ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 2 : เลือกคู่ (3)

ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 2 : เลือกคู่ (3)

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

ความสนิทสนมผูกพันแต่เยาว์วัยระหว่างพระนางกับเจ้าชายอาจมิได้มีความหมายมากมายกับพระองค์…เท่าที่มีต่อพระนางก็เป็นได้

“พี่พาวาน้อยมากราบพระไชยทอง น้องยังเดามิถูกอีกหรือ ฤๅพระไชยทองสำหรับน้องก็คงเป็นเพียงพระพุทธรูปองค์หนึ่งเท่านั้น”

“เจ้าพี่เขนช่างมิเข้าพระทัยสตรีเอาเสียเลย” ชวาลาทอดถอนพระทัย “พระไชยทองเป็นสัญลักษณ์แห่งรักตมปุระ ดินแดนที่หม่อมฉันสืบสายโลหิตอยู่ครึ่งหนึ่งหากมิเคยได้เยือน ทั้งยังเป็นเครื่องหมายไมตรีของไชยาแลรักตมปุระต่อกัน เจ้าพี่เป็นผู้อัญเชิญมาครั้งเสด็จมาถึงละโว้ใหม่ๆ แล้วยังมีน้ำพระทัยให้หม่อมฉันเป็นผู้บูรณะซ่อมแซมจนถึงเลือกที่ประดิษฐานเอง”

“ครั้งนั้นผู้คนร่ำลือกันเหลือเกินว่าพี่…เลือกแล้ว”

“ยามนั้นเจ้าพี่ยังเยาว์เกินกว่าจักทราบได้ว่าต้องเลือกหรือมิเลือกผู้ใด”

“ถูกแล้ว” กัษษกรพยักพักตร์ช้าๆ “แลมิรู้ด้วยซ้ำว่ามีสิทธิ์เลือกได้ พี่มิรู้อันใดนอกจากถูกเลือกให้นิราศจากมาตุภูมิมาเป็นโอรสราชันแปลกหน้าในดินแดนต่างถิ่นไกลโพ้น มิรู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงพี่มีฐานะเช่นไร แท้จริงอาจเป็นเพียงตัวประกันเท่านั้น แต่ที่พี่มอบพระไชยทองให้วาน้อย เพราะช่างชาวรักตมปุระเป็นผู้สร้างถวายกษัตริย์ไชยามาก่อนในอดีตกาล นัยหนึ่งก็ถือเป็นสมบัติของรักตมปุระ เจ้าสมควรเป็นผู้รักษา”

“หม่อม​ฉันมิเคยลืมน้ำพระทัยนี้”

“แต่มิใช่เพียงเท่านั้นหรอกหนา หากวาน้อยมิให้พี่เข้ามาร่วมซ่อมแซมพระไชยทองด้วย พี่ก็คง…เปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวในนครแปลกหน้า อาจอกไหม้ไส้ขมระทมคิดถึงไชยาจนตรอมใจไปแล้วก็เป็นได้ พี่อดคิดมิได้เสียด้วยซ้ำว่าดูทีพระท่านคงส่งน้องมาดูแลพี่เป็นแน่” พระองค์หันมาทอดพระเนตรชวาลา สุรเสียงอ่อนลง “มิรู้วาน้อยยังจำได้หรือไม่ มันก็เนิ่นนานนับสิบปีแล้ว พี่ให้สัตย์ต่อพระพักตร์พระไชยทอง ว่าพี่จักเป็นผู้ดูแลปกป้องชวาลาของพี่เอง”

พระนางหายใจไม่ทั่วนาภี หทัยเต้นแรงราวจักโลดออกนอกอุระ

“หม่อมฉันจำได้ เพียงแต่ยามนั้นเจ้าพี่แลหม่อมฉันยังเยาว์นัก เจ้าพี่จักบอกหม่อมฉันว่า…”

“พี่อยากดูแลปกป้องน้อง มิใช่เพียงเพราะเคยให้สัตย์ไว้ แต่เพราะพี่รักวาน้อย”

“เจ้าพี่…” ชวาลาตกพระทัย เหลียวซ้ายแลขวาว่ารอดพ้นจากหูผีจมูกมดของไพร่ทาสบริวาร

“แล้วน้องเล่า คิดเช่นไรกับพี่ ในเมื่อน้องต้องการเสกสมรสกับผู้ที่ตนรัก พี่มิปรารถนาบังคับใจผู้ใด”

“เจ้าพี่หมายความว่า…”

“พี่เลือกวาน้อย…เป็นพระชายาของพี่”

“โอ…” สุรเสียงหายไปในพระศอ ก่อนตรัสตอบด้วยพระทัยสงบนิ่งขึ้น “หัวใจหม่อมฉันเป็นของเจ้าพี่เขนมานานเหลือเกินแล้วเพคะ”

เจ้าชายกัษษกรแย้มสรวลโล่งพระทัย ความอัดอั้นทั้งปวงมลายลงตรงนั้น ทว่ากลับเหมือนผู้ที่ลอยล่องอยู่บนนภากาศด้วยความปรีดา แล้วถูกผลักตกลงจากที่สูงโดยมิทันตั้งตัวเมื่อได้ยินรับสั่งต่อมา

