โหงลำโขง บทที่ 4 : ความงุนงง (2)

โหงลำโขง บทที่ 4 : ความงุนงง (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล กับเรื่องราวของ “คูน” ชายหนุ่มผู้อาภัพ บิดามารดาถูกฆาตกรรม เขาจึงเติบโตโดยการฟูมฟักจากแม่เฒ่าต้วน ผู้หวังว่าสักวันหนึ่งคูนจะกลับไปล้างแค้นให้กับบิดามารดา และทำให้ครอบครัวของฆาตกรนั้นอยู่อย่างตายทั้งเป็น หากแต่แผนการและหัวใจสวนทางกัน คูนจะทำอย่างไร นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

แสงของตะวันโผล่พ้นสู่ท้องฟ้า คูนรู้สึกระคายเคืองผิวหน้า เหมือนมีเมือกจากหอยทากทาลงมาทั่วหน้า เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นไอ้นวลกำลังใช้ลิ้นของมันเลียใบหน้าของเขาเพื่อปลุกให้ตื่น

“เจ้าปลุกข้าแบบนี้อีกแล้วเด้อ” คูนยิ้มออกมาพร้อมเอามือขึ้นไปลูบใบหน้าของม้าเบาๆ เป็นการขอบใจที่ช่วยปลุกตนให้ตื่นขึ้น เขาเหลือบไปมองจำปีที่กำลังนอนหลับใหล ไม่นานจำปีก็ลืมตาตื่นขึ้นมาสบตาคูนเข้า เขาเกิดอาการกระดากอายก่อนจะดันตนเองลุกขึ้นยืน

จำปีเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง แสงแดดในยามเช้าแยงตาเธอจนต้องหรี่ตาลง จากนั้นเธอค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งด้วยความงุนงง “นี่คือโลกหน้าแม่นบ่”

“บ่แม่นโลกหน้า ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว” คูนตอบ

“ปลอดภัยแล้ว” จำปีหันขึ้นไปมองหน้าคูนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่โจรจากเมื่อวานจริงๆ จากนั้นเธอก็เริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง ตามแขนและข้อเท้าของเธอเต็มไปรอยช้ำจากเชือกที่เคยรัดแน่น เสื้อผ้ายังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำและทรงผมก็กระเซอะกระเซิง

คูนนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้นดินเพื่อที่ถามไถ่อาการและต้องการแสดงความมิตรเพื่อให้อีกฝ่ายไม่หวาดกลัว “เจ้าเป็นแนวใดบ้าง รู้สึกเจ็บตรงไหนอยู่บ่”

ไม่นานท้าวคำมั่นและลูกน้องก็พากันวิ่งตรงมา ทำให้จำปีที่กำลังจะเอ่ยตอบคูนต้องหยุดไป เมื่อผู้เป็นพ่อโผเข้ากอดเธอเต็มแรงทั้งน้ำตา

“ลูกพ่อบ่เป็นหยังแล้วเด้อ” ท้าวคำมั่นพูดไปร้องไห้ไปก่อนหันไปมองคูน “ขอบใจเจ้าหลายๆ เด้อคูน”

คูนแสร้งยิ้มออกไปเหมือนคนเต็มใจ ทั้งๆ ที่ความรู้สึกลึกๆ ของเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยความแค้นที่อยากจะให้คนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกถึงความสูญเสียอย่างที่เขาเป็น

จำปีถูกนำตัวกลับมารักษาบาดแผลที่เฮือน การรอดชีวิตกลับมาของจำปีในครั้งนี้ ทำให้คูนถูกยอมรับจากท้าวคำมั่น ส่งผลให้ผู้คนในหมู่บ้านเริ่มเปิดใจยอมรับแม่เฒ่าต้วนไปด้วย แม้ในใจลึกๆ ของพวกเขาจะยังคงรู้สึกหวั่นวิตกอยู่บ้างก็ตาม

 

2 สัปดาห์ผ่านไป

คูนเข้าร่วมซ้อมวิชาดาบอาทมาฏกับบรรดาชายหนุ่มในหมู่บ้าน โดยมีท้าวคำมั่นและท้าวพาคอยช่วยดูกระบวนท่าต่างๆ ไปทีละคน จนกระทั่งตะวันบ่ายคล้อยลง พวกเขาจึงพากันแยกย้ายกลับไปยังเฮือนของตัวเอง

เก้อเดินข้างๆ คูนพร้อมกับเอาผ้าคาดเอวมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า เขาเริ่มตีสนิทคูนตามคำสั่งของท้าวพา ทั้งที่ในใจของเขานั้นรู้สึกอิจฉาในความสามารถและเสน่ห์ของคูนที่ทำให้บรรดาแม่หญิงสนใจ

