
หัวใจมังกร บทที่ 7 : แนะนำตัว
โดย : สิรี กวีผล
![]()
หัวใจมังกร โดย สิรี กวีผล เรื่องของ ชายหนุ่มทายาทตระกูลจีน ถูกพรากคนรักและพรากชีวิตด้วยกระบี่ในอดีต ปาฏิหาริย์แห่งคำสาบานก่อนตายนำพาเขาและเธอกลับมาพบกัน ทว่าต่างภพชาติ ชายหนุ่มต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัว หรือความรักที่เขารอคอยมานานนับร้อยปี อ่านเรื่องราวนี้ได้ทาง เพจอ่านเอา และ www.anowl.co
แสงอาทิตย์ยามเช้าแทรกตัวเล็ดลอดผ่านผ้าม่านผืนใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ทอดตัวให้ร่มเงากับตัวบ้าน ไออุ่นยามเช้าแทรกตัวเข้ามาในห้องปะทะไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แสงอาทิตย์ทำหน้าที่ส่องสว่างปลุกเจ้าของห้องนั้นจนรู้สึกตัว ใบหน้าสวยๆ งัวเงียบิดขี้เกียจขึ้นจากเตียงนอน มองซ้ายมองขวาหาใครสักคน
“นี่เราแพนิกทุกเช้าก็ไม่ไหวมั้ง” กัญญ์กุลณัชนึกถึงชายหนุ่มหน้าตี๋ขาวสะอาด เผลอยิ้มออกมาให้กับกระบี่ดำดอกโบตั๋นสีดำ ของประดับห้องชิ้นใหม่ของเธอ ที่ถูกจัดวางไว้เบื้องหน้าบนแท่นวางไม้สักสวยงามใต้ทีวี แสงอาทิตย์กระทบกระบี่เป็นประกายเงางามอย่างบอกไม่ถูก เธอลุกขึ้นเดินไปหยิบกระบี่ด้ามนั้นมาดูใกล้ๆ กระบี่ค่อยๆ เลื่อนออกจากฝักตามแรงดึง เผยให้เห็นฟันกระบี่สีเงินคบกริบ กัญญ์กุลณัชจับพลิกไปมา
“โอ๊ย” ไม่ทันระวัง นิ้วมือของกัญญ์กุลณัชบาดเข้ากับรอยบิ่นบนฟันกระบี่จนเลือดไหล เธอรีบลุกขึ้นไปวางกระบี่กลับที่แท่นวาง แล้วรีบเข้าห้องน้ำล้างมือพร้อมกับล้างเนื้อล้างตัวในยามเช้า โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเลือดของเธอได้ติดอยู่ที่กระบี่ดำดอกโบตั๋น
พลันปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น แสงสว่างสีขาวนวลพุ่งออกมาจากรอยบิ่น เลือดกัญญ์กุลณัชถูกดูดเข้าไปอยู่ภายใน ดาบโบราณลอยคว้างขึ้นบนอากาศโดยไม่มีใครเห็น เลือดคน 2 คนถูกผสานรวมกันอยู่ภายในแสงสีขาวนวล กระบี่ถูกโอบอุ้มในลำแสงเช่นเดียวกัน
ภายในห้องนอน ชางวางกระบี่ที่ป๊าของเขาปาลงพื้นไว้บนแท่นวางหน้าโต๊ะทำงาน ชางมองกระบี่ด้วยหัวใจที่แสนจะปวดร้าว บนศีรษะของเขาถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลหลังจากที่โดนปลายกระบี่ทิ่ม เขาแช่ตัวในถังไม้เพื่อลดความรุ่มร้อนในใจอยู่นานพอตัวก่อนจะหยิบสมุนไพรขึ้นมาขัดตัว ในห้วงเวลานั้นเริ่มมีสบู่ก้อนนำเข้ามาขาย แต่มีราคาค่างวดค่อนข้างสูง