
ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“ข้ามมหาสาคร” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
************************
– 11 –

ครั้นแล้ว ขบวนของเจ้าเมืองจึงตามมาส่งคณะของหลวงประกาศบุรีถึงเรือแคนนูที่จอดอยู่ ณ ท่าริมฝั่งน้ำซึ่งเช้าวันนี้มีเค้าอึมครึมว่าฝนอาจโปรยสายในไม่ช้า
แต่ท่านพระยาเหลือบมองชายผู้หมอบกราบเรียบร้อยก่อนลงไปนั่งที่หัวเรือพร้อมคนกรรเชียงท้ายเช่นเดียวกับลำของนายเรือใหญ่…พลางลดเสียงลงคล้ายจำเพาะเจาะจงเพียงผู้ฟังที่ยืนอยู่เคียงข้าง
“ที่จริง ฉันก็ยังอยากให้คุณหลวงระวังไว้หน่อยเรื่องคนหัวเรือ” อีกฝ่ายบอกเป็นนัย “คือฉันนี่ก็เห็นคนมามากพอใช้ได้ แต่ไม่เคยเห็น…คนสยามพูดภาษาอังกฤษได้ คนอังกฤษก็ไม่มีที่จะพูดภาษาสยามได้…ล่ามที่เคยพบมาก็เป็นคนชั้นต่ำ มิอาจพาเข้าไปส่งภาษาต่อหน้าพระที่นั่งรือหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้เลย ไม่เคยเห็นเลย ฉะนั้น ฉันจึงเป็นกังวลแทนคุณหลวงค่อนข้างมาก…ที่รับคนผู้นี้มาลงเรือด้วยกัน”
“ขอรับใต้เท้า” หลวงประกาศฯตอบสนองด้วยเสียงต่ำอยู่ในลำคอพอกัน “กระผมก็ระวังอยู่ทุกชั่วโมงขอรับ”
“ต้องจับให้ได้นาว่ามันคือใคร”
“ขอรับ…เรื่องนั้นขอให้ใต้เท้าเบาใจ…แต่ในฐานะที่กระผมเป็นผู้ใหญ่ มีคนมาขอพึ่งถึงตัวเช่นนี้ ก็ยากจะไล่มันไปเสียได้…อย่างน้อยก็ต้องค่อยๆดูมันไปก่อนขอรับ” คุณหลวงตอบคำอย่างสุขุม “กระผมเองก็ถือว่าในเรือเรามีอาวุธครบขอรับ แต่มันสิมาตัวเปล่า”
เจ้าเมืองจึงพยักหน้า
“ก็ขอให้เดินทางปลอดภัยแล้วกัน ขอให้เจอคนอังกฤษ ขอให้ถึงไทรบุรีเลยไปปีนัง มันจะได้พูดอังกฤษให้คุณหลวงฟัง” อีกฝ่ายหยอดยิ้มๆ จะว่าเยาะก็ไม่เชิง
ครั้นแล้ว ทั้งคุณหลวงแลเหมืองก็กราบลาเจ้าเมืองผู้ต้อนรับอย่างดียิ่ง ลงเรือแคนนูกลับไปสู่เรือใหญ่ที่ทอดสมออยู่ปากแม่น้ำ มากินอาหารเช้าที่พ่อครัวเตรียมไว้พร้อมสรรพ ลูกเรือบนเรือยืนรับถังไม้ใบใหญ่บรรจุน้ำจืดจากหมู่บ้านโดยกันตังช่วยยกส่งขึ้นไปภายหลัง คุณหลวงกับลูกๆก้าวขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเหมืองขอตามขึ้นมาด้วย คุณหลวงจึงเชื้อเชิญให้ร่วมสำรับ
นัยน์ตาที่จับไม่คลาดจากดวงหน้าสาวรุ่นจึงกลายเป็นภาพที่กระตุ้นความไม่พอใจให้ดาบจนมิอาจเป็นสุขได้แม้ในยามเปิบข้าว
เหลือบมองน้องสาว ก็เห็นเอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจานอาหาร
“รับประทานเสร็จแล้ว กระผมขอเชิญทุกท่านไปเยี่ยมเรือของกระผมด้วยนะขอรับ”
“ไปสิ” คุณหลวงค่อนข้างเกรงใจกัปตันเซปา ด้วยว่าเซปารู้จักกับเจ้าของขบวนกำปั่นแลเรือเร็วซึ่งต่างก็เอื้อประโยชน์กันแลกันมานาน
เป็นผู้มีเรือเสมอด้วยมีบ้าน มีทะเลเสมือนมีสนามใหญ่ให้ได้วิ่งแข่ง มีแรงลมผสมคลื่นประหนึ่งมีการผจญภัยให้ได้ตื่นเต้น มีสินค้ามาซื้อขายก็ดังหนึ่งได้คุ้นเคยกับสหายหน้าใหม่ทุกๆวันคล้ายกัน
ดังนั้น ต่างก็ล่วงรู้อัชฌาสัยกันแลกันเป็นอย่างดีว่าต่างก็มีมหาสาครอันกว้างใหญ่เป็นชีวิตจิตใจ ผูกร้อยพันธไมตรี
อีกอย่างหนึ่งนั้น หลวงประกาศบุรีก็แลเห็น
กองเรือเช่นนี้คุ้มกันได้
นั่นก็คือภัยจากเหล่าร้ายโจรสลัดที่มีอยู่ถึง 4 ก๊กด้วยกัน
เป็นเจ้าเป็นใหญ่อยู่แถวน่านน้ำปลายแหลมมลายู
