ฝุ่นในสายลม บทที่ 8 : ผีเจ้าที่

ฝุ่นในสายลม บทที่ 8 : ผีเจ้าที่

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

ภาวินลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าอาการเป็นอัมพาตหายไป และเขาสามารถขยับกายได้ตามปกติ

รีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงแม้เหงื่อจะแตกท่วมตัว

เกิดอะไรขึ้น

เขาฝันไปหรือว่ามีใครเข้ามาในห้องนี้จริงๆ กันแน่…

รีบลุกขึ้นสำรวจกระเป๋าเงินที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนอื่น ไม่มีอะไรเลยที่หายไป

แสดงว่าไม่ใช่ขโมย ก็แล้วมันเป็นอะไรกัน…

เดินสำรวจผนังห้องที่เขาเห็นเจ้าสิ่งนั้นผ่านวับหายเข้าไปอย่างไร้ร่องรอย

ยังขนลุกซู่ซ่าอยู่แม้จะไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ หรือว่าแท้จริงแล้วมันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นเอง

การกระดิกตัวไม่ได้น่าจะเป็นเรื่องของผีอำอย่างที่เขาว่ากัน จนเกิดอาการประสาทหลอนขึ้นมาชั่วขณะและเห็นภาพต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

หาเหตุหาผลให้ตัวเองได้ตามหลักวิชาการ แม้ในจิตใต้สำนึกลึกๆ ยังเต็มไปด้วยความพิศวงในสิ่งที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

ประสาทอะไรจะมาหลอนคนเราได้ถึงขนาดนั้น ในเมื่อเขาแน่ใจว่าเขาได้เห็นปรากฏการณ์ที่ว่านั้นจริงๆ

ล้มตัวลงนอนต่อ รอบนี้เปิดไฟที่หัวเตียงเอาไว้ด้วย มาข่มตาหลับได้ตอนเกือบสว่างและสะดุ้งตื่นจากสัญญาณมือถือ งัวเงียขึ้นมาเปิดดู ฝนดาวส่งข้อความเข้ามานั่นเอง

เสบียงกรังพร้อมแล้วค่ะ หัวหน้าจะให้ฝนไปเมื่อไหร่

ภาวินหยีตาดูเวลา เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเหรอ…

งัวเงียตอบกลับไปว่า

เพิ่งตื่น ก็มาเดี๋ยวนี้เลย ซื้อปาท่องโก๋มาให้ด้วยก็ดี

ฝนดาวกดอ่านข้อความที่ส่งมา

เพิ่งจะตื่น…จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกันพ่อคุณ…

แถมให้ซื้อปาท่องโก๋เข้าไปด้วย มันหาซื้อได้ง่ายๆ หรือย่านนี้…

ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ ตามหาร้านปาท่องโก๋เจ้าเก่าจนพบ มันเป็นร้านอาแปะเล็กๆ ที่ขายแค่กาแฟกับปาท่องโก๋ และอยู่ในตลาดที่ป้าเอาของมาขายนั่นเอง เลยเดินเข้าไปทักทายป้าที่กำลังวุ่นอยู่กับการขายของให้ลูกค้า มีไก่ทอดเจ้าเดิมกำลังทอดสดๆ ร้อนๆ

“อ้าว ป่านนี้ยังไม่ไปทำงาน” ป้าถามทัก

“หัวหน้าให้ฝนมาซื้อปาท่องโก๋เข้าไปด้วย จะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

“งั้นเอาไก่ทอดของป้าไปฝากเจ้านายอีก กำลังทอดสดๆ ร้อนๆ เป็นห่วงคนแก่จะไม่มีอะไรกินกัน”

ป้ารีบตักไก่ทอดใส่กล่องให้หลายชิ้น แถมน้ำจิ้มกับน้ำพริกที่ทำเอง

“บอกเขาด้วยว่าไม่อดตายแน่ มาอยู่ย่านนี้นานๆ”

ฝนดาวหอบสัมภาระกลับไปที่โรงแรมก็พบว่ากานนไปถึงก่อนแล้วและกำลังนั่งคุยกับเจ้าของห้องท่ามกลางบรรยากาศเครียดๆ

