
ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“ข้ามมหาสาคร” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
************************
– 13 –

เพียงไม่กี่อึดใจ เมฆก้อนใหญ่ที่ตั้งเค้าเมื่อครู่ก็พรูลงมาเป็นสายฝน เรือถูกโยนเหวี่ยงไปมาจนคนที่ว่าง่วงคือคุณหลวงก็มิอาจหลับตาลงได้ ท้องฟ้าคำรณร้องกึกก้องจนท้องน้ำเกิดประกาย สายฟ้าฟาดลงมาเสียงดัง เปรี้ยงปร้างไปทั้งมหานที
คุณหลวงนั่งบนเบาะพิงฝา หากนัยน์ตาเปิดกว้าง
กำลังคิดถึงท่าทางเจ้าของกองเรือจีน
ก็พอดีลูกคนโตผู้นั่งเอนๆ ถัดไป มีน้องชายน้องสาวแลตาของนางนั่งพิงหมอนเป็นลำดับ ขยับเข้ามาใกล้ขณะเหนี่ยวเชือกข้างเรือไว้เมื่อต่างก็ถูกโยนด้วยฤทธิ์จากลมแลฝนโผนผก หากก็หาได้สะทกสะท้านใดๆไม่ เพียงแต่ได้กลับจากเรือลำนั้นมายังลำนี้ทันการ ก็รู้สึกสำราญพร้อมพรัก
“คุณพ่อขอรับ” ดาบเอนกายเข้ามาใกล้บิดาอย่างร้อนรน “ท่าทางนายเหมืองชวนเคืองตาลูกอย่างไรไม่รู้ขอรับ”
อีกฝ่ายจึงเหลือบมามองพร้อมยิ้มๆ
“เคืองอย่างไร”
“เคืองสิขอรับ…ก็มันกะจะเอาน้องดูราไปไงเล่าคุณพ่อ”
“แต่มันก็ยังไม่ได้ปริปากสักหน่อยเลยนี่ดาบ” บิดาเสแสร้งแกล้งทำงง พร้อมกับฟังเสียงคำรามที่ส่งตรงจากฟากฟ้า ราวกำลังจะถล่มลงมาจนอาจแยกกระดานเรือทุกลำออกจากกัน
“ทำไมคุณพ่อถึงจะต้องรอมันพูดออกมา”
แม้กำลังถูกคลื่นโยนจนเสียงขาดเป็นห้วง ดาบก็ยังเพียรคาดคั้น
แต่บิดายังคงมองหน้าเชิงเตือน
“ใจเย็นๆลูก…อย่าร้อนรนจนเกินควร อย่าดูหมิ่นพ่อ อย่าดูถูกน้องของเจ้าว่าจะง่าย”
นั่นเอง ดาบจึงค่อยๆขยับกายออกมา…จนห่างพอประมาณ ถอนหายใจยาวอย่างเบิกบานในอารมณ์ มือยังคงจับเชือกไว้แน่น สู้กับคลื่นที่โลดแล่นเป็นลอนใหญ่อยู่เบื้องนอก
ขณะที่ห้องนายท้ายซึ่งมีคนสองคนถูกเหวี่ยงไปมาอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางแพฝนอันหล่นกระหน่ำอยู่โดยรอบ ใบเรือถูกปลดลงแล้วเหลือแต่เสา กันตังนั่งเหงาอยู่ข้างๆกัปตันบนม้ายาวหลังห้องนายท้าย เหม่อมองท้องทะเลตรงหน้าอันมัวพร่าด้วยสายน้ำ
ต่างก็กำลังคิดนึกไปคนละทาง
แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือเรื่องนางผู้เป็นลูกเลี้ยงของคุณหลวง
เขานึกห่วงเหมืองเป็นอันมากว่า ถ้าเอ่ยออกมาเมื่อใด หากไม่สำเร็จ จะถือเป็นเหตุให้ต้องบาดหมางกันหรือไม่
แต่ฝ่ายชายอีกผู้หนึ่งซึ่งนั่งเงียบกริบคล้ายเหม่อลอย ด้วยว่าใจทั้งดวงคล้อยเคลื่อนเลื่อนลิ่ว ปลิวลงไปสิงสู่อยู่ในห้องข้างล่าง…พร้อมด้วยภาพขวางตาเมื่อครู่…ที่ชายกับชายย่อมรู้กัน
ว่าท่าทางกรุ้มกริ่มยิ้มหัว คอยชำเลืองแลแต่ดวงหน้านาง มันผู้นั้นคิดอย่างไร
อาการกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจึงรุมรึงอยู่…จากบัดนั้นถึงบัดนี้
ท้ายที่สุด ฝนก็ค่อยๆ ซาลง ยอดคลื่นลดต่ำ น้ำแพหนาจากฟากฟ้าบางลงจนเหลือเพียงเม็ดฝนที่แลเห็นแต่ละสายถนัดชัดตาราวสร้อยแก้วอันพรายแพร้วจากเบื้องบน
กัปตันจึงเอ่ยกับคนนั่งข้าง แต่พาเรื่องราวในสมองห่างออกไป
“ถ้าฝนหาย แต่ลมไม่แรง เรายังไม่ถอนสมอดีหรือไม่กันตัง”
ชายแปลกหน้ารีบตื่นจากภวังค์อันคุคั่งเมื่อครู่ลุกขึ้น…เปิดประตูด้านข้างออกไป ยื่นมือรองสายน้ำจากฟ้ามาลูบหน้าจนสดชื่น เพื่อให้ตื่นขึ้นจากความหมกมุ่น