“ถ้าไม่รังเกียจ กระผมอยากชวนใต้เท้ากับลูกๆค้างคืนด้วยขอรับ” เหมืองค่อยๆขยับทีละก้าว ด้วยว่าใจเขาบัดนี้ร้อนเร็วราวเปลวไฟ ใคร่จะเอ่ยออกเป็นวาจานาทีแล้วนาทีเล่า
“อ๋อ…ถ้าถึงอย่างนั้นคงยังไม่ไหวละกระมังพ่อเหมือง” ผู้ใหญ่กว่าทอดเสียงอ่อน…ที่ต้องอ่อนเช่นนั้นก็ด้วยว่า กองเรือนี้คือกองเรือจีน
โจรสลัดเกรงกองเรือจีนค่อนข้างมาก เพราะรู้ดี คนจีนนั้นเมื่อถึงคราวสู้จะสู้จนยิบตา ดังนั้น จึงมักมีกองเรือติดอาวุธเต็มลำอยู่เสมอ
เป็นมิตรกับชายผู้นี้ไว้ก็ไม่เสียหายอันใดเลย
“ที่หลับที่นอนกระผมก็จัดเตรียมไว้รับแขกอย่างสบายขอรับ รับรองว่าใต้เท้ากับลูกๆถ้าเห็นห้องที่กระผมจัดไว้ คงชอบใจแน่นอน”
“เอาละ…ก็ไปดูก่อนดีกว่า เพราะวันนี้ก็เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”
เหมืองเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ขุนนางชาวสยามมีขั้นตอนความเป็นอยู่ไกลกันกับหมู่พวกของเขาที่เป็นพ่อค้า…แม้คุณหลวงจะเป็นแค่เศรษฐี มิได้เป็นขุนนางข้าราชการ เพียงแต่ได้รับพระราชทานราชทินนามสนองตอบความชอบความดีที่มีให้แผ่นดิน ก็ยังมิวายให้ต้องนึกติฉินว่าเรื่องมาก
แต่เท่าที่ทำได้ก็คือตอบว่า
“ไม่เป็นไรขอรับ เพียงแต่ไปเยี่ยมก็ถือเป็นมงคลแก่กระผมกับลูกเรืออย่างยิ่งแล้วขอรับ” เหมืองจึงตอบกลับอย่างนอบน้อม
ต่อจากนั้น จึงได้เวลาลงเรือแคนนูลำเก่าไปสู่กองเรือของเขาที่จอดทอดสมอเป็นสง่าอยู่กลางมหาสาคร
ดาบนั่งนิ่งอยู่ถัดจากคนกรรเชียงหัวอย่างขุ่นมัวมิจบได้ ใจที่แต่ก่อนมิค่อยจะร้อนขึ้นมาด้วยมีดูราอยู่เคียงใกล้เกือบจะทุกเวลานาทีหลังจากเสร็จสิ้นภาระประจำวัน นั่นก็ได้แก่ตามบิดาไปยังเหมืองที่อยู่ไกลจากเรือนใหญ่ซึ่งต้องใช้เวลาเดินเท้าราวครึ่งชั่วโมง เป็นที่ที่บิดาบอกกล่าวอยู่เสมอว่า
‘ที่ตะกั่วป่าบ้านเราถึงจะมีตะกั่วดำน้อยกว่าถลาง แต่มีได้ขนาดนี้ก็ถือว่าตระกูลเราโชคดีแล้วที่ได้จับจองเป็นเจ้าของบุกเบิกมาถึงป่านนี้…นี่ถ้าพม่าไม่มาตีเมืองเราสมัยรัชกาลที่ 1 แล้วกวาดเอาทรัพย์สมบัติไปหมด…ก๋งของเจ้าก็ยังบอก…เราจะรวยกว่านี้’
‘แค่นี้ก็ถือว่ารวยแล้วละคุณพ่อ’ ลูกชายไม่ใช้คำว่านายเตี่ยอีกต่อไป ด้วยว่าแม่ของเขาสอนสั่ง…พ่อของเจ้าบัดนี้เป็นขุนน้ำขุนนาง ต้องยกเขาเช่นข้าราชการของพระเจ้าแผ่นดิน’
จึงบัดนี้ ก็ราวกับหลวงประกาศบุรีคือคนสยามเต็มทั้งตัวตนแลหัวใจ
จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาผู้เป็นลูกชายคนใหญ่ต้องสืบทั้งเชื้อสายแลทรัพย์สมบัติของบิดา เป็นผู้ดูแลแม่ของตนแลแม่เลี้ยงกับน้องชาย รวมทั้งน้องที่มิใช่สายโลหิตอีกหนึ่งซึ่งแม่ของเขาก็เคยเอ่ยเป็นนัยๆ ‘สงสัยพ่อของเจ้าคงไม่ยกดูราให้ใครง่ายๆ’…
แต่จะต้องมายกให้ชายผู้หนึ่งซึ่งแม้ร่ำรวยเพียงใดก็มิใช่เรื่องที่พึงประสงค์
ตั้งแต่นาทีแรกที่พบกัน เขาก็แลเห็นสายตาหมายมั่นของสหายกัปตันเซปา
“คุณพ่อขอรับ” ดาบจึงหันไปทางบิดาผู้นั่งถัดจากดูรา “ถึงเหมืองจะอ้อนวอนให้ค้างก็อย่าค้างเลยนะขอรับ เกรงใจเขา เราก็หลายคน”
“ไม่ค้างอยู่แล้ว” บิดาตอบขณะมองดูฟากฟ้าที่เกลื่อนด้วยเมฆก้อนใหญ่เทาคล้ำ
“จะค้างทำไม คุณพ่อ เรือเราก็มี” ด่านเห็นด้วย
“น้องก็ไม่อยากค้างมิใช่รึ” ดาบก็เลยถามน้องสาวผู้นั่งเงียบถัดเขาไป
บัดนี้ นางมิใคร่จะปริปากด้วยเรื่องใด
เพราะแน่ใจว่าชายกรรเชียงหัวกำลังฟัง
