมงานก็เพราะเหตุนี้แหละ เรื่องเอาเปรียบละต้องยกให้ ถ้าจะต้องไปนอนกลางดินกินกลางทราย ก็จะต้องให้นักข่าวผู้ชายรับหน้าที่ไปหมด การมาฝึกงานก็ต้องสมบุกสมบัน ไม่ใช่เหยียบอุจจาระไก่ไม่ฝ่อ นี่พูดอย่างสุภาพที่สุดแล้วนะ ไม่งั้นวันคืนข้างหน้าไปสมัครงานกับสื่อดังๆ เขาจะถามได้ว่าฝึกงานมาจากที่ไหน เสียชื่อสื่อกิ๊กก๊อกอย่างเราไปด้วย”

ฝนดาวเงียบหลังจากโดนเทศนาเสียยาวยืด เรื่องพูดมากและขี้บ่นเป็นไฟแลบต้องยกให้หัวหน้างานคนนี้ น่าจะต้องร่วมงานกันอีกยาวไกลกว่าปฏิบัติการไล่ล่าเอเลี่ยนจะยุติลงได้…

“งั้นก็เอาตามนี้ แล้วอย่าลืมเรื่องอาหารการกิน หน้าที่เราคือตระเตรียมเรื่องอาหาร งบประมาณไม่เกินร้อยห้าสิบ นั่นคือสองมื้อตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงเย็น” ตาเข้มดุมองหน้าหล่อนไปด้วยขณะสั่งการ

“อาจจะได้ข้าวคนละห่อค่ะหัวหน้า” ฝนดาวแกล้งพูด

“ก็เป็นเสียอย่างนี้ไง ประหยัดไม่เป็นกันรึไง” คิ้วขมวดยุ่งอย่างขัดใจ “ถ้าทำไม่ได้ก็ให้นนไปจ่ายตลาดแทน ผู้ชายไม่ใช้เงินมากอยู่แล้ว แล้วอย่าลืมเตรียมเครื่องย่างไปด้วยสำหรับแคมปิง”

“ยกเตาไปด้วยดีไหมคะ”

“เค้ามีขายนี่นา เตาย่างแบบพับได้ที่มีถ่านพร้อม ย่างทีเดียวทิ้งได้เลย”

“เงินไม่พอค่ะ”

“งั้นเพิ่มงบให้อีกยี่สิบบาท”

“น่าจะได้แค่ถ่านครับหัวหน้า” กานนคงทนไม่ไหวถึงออกมาช่วยอีกแรง

“ไม่ไหวๆ พวกเรานี่ไม่รู้จักคำว่าประหยัดหน้าตาเป็นยังไง งั้นไม่ต้องซื้ออะไรทั้งสิ้นนอกจากอาหาร ถ่านไปหาเอาดาบหน้า อาจจะมีที่เขาใช้ทิ้งแล้ว”

ฝนดาวมองใบหน้าคมเข้มที่ดูจริงจังจนไม่คิดว่าเป็นการพูดเล่น ในวัยสามสิบกว่าแค่นั้นแต่เขาทำตัวเหมือนคนแก่ๆ ขี้บ่นเจ้าระเบียบจู้จี้จุกจิกเสีนจนรับไม่ไหว

ที่ร้ายที่สุดก็คือเค็มเสียจนเกลือกระเด็น มันมีด้วยหรือเจ้านายประเภทนี้…

 



Don`t copy text!