“ถ้าคุณหลวงอยากไปไว กะให้เจอคนอังกฤษพรุ่งนี้มะรืนนี้ ก็น่าจะถอนสมอได้กระมังขอรับ…ว่าแต่ว่า…” ครั้นแล้วเขาก็อึ้งไป อึดใจหนึ่งจึงถาม “ว่าแต่ว่ากองเรือนายเหมืองจะตามไปด้วยหรือไม่คุณลุง”
“ก็น่าจะตามไป”
“เขาส่งสินค้าขึ้นฝั่งตรงไหนขอรับ”
“ส่งตั้งแต่ไทรบุรีกับตรังโน่นแล้ว” กัปตันตอบโดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายก็เสแสร้งแกล้งถามไปอย่างนั้น “เจ้าไม่ต้องห่วง ต่อนี้ไปเหมืองก็จะตามคุณหลวงไป ถึงไหนถึงกัน นั่นก็เพราะเขาบอกข้าว่า เขาจะต้องเป็นกองคุ้มกันไปจนถึงปีนัง ไม่ให้พวกโจรสลัดเข้ามารุมโจมตีได้”
ได้ฟังเช่นนี้ ชายแปลกหน้าก็ถึงกับอึ้งไป
แม้จะรอบรู้เป็นอย่างดีแล้วว่า เส้นทางไปปีนังต้องผ่านดงโจรสลัดที่แต่ละรังโจร ต่างก็ส้องสุมสมุนไว้จำนวนมาก จนกลายเป็นแหล่งอาชญากรรมสำคัญของแถวถิ่นนั้นอันมีเกาะลังกาวี แลแม่น้ำสองสายที่อยู่ในเขตสุไหงโกลกแลไทรบุรีเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น ทุกเรือสำเภามิว่าสามเสาหรือสองเสาที่จะผ่านย่านนั้นไป จึงมักจะต้องสร้างเรือเร็วที่เสมือนเรือปืนไว้สองสามลำ คอยคุ้มกันหน้าหลังยามเมื่อต้องขนสินค้าไปขายแลซื้อสินค้ากลับมาจำหน่าย รวมทั้งคอยวิ่งส่งข่าวใหญ่ข่าวด่วนให้บรรดาเมืองเหนือเมืองใต้ได้รับรู้ถึงชื่อเสียง ราคาแลคุณภาพของสินค้าอย่างถี่ถ้วนชวนให้สนใจซื้อหาแลข่าวอังกฤษกับพม่าที่ขาดมิได้
แต่ก่อนที่กันตังจะตอบว่ากระไร คุณหลวงก็ปรากฏตัวขึ้นที่หัวบันได
กันตังจึงเปิดให้เจ้าของเรือก้าวเข้ามา
หลวงประกาศบุรีก็เลยเข้าไปนั่งที่ม้ายาวด้านหลังขณะที่กัปตันถอยออกมายังที่นั่งของเขา แม้กันตังจะเตรียมกลับลงไปข้างล่าง แต่คุณหลวงเรียกไว้
“เจ้าอย่าเพิ่งไป มีเรื่องจะถามไถ่เกี่ยวกับปีนังที่เราอาจจะไปถึงหรือไม่ถึงก็ได้ แล้วแต่โอกาส”
“ขอรับ” ครั้นแล้ว ชายแปลกหน้าซึ่งยังต้องแปลกสืบไป ด้วยยังมิรู้ว่าแท้จริงนั้น เขาคือเขาผู้ที่ตนเองยืนยันว่าคือลูกคนหาปลาหรือมิใช่ ถ้าใช่ก็แล้วไป ถ้าไม่ใช่ เขาควรจะเป็นใคร…ก็ลดตัวลงนั่งราบกับพื้นห้อง เตรียมตั้งใจฟัง
“ที่ข้าจะถามส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับปีนังหรือเกาะหมากหรือพริ้นซ์ ออฟ เวลล์ ของเจ้านั่นแหละ” อีกฝ่ายเท้าความ “คือความจำของข้าเกี่ยวกะเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า…ตอนที่จอห์น ครอว์ เฟิร์ดมาถึงเกาะหมากเมื่อสามปีที่แล้ว เจ้าอยู่ที่นั่นหรือไม่”
“อยู่ขอรับ”
“แล้วพบกันหรือไม่”
“เห็นไกลๆขอรับ กระผมเรียนหนังสืออยู่…คนก็ลือกันว่ามีทูตจากอังกฤษมาคนหนึ่ง”
“มาอยู่นานหรือไม่”
“มาวันที่ 11 เดือนอ้าย กลับวันที่ 5 เดือนยี่ขอรับ”
“เจ้าจำได้แม่นมาก”
“กระผมสนใจฝรั่งขอรับ พอดีพูดภาษาของเขาได้ ก็เลยอยากทราบว่าเขามาเรื่องอันใด”
“แล้วเจ้าว่า เขามาเรื่องอันใดเล่า นี่ก็มาอีกคนหนึ่งแล้ว”
“เท่าที่กระผมจำได้ก็คือว่า จอห์น ครอว์เฟิร์ด ผู้นี้เป็นผู้แทนผู้สำเร็จราชการอังกฤษประจำเมืองอินเดียขอรับ…เอ้อ…อินเดียนี่ถูกอังกฤษปกครองอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ”
“ใช่สิ…” คุณหลวงพยักหน้า ขณะที่เริ่มเพลินในการพูดจาซักถามชายนี้เป็นที่ยิ่ง เนื่องด้วยสามารถตอบได้จริงทุกคำ แสดงถึงความไฝ่รู้โดยมิได้อยู่นิ่งเฉยเช่นผู้คนทั่วไปที่มักจะเฉื่อยชา “ว่าแต่ว่าเจ้าคิดว่าเขามาทำไม”
