นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง

นิราศรักสองนครา บทที่ 32 : ความในใจของบุรุษทั้งสอง

โดย : ปรียนันทนา

Loading

นิราศรักสองนครา โดย ปรียนันทนา เรื่องราวของโชติ หญิงสาวชาวสยาม กับทางเลือกสองทาง ความรักของชายหญิงกับความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด เธอจะเลือกทางใด และหากไม่สามารถเลือกได้  จะมีหนทางใดที่ใจสองดวงจะมาบรรจบพบกัน ณ จุดที่ลงตัวได้หรือไม่ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านพร้อมกันที่นี่ anowl.co

เสียงพูดคุยของสุภาพสตรีหลายคนดังมาจากมุมหนึ่งในร้านที่ชายหนุ่มเพิ่งผลักประตูกระจกกรอบไม้เข้าไป  เขามองไปด้านซ้ายมือที่ด้านในเป็นทิศทางที่เสียงลอยมาก็พบบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งในวัยมากกว่าเขาเพียงเล็กน้อยนั่งอยู่ท่ามกลางสุภาพสตรีที่รายล้อมอยู่สองสามคน  เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาทักทายเขาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนักและเอ่ยถามมิเชลอย่างสุภาพ

“ขอประทานโทษขอรับ  ท่านได้นัดไว้หรือไม่”

“ฉันมารับน้ำหอมที่สั่งเอาไว้น่ะ”  มิเชลตอบอย่างยิ้มแย้มแล้วมองไปรอบร้านที่มีชั้นไม้วางขวดแก้วลักษณะโค้งซึ่งตรงส่วนโค้งนั้นมีปุ่มเหมือนรังผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้  พนักงานขายที่ยืนอยู่หน้าชั้นต่างมองเขาและส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“เมอสิเออร์เลอกอฟฟ์ใช่หรือไม่ขอรับ  เชิญทางนี้ก่อนขอรับ”  เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้นพลางเดินนำอีกฝ่ายไปนั่งรอที่โต๊ะรับรองอีกฝั่งของร้าน

“ใช่  ฉันเอง”  มิเชลตอบรับพลางเดินตามอีกฝ่ายไป

“เชิญนั่งก่อนขอรับ  อีกประเดี๋ยวนักสุคนธกรของเราจะนำน้ำหอมที่ท่านสั่งปรุงเป็นพิเศษมาส่งมอบนะขอรับ”

“ถ้าเช่นนั้นฉันขอเดินดูรอบ ๆ ร้านไปพลาง ๆ ก่อน”

“ไม่รับชากับขนมที่ทางเราเตรียมไว้หรือขอรับ”

“อ้อ  มีด้วยหรือ  อย่างนั้นเดี๋ยวกลับมาชิมนะ  ขอเดินไปดูทางด้านโน้นก่อน”  เขามองไปทางด้านหน้าร้านเพราะอยากเดินดูน้ำหอมที่บรรจุในขวดบนชั้น

“ได้สิขอรับ”

มิเชลพูดจบก็เดินกลับไปหน้าร้านและยืนมองขวดแก้วบนชั้นไม้อย่างเพลิดเพลินพลางเอ่ยถาม

“ตอนนี้กลิ่นใดเป็นที่นิยมบ้าง”  เขาถามพนักงานหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้อย่างยินดีเมื่อลูกค้าพิเศษสนใจสินค้า

“หากเป็นโคโลญจน์ก็กลิ่นนี้ค่ะ  นับแต่ที่เมอสิเออร์แกร์แล็งผลิตให้กับสมเด็จพระจักรพรรดินีเมื่อหลายปีก่อนร้านของเราก็ได้รับความนิยมมาก”  หญิงสาวที่ยืนหลังโต๊ะยาวