
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
ผนังโบสถ์วัดประดู่มีภาพจิตรกรรมเขียนเป็นเรื่องราวทศชาติงดงาม ดาราเรศนึกออกว่าหลายปีก่อนจะย้อนเวลามาที่อยุธยา เธอเคยไปเที่ยวไหว้พระกับเพื่อนๆ เคยมาที่วัดแห่งนี้ จิตรกรรมที่เธอเห็นในเวลานั้นเลือนราง สีหลุดลอก ชำรุดเสียหาย
แสงจากไต้ที่ตามอยู่ข้างเสา ส่องสว่างให้เห็นภาพสวยงามเหล่านั้น ได้มาเห็นภาพบนผนังในลักษณะที่สวยสมบูรณ์ตรงหน้าด้วยตาตัวเอง ดาราเรศก็อดจะตื้นตันมิได้
“เธอไม่ใช่แม่หญิงดารา”
ทันทีที่นั่งลงตรงหน้าพระประธานและก้มกราบพระเสร็จเรียบร้อย พระภิกษุสูงวัยก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดังเป็นกังวาน
“อุ๊ย…ทำไมจะไม่ใช่ล่ะเจ้าคะ” ดาราเรศสะดุ้ง แต่ก็ยังปากแข็ง
“อยู่ต่อหน้าพระยังจะกล้ามุสาอีกหรือ” หลวงลุงหัวเราะเบาๆ
“เอ่อ…” ดาเรศเกาศีรษะแกรก ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไร เพราะเรื่องทั้งหมดมันเหลือเชื่อเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟังได้
“เธอไม่ใช่แม่หญิงดารา ธิดาเจ้าคุณโชดึก” ท่านเจ้าอาวาสยังย้ำประโยคเดิม
“เอ่อ…หลวงลุงรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” เธอพึมพำออกมาในที่สุด
“แม่ดารามาทำบุญที่วัดนี้ตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเธอคือแม่ดาราก็จะต้องรู้จักอาตมาว่าเป็นใคร ไม่ใช่ทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นดังเช่นเมื่อสักครู่นี้” หลวงลุงเอ่ยเสียงราบเรียบ
“รู้สิเจ้าคะ หลวงลุงก็เป็นเจ้าอาวาสยังไงเจ้าคะ” ดาราเรศยิ้มกว้าง “ดีฉันมัวตกใจเลยหลงๆ ลืมๆ ไปสักหน่อย ตอนนี้จำได้แล้วเจ้าค่ะ”
“จำได้แล้ว…อือม…ถ้างั้นบอกหน่อยสิว่า นอกจากเป็นเจ้าอาวาสแล้ว อาตมาเป็นใคร” ท่ามถามต่อ หากเป็นยามปกติดาราเรศคงย้อนถามไปว่าตกลงท่านยังไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แล้วอิฉันจะรู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ แต่ตอนนี้ท่าทางของพระภิกษุผู้ทรงศีลดูเคร่งเครียดเกินกว่าจะล้อเล่น
“เอ้อ…” ดาราเรศนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบทำนองไหน
“ตอบไม่ได้ใช่ไหม ตอบไม่ได้ก็จะบอกให้ว่า อาตมาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่ช่วง หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นลุงของเธออย่างไรล่ะแม่ดาราตัวปลอม” หลวงลุงเจ้าอาวาสพยักหน้า
“หา” ดาราเรศทำตาโต “เวรละ”
พัง…คราวนี้พังจริงๆ
“สารภาพมาว่าเธอคือใคร”
หลวงลุงถามเสียงเรียบ พร้อมกับโบกมือไล่ให้เด็กวัดที่อยู่คอยรับใช้ ให้รีบไปส่งข่าวบอกออกหลวงกำแหงฤทธิรณว่าเมียของเขาอยู่ที่นี่
ดาราเรศก้มหน้านิ่ง รู้สึกเนื้อตัวรุมๆ เหมือนคนกำลังจะเป็นไข้ จู่ๆ ก็หนาวขึ้นมาจนตัวสั่น ทั้งๆ ที่ผลัดผ้านุ่งใหม่เรียบร้อยแล้ว