ที่บ้านของเขายังคงใช้สมุนไพรจีนจำพวกเครื่องหอมเพื่อทำความสะอาดร่างกายอยู่ พอเนื้อตัวเริ่มเปื่อยขึ้นชางจึงลุกขึ้นพันผ้าขาวม้าไว้หลวมๆ หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาเรียบร้อย ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกจากห้องน้ำมีแสงสว่างพุ่งออกจากกระบี่ดำดอกโบตั๋น แสงนั้นสว่างจ้าจนชางต้องยกมือขึ้นมาบังสายตา จากนั้นไม่นานร่างของเขาก็ถูกดูดเข้าไปในกระบี่จนหายวับไปกับตา
“เฮ้ยยย…ย” เสียงตกใจของชางดังสนั่น ร่างของเขาหล่นตุ้บอยู่บนพื้นไม้แดงปาร์เกต์ กัญญ์กุลณัชได้ยินเสียงผู้ชายร้องก็แปลกใจคิดว่าเป็นเสียงพ่อตนเองจึงรีบนุ่งผ้าขนหนูออกมา
“เฮ้ยยย…ย” กัญญ์กุลณัชตกใจที่เห็นชายหนุ่มหน้าตี๋คนเดิม เสื้อผ้าไม่ใส่มีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียว ชางพยายามลุกขึ้นแต่ไม่ทันระวัง เท้าของเขาเหยียบเข้ากับชายผ้าขาวม้า กัญญ์กุลณัชตาโตตกใจที่เห็นผู้ชายยืนแก้ผ้าต่อหน้าต่อหน้า ชางรีบคว้าผ้าขาวม้าตนเองขึ้นมาปิดน้องชายของเขาไว้อย่างเร่งรีบ เธอเขวี้ยงหมอนใกล้มือปาใส่เขาไม่หยุด พร้อมกับมุดกลับเข้าห้องน้ำไป กัญญ์กุลณัชรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะค่อยๆ แง้มประตูห้องอาบน้ำออกมา พอไม่เห็นชางก็สบายใจขึ้น แต่ทว่าเขากลับไปยืนแก้ผ้ามีผ้าขาวม้าปิดท่อนล่างไว้อยู่ที่ระเบียงพยายามเหมือนจะปีนระเบียงออกไป เธอรีบไปคว้าแขนเขากลับเข้ามาในห้องก่อนที่จะตกลงไป
“คุณจะทำอะไร” กัญญ์กุลณัชรีบถาม “จะฆ่าตัวตายเหรอ อย่ามาฆ่าตัวตายในห้องนอนฉันนะ”
“จะบ้าเหรอ อั๊วจะทำอะไรอย่างนั้น ลื้อก็ถามประหลาด” ชางยิ้มดีใจที่ได้เห็นหน้ากัญญ์กุลณัชอีกครั้ง เขาเดินเข้าประชิดตัวเธอ กัญญ์กุลณัชถอยจนจะล้มลงบนเตียงแต่ชางคว้าตัวไว้ได้ทัน กัญญ์กุลณัชตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง มือของเธอเผลอสัมผัสเรือนร่างของเขาโดยไม่รู้ตัว จับไปจับมา
“อ้าว…คุณไม่ใช่ผีนี่” กัญญ์กุลณัชผลักชางออก “แล้วคุณมาที่ห้องของฉันได้ยังไง”
“แล้วลื้อก็ไม่ใช่ผีเฝ้าศาลเจ้า” ชางสับสนงุนงง “แล้วลื้อเป็นใคร แล้วอั๊วมาที่นี่ได้ยังไง” ชางปล่อยมือจากผ้าขาวม้าคาดเอวมาจับหัวตัวเองด้วยความสับสน ทว่าผ้าขาวม้าก็ไม่มีแรงที่จะยึดเกาะร่างกายเลยแม้แต่น้อย มือของกัญญ์กุลณัชไวกว่าคว้าผ้านั้นไว้ไม่ให้ร่วงลงมา ทว่าสิ่งที่คว้าได้นั้นมากกว่าสิ่งที่ควรจะคว้า