บนเรือแคนนูลำนี้ นางกับบิดาแลพี่น้องมิได้อยู่กันตามลำพัง ยังมีคนกรรเชียงหัวแลท้ายคอยรับรู้
คนท้ายเรือมิสู้กระไร เพราะเป็นคนมลายู มิสู้จะเข้าใจเรื่องราวใดที่เอ่ยเป็นนัยมากนัก
แต่คนหัวเรือนั่นสิ…ที่เหตุไฉน นางจึงรู้สึกหนาวร้อน บั่นทอนความสนุกถึงเพียงนี้ แม้เมื่อตาพบตาแค่แวบหนึ่ง
ในที่สุด เรือเล็กสองลำก็ถึงเรือใหญ่
กันตังจึงหันไปบอกคนกรรเชียงท้าย
“ให้เจ้าของเรือขึ้นก่อน”
เหมือง กัปตันเซปา ตาปันจังจึงก้าวขึ้นไปยังบันไดเชือกที่ห้อยลงมา มีลูกเรือทั้งสามตามติด ครั้นแล้วชายแปลกหน้านัยน์ตาคมจึงพาเรือลำของเขาลอยเข้าไปถึงบันได
“เอ้า…น้องขึ้นก่อน” ดาบช่วยจับมือนางไว้ข้างหนึ่ง อีกข้าง ปล่อยให้นางจับบันได พาตนเองก้าวขึ้นไปอย่างค่อยๆก้าว จนกระทั่งเกือบถึงชั้นบน
กันตังจึงแลเห็นมือเจ้าของเรือยื่นออกมา เหนี่ยวเอามือนางขึ้นไป
ใจก็ได้แต่สั่นไหว ดังลั่นราวเกิดเสียงสนั่นจากก้นทะเล
แลก็ใช่เพียงเขาเท่านั้น พี่ชายคนโตก็มีอาการคล้ายกัน
โดยพลัน ดาบจึงรีบตามขึ้นไปคอยรับบิดาด้วยสีหน้าค่อนข้างบึ้ง แต่กัปตันเซปากับตาปันจังหาระคายใดๆไม่ กลับชี้ให้คุณหลวงดูช่องเสียบปืนหัวเรือ
“ใต้เท้าดูนี่ซีขอรับ…เหมือง…เจ้าควรเล่าให้ท่านฟังว่าเจ้าซื้อปืนเหล่านี้จากที่ใด”
“ต้องเล่าแน่นอนพี่เซปา…แต่ขอเชิญท่านเข้าข้างใน ดื่มน้ำชาอุ่นๆหลังอาหารอีกสักถ้วย มีกล้วยฉาบติดจากบกมารับประทานกะน้ำชาด้วยขอรับ ไม่กล้าซื้อทุเรียน เกรงจะทนมันไม่ไหวขอรับ”
เหมืองในยามนี้มีแต่หัวเราะหัวใคร่ใจสำราญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 64 : หัวใจคนเป็นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 63 : ให้อภัยคนพาล แต่ไม่ขอคบหา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 62 : ถอนสมอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 61 : เรารักกันเจ้าค่ะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 60 : สองทางเลือก
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 59 : ทะเลนี่ไม่ใช่ของมันคนเดียว!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 58 : คบได้หรือไม่ แล้วจะได้รู้กัน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 57 : ขืนต่อกรรมชั่วกันสืบไป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 56 : อุบายของเหมือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 55 : มหาโจร...คนธรรมดา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 54 : เรื่องราวในรุ่นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 53 : ลูกโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 52 : หรือว่ามันคือสายโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 51 : ปล้นหญิง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 50 : หญิงคนสำคัญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 49 : มุ่งคืนสู่ดูรา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 48 : แลกเปลี่ยน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 47 : กูเป็นพ่อค้า แต่มันเป็นโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 46 : เสียรู้มหาโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 45 : หนี!!