“อย่าปฏิเสธอีกเลย ยังไงอาตมาก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่แม่ดารา เพราะนอกจากจะไม่รู้ว่าอาตมาคือลุง แม่ดาราตัวจริงยังเป็นคนที่ขี้กลัวผีมาก วันที่ตามคุณหลวงมาดูศพแม่เยื้อน ไม่มีทางที่แม่ดาราจะยอมเข้าใกล้ศพแน่นอน อีกประการหนึ่ง…แม่ดาราว่ายน้ำไม่เป็น หากตกน้ำคงตายอยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่มีทางว่ายเอาตัวรอดมาถึงท่าวัดประดู่แน่ๆ…ตกลงเธอคือใครกัน”
“ดีฉัน…เอ้อ..ดีฉัน” ดาราเรศอึกอักๆ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดว่า
…เอาวะ เล่าก็เล่า…
แล้วหล่อนก็เลยเล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตนเองออกมาให้พระภิกษุผู้ทรงศีลตรงหน้าฟัง ส่วนท่านจะเชื่อหรือไม่…หล่อนก็ไม่รู้แล้ว
ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง พระภิกษุสูงวัยก็นิ่งไปนาน มีเพียงดวงตาคู่กระจ่างที่มองมายังดาราเรศแน่วนิ่ง ราวจะเอกซเรย์ให้ทะลุไปถึงข้างใน หลังจากนั้นท่านก็พึมพำว่า
“ไม่มีเหตุบังเอิญในโลกใบนี้”
“หลวงลุงหมายความว่าที่หนู..เอ๊ย ดีฉัน” รีบเปลี่ยนสรรพนามให้ดูเป็นสาวอยุธยา แล้วพูดต่อว่า “ที่ดีฉันย้อนเวลามาอยู่ในร่างของแม่หญิงดารานี่…ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“คงจะเป็นเช่นนั้น” ท่านว่า
“เป็นยังไงเจ้าคะ” ดาราเรศงงหนักกว่าเก่า
“อาตมาก็ไม่รู้” ท่านส่ายหน้า
“อ้าว” อิหยังวะ..เล่าเป็นตุเป็นตะจนคอแห้ง สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบจากสวรรค์ “แล้วจะยังไงต่อกันละเนี่ย”
“อาตมาไม่รู้จริงๆ” หลวงลุงยังยืนยันคำเดิม “ลิขิตของสวรรค์ บางทีก็เกินกว่าที่มนุษย์เดินดินอย่างเราจะรู้ได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันคงจะมีเหตุผลบางอย่าง สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ พยายามใช้ชีวิตทุกๆ วันให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว…มันไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเธอได้มีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง…ก็ใช้มันให้ดีที่สุด”
“ดีฉันก็คิดแบบนี้ละเจ้าค่ะ ถึงได้พยายามทำชีวิตวันนี้อย่างไม่ประมาท” ดาราเรศถอนใจเบาๆ ความหนักอึ้งที่มีมานานเหมือนจะผ่อนคลายลงไปได้มาก เมื่อมีใครสักคนรับฟังโดยไม่หัวเราะเยาะ หรือคิดว่าเธอเป็นบ้าสติไม่ดี
“แล้วเป็นยังไงมายังไงถึงตกน้ำตกท่ามาได้” ท่านถามต่อ และดาราเรศก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำให้หลวงลุงฟัง คราวนี้ท่าทีของท่านเปลี่ยนไป
“เธอคิดว่าเป็นฝีมือพวกญี่ปุ่นอย่างงั้นรึ”
“ดีฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่สุด” ดาราเรศค่อนข้างมั่นใจ ตั้งแต่ลักษณะของดาบ การสะพายดาบ ท่าทางการตีลังกาเคลื่อนไหว ยังจะสำเนียงพูดที่แปร่งแปลกหูนั่นอีก “แต่ที่ดีฉันไม่แน่ใจก็คือ…พวกญี่ปุ่นจะมาโจมตีคุณหลวงเข้มทำไม”
“เรื่องผีปอบยังไงล่ะ” ประโยคนั้นของหลวงลุง สั่นระฆังในหัวของดาราเรศเสียงดังติ๊ง !