“อี๋ๆ…” กัญญ์กุลณัชรีบปล่อย สะบัดมือคล้ายรังเกียจ ทว่าชางหน้าแดงแปร๊ดไปเรียบร้อย เธอรีบหาเสื้อผ้าที่พอจะมีให้เขาใส่ แต่เมื่อเขาใส่ชุดของเธอที่ว่าหลวมและโคร่งที่สุดแล้วกลับกลายเป็นเหมือนชุดรัดรูปสำหรับเต้นแอโรบิกเสียมากกว่า กัญญ์กุลณัชหลุดขำยกใหญ่ทำเอาคนใส่ไม่มั่นใจ
“ที่นี่ที่ไหน” ชางตั้งสติมองไปรอบๆ มือไม้อยู่ไม่สุข พยายามปกปิดร่างกายตัวเองไว้อย่างเคอะเขิน
“บ้านฉันเอง กรุงเทพ แล้วคุณมาได้ยังไง มาจากไหน” กัญญ์กุลณัชพยายามตั้งสติ
“อั๊วมาจาก…” ชางครุ่นคิด มองไปรอบๆ เห็นกระบี่ดำดอกโบตั๋นวางอยู่ใต้ทีวี ชางเดินไปมองกระบี่ใกล้ๆ
“ไม่จริงน่า”
“ไม่จริงอะไรของคุณ อย่าบอกนะว่าคุณเป็นวิญญาณสิงอยู่ในกระบี่”
“ซี้ซั้วต่า” ชางพยายามเรียบเรียงความคิด “อั๊วจำได้ว่า อั๊วอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ แล้วจู่ๆ ก็เห็นแสงประหลาดออกมาจากกระบี่แบบนี้ที่ห้องนอนอั๊ว แล้วจู่ๆ อั๊วก็มาอยู่ที่นี่”
“โห ยังกับกุญแจนำทางในแฮรี่ พอตเตอร์ เวอร์ไปไหมคุณ ยุคสมัยนี้แล้วยังงมงายอะไรอีก” กัญญ์กุลณัชไม่อยากจะเชื่อ
ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงตะโกนเรียกชื่อกัญญ์กุลณัชดังขึ้นหน้าประตูห้อง กัญญ์กุลณัชรีบกุลีกุจอหาที่ซ่อนชางเพราะกลัวจะมีใครมาเห็นเข้าก่อนที่จะจัดการทำให้เขาหายไปเหมือนก่อน ความสับสนว่าชางคือคนหรือผียังตีกันอยู่ในหัว ไม่นานนักภัทราที่เคาะประตูห้องก่อนจะถือวิสาสะเข้าห้องลูกสาว
“หนูคุยกับใครเหรอคะ แม่ได้ยินไกลๆ แถมป้านงค์เห็นผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาเกาะแถวระเบียงห้องหนู” ภัทราเดินมาเปิดผ้าม่านที่ระเบียงไม่เจอใคร กัญญ์กุลณัชตื่นเต้นจู่ๆ ความรู้สึกกลัวแม่จะรู้ว่าซ่อนผู้ชายไว้ในห้องก็เกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่ ป้านงค์น่าจะตาฝาดน่ะค่ะ หนูเปิดซีรีส์ดูเมื่อกี้นี้ อาจจะเปิดเสียงดังไปหน่อยค่ะ”
“เดี๋ยวพ่อกับแม่แล้วก็พี่ณัฐจะบินไปลอนดอนมะรืนนี้นะคะ พอดีมีงานด่วนเข้ามาคุณลุงของเราเลยอยากให้พวกเราไปช่วยกันดูงาน” กัญญ์กุลณัชไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะพ่อกับแม่เดินทางแบบฉุกละหุกอยู่บ่อยครั้งและทุกครั้งก็จะมีพี่ณัฐตามไปช่วยดูแล ป้านงค์จึงกลายเป็นเสมือนครอบครัวเดียวที่อยู่คอยดูแลเธอแทนพ่อและแม่
“รอบนี้ไปกี่วันคะคุณแม่”
