
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
“กรี๊ดดดดดด” เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดนั้น กลายเป็นเสียงของแม่บัวที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ทางด้านหลังของคุณหญิงแป้น
ทันทีที่น้ำมนต์ของหลวงพี่วัดขนุนตกต้องผิวกายของแม่บัว หญิงสาวก็ผุดลุกขึ้นพร้อมกับร้องเสียงเจ็บปวด ท่ามกลางความตกใจของคุณหญิงแป้นและแม่ใจ รวมทั้งบ่าวไพร่ในเรือน
“โอ๊ย…ทนไม่ไหวแล้ว” แม่บัวตะโกนเสียงดัง มือไม้ปัดป่ายไปมาจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ดูแล้วน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก “หลวงพี่…หลวงพี่เอาน้ำมนต์อะไรมาพรมเจ้าคะ ทั้งแสบทั้งร้อน”
“ก็…ก็…น้ำมนต์ธรรมดา” หลวงพี่อ้าปากค้าง ไปต่อไม่ถูก ไม่คิดว่าเป้าหมายที่มุ่งมาโจมตีจะกลับกลายเป็นแม่บัวไปเสียได้
“ธรรมดาแล้วทำไมถึงแสบร้อนล่ะเจ้าคะ” แม่บัวใช้มือถูแขนจนเกิดเป็นปื้นแดง
“นั่นสิ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน” หลวงพี่เกาศีรษะแกรก
“นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงแป้นตกใจไม่แพ้คนอื่นๆ แทนที่จะเป็นแม่ดาราลุกขึ้นร้องกรี๊ด เหตุใดจึงกลายเป็นแม่บัว ลูกสาวสุดที่รักไปได้ “แม่บัว แม่บัวเป็นอะไร”
“ร้อนเจ้าค่ะคุณหญิงแม่…ลูกร้อนไปหมดแล้ว” แม่บัวยังไม่หยุดร้อง มือก็ยังไม่หยุดลูบแขน
“ร้อนอะไรกัน น้ำมนต์หลวงพี่เย็นออก” แม่ใจนิ่วหน้า “ไม่ใช่แค่เย็นอย่างเดียว แต่ยังหอมอ่อนๆอีกด้วยนะจ๊ะแม่บัว”
“เย็นอะไรกันพี่ใจ”แม่บัวตาขวาง “ทั้งแสบทั้งร้อน…โอ๊ย หอมอะไร เหม็นน่ะไม่ว่า”
“ทำไมแม่บัวถึงว่าน้ำมนต์หลวงพี่อย่างนั้นล่ะ” แม่ใจสงสัย “หรือว่า…ที่แม่บัวโดนน้ำมนต์แล้วแสบร้อน เป็นเพราะว่า…”
พูดได้แค่นั้น แม่ใจก็ไม่กล้าพูดต่อ
“ตายจริง” ดาราเรศป้องปากหัวเราะ “คุณหญิงแม่ตั้งใจจะมาจับผีที่เรือนนี้…อย่าบอกนะเจ้าคะว่า ผีที่ว่าอยู่ในตัวแม่บัว”
“นั่นสิเจ้าคะ” นังแหวนรับลูก นายบ่าวเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “โดนน้ำมนต์เข้าไปทีเดียว ร้องกรี๊ดโหยหวน…คนอื่นไม่เห็นเป็นไร”
“หลวงพี่” คุณหญิงแป้นหันขวับไปทางหลวงพี่ที่ยืนอึ้ง “นี่มันอะไรกันเจ้าคะ…น้ำมนต์นี่เอาไว้ปราบผีไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสิ” หลวงพี่พึมพำ ดวงตาจ้องมองแม่บัวที่ยังคงร้องโอดโอยอยู่ด้วยความแปลกใจ “หรือว่า…ที่จริงแล้วผีอยู่ในตัวแม่บัว”
“ไม่จริงนะเจ้าคะ” คุณหญิงแป้นชี้นิ้วไปที่ลูกสะใภ้ “ผีอยู่ในตัวแม่ดาราต่างหาก”
“ถ้าผีสิงอยู่ในตัวฉัน ฉันก็ต้องร้องกรี๊ดสิเจ้าคะคุณหญิงแม่” ดาราเรศลอยหน้าลอยตา “แต่ทำไมน้า…คนร้องกรี๊ดถึงเป็นแม่บัว”
“หลวงพี่” คุณหญิงแป้นหันไปทางหลวงพี่ต้นเหตุ “รดน้ำมนต์อีกรอบเลยเจ้าค่ะ เอาให้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ร้อนจนทนไม่ได้”
“เอางั้นเรอะโยม” หลวงพี่ชักไม่แน่ใจ
“เจ้าค่ะ” คุณหญิงแป้นพยักหน้า โดยมีแม่ใจช่วยสนับสนุนอีกคน
“เอ้า” หลวงพี่วัดขนุนตัดสินใจ “เอาก็เอา”
พูดจบหลวงพี่ก็จุ่ม ‘กำคา’ ที่ทำจากหญ้าคาเอามามัดรวมกันลงไปในบาตรน้ำมนต์ และพรมให้กับทุกคนอีกครั้ง ทุกคนที่ได้รับน้ำมนต์ไปต่างพากันสงบนิ่ง มีเพียงแม่บัวคนเดียวที่แสบร้อนหนักกว่าเก่า จนต้องกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะเผ่นลงจากเรือน วิ่งหนีหายไป
“กรี๊ดดดด”
เสียงแม่บัวลับหายไปในสวน ขณะที่แม่ใจและคุณหญิงแป้นผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“คุณแม่…สงสัยผีจะเข้าแม่บัวจริงๆ เจ้าค่ะ” แม่ใจว่า
“เออ ฉันเห็นแล้ว” คุณหญิงแป้นเจ็บใจ “แม่ใจไม่ต้องขยี้ซ้ำ”
“อ้าว” แม่ใจเลิ่กลั่ก อยู่ๆแม่สามีก็มาเหวี่ยงใส่ซะงั้น “แล้วจะเอายังไงต่อเจ้าคะ”
“ไปตามแม่บัวก่อน” คุณหญิงแป้นหงุดหงิด หากไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับใคร
คุณหญิงหันไปเรียกบ่าวคู่ใจแล้วรีบลงเรือนตามหลังบุตรสาวไป แผนการที่อุตส่าห์วางไว้ดิบดี พังพินาศหมดแล้ว ตั้งใจจะมาจับผีที่สิงแม่ดารา กลายเป็นว่าลูกสาวตัวเองนั่นและที่มีผีสิง ฝากไว้ก่อนเถอะนังดารา…คุณหญิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“หลวงพี่ขอรับ” ออกหลวงหนุ่มเจ้าของเรือนเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขาที่จ้องมองพระภิกษุหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยความเคารพ หากทว่าทรงไว้ซึ่งอำนาจ “การณ์เป็นเช่นนี้แล้ว หลวงพี่จะยังไงต่อ ยังจะหาว่าเมียกระผมเป็นผีอยู่อีกหรือไม่”
“เอ้อ…เอ้อ…” หลวงพี่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“ต้องไปพรมน้ำมนต์ที่ห้องหับอื่นด้วยอีกหรือไม่ขอรับ” ออกหลวงหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก
“มะ ไม่ ไม่ต้องแล้ว” หลวงพี่เสียงสั่น
“แล้วเรือนกระผมยังมีผีอยู่อีกหรือไม่” ออกหลวงหนุ่มขยับดาบในมือไปมา
“มะ ไม่ ไม่มีแล้ว” หลวงพี่เสี่ยงสั่นหนักกว่าเก่า “หลวงพี่ใช้ญาณตรวจดูเรียบร้อย เรือนของคุณหลวงไม่มีผี ไม่มีอาถรรพณ์อะไร”
“แล้ว…” คุณหลวงเลิกคิ้ว จ้องมองหลวงพี่เขม็ง
“แล้ว…หลวง หลวงพี่” มือไม้ของหลวงพี่ที่เอื้อมไปหยิบย่ามสั่นระริก “หลวงพี่กลับวัดก่อนดีกว่านะโยมคุณหลวง…ไป…พวกเอ็ง…กลับกันได้แล้ว”
เหตุการณ์พลิกหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนั้น หลวงพี่วัดขนุนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำอะไรต่อไป ท่านหันไปพยักหน้าเรียกลูกศิษย์ให้รีบกลับวัดขนุนไปด้วยกัน ก่อนที่คุณหลวงจะชักดาบในมือออกมา
ตลอดเวลาที่เกิดเหตุวุ่นวายในเรือน ออกหลวงกำแหงฤทธิรณเฝ้ามองทุกคนด้วยสายตาวิเคราะห์ รอจนทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ เขาจึงหันไปหาแม่ดาราแล้วถามว่า
“แม่ดารามีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” ดาราเรศถอนใจเบาๆ “เท่านี้น้องก็ขอบใจคุณพี่มากแล้ว”
พูดจบหล่อนก็ขยับไปใกล้ๆเขา และยกมือขึ้นพนมกราบแทบอกแน่นๆ จังหวะที่เงยหน้าขึ้น จมูกโด่งๆของคุณหลวงเฉียดแก้มหล่อนไปนิดเดียว
“ขอบใจอะไรกัน” คุณหลวงหน้าแดง นึกอยากจะยกมือขึ้นโอบเมียเข้ามาใกล้ๆ แต่ก็อายสายตาบ่าวไพร่ที่นั่งหันหน้าสลอน “เจ้าเป็นเมียพี่ พี่ก็ต้องปกป้อง บอกตามตรงนะแม่ดารา…พี่ไม่รู้เรื่องเลยว่าคุณหญิงแม่จะทำแบบนี้ ถ้ารู้ก่อนละก็…พี่ไม่ยอมแน่ๆ”
“คุณพี่กับคุณหญิงแม่เลยต้องมาขัดกันเพราะฉัน…ไม่น่าเลยนะเจ้าคะ” ดาราเรศแกล้งทำเสียงอ่อน เอาใจสามีสักหน่อย หลายวันมานี้เขาเป็นเด็กดีของเธอ คอยช่วยเหลือมาตลอด ยังไงก็ต้องออดอ้อนเอาไว้เป็นพวก
“อย่างที่พี่เคยบอก” เขาทำเสียงเข้ม “หากคุณหญิงแม่ทำไม่ถูก พี่ก็ไม่เข้าข้าง…แม่ดาราก็เหมือนกัน ถ้าแม่ดาราทำผิด พี่ก็ไม่เข้าข้างเช่นกัน”
“ดีเจ้าค่ะ” ดาราเรศชูนิ้วหัวแม่มือให้สามี “เป็นตำรวจก็ต้องผดุงความยุติธรรมให้กับทุกคน”
เรื่องในวันนี้ ถ้าไม่ได้หนูยอดแอบฟังแผนการของพวกเรือนใหญ่แล้วมาบอกให้ดาราเรศรู้ล่วงหน้าละก็ เธอคงวางแผนรับมือไม่ทัน
ที่จริงดาราเรศไม่กลัวน้ำมนต์อะไรทั้งนั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ผี ถึงจะตายแล้วมาเกิดในร่างนี้ เธอก็มีเลือดเนื้อไม่ต่าจากคนปกติ ต่อให้รดน้ำมนต์จนหมดวัด น้ำมนต์พวกนั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหญิงแม่มาลูบคมจนถึงที่ เธอก็ต้องจัดให้ชุดใหญ่จึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
อันที่จริง แม่บัวไม่ได้มีผีสิงอะไรหรอก ดาราเรศแค่ ‘เล่นกล’ นิดหน่อย ทำให้แม่บัวต้องมารับเคราะห์กลายเป็นเหยื่อของน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
กลที่ดาราเรศเล่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร อาศัยเอาความรู้เรื่องพืชพรรณและพิษต่างๆที่ร่ำเรียนมาตอนเป็นหมอนิติเวชมาใช้
กะเพราไก่จานพิเศษที่ดาราเรศผัดเตรียมไว้ให้แม่บัวนั้น ผสมสมุนไพรที่ได้มาจากป่ายา เป็นสมุนไพรจากประเทศจีนจำพวกเดียวกับหม่าล่าที่คนในโลกปัจจุบันนิยมนำมาทำชาบูกินกัน ตอนที่ดาราเรศไปพบที่ป่ายา ท่าทางของเธอดีใจจนแหวนประหลาดใจว่าเจ้านายจะดีใจอะไรนักหนา
สมุนไพรที่ดาราเรศซื้อมา นอกจากมีรสชาติเผ็ดร้อนไม่ต่างอะไรกับพริกขี้หนูแล้ว ยังมีคุณสมบัติทำให้เลือดสูบฉีด เพิ่มธาตุไฟให้กับร่างกาย ทำให้คนกินมีอาการร้อนอยู่ในตัว พอเจอน้ำมนต์ที่มีพิมเสนผสมเข้าไปนิดหนึ่ง ความเย็นจัดของน้ำและความร้อนของร่างกายมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากจนสร้างความรุ่มร้อนในผิวเนื้อให้กับแม่บัวจนต้องร้องกรี๊ด เหมือนเวลาคนกินลูกอมที่มีเมนทอลผสม แล้วรู้สึกซู่ซ่าในปากและลำคอ ยากที่จะบอกว่ามันคือความเย็นหรือคือความเผ็ดนั่นเอง
เรื่องนี้ให้ออกหลวงเข้มรู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าหากเขารู้ว่าเกิดจากความเจ้าเล่ห์ของหล่อนละก็ หมากสำคัญบนกระดานตัวนี้อาจจะเปลี่ยนไปอยู่ข้างน้องสาวของเขา หากเป็นเช่นนั้นหล่อนคงจะลำบากแน่
“วันนี้พี่หยุด” จู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้น “แม่ดาราอยากไปเยี่ยมเจ้าคุณพ่อไหม”
“ไปสิเจ้าคะ” วันนี้เธอก็ไม่ได้ไปขายของเช่นกัน เมื่อวานที่ป่าผ้ามีคนท้องร่วง อาการท้องเสียลุกลามไปหลายคน บรรดาพ่อค้าแม่ค้ากลัวว่าจะมีการระบาดใหญ่โต เลยพร้อมใจนัดกันปิดร้านหยุดขายของไปสักสองสามวัน
“คุณหลวงมีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ จู่ๆถึงนึกอยากไปเยี่ยมเจ้าคุณพ่อของฉัน” ดาราเรศอดถามไม่ได้
วันนี้สามีของเธอแต่งกายธรรมดา ไม่ได้นุ่งโจงสวมเครื่องแบบเหมือนอย่างทุกวัน แต่งตัวแบบนี้อยุธยาคิ้วต์บอยดูอ่อนเยาว์ลงไปมาก ที่ไม่ลดลงเลยคือออร่าความหล่อ ดูยังไง ดูมุมไหนก็หล่อไปหมด
นึกๆแล้วหล่อนอยากเขกหัวแม่หญิงดาราคนเก่านัก ไปหลงคุณพระขามอยู่ได้ มีตาหามีแววไม่ เทียบกับคุณหลวงเข้มแล้ว คุณพระขามไม่เห็นจะหล่อสักนิด
จะว่าไปแล้ว ทอดสายตามองไปทั่วกรุงศรีอยุธยา ใครๆก็สู้สามีของหล่อนไม่ได้ ทั้งหล่อ ทั้งเข้มคม ทั้งบึกบึนสมชายชาตรี
วุ๊ย…ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่…ดาราเรศได้สติ บังคับตัวเองให้ละสายตาไปจากชายหนุ่มที่กำลังพายเรือด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
วันนี้เขาพายเรือเอง ใช้เรือธรรมดาของที่บ้าน ไม่ได้ใช้เรือประจำตำแหน่ง เพราะไม่อยากให้การไปเยี่ยมออกหลวงโชดึกฯเป็นที่ผิดสังเกต อีกทั้งไม่อยากให้เป็นเป้าสายตาผู้คน เหตุร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ ถึงจะสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกญี่ปุ่นก็ไม่มีหลักฐานไปเอาผิดใคร ดังนั้น ออกหลวงกำแหงฤทธิรณจึงต้องระวังตัวให้มากที่สุด
แม้เวลาจะล่วงเลยไปจนบ่ายคล้อย หากทว่าเรือนหมอพันยังคงคับคั่ง เต็มไปด้วยผู้คนที่เจ็บป่วย ส่วนมากมีอาการท้องร่วงเหมือนกับพ่อค้าแม่ค้าที่ป่าผ้า ดาราเรศประเมินด้วยสายตาหมอว่านี่คงเกิดจากอาหารเป็นพิษ แล้วเลยเกิดระบาดไปในกลุ่มของผู้คนที่สุขอนามัยไม่ดี แต่ดูจากอาการแล้วคงไม่ร้ายแรงถึงขนาดเป็นอหิวาตกโรคหรือโรคห่าที่ทำให้ผู้คนต้องย้ายเมืองหนี
หมอพันกำลังยุ่งวุ่นวายกับการตรวจผู้ไข้อยู่บนเรือนใหญ่ ดาราเรศเห็นเด็กผมจุกสองคนวิ่งเล่นอยู่ไม่ห่าง คนโตเป็นเด็กหญิงชื่อหนูสารภี คนเล็กเป็นเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหนูยอด ชื่อว่าหนูโหมด ทั้งสองเป็นลูกของหมอพัน