“จริงด้วย” เธอผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว “ผีปอบ…”
แผลที่ปรากฏบนหน้าท้องของทุกศพ ถูกวัตถุมีคมผ่าเป็นทางยาว และคนที่จะทำแบบนี้ได้จะต้องมีความชำนาญในการใช้อาวุธมาก อีกทั้งลักษณะของแผลจากดาบซามูไร มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากลักษณะแผลจากดาบของคนอยุธยา หากทุกอย่างเชื่อมโยงกันจริงๆ อย่างที่เธอสงสัย นั่นหมายความว่า…พวกญี่ปุ่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ…
“ดีฉันอยากตรวจศพอีกสักครั้งให้ละเอียด” เธออยากเห็นแผลที่หน้าท้องนั่นอีกครั้ง ก่อนจะฟันธงเรื่องของอาวุธที่ใช้สังหาร “ถ้าเป็นไปได้ หากมีดาบญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกันก็ยิ่งดี ดีฉันจะได้มั่นใจได้มากขึ้น”
“อาตมาสงสัยมาระยะหนึ่งแล้วว่าคนที่ตายด้วยผีปอบ น่าจะถูกคนด้วยกันนี่ละสังหาร” หลวงลุงเองก็สงสัยไม่แพ้ดาราเรศ เพราะศพถูกปอบกินตับไตไส้พุงทุกศพที่ญาตินำมาเผาที่วัด มีลักษณะแผลที่ดูคล้ายกันเกินไป “จนกระทั่งพ่อเข้มมาที่วัดกลางดึกคืนวันนั้น แล้วมาตรวจศพด้วยกัน จึงทำให้อาตมายิ่งแน่ใจว่าเป็นฝีมือของคนไม่ใช่ผี”
“ถ้าเป็นฝีมือของพวกญี่ปุ่นจริง พวกเขาจะทำไปทำไมเจ้าคะ” ดาราเรศยังขบคิดปัญหานี้ไม่ออก
“กบฏอย่างไรล่ะ” หลวงลุงเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “พวกญี่ปุ่นไม่พอใจพระเจ้าอยู่หัว หาว่าพระองค์เข้าข้างวิลันดา เอาเปรียบเรื่องการค้า และจ่ายเบี้ยปลอมให้กับพวกเขา”
“แล้วเป็นความจริงหรือเปล่าล่ะเจ้าคะ” ดาราเรศสงสัยจริงๆ
“แผ่นดินนี้ พระเจ้าอยู่หัวมีพระนามว่าอะไร เธอรู้หรือไม่” หลวงลุงถามฃ
“สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม” ดาราเรศท่องจนขึ้นใจ เธอยกมือขึ้นกอดอก กระชับผ้าคลุมไหล่แน่นเข้า รู้สึกว่าความหนาวเย็นเริ่มทวีมากขึ้นทุกขณะ
“ที่ได้พระนามเช่นนั้น เพราะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีคุณธรรม” หลวงลุงเอ่ยเสียงหนักแน่น “เช่นนี้แล้วเธอคิดว่าพระองค์จะเอารัดเอาเปรียบ จะโกงเงินพวกญี่ปุ่นอย่างนั้นหรือ”
“นั่นสิเจ้าคะ…แสดงว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ดาราเรศพยักหน้า
“เข้าใจผิด แต่ตอนนี้กำลังจะบานปลายกันไปใหญ่แล้ว” หลวงลุงถอนใจ วัดคือศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ในขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์รวมข่าวสารต่างๆ ด้วย “มีข่าวว่าญี่ปุ่นวางแผนก่อกบฎ”
“อะไร อย่างไรเจ้าคะ” ดาราเรศทำตาโต ชักเข้าเค้า ถ้าจะก่อกบฏจริงๆ การสร้างเรื่องผีปอบก็เป็นกุศโลบายที่ดีของคนร้าย ที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในเมือง พอได้จังหวะ ในเมืองเต็มไปด้วยความโกลาหล ก็ฉวยเอาจังหวะนั้นดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะโลกอดีตหรือโลกอนาคต แผนการก่อการร้ายก็มักจะมาในลักษณะเดียวกันเช่นนี้
“ตอนนี้อาตมาก็ยังไม่รู้” หลวงลุงส่ายหน้า “ข่าวยังไม่ชัดเจน”