“รอบนี้น่าจะเป็นเดือนเลยจ้ะ มีของโบราณหลายชิ้นที่ต้องตรวจสอบ แถมมีลิสต์ที่ต้องเช็กให้ละเอียดเพราะจะนำเข้าพิพิธภัณฑ์ด้วย หนูอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหมคะลูก หรืออยากไปกับพ่อแม่ไหม” ภัทรายื่นข้อเสนอ เพราะใจจริงไม่อยากให้ลูกสาวอยู่บ้านคนเดียวสักเท่าไร
“หนูไม่ไปดีกว่าค่ะ ขอจัดการของประมูลให้คุณพ่อคุณแม่ดีกว่า แถมป้านงค์ก็อยู่กับหนูด้วย ไม่เหงาหรอกค่ะ” กัญญ์กุลณัชกอดภัทราให้คลายความคิดถึง ภัทราหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ก่อนจะเห็นเงาแปลกๆ ของใครสักคนในห้องอาบน้ำ เธอยิ้มกริ่ม พลันความคิดทำให้นึกถึงชายหนุ่มหน้าตี๋ตัวสูงที่เธอนิมิตเห็นเมื่อคราวก่อน
“ถ้าแอบซ่อนหนุ่มๆ ไว้ก็บอกแม่ได้ หรือกลับมาจะมีเซอร์ไพรส์แต่งงานก็ได้นะ” ภัทราอย่างมีเล่ห์นัย ก่อนจะเดินออกจากห้องกัญญ์กุลณัช
“ยากละคะคุณแม่” เสียงกัญญ์กุลณัชดังไล่หลังภัทรา ก่อนเจ้าตัวจะหน้าแดงโดยไม่มีสาเหตุ
ทันใดนั้นกัญญ์กุลณัชกลับมาเปิดประตูห้องน้ำหาคนต้นเหตุของเรื่อง ใจลึกๆ เธอคิดว่าเปิดประตูไปชางก็จะหายวับไปเหมือนก่อนอย่างที่เคยฝันเห็น แต่ทว่าเสียงน้ำจากฝักบัวดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องตะโกนโวยวายออกมาไม่หยุด เธอรีบเปิดประตูห้องเข้าไปเห็นชางกำลังง่วนอยู่กับการเปิดปิดน้ำจากฝักบัว สายฝักบัวพันระโยงระยางไปหมด จนห้องน้ำเธอเปียกไปทั่ว
“ช่วยด้วย” ชางร้องเรียกให้ช่วย น้ำจากฝักบัวพุ่งเข้าใส่หน้าชางเหมือนล็อกเป้าไว้แล้ว กัญญ์กุลณัชก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำเหยียบเข้ากับสบู่เต็มๆ เธอลื่นล้มทับชางที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับสายฝักบัวหลุดออกจากเครื่องทำน้ำอุ่น ไฟจากเครื่องทำน้ำอุ่นตัดลงทันที แต่ทว่าน้ำที่พุ่งออกมามากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งคู่กอดกันอยู่บนพื้น คนนึงสภาพเหมือนจะจมน้ำ อีกคนหัวเข่าแทบจะแตก กัญญ์กุลณัชยันตัวเองขึ้นมาเพื่อปิดวาล์วก๊อกน้ำก่อนน้ำจะท่วมห้องนอน
“คุณทำอะไรของคุณ” กัญญ์กุลณัชหัวเสีย ชางได้แค่ยิ้มแห้ง
“อั๊วเห็นห้องน้ำลื้อแปลกตาดีเลยลองหมุนเล่น ไม่รู้ว่าจะมีน้ำออกมาจากรูด้วย บ้านลื้อแปลกดีเนอะ” ชางมองห้องน้ำกัญญ์กุลณัชอย่างพิจารณาด้วยความสงสัยใคร่รู้ ทว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่สบอารมณ์ไปกับเขาด้วย กัญญ์กุลณัชพยายามจะลุกขึ้น ทว่าขาของเธอแพลงไปเรียบร้อย ชางเห็นหัวเข่าของเธอเขียวช้ำรวมกับข้อเท้าของเธอบวม ก็รีบอุ้มเธอขึ้นมา กัญญ์กุลณัชตกใจไม่ทันได้ห้าม เขาอุ้มเธอราวกับหยิบขนนก