“สำหรับครอว์เฟิร์ดนี่” ผู้ตอบในเสื้อผ้าที่ดูต่ำต้อย หากเมื่อออกเสียงภาษาอังกฤษกลับเชิดชูเจ้าตัวหาน้อยไม่กล่าวต่อ “กระผมได้ยินมาว่า ถูกส่งมาเพื่อขอให้สยามคืนเมืองไทรบุรีให้เจ้าพระยาไทรแค่นั้นขอรับ”
หลวงประกาศบุรีได้แต่พยักหน้าอย่างพอใจ
“เจ้ารู้มาถูกต้องตามที่เป็นไปทุกอย่าง”
“ครอว์เฟิร์ดไปเมืองญวน ก็หาสำเร็จไม่ขอรับ”
“งั้นรึ…เจ้าก็รู้ด้วยรือว่า ทูตคนนั้นออกจากสยามก็ไปญวน”
“ทราบดีขอรับ” กันตังยิ้มๆ “อาจารย์คอยเล่าเรื่องให้ลูกศิษย์ฟังเรี่อยๆขอรับ…คือไม่ใช่รู้แต่เรื่องในเกาะหมากเท่านั้น ยังมีเรื่องเมืองอื่นที่อังกฤษเกี่ยวอยู่มาเล่าสู่พวกเรา แต่กลับจากญวนแล้ว ครอว์เฟิร์ดก็ได้เป็นเรสซิเดนท์ประจำอยู่สิงคโปร์นี่ขอรับ…ดูเหมือนก็ดีกับสยามเสียอีกด้วย…”
ลมเบื้องนอกที่เมื่อครู่ค่อนข้างแรงจนโกรกพัดเข้ามาในห้องนายท้าย ช่วยให้เย็นสบายด้วยกันถ้วนหน้า ค่อยๆคลายความแรงลงไป อีกทั้งสายฝนก็ซาลงจนเหลือเพียงสายบางๆ
ยามใกล้เที่ยงที่ดูราวกับยามเย็นช่วยให้คลื่นเล็กใหญ่ทั่วผืนวารีตรงหน้าดูเป็นริ้วระรื่นงดงาม ไม่ดูคลุ้มคลั่งราวกับโกรธเกรี้ยวหมู่มนุษย์ดังเช่นชั่วโมงก่อน
“ดีสิ…ก็ถึงขนาดชมกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ของเราว่า ทรงเฉียบแหลมมากอย่างไรเล่า”
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 64 : หัวใจคนเป็นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 63 : ให้อภัยคนพาล แต่ไม่ขอคบหา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 62 : ถอนสมอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 61 : เรารักกันเจ้าค่ะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 60 : สองทางเลือก
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 59 : ทะเลนี่ไม่ใช่ของมันคนเดียว!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 58 : คบได้หรือไม่ แล้วจะได้รู้กัน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 57 : ขืนต่อกรรมชั่วกันสืบไป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 56 : อุบายของเหมือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 55 : มหาโจร...คนธรรมดา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 54 : เรื่องราวในรุ่นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 53 : ลูกโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 52 : หรือว่ามันคือสายโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 51 : ปล้นหญิง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 50 : หญิงคนสำคัญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 49 : มุ่งคืนสู่ดูรา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 48 : แลกเปลี่ยน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 47 : กูเป็นพ่อค้า แต่มันเป็นโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 46 : เสียรู้มหาโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 45 : หนี!!