
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
สิ้นสุดคำว่า ‘น้ำปรุงกลิ่นดอกลำโพง’ สีหน้าท่าทางของแม่หญิงแก้วและบ่าวของเธอก็เปลี่ยนไปในทันใด
จากที่กำลังจะเอ่ยวาจาระรานออกมาอีกหลายประโยค แม่หญิงแก้วถึงกับอ้าปากค้าง และหันไปทางนังจวงแล้วเอ่ยเสียงเข้มว่า
“นังจวง ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระที่เรือน กลับกันดีกว่า”
“เดี๋ยวสิจ๊ะ” ดาราเรศก้าวไปขวาง และยัดเยียดขวดแก้วเจียระไนให้ “เอากลับไปใช้สิจ๊ะ ไม่ต้องซื้อหรอกนะแม่แก้ว ฉันให้เอาไปทดลองใช้ฟรีๆ”
“ไม่เอา ฉันไม่ชอบกลิ่นนี้ กลิ่นอะไรไม่รู้ เวียนหัวไปหมดแล้ว” แม่แก้วปัดมือดาราเรศแล้วรีบเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ดาราเรศสังเกตเห็นดวงหน้าของอีกฝ่ายขาวเผือดสี ขณะที่ลำคอ ช่วงบ่าและไหล่ของแม่หญิงแก้วกลับแดงจัดด้วยความไม่พอใจ
“เดี๋ยวนะ…ดารา” แม่เข็มสะกิดเพื่อน “ดอกลำโพงนี่มีพิษไม่ใช่หรือ”
“แต่ฉันได้ยินว่าลำโพงเป็นสมุนไพร” แม่มีนาขมวดคิ้ว
“ลำโพงมีประโยชน์ ขณะเดียวกันถ้าใช้ไม่เป็นหรือนำไปใช้ไม่ถูกวิธีก็เป็นพิษได้” ดาราเรศในร่างแม่หญิงดาราเล่า เธอเชี่ยวชาญเรื่องพิษวิทยา ชีวิตก่อนหน้า เคยเจอคนไข้เด็กเก็บเอาดอกลำโพงขาวมาหั่นเล่นขายของแล้วกินเข้าไปจนชักหมดสติมาแล้วหลายราย
“รากลำโพงฝนกับน้ำ ใช้ทาแก้อาการปวดบวมได้ ใบลำโพงตำพอกฝี แก้ปวดบวมอักเสบ ดอกนำมาหั่นตากแดดให้แห้งผสมกับยาสูบ ใช้สูบแก้อาการหอบหืดได้ดีมาก…ส่วนเมล็ดคั่วให้หมดน้ำมันใช้ปรุงเป็นยาแก้ไข้” ดาราเรศอธิบายเชี่ยวชาญ ขณะที่เพื่อนทั้งสองได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้เลยว่าแม่หญิงดาราไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากไหน “ในลำโพงมีสารบางอย่างที่ช่วยลดป่วยและระงับประสาท หากกินเข้าไป หรือสูดกลิ่นเข้าไปมากๆตลอดเวลาก็จะเกิดอันตรายกับระบบประสาทได้”
“ยังไง” เข็มและมีนางงกับภาษาแปลกๆของอีกฝ่าย
“คือถ้าได้รับพิษของลำโพงเข้าไปมากเกินขนาดก็จะทำให้วิงเวียน อ่อนเพลีย เหม่อลอย เพ้อคลั่ง ฝันร้าย หมดเรี่ยวหมดแรงได้ยังไงล่ะ” ดาราเรศอิบายให้เข้าใจง่ายๆ
“ตายละ” เข็มอุทาน ขณะที่มีนายกมือขึ้นแตะริมฝีปาก
“นั่นมันอาการของหล่อนก่อนหน้านี้เลยนะแม่ดารา” มีนาพึมพำ
“ใช่” เข็มเห็นด้วยกับมีนา “เหมือนทุกข้อ”
“แม่หญิงดาราได้รับพิษจากดอกลำโพง” ดาราเรศวินิจฉัยตนเองเสร็จสรรพ “จากกำยานที่จุดในห้อง และอาจจะมีใครแอบเอาใส่อาหารให้กิน หวังจะสังหารให้ตายตกไปนะสิ”
“แม่แก้วหรือ” เข็มหัวไว “ใช่ไหม ต้องฝีมือแม่แก้วแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ตกใจถึงขนาดนี้…แม่แก้วรักคุณหลวงเข้ม แม่แก้วอาจต้องการหาทางกำจัดหล่อนออกไปให้พ้นทาง”
“มีสิทธิ์เป็นไปได้ เท่าๆกับที่เป็นไปไม่ได้ บางทีทั้งหมดนี่อาจจะเป็นฝีมือคุณหลวง ผัวของฉันด้วยซ้ำ” ดาราเรศพยักหน้า เธอเพิ่งสืบรู้มาว่า กำยานที่จุดในห้องนอนของเธอนั้น ออกหลวงกำแหงฤทธิรณผู้สามีได้รับมาจากแม่แก้ว แต่เธอเองไม่รู้ว่าเขารู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า “อีกอย่าง เรายังปักใจทางนี้ทางเดียวไม่ได้นะ เพราะที่เรือนเจ้าคุณพ่อของฉันก็มีลำโพงปลูกเอาไว้เป็นสวนเลย…”
“หา” เข็มอุทาน “จะบ้าเหรอ…ใครเขาปลูกกันในบ้าน”
“หรือจะเป็นฝีมือแม่เลี้ยงของเธอ” มีนาเม้มริมฝีปาก
“ก็เป็นได้เช่นกัน” ดาราเรศพยักหน้าหงึกๆ
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ” เข็มนึกเป็นห่วง “มาอยู่เรือนฉันก่อนไหม”
“นั่นสิ ถ้าไม่ย้ายไปอยู่เรือนแม่เข็ม มาอยู่เรือนฉันก็ได้” มีนาถอนใจ “อยู่เรือนตัวเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเลยนะแม่ดารา”
“ไม่เป็นไร” ดาราเรศส่ายหน้า “ขอบใจเธอทั้งสองมาก อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่ามีคนอยากให้ฉันตายจริงๆ เว้นจากเจ้าคุณพ่อ พวกเธอทั้งสองและนังแหวนแล้ว…คนร้ายอาจจะเป็นใครที่อยู่รอบตัวฉันก็ได้ทั้งนั้น และถ้าครั้งที่แล้วลงมือไม่สำเร็จ อีกไม่นานมันจะต้องลงมืออีกครั้งอย่างแน่นอน”
ปิดร้านที่ป่าผ้าเอาเมื่อบ่ายคล้อย ดาราเรศก็ลงเรือไปยังเรือนหมอของพ่อพันแถววัดประดู่ เพื่อเยี่ยมเจ้าคุณบิดา
วันนี้อาการของเจ้าคุณโชดึกฯดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของท่านบิดาดูมีเลือดฝาดมากขึ้น หมอบอกว่าพ่อของเธอกินข้าวกินยาได้เป็นที่น่าพอใจ
“ฉันขอให้หมอช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับเอาไว้ก่อนจะได้ไหม” ดาราเรศเล่าทุกอย่างที่เธอรู้ให้ชายวัยกลางคนฟังโดยละเอียด ไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้ อาจเพราะสีหน้าท่าทางใจดีและบุคลิกที่ดูหนักแน่นจริงจังก็เป็นได้
“ไม่มีปัญหา” หมอพันว่า “เรือนของฉันอยู่นอกเกาะเมือง ผู้คนที่มารักษาส่วนมากเป็นชาวบ้าน ไม่มีขุนนาง ดังนั้นแม่หญิงไม่ต้องห่วง”
“แม่ดาราก็ต้องระวังตัวให้ดี” ออกญาโชดึกฯเอ่ยเตือนธิดา ตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่อาการป่วยไม่ดีขึ้นเลย เป็นเพราะตัวเองถูกวางยาพิษ หากไม่ได้แม่ดาราช่วยเอาไว้เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ “ป่านนี้แม่เนียนคงส่งคนออกตามตัวพ่อให้วุ่นไปแล้ว”
“คุณพ่อคิดว่าเป็นฝีมือคุณหญิงเนียนหรือเปล่าเจ้าคะ” ดาราเรศเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ หมอพันเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเคร่งเครียด จึงเลี่ยงออกไปจากห้องพัก ปล่อยให้พ่อลูกได้สนทนากันตามลำพัง
“พ่อก็ไม่รู้” บิดาของเธอส่ายหน้า สีหน้าของผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความครุ่นคิด “ที่ผ่านมาแม่เนียนก็ดูแลพ่อเป็นอย่างดีมาตลอด แต่ที่อาการของพ่อไม่ดีขึ้นเลย อาจเพราะแม่เนียนกับพ่อหมอไม่รู้ว่าพ่อโดนวางยาพิษก็เป็นได้”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศพึมพำเสียงแผ่วเบา ไม่อยากเถียงบิดา ในใจอดนึกไม่ได้ว่าอาการออกจะเห็นชัดเจนขนาดนี้ คนเป็นหมอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนไข้ถูกวางยาพิษมา “แล้วคุณพ่อคิดว่าเป็นผู้ใดเจ้าคะ”
“พ่อนึกไม่ออก” ท่านเจ้าคุณส่ายหน้า “ที่นึกไม่ออก ไม่ใช่เพราะไม่มีศัตรูดอกนะ แต่เพราะมีมากเสียจนนึกไม่ออกว่าเป็นใครมากกว่า”
“พูดจริงรึเจ้าคะ” ดาราเรศกะพริบตาปริบๆ ไม่นึกว่าผู้เป็นบิดาจะเอ่ยออกมาเช่นนั้น
“จริง” เจ้าคุณพยักหน้า น้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ธิดาคนโปรดฟัง
ดาราเรศฟังแล้วได้แต่อ้าปากค้าง ด้วยไม่คิดว่าการเมืองที่ผู้เป็นบิดาเข้าไปเกี่ยวข้องในยามนี้ จะเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน อีกทั้งยังมีอันตรายแฝงเร้นอยู่ในทุกย่างก้าว
เริ่มต้นจากความขัดแย้งของชาวต่างชาติที่อยู่ในอยุธยา จนลุกลามมาถึงเรื่องการค้ากับผลประโยชน์ และนั่นทำให้ท่านเจ้าคุณต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่อาจปฏิเสธได้
ในยามนี้ กรุงศรีอยุธยามีชาวต่างชาติอยู่สองกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือพวกดัตช์หรือที่เรียกกันว่าวิลันดา พวกนี้เข้ามาตั้งแต่แผ่นดินของสมเด็จพระนเรศวรซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาหรือลุงของพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน วิลันดามีบทบาทมากเพราะเคยช่วยสมเด็จพระนเรศวรรบกับพม่า ในรัชกาลต่อมาจึงได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานีการค้าที่อยุธยาได้
ในขณะเดียวกัน คนต่างชาติที่มีบทบาทมากไม่แพ้วิลันดาก็คือพวกญี่ปุ่น
ดาราเรศได้รู้จากท่านบิดาว่าคนญี่ปุ่นในกรุงศรีอยุธยาเวลานั้นมีเป็นจำนวนมาก นอกจากมีอาชีพค้าขายสินค้าแล้ว คนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งยังสมัครเข้ารับราชการเป็นทหารอาสาด้วย สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมจึงตั้งกองญี่ปุ่นอาสาขึ้นโดยเฉพาะ มีหัวหน้าเป็นชาวญี่ปุ่นชื่อยามาดะ มีหน้าที่ควบคุมทหารญี่ปุ่นให้อยู่ในระเบียบ
“ยามาดะ…” ดาราเรศรู้สึกว่าชื่อนั้นคุ้นหูมาก หากจำอะไรไม่ได้เลย นึกๆแล้วอยากเขกหัวตัวเองนักที่สมัยเรียนไม่เคยสนใจวิชาประวัติศาสตร์เลย
ขณะนี้พ่อค้าญี่ปุ่นกำลังมีเรื่องไม่พอใจอยุธยา เพราะรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ อีกทั้งสินค้าหลายอย่างถูกคนวิลันดาผูกขาดเอาไว้
“และพ่อคือเจ้ากรมท่าซ้าย มีหน้าที่ติดต่อกับพวกญี่ปุ่นโดยตรง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาออกจะไม่พอใจพ่อ” น้ำเสียงของออกญาโชดึกราชเศรษฐีหนักใจ “หากเป็นแต่ก่อน พ่อคงไม่เล่าเรื่องเช่นนี้ให้ลูกฟัง แต่ตอนนี้ลูกออกเรือนแล้ว แถมสามียังเป็นตำรวจใหญ่ ต้องรับมือกับผู้คนมากมาย ลูกรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้บ้างก็ดี”
“คุณพ่อกำลังจะบอกว่า…มีความเป็นไปได้ที่ยาพิษนี้อาจจะมาจากพวกญี่ปุ่นใช่ไหมเจ้าคะ”