“มีพวกญี่ปุ่นอยู่ในอยุธยามากน้อยแค่ไหนเจ้าคะ” ดาราเรศถาม
“แปดร้อยคนเห็นจะได้” หลวงลุงว่า “พวกเขามีหมู่บ้านอยู่นอกเกาะเมือง มีหัวหน้าปกครองชื่อยามาดะ”
“ยามาดะ” ดาราเรศคุ้นชื่อนั้นจากห้องเรียน แต่จดจำรายละเอียดอะไรไม่ได้เลย
“ยามาดะเป็นขุนนางที่พระเจ้าอยู่หัวโปรดปรานมาก เขาเคยช่วยรบและปราบกบฏต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง” หลวงลุงเล่า
“แต่ครั้งนี้คิดจะเป็นกบฏเสียเอง” ดาราเรศพยักหน้าหงึกๆ
“เร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเป็นยามาดะ” หลวงลุงค้าน “ยามาดะจงรักภักดีกับพระเจ้าอยู่หัวมาก อาจจะเป็นฝีมือของพวกญี่ปุ่นคนอื่น ที่ไม่เห็นด้วยและไม่ชอบยามาดะ”
“แสดงว่า การที่คุณหลวงกำแหงฤทธิรณจับพิรุธได้ว่าเองผีปอบ คือเรื่องหลอกลวง ทำให้แผนของพวกกบฎผิดพลาด…” ดาราเรศปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันรวดเร็ว
“ใช่” หลวงลุงพยักหน้า “พวกมันเลยตั้งใจจะสังหารพ่อเข้ม…แต่เธอมารับเคราะห์แทนผัว”
“แล้วเราจะทำอย่างกันต่อไปดีล่ะเจ้าคะ” ดาราเรศขมวดคิ้วมุ่น เรื่องราวดูจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
“คอยเฝ้าสังเกต” หลวงลุงสรุปสั้นๆ “หากมีสิ่งใดผิดปกติ เธอต้องรีบบอกให้สามีรู้ทันที”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศพยักหน้า
นอกจากวัด ตลาดก็คือศูนย์รวมข่าวเช่นกัน สามีของเธอคงจะระแคะระคายอะไรมาบ้าง จึงขอให้เธอคอยสืบข่าวจากป่าผ้าที่เธอไปเปิดร้านขายของอยู่กับเพื่อนสนิท
นั่งสนทนากับหลวงลุงเจ้าอาวาสอยู่อีกพักใหญ่ ร่างสูงใหญ่ของออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็มาปรากฏอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์
ทันทีที่เขาเห็นร่างผอมบางของดาราเรศนั่งอยู่ข้างใน เขาก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว นี่ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าพระต่อหน้าเจ้า เขาคงดึงหล่อนไปกอดแนบอกแล้ว ออกหลวงหนุ่มบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจมากแค่ไหนที่เห็นแม่หญิงดาราปลอดภัย
“ปลอดภัยแล้วนะ” หลวงลุงเอ่ยขึ้น ดวงตาทอดมองสามีภรรยาด้วยความเมตตา
“แม่ดารามาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน” พอหายตื่นเต้น ออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็เริ่มสงสัย “วัดประดู่อยู่เหนือน้ำ เลยจากจุดที่เรือโดนโจมตีไกลมาก…อย่าบอกนะว่าแม่ดาราว่ายทวนน้ำมา”
“ฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ มันงงๆ มึนๆ ไปหมด” ดาราเรศไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าผีเด็กผมจุกเป็นคนช่วยพาเธอว่ายทวนน้ำมาจนถึงวัดแห่งนี้ “พอโดดหนีคนร้ายลงไปในน้ำ ฉันก็ว่ายจนสุดแรง ไม่ได้ดูทิศทางเลยว่าทางไหนเหนือ ทางไหนใต้”
“แต่ว่า…” ออกหลวงหนุ่มยังไม่หายแปลกใจ หากหลวงลุงขัดขึ้นเสียก่อนว่า
“อาตมาว่าอย่าเพิ่งสงสัยอะไรเรื่องนี้เลย มาสงสัยดีกว่าว่าคนร้ายดักปล้นเรือคือพวกใดกันแน่”