‘นี่ตัวเราเบาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย’ กัญญ์กุลณัชนึกขำในใจ ชางอุ้มเธอมานั่งที่โซฟาด้านข้าง ตัวของเขาและเธอเปียกไปหมด
“ผ้าขาวม้าลื้ออยู่ไหน จะได้เอามาเช็ดตัว” กัญญ์กุลณัชงงเป็นไก่ตาแตก ชางเห็นหญิงสาวตรงหน้าทำหน้าสงสัยก็หยิบผ้าขาวม้าตัวเองขึ้นมาจะเช็ดหน้าให้
“คุณจะทำอะไร”
“อั๊วก็จะเช็ดตัวให้ไง”
“หยุดเลย! ใครเขาใช้ผ้าขาวม้าเช็ดตัวกัน ผ้าขนหนูฉันอยู่ตรงนั้น” ชางมองตามมือของเธอที่ชี้ไปยังผ้าผืนหนึ่งที่พาดเอาไว้ที่ราวตากผ้าเล็กๆ เขาเดินไปหยิบตามที่นิ้วเรียวสั่ง
“นี่เรียกว่า ผ้าขนหนู เอาไว้เช็ดหน้าเช็ดผม” ไม่ทันขาดคำกัญญ์กุลณัช ชางตกใจทิ้งผ้าขนหนูในมือลงพื้น สะบัดมือที่จับผ้าขนหนูอย่างรังเกียจ พยายามเอาเท้าเขี่ยๆ ไปให้ไกลๆ
“ลื้อใช้หนูเช็ดผม เช็ดหน้าได้ยังไง สกปรก คนอะไรประหลาดขนาดนี้”
“คุณน่ะสิบ้า สกปรกอะไรฉันซักทุกวัน” กัญญ์กุลณัชรีบเอามือหยิบผ้าขนหนูตัวเองที่พื้นก่อนที่เท้าชางจะเขี่ยไม่กี่วินาที เธอเช็ดหน้าเช็ดผม ในขณะที่ชางได้แต่มองอึ้งๆ หลังจากนั้นไม่นานกัญญ์กุลณัชเอาผ้าตัวเองมาเช็ดหน้าเช็ดผมให้ชาง เพราะสภาพชางเหมือนลูกหมาตกน้ำมายังไงยังนั้น
“ลื้อจะทำอะไร ไม่เอาๆ อย่าเอาขนหนูมาใกล้อั๊ว”
ชางปัดป้องผ้าขนหนูในมือกัญญ์กุลณัช มือของเขาจับข้อมือเธอไว้ทว่าไม่ได้ปัดออกอย่างที่สมองสั่งการ กลับเป็นหัวใจของเขาที่สั่งให้เขาจับมือนั้นและปล่อยให้มือของเธอนำผ้าผืนนั้นไปตามร่างกายของเขา มือน้อยๆ ค่อยๆ ลูบไล้ผ่านหน้า ผ่านคิ้ว จมูก ไม่นานนักมือของเธอก็เอื้อมขึ้นมาเช็ดผมของเขา ร่างกายของเธอใกล้ชิดเขาโดยไม่รู้ตัว ชางสูดกลิ่นหอมจากตัวหญิงสาวใกล้ๆ เนินเนื้อผิวพรรณของเธอช่างเย้ายวนจิตใจของเขาเสียเหลือเกิน กัญญ์กุลณัชเช็ดหน้าเช็ดผมให้ชางโดยไม่รู้ตัวว่าเจ้าของร่างกำลังชื่นชมตัวของเธออยู่
มือของเขาที่กำข้อมือของเธอไว้ค่อยๆ เลื่อนมือลงมาที่หน้าอก ชางสัมผัสได้ว่าหัวใจของเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่ต่างกับกัญญ์กุลณัชเท่าไรนัก เธอเผลอมองหน้าของเขาใกล้ๆ ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในใจ ชางประทับริมฝีปากและเขี้ยวน้อยๆ ลงใกล้มุมปากของเธอเพื่อสังเกตอาการของหญิงสาวตรงหน้า ทว่าเธอไม่ได้บ่ายเบี่ยงเลยแม้แต่น้อย สายตาของเธอกลับจ้องมองที่ริมฝีปากของเขา เมื่อสายตาทั้งสองสบตากันอีกครั้งก็ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดและความต้องการนั้นได้ ริมฝีปากของทั้งคู่สอดประสานแนบชิดกัน จากภาพฝันที่เขาและเธอนึกคิดกลับกลายเป็นภาพความจริงที่อยู่ตรงหน้า รสจูบของเธอช่างเกินจินตนาการที่เขาฝันถึง เธอไม่ใช่ภาพฝันของเขาอีกแล้ว