“เจ้าคุณพ่อ”
ดาราเรศเห็นผู้เป็นบิดาแต่งกายเรียบง่าย กลมกลืนกับคนในเรือนหมอพัน บ่ายวันนี้เจ้าคุณพ่อของเธอกำลังช่วยหมอจัดยาให้คนไข้ แม้ท่าทางยังอ่อนระโหย หากสีหน้ามีเลือดฝาด ไม่เผือดซีดเหมือนครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน
“ค่อยยังชั่วแล้วหรือเจ้าคะ”
“ดีขึ้นมากแล้ว” ท่านเจ้าคุณวางยาในมือ ขยับไปหาบุตรสาว ยกมือขึ้นลูบผมแม่หญิงดาราด้วยความปราณี “พ่อไม่อยากอยู่เฉยๆ มันเบื่อ…พ่อเข้มมาด้วยเรอะ เรื่องที่ไปสืบ ได้ความว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
“คืบหน้าไปมากแล้วขอรับ” ออกหลวงหนุ่มตอบพ่อตา ขณะที่ดาราเรศกรอกตามองคนนั้นคนนี้ไปมา จากท่าทางที่พ่อและสามีคุยกัน ดูเหมือนทั้งสองเคยได้พบกันมาแล้วหลายครั้ง
“พวกญี่ปุ่นกำลังเตรียมการก่อกบฏจริงๆ” เขากระซิบบอกออกญาโชดึกราชเศรษฐี “แต่ความเห็นนั้นแบ่งเป็นสองฝักฝ่าย”
“ยังไง” ออกญาโชดึกฯชวนให้สองหนุ่มสาวเดินลงเรือนไปนั่งคุยกันในสวนสมุนไพรที่หมอพันปลูกเอาไว้ เหลียวซ้ายแลขวาว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้น
“ท่านไดเมียวไม่พอใจเรื่องที่พวกวิลันดาได้สัมปทานสินค้ามากกว่าญี่ปุ่น ยังจะเรื่องเงินค่าสินค้าที่เป็นปลอมนั่นก็อีกด้วยขอรับ” ออกหลวงหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ สิ่งที่เขาเล่าให้บิดาของแม่หญิงดาราฟังนั้น บอกให้รู้ว่าเขาทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี “พวกเขาเตรียมจะก่อกบฏ แต่ท่านยามาดะไม่เห็นด้วย ยามาดะคือคนที่คัดค้านเอาไว้ อยากให้มีการตรวจสอบให้ถ้วนถี่เสียก่อน ท่านยามาดะคิดว่าการณ์ครั้งนี้น่าจะมีคนเสี้ยมให้ราชสำนักกับญี่ปุ่นบาดหมางกัน”
“เรื่องสัมปทานสินค้าที่วิลันดาได้มากว่า…พ่อบอกได้เลยว่าไม่เป็นความจริง” ออกญาโชดึกแทนตัวเองกับออกหลวงหนุ่มว่า ‘พ่อ’
“พ่อกับออกญาจุฬาราชมนตรีพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ตลอด เรายืนยันได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“กระผมรู้ ท่านเจ้าคุณนคเรศก็รู้” ออกหลวงหนุ่มหมายถึงเจ้านายของเขา “แต่พวกญี่ปุ่นกลับไม่ยอมเข้าใจ”
“หรือที่จริงแล้วเข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะจะได้อ้างเอาเรื่องนี้เป็นเหตุที่จะก่อกบฏได้” ออกญาโชดึกฯ วิเคราะห์ด้วยสายตาของผู้ที่ผ่านโลกมามาก
“นั่นสิขอรับ” ออกหลวงหนุ่มครุ่นคิด
สายลมเย็นๆพัดผ่านมาจากริมน้ำ เสียงใบไม้ส่ายไหว และกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่น และทันใดนั้นเอง ออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยสัญชาตญาณที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“นั่นใคร” เขาตวาดเสียงก้อง..สะท้อนกลับไปกลับมา…
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