“นั่นสิ พวกมันเป็นใคร แม่ดาราจำได้หรือไม่” ออกหลวงหนุ่มนิ่วหน้า
“เห็นหน้าไม่ถนัดเจ้าค่ะ” ดาราเรศเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะสรุปว่า “มีความเป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นพวกญี่ปุ่น และทั้งหมดอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ผีปอบอาละวาดด้วยนะเจ้าคะ เพราะผลที่หน้าท้องของทุกศพ มีลักษณะคล้ายกับถูกดาบด้ามยาวที่มีลักษณะคมและบาง กรีดและตัดเอาอวัยวะภายในออกไป”
“ซามูไร” ชายหนุ่มพึมพำ
“ฉันก็กำลังสงสัยเช่นนั้น” ดาราเรศเสียงสั่น ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ “หากเป็นไปได้…คุณหลวงหาดาบซามูไรมาให้ฉันทดสอบหน่อยจะได้ไหม…ถ้าได้ซามูไรมาทดสอบกับศพ…เราน่าจะได้คำตอบ”
“ได้สิ” เขารับปาก “ฉันจะพยายามหาซามูไรมาให้ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว เราไม่ควรรบกวนหลวงลุงอีก…กลับเรือนกันดีกว่า”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศพยักหน้า เพราะรู้สึกอ่อนล้าอยากกลับไปพักผ่อนเต็มทน
เธอกราบลาหลวงลุงพร้อมกับผู้เป็นสามี จากนั้นเดินตามเขาออกจากโบสถ์ มุ่งหน้าไปยังท่าน้ำที่เรือจอดรออยู่ ออกหลวงกำแหงฤทธิรณทำท่าเหมือนจะประคอง หากดาราเรศปัดมือของแล้วพึมพำว่า
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ฉันเดินเองได้”
“อย่ามาทำปากเก่ง” เขาเอ็ด “หน้าซีดเหมือนคนจะเป็นลม…มา…ให้ฉันประคอง”
ดาราเรศไม่ทันได้ปัดป้อง มือแข็งแกร่งราวคีมเหล็กก็ดึงเอวของเธอไปกอดไว้หลวมๆ
“อีตาคุณหลวง…อยู่ในวัดนะเจ้าคะ” ดาราเรศพึมพำ
“ฉันรู้ บอกทำไม” เขาทำเสียงแผ่วต่ำ
“ก็…” ดาราเรศทำเสียงอุบอิบ “ก็อยู่ในวัด ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำแบบนี้ ทำอะไร” คุณหลวงทำเสียงไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังกระชับอ้อมแขนที่โอบเอวของเธอแน่นเข้า “ประคองเมีย ผิดตรงไหน”
“ฉันอาย” ดาราเรศทำเสียงอุบอิบ
“อายใคร” เขาว่า “ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ก็…ก็” ดาราเรศเถียงไม่ออก
“ว่าแต่” คราวนี้น้ำเสียงของเขาจริงจัง “ทำไมแม่ดาราตัวร้อนยังกับไฟ”
“ฉัน…” อาการร้อนๆ หนาวๆ ไม่ใช่อาการเขินสามีแน่ๆ แต่ดาราเรศรู้สึกว่าตัวเองกำลังจับไข้
“งั้นพี่อุ้ม”
“ไม่เอา ฉันเดินเองได้…ฉัน…”
“อย่าดื้อสิ”
คราวนี้คุณหลวงไม่รอให้ดาราเรศพูดจบประโยค วงแขนแข็งแรงด้วยมัดกล้าม ช้อนร่างเมียขึ้นอุ้มอย่าง ร่างสูงใหญ่เดินมุ่งหน้าไปยังท่าน้ำ มีร่างบอบบางในวงแขน
อุ๊ย…
ก็คิดจะดิ้นรนผลักไสเขาอยู่หรอกนะ
แต่จะว่าไป…อยู่ในอ้อมอกอุ่นๆ วงแขนแข็งแรงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
และมันจะดีกว่านี้…ถ้าหล่อนจะไม่จับไข้
ให้ตายเถอะ…ดาราเรศก่นด่าในใจ…ไข้บ้าไข้บอ…ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยนะเนี่ย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