หลังจากเดินออกมาจากห้องของลูกสาวอย่างกัญญ์กุลณัช มีหรือที่ภัทราจะไม่สงสัยในตัวของลูกสาวที่แปลกไป และเท้าเปล่าเปลือยที่เห็นนั้นใช่ของหญิงสาวเสียเมื่อไหร่ ภัทราเงี่ยหูฟังอยู่ที่ประตูห้องจนได้ยินเสียงลูกพูดจาแปลกๆ ทว่าเสียงชายหนุ่มที่ภัทราได้ยินนั้นคุ้นหูไม่น้อย
“แอบฟังใครอยู่หรือครับคุณแม่” เสียงกฤตชย์กระซิบเบาๆ ข้างๆ หู ภัทราสะดุ้งโหยง หัวใจแทบตกไปตาตุ่ม
“คุณเนี่ย เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” ภัทราดุแก้เขิน
“อยากรู้อะไรก็เปิดเข้าไปเลยสิ ห้องลูกเราเองนะ ไม่มีอะไรต้องแอบฟังหรอกค่ะ” กฤตชย์ไม่พูดพร่ำ เคาะประตูห้องพอเป็นพิธี แล้วก็หมุนลูกบิดเข้าห้องโดยไม่รอเจ้าของห้องอนุญาต
กัญญ์กุลณัชตกใจมากที่จู่ๆ กฤตชย์กับภัทราผลุนผลันเข้ามาในห้อง ชางตกใจไม่แพ้กันกระโดดเด้งออกจากโซฟาไปหลบอยู่ที่ว่างหลังโซฟาอย่างรวดเร็ว
“แม่เขาแอบฟังว่าลูกคุยอยู่กับใครสักคนน่ะ” กฤตชย์แย่งพูด ภัทราทำหน้าเขินๆ ทว่าคนที่เขินกว่าคือกัญญ์กุลณัชที่เพิ่งจูบกับผู้ชายในห้องนอนของเธอเอง ส่วนคนต้นเหตุไม่ต้องพูดถึงนั่งตัวงอเป็นกุ้งหน้าแดงถึงหูไปเรียบร้อย
กฤตชย์เดินสำรวจไปทั่วห้องไม่เห็นใคร ชางตั้งสติได้ก็โผล่พรวดมาจากหลังโซฟา เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างลูกผู้ชายมากพอที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาทั้งหมด และยิ่งต่อกัญญ์กุลณัชคนที่หัวใจของเขาคิดถึงด้วยแล้ว การแนะนำตัวต่อผู้ใหญ่ถือเป็นการกระทำที่ให้เกียรติผู้หญิงและให้เกียรติตนเองด้วย ชางยกมือขึ้นไหว้ด้วยความเคารพ พร้อมกับรอยยิ้มที่เผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ ที่มุมปาก ภัทราเห็นชางยืนขึ้นก็ตกใจผงะถอยหลัง มือชี้ตรงมาข้างหน้าผ่านหน้ากัญญ์กุลณัชไป
“สวัสดีครับ อั๊วชื่อ ชาง ครับ ฟู่ชาง” ชางแนะนำตัวเองจนกัญญ์กุลณัชตกใจ แต่พยายามไม่หันหลังกลับไปมอง
“เธอคือคนที่ฉันเห็นในนิมิต” ภัทราพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
“คุณพูดอะไร ชี้หน้าลูกทำไม” กฤตชย์มองตามนิ้วมือภรรยาอย่างสงสัย เดินเข้ามาจับตัวลูกสาว หมุนไปมา มองรอบๆ ตัวลูกสาวก็ไม่พบอะไร