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 44 : ร้ายกว่าโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 43 : คู่ควร...ไม่คู่ควร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 42 : น่ากลัวยิ่งกว่าสะลอแม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 41 : อดีตลูกน้องโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 40 : ใจโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 39 : เขามีนาง นางมีเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 38 : หัตถ์แห่งโชคชะตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 37 : เผชิญภัย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 36 : ความหลังฝังใจ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 35 : ภาวนา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 34 : วันอันรุ่งเรือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 33 : หลอมแร่
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 32 : คือใครคือเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 31 : คืนฟ้าคำรณ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 30 : รอบเกาะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 28 : ทุกข์ในใจนาง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 27 : ต่อรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 26 : ขวางหูขวางตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 25 : กัปตันโฮป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 24 : ต้อนรับขับสู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 23 : ปล้นและฆ่า
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 22 : สลัด
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 21 : ร้อยโทโลว์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 20 : สัญญา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 19 : คุณพระ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 18 : ขมุกขมอม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 17 : คลับคล้าย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 16 : ขัดคอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 15 : รอรับ รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 14 : รุมร้อน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 12 : รักรุม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 10 : ลับลวง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 8 : ร่ำเรียน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 7 : รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 5 : รอบรู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 4 : เหลี่ยมเล่ห์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 2 : รอลม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 1 : รอนแรม
- READ "ข้ามมหาสาคร" กับนายท้ายเรือ ‘กฤษณา อโศกสิน’