“แต่เจ้าพี่จักมิให้โอกาสเจ้าหญิงพระองค์อื่นดูบ้างหรือเพคะ” เจ้าหญิงชวาลาเผลอเอื้อมไปกุมหัตถ์เจ้าอุปราชไว้เมื่อเห็นพระพักตร์นิ่งขึงไปอย่างคาดไม่ถึง “มิใช่หม่อมฉันไม่รักหรือปฏิเสธเจ้าพี่สักหน่อย”

“น้องกำลังทำให้พี่สับสน”

“หม่อมฉันแค่…เห็นใจพวกน้องๆ ที่ยังมิเคยมีโอกาสให้เจ้าพี่ได้รู้จัก บางทีอาจมีผู้ที่เจ้าพี่นึกรักแลเหมาะสมคู่ควรกว่าหม่อมฉันก็ได้ เพียงเพราะหม่อมฉันคุ้นเคยกับเจ้าพี่มาก่อน ทำให้หม่อมฉันได้เปรียบ จึงรู้สึกไม่ยุติธรรมเท่าไร”

“โธ่ วาน้อย มาคิดเรื่องยุติธรรมอันใดกับเรื่องนี้” กัษษกรร้องอย่างกึ่งฉุนกึ่งอ่อนใจ “ในทางใดทางหนึ่ง รักตมปุระก็ต้องการให้น้องกับพี่สนิทสนมกันแต่แรกอยู่แล้ว ฝ่ายอื่นเองจักว่าไป หากคิดปูทางให้พี่คุ้นเคยกับพระธิดาของพวกเขาตั้งแต่เยาว์วัยก็ย่อมได้ แต่คนเหล่านั้นกลับเลือกมองข้ามพี่ อาจด้วยเห็นว่ามีพระสนมกำลังตั้งครรภ์อีกมากมาย คงจะได้โอรสถวายก็เป็นได้ หาได้มีสิ่งใดอยุติธรรมทั้งสิ้น เว้นแต่วาน้อยกำลังหาหนทางปฏิเสธมิให้พี่เสียใจ เช่นนั้นก็บอกพี่มาตามตรงเถิด”

“หม่อมฉันรักเจ้าพี่ ปรารถนาจักเป็นชายาเจ้าพี่ผู้เดียวเท่านั้นแล มิเช่นนั้นก็คงมิครองตัวอยู่จนป่านนี้หรอกเพคะ” ชวาลาตัดสินใจรับสั่งจากหทัย “เพียงแต่หม่อมฉันมิปรารถนาเป็นเป้าให้คนครหาได้ จึงจักขอร้องเจ้าพี่อย่าเพิ่งบอกผู้ใดถึงการตัดสินใจนี้ จนกว่าจักถึงเพลาที่ต้องประกาศเลือกได้หรือไม่เพคะ”

“ขอเพียงเป็นประสงค์ของน้อง พี่มิขัดใจอยู่แล้ว พี่เองก็อยากให้น้องปลอดภัยด้วย”

รอยสรวลค่อยกลับระบายเต็มดวงพักตร์เจ้าชายกัษษกรอีกครา แลพลอยเผื่อแผ่มาถึงพระนางชวาลา ที่ก็เพิ่งโล่งพระทัยเป็นคราแรกเฉกเช่นกัน

“เช่นนั้นเรามาขอพรต่อพระไชยทองกันเถิด ถือว่าพี่ขอน้องจากพระองค์ก็แล้วกัน”

“หม่อมฉันก็…ขอเจ้าพี่เขนจากพระองค์เช่นกันเพคะ”

เจ้าชายเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ต่างสวดประนมไหว้ขอพรแลสวดภาวนาในพระทัยอีกยืดยาว ในห้วงคำนึงมีเพียงความหฤหรรษ์อิ่มเอิบใจ อีกทั้งย้อนนึกไปถึงวันวานเมื่อครั้งยังเป็นราชกุมารแลกุมารีน้อย ไม่ประสีประสาใดๆ วิ่งเล่นด้วยกันบนเกาะกลางน้ำ ช่วยกันซ่อมแซมพระโบราณเสียใหม่ทั้งที่ยังเยาว์ชันษายิ่งนัก เข้าอกเข้าใจกันในฐานะคนจากแดนทะเลใต้

ไม่มีผู้ใดที่จักเข้าใจแลมองลึกไปถึงข้างในกัษษกรได้เท่ากับชวาลาอีกแล้ว แลสำหรับพระนางนั้น ก็มิมีบุรุษใดให้ความอบอุ่นมั่นคงแลหวามไหวได้ในคราเดียวกันอย่างเจ้าพี่เขนเช่นกัน

มิได้ตระหนักเลยว่า ในห้วงรักอันอบอุ่นนั้นตกอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของบุรุษผู้หนึ่งที่นุ่งห่มชุดขาวอย่างดาบส หากปิดหน้ามิดชิดเหลือเพียงดวงตา จ้องมองสองขัตติยราชด้วยสายตาคมกล้าคุกรุ่น รุนแรง

ช่างรักกันเหลือเกินหนอ…

อุปร​าชแห่งเมืองราม…รามราช กับเจ้าหญิงชวาลา!



Don`t copy text!