“คุณไม่เห็นเหรอคะ” ภัทราสงสัยหนักขึ้นกว่าเก่า
“เอ่อ คุณแม่เห็นใครเหรอคะ” กัญญ์กุลณัชพยายามไม่กระโตกกระตาก ภัทราพูดตะกุกตะกักเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“คุณแม่ตาฝาดไปแล้วค่ะ เนอะคุณพ่อเนอะ ไปเตรียมเสื้อผ้าเตรียมกระเป๋าได้แล้วค่ะ” กัญญ์กุลณัชได้ทีรีบดันตัวพ่อกับแม่ออกจากห้องไปก่อนจะปิดประตู และครั้งนี้ไม่ลืมที่จะกดล็อกห้องให้สนิท
“คุณพ่อลื้อไม่เห็นอั๊วได้ยังไง อั๊วยกมือไหว้ท่านอยู่ตั้งนาน” ชางพยายามจะออกจากห้องไปไหว้กฤตชย์กับภัทรา
“คุณจะโผล่มาทำไม แค่นี้แม่ฉันก็ตกใจลมแทบจับ”
“เข้าบ้านคนอื่นก็ต้องทักทายเจ้าของบ้าน ไหนจะต้องไหว้บรรพบุรุษอีก แต่ว่าเมื่อกี้ลื้อพูดว่าลมแทบจับ ลมจับลื้อได้ด้วยเหรอ” ชางทำมือจับลม พยายามจับให้ได้เหมือนอย่างที่กัญญ์กุลณัชบอก
“นี่ฉันจูบคนปัญญาอ่อนไปจริงๆ เหรอ” กัญญ์กุลณัชสับสนตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเองที่ใจง่ายกับผู้ชายที่ไม่รู้จักเป็นครั้งแรก
“อั๊วไม่ได้ปัญญาอ่อน ปัญญาอั๊วหลักแหลมนะ” ชางจับมือกัญญ์กุลณัชขึ้นมาลูบหัวตัวเอง
“โอ๊ย..ฉันจะบ้าตาย แต่ทำไมคุณแม่เห็นคุณ แล้วคุณพ่อไม่เห็น” กัญญ์กุลณัชสงสัย “แล้วคุณจะกลับบ้านยังไง ฉันไปส่งไหม”
“ไม่ต้อง อั๊วมาจากกระบี่ เดี๋ยวอั๊วไปจับกระบี่ก็คงกลับไปได้เอง” ชางเดินไปหากระบี่ด้วยท่าทางมั่นใจ เขานำกระบี่ขึ้นมาวางบนแท่นวางที่เดิม ยื่นมือเอานิ้วไปแตะที่ฟันกระบี่ทว่าร่างของเขาไม่ถูกดูดกลับเข้าไป ชางพยายามจับด้วยมือซ้ายทีขวาทีอยู่หลายตลบ จนหยิบกระบี่ขึ้นมาแกว่งไปแกว่งมา ร่างของเขาก็ยังอยู่ในห้องนอนของกัญญ์กุลณัชเช่นเดิม
“ซี๋เลี้ยวอ่า” ชางสบถ
“ไม่ใช่คุณคนเดียวที่แย่ ฉันจะทำยังไงกับคุณดีล่ะทีนี้” กัญญ์กุลณัชล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

- READ หัวใจมังกร บทที่ 9 : ความรับผิดชอบ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 8 : โลกใบใหม่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 7 : แนะนำตัว
- READ หัวใจมังกร บทที่ 6 : รอยบิ่น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 5 : โชคชะตา
- READ หัวใจมังกร บทที่ 4 : ดอกโบตั๋น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 3 : พายุอารมณ์
- READ หัวใจมังกร บทที่ 2 : ตระกูลฟู่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 1 : คนแปลกหน้า