“ก็ถ้าแม่ดาราอยากรู้ว่าใครที่ขัดแย้งกับพ่อมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง…ก็คือพวกญี่ปุ่นนี่ละ” ท่านเจ้าคุณว่า
“หากเป็นพวกญี่ปุ่นจริง…พวกเขาเอาสารหนูมาใส่ให้คุณพ่อได้อย่างไรคะ” ดาราเรศนิ่วหน้า เพราะเท่าที่ฟัง บิดาของเธอไม่ได้เปิดเรือนต้อนรับพวกญี่ปุ่นหรือคนต่างชาติใดๆ ด้วยไม่อยากให้เกิดข้อครหาว่าท่านรับสินบนจากคนพวกนั้น
“แม่ดารารู้จักนินจาหรือไม่” บิดาของเธอกระซิบเสียงแผ่วต่ำ
“นินจา”
วั๊ย ตั่ย แล้วววว…ดาราเรศอ้าปากค้าง…มีแบบนี้ด้วยหรือ
“ใช่” ท่านเจ้าคุณว่า “ถ้าจะมีใครแพร่พิษให้พ่อได้โดยที่พ่อไม่รู้ตัวละก็ พวกญี่ปุ่นอาจจะใช้นินจา”
“นอกจากญี่ปุ่น คุณพ่อสงสัยใครอีกไหมเจ้าคะ” ประสบการณ์ที่เคยตรวจศพในคดีฆาตกรรมมาไม่น้อย สอนดาราเรศว่าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครคือคนร้าย ไม่ควรทิ้งเบาะแสและผู้ต้องสงสัยอื่นๆไปจนกว่าจะแน่ใจจริงๆว่าไม่เกี่ยวข้อง
“ตอนนี้พ่อยังนึกไม่ออก” ท่านเจ้าคุณส่ายหน้า ท่าทางดูอิดโรย ดาราเรศนึกได้ว่าท่านบิดาเพิ่งจะเริ่มดีขึ้น ไม่ควรให้เครียดจนเกินไป เธอจึงเอ่ยลาท่านเจ้าคุณและบอกว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมใหม่
เดินทางกลับเรือน พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของตนเองและบิดาไปตลอดทาง
ถุยชีวิตมากๆ อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้…ดาราเรศบ่นพึมพำกับตนเอง..นอกจากตัวเองจะโดนปองร้าย ท่านเจ้าคุณบิดาก็ยังมาโดนวงยาพิษด้วยอีกคน ยังจะเรื่องผีปอบที่ไม่ใช่ผีปอบนั่นอีก ทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของใคร เป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่อง ดาราเรศบอกกับตัวเองว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้
ทันทีที่กลับมาถึงเรือน ดาราเรศไม่มีเวลาได้คิดเรื่องอะไรอื่น เนื่องจากความวุ่นวายใหม่กำลังรออยู่แล้ว เพราะที่ยืนอยู่กับคุณหญิงแป้นก็คือแม่ดวงจันทร์และแม่เดือน น้องสาวต่างมารดาของเธอนั่นเอง
หญิงสาวทั้งสองมาได้อย่างไรไม่รู้ แต่ตอนนี้พวกเธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าสงสาร ครั้นเมื่อหันมาเห็นเธอและนังแหวน แม่หญิงทั้งสองก็ชี้มือมาที่ดาราเรศ พร้อมกับแผดเสียงร้องไห้ดังขึ้นจนบ่าวไพร่ในเรือน พากันมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ดาราเอาเจ้าคุณพ่อไปซ่อนไว้ที่ไหนเจ้าคะ” ดวงจันทร์ยกมือขึ้นป้ายน้ำตา
“นั่นสิเจ้าคะ” เดือนเสริมพี่สาว “เจ้าคุณพ่อกำลังป่วยไข้อยู่แท้ๆ พี่ดาราเอาท่านไปไหน”
“ฮือๆ คุณหญิงป้าเจ้าขา ช่วยพวกเราด้วย” ดวงจันทร์ฟ้องคุณหญิงแป้น
“เอาเจ้าคุณพ่อของเราคืนมา” เดือนสะอึกสะอื้น “เจ้าคุณพ่อสุขภาพไม่ดี กำลังป่วยหนัก ทำไมพี่ดาราใจร้าย เอาท่านไปทรมาน”
“เจ้าคุณพ่อเจ้าขา” ดวงจันทร์คร่ำครวญ “ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”