“บักคูน…กูอยากถามมึงมานานแล้ว มึงไปหัดเรียนวิชาดาบอาทมาฏกับใครมาวะ ฝีมือมึงเก่งกว่าพวกกูที่รุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก”

คูนหันหน้าไปแสยะยิ้มที่มุมปาก “กูกะจำเอาจากหัวหน้านั่นละ”

“โหดเกินไปแล้วเด้อมึง” เก้อส่ายหัว “เพิ่งสิมาเรียนได้บ่กี่อาทิตย์เอง กูบ่เชื่อมึงหรอก”

“แล้วแต่มึง กูอาจสิอยู่ป่ามานาน เลยคล่องตัวกว่าละมั้ง”

“อาจสิแม่นกะได้ ตัวมึงคล่องแคล่วว่องไวคือลิง”

คูนไม่มีทางที่จะเผยความจริงทุกอย่างให้เก้อรู้อย่างแน่นอน เขาปล่อยให้เก้อคอยสังเกตและนึกคิดไปเองเสียดีกว่า ถ้าคิดจะทำการใหญ่ ภูมิหลังของตัวเองต้องปิดให้มิด

 

จำปีและบัวเพียงกำลังพากันเดินทางกลับเฮือน ในมือทั้งสองต่างถือตะกร้าผลไม้คนละใบ ระหว่างทางพวกเธอได้เห็นคูนและเก้อเข้า ทั้งสองคนจึงรีบเข้าไปหาใกล้ๆ

“อ้าว…น้องจำปี หายดีแล้วเหรอจ๊ะ” เก้อทักทายขึ้นก่อนเหลือบไปมองตะกร้าผลไม้ในมือของจำปี “หมากไฟหวานนั่น น้องจำปีเอามาให้ใคร”

จำปีแทบไม่ได้มองหน้าของเก้อด้วยซ้ำ สายตาและรอยยิ้มของเธอเอาแต่จ้องไปที่คูน ราวกับโลกทั้งใบของเธอนั้นมีเพียงชายหนุ่มผู้นี้

ส่วนบัวเพียงนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นเก้อเอาแต่ทักทายจำปีคนเดียว เขาไม่หันมาถามไถ่เธอเลย ทั้งๆ ที่ตะกร้าผลไม้นี้ เธอถือมาเพื่อมอบให้แก่เก้อ

“ข่อยให้อ้ายเด้อ” จำปียื่นตะกร้าผลไม้ป่าให้แก่คูน “หมากไฟต้นนี้ว้านหวาน”

คูนยิ้มให้ก่อนยื่นมือไปรับเอาตะกร้ามาถือไว้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อ้ายขอบใจหลายเด้อ น้องจำปีเพิ่งสิหายดี ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไสน้อ ถึงปลิดมันลงมาได้”

“พอดีมีคนเอามาฝากพ่อกับแม่ล้ายหลาย ข่อยเลยแบ่งเอามาสู่อ้ายกินจ้า”

จำปีพยายามหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคูน ทั้งที่ในความเป็นจริง เธอนั้นใช้บัวเพียงให้ปีนต้นหมากไฟขึ้นไปเก็บเมื่อตอนเช้านี้เอง

“แล้วจำปีบ่มีให้อ้ายแหน่บ่” เก้อแอบแกล้งถามจำปีเล่นๆ

“นี่เด้…” บัวเพียงแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมาก่อนยื่นตะกร้าผลไม้ในมือไปกระแทกหน้าอกของเก้อ “เอ้า…เอาไปกิน ตาอ้ายน่ะกะหัดหันมาเบิ่งแหน่ ข่อยถือตะกร้าบักหนักกะบ่คิดสิถามข่อยแหน่บ้อ”

เก้อเหลือบตามองบัวเพียง “ขอบใจจ้ะ” เขาจำใจรับตะกร้าเอาไว้ แล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย นอกจากนิ่งเงียบและหันไปยิ้มให้กับจำปี

การกระทำของเก้อที่แสดงออกมานั้น มันได้สร้างความรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจของบัวเพียงเป็นอย่างมาก เพราะเธอเคยสารภาพรักกับเก้อไปเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมา เก้อก็เมินเฉยต่อเธอมาโดยตลอด แม้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพียงรักข้างเดียว แต่เธอก็ยังแอบมีความหวังลึกๆ ว่าความปรารถนาดีที่เธอมีต่อชายคนนี้ อาจทำให้เขาหันมามองเธอบ้างในสักวัน



Don`t copy text!