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 44 : ร้ายกว่าโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 43 : คู่ควร...ไม่คู่ควร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 42 : น่ากลัวยิ่งกว่าสะลอแม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 41 : อดีตลูกน้องโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 40 : ใจโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 39 : เขามีนาง นางมีเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 38 : หัตถ์แห่งโชคชะตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 37 : เผชิญภัย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 36 : ความหลังฝังใจ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 35 : ภาวนา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 34 : วันอันรุ่งเรือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 33 : หลอมแร่
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 32 : คือใครคือเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 31 : คืนฟ้าคำรณ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 30 : รอบเกาะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 28 : ทุกข์ในใจนาง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 27 : ต่อรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 26 : ขวางหูขวางตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 25 : กัปตันโฮป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 24 : ต้อนรับขับสู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 23 : ปล้นและฆ่า
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 22 : สลัด
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 21 : ร้อยโทโลว์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 20 : สัญญา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 19 : คุณพระ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 18 : ขมุกขมอม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 17 : คลับคล้าย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 16 : ขัดคอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 15 : รอรับ รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 14 : รุมร้อน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 12 : รักรุม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 10 : ลับลวง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 8 : ร่ำเรียน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 7 : รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 5 : รอบรู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 4 : เหลี่ยมเล่ห์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 2 : รอลม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 1 : รอนแรม
- READ "ข้ามมหาสาคร" กับนายท้ายเรือ ‘กฤษณา อโศกสิน’