“แสดงกันจบหรือยัง” ดาราเรศเหลือบตามองบ่น “ซ้ำซาก น่าเบื่อ”
“แม่ดารา กลับมาก็ดีแล้ว” คุณหญิงแป้นหันมาเล่นงานลูกสะใภ้ทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน แม่ดวงจันทร์กับแม่เดือนมาฟ้องแม่ บอกว่าแม่ดาราบุกจับตัวท่านเจ้าคุณโชดึกไปจากเรือน แล้วเอาไปกักขังไว้ที่ไหนก็ไม่รู้…โธ่ ทำไมจิตใจถึงได้โหดร้ายเยี่ยงนี้”
“ตายจริง…คุณหญิงแม่เจ้าคะ ถ้าแค่นี้ว่าฉันโหดร้าย บอกเลยว่ายังไม่สุดเจ้าค่ะ” ดาราเรศแสยะยิ้ม แถมยังจ้องมองดวงตาคุณหญิงแป้นแน่วนิ่ง “นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น อีกหน่อยคุณหญิงแม่จะได้เห็นฉันร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า”
“หล่อนจะทำอะไรคุณแม่” แม่บัวเห็นสายตาของพี่สะใภ้แล้วหนาวยะเยือก
“ยัง สำหรับคุณหญิงแม่ยังไม่ถึงเวลา” ดาราเรศปรายสายตาไปทางน้องสาวต่างมารดาทั้งสอง “ตอนนี้ขอฉันชำระสะสางกับแม่ดวงจันทร์และแม่เดือนก่อน”
“ชำระ” ดวงจันทร์สะดุ้ง “มาชำระอะไรเรา”
“ใช่” เดือนรีบสนับสนุนพี่สาว “พวกเราสิ ต้องชำระพี่ดารามากกว่า เอาเจ้าคุณพ่อไปไว้ไหน บอกเรามาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าคุณพ่ออยู่ในที่ปลอดภัย” แม่หญิงดาราเอ่ยเสียงราบเรียบ
“จะปลอดภัยได้อย่างไร” ดวงจันทร์ไม่ยอมแพ้ “คุณหญิงแม่บอกว่าตอนพี่ดาราเอาเจ้าคุณพ่อไป เจ้าคุณพ่อถึงแก่หมดสติ คอพับคออ่อน…ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้”
“ถ้ายังอยู่ที่เรือนน่ะ เจ้าคุณพ่อตายแน่” ดาราเรศไม่อ้อมค้อม “พวกหล่อนดูแลเจ้าคุณพ่อกันอย่างไรให้อาการหนักปางตายเช่นนี้ หมอที่ฉันพาเจ้าคุณพ่อไปหาบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้นิดเดียว เจ้าคุณพ่อไม่รอดแน่”
“หมอหลวงที่ดูแลเจ้าคุณพ่อเก่งมาก พูดแบบนี้…พี่ดารากำลังดูถูกหมอหลวงนะเจ้าคะ” ดวงจันทร์ย้อนพี่สาว
“เก่งไม่เก่งไม่รู้หรอกนะ” ดาราเรศส่ายหน้า “แต่หมอที่ฉันพาเจ้าคุณพ่อไปรักษาก็เก่งไม่แพ้กัน อาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เจ้าคุณพ่อได้สติแล้ว”
“เจ้าคุณพ่อได้สติแล้วอย่างนั้นหรือ”
ดวงจันทร์และเดือนอุทานออกมาพร้อมๆกัน ดาราเรศเห็นสองพี่น้องลอบสบตากัน ท่าทางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
“นั่นสิ”
ดวงจันทร์และเดือนพึมพำ
“ดูเหมือนพวกหล่อนจะตกใจมากกว่าดีใจนะ” ดาราเรศอดไม่ไหว
“ดะ ดีใจสิ” ดวงจันทร์ว่า
“ใช่” เดือนรีบพยักหน้า “ถ้าเจ้าคุณพ่อดีขึ้น พวกเราก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”
“รู้แบบนี้ก็กลับไปได้แล้ว” ดาราเรศไล่ไม่ไว้หน้า “อีกไม่นานเจ้าคุณพ่อก็จะหายป่วย ถึงเวลานั้น…ใครทำอะไรไว้ละก็…เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน เจ้าคุณพ่อแข็งแรงเมื่อไหร่ ฉันจะพากลับไปชำระสะสางเรื่องวุ่นๆทั้งหลายแหล่ให้จบสิ้นเสียที”
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