“ไม่มีนะครับหัวหน้า ขโมยขโจรในย่านนี้ อีกอย่างพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ทำงานกันยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าที่ผมเห็น”

กานนหันมาบอกหล่อน

“เมื่อคืนหัวหน้าว่ามีคนเข้ามาในห้องกลางดึก”

“ตายจริง แล้วมันเอาอะไรไปได้มั่งไหม” ฝนดาวตกใจ

“ไม่มีอะไรหายน่ะซี” ภาวินตอบแทน ตามองมือเล็กๆ ที่หยิบถุงใส่ปาท่องโก๋ออกมาจัดใส่จานพลาสติกให้เขา

“ใครอยากกินกาแฟก็ช่วยตัวเองนะ” หันไปบอกทุกคนก่อนที่จะจัดการฉีกปาท่องโก๋จิ้มกาแฟร้อนๆ และใส่ปากเคี้ยวตุ้ย

“ความที่ไม่มีอะไรหายก็เลยข้องใจว่าจะใช่ขโมยรึเปล่า” พูดต่อและกินไปด้วย

“เห็นหน้ามันไหมล่ะครับ” กานนซัก

“ไม่เห็น ในห้องมืดมาก เห็นแค่เงาเดินไปเดินมา จากนั้นก็หายเข้าไปในผนังห้องอีกด้าน”

“ต๊าย ถ้าแบบนั้นผีแน่เลยค่ะหัวหน้า” ฝนดาวกรี๊ด

“มันมีด้วยหรือผีสาง เขาจะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว” ภาวินหันไปดุ

“มันมีด้วยหรือคะคนเดินทะลุฝาได้” ฝนดาวลากเก้าอี้นั่งเพื่อร่วมวงเสวนา

“โรงแรมนี้มีประวัติผีดุรึเปล่าพี่นน” หันไปถามคนที่นั่งฟังเงียบๆ

“ไม่มีนี่นะ เพราะถ้ามีมันต้องลือกันไปแล้วสามบ้านแปดบ้าน แต่นี่ไม่เคยได้ข่าวเลยตั้งแต่มาอยู่”

“หรือไม่ก็เจ้าที่ หัวหน้าจุดธูปบอกเจ้าที่เขารึเปล่าคะ ตอนมาอยู่วันแรก ขนาดฝนมาอยู่กับป้ายังต้องจุดธูปบอกเลย เพราะเจ้าที่อาจจะแรงนะโรงแรมนี้”

“โอ้ย เจ้าที่เจ้าทางอะไรที่ไหน” ภาวินโวยอย่างเหลืออดเหลือทน “เตือนแล้วไงว่าอย่าได้ไปเชื่ออะไรง่ายๆ ถึงได้ถูกหลอกกันเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะไปเชื่อเรื่องพวกนี้ ประเดี๋ยวมีผีเข้ามั่งละ ร่างทรงเลยเข้ามาหากินกันอย่างอิ่มหมีพีมัน พวกเราเป็นนักวิชาการ และต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับชาวบ้านสิ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ผีเข้าผีออก มันจะไปได้เรื่องอะไร งั้นก็จบได้เรื่องนี้ ถ้าไม่เคยมีประวัติโจรผู้ร้ายก็ไม่ต้องคุยกันเรื่องอื่น”

“แล้วเกิดมันกลับมาอีกล่ะหัวหน้า ถ้าเราไม่พยายามสืบให้รู้แน่ ผมว่ามันอาจจะกลับมาอีก” กานนขัด “เพราะถ้าหัวหน้าแน่ใจว่าเห็นจริงๆ และไม่ได้เพ้อเจ้อเหลวไหลประสาทหลอน ก็เท่ากับว่าอาจจะเพิ่งมีขโมยเข้าในท้องที่แล้วก็ได้ อาจจะแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ ให้เขาเข้ามาดูแล”

“ถึงตำรวจเมื่อไหร่ความก็แตกสิเรื่องที่เรามาปักหลักทำข่าวกัน ไม่ด้าย…เราจะต้องรักษาความลับเรื่องการทำข่าวก่อนที่ลัทธิอุบาทว์มันจะไหวตัวทัน”

“รึว่าจะให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน” กานนเสนอแนะ

“ก็ดีนะคะ หัวหน้าจะได้มีเพื่อนนอน” ฝนดาวเสริม “หมายถึงมีเพื่อนคอยดูแลเวลาเกิดอะไรขึ้นมาตอนดึกๆ ดื่นๆ”

“นี่เห็นเราเป็นเด็กอมมือไปแล้วรึไง” คำรามฟอดใส่ทุกคน “บอกแล้วไงว่าให้มันจบไป อีกอย่างมีปืนพกติดตัวมาด้วย ป้องกันตัวเองได้อยู่หรอก ว่าแต่ได้อะไรมากินมั่งวันนี้” ทำจมูกฟุดฟิดเมื่อเห็นกล่องใส่อาหาร

“ป้าฝนฝากไก่ทอดมาให้หัวหน้าค่ะ ฝนเตรียมข้าวมาด้วยเผื่อไปแคมปิงกันวันนี้ มีไก่ทอดเยอะแยะกับน้ำพริก จะได้ประหยัดรายจ่าย”

“ไปบอกอะไรป้าเราไว้มั่ง” ภาวินนิ่วหน้า

“ก็เล่าตามตรง เพราะป้าข้องใจว่าทำไมรายได้ฝนน้อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัวเลย ก็บอกป้าไปว่าหัวหน้ามีรายจ่ายมากมาย จนไม่เหลือมาถึงลูกน้องสองคนที่อยู่อย่างอดๆ อยากๆ”

“มาหลอกด่ากันรึเปล่า” หัวหน้าเสียงเข้มตาแข็ง “ไล่ให้ไปขุดดินซะดีมั้ง จะได้รู้ค่าของแรงงาน ว่าเขาเหนื่อยกว่าเรากี่เท่า”

“ป้าแกชอบช่วยคนครับ” กานนเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาช่วยเบรก “น้ำพริกของแกหัวหน้ากินแล้วจะติดใจ บ้านผมตุนไว้เป็นลังๆ เกิดหัวหน้าอยากเอาน้ำพริกแกไปขายหารายได้เข้ามาอีกทาง ผมเห็นคนทำกันเยอะแยะ อีกอย่างเศรษฐกิจตอนนี้ทุกคนยอบแยบกันไปหมด จะได้หาทางช่วยป้าแกด้วย”

“ถ้างั้นเราเร่งงานเคสนี้ให้มันเสร็จโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็มาช่วยป้าโปรโมตน้ำพริกแกเป็นงานอดิเรก สำหรับวันนี้การไปแคมปิงที่มีต้นทุนสูงมาก เราจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือมามั่ง อย่างน้อยก็ภาพถ่ายจานบินที่เขาลือกันนักกันหนา ก็เตรียมกล้องไปให้พร้อม รวมทั้งข้าวของในห้องที่เอามาจากกรุงเทพด้วย เพราะไม่ได้อยู่ทั้งคืนเผื่อโจรมันจะบุกเข้ามาอีก ยิ่งมันเห็นไม่มีคนอยู่”

“ประเภทเดินทะลุฝาไปได้นี่ไม่น่าจะเป็นขโมยแล้วละค่ะหัวหน้า” ฝนดาวยังคันปากเถียงไป

แล้วก็ต้องเงียบเมื่อเห็นตาเข้มดุที่ตวัดมองตรงมาชนิดไม่ต้องเอ่ยปากออกมาเป็นถ้อยคำ

เพิ่งจะเคยเห็นคนหัวดื้อหัวแข็งที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลยจากคนอื่น

เห็นชัดๆ ว่ามันไม่ใช่โจรที่บุกเข้ามาเมื่อคืน

แต่เขาก็ยังยืนยันจะเชื่อตามความคิดของตัวเอง

มิน่าผีเจ้าที่ถึงได้ดุขนาดบุกเข้ามาหลอกหลอน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในโรงแรมนั่นเลยทีเดียว…

 



Don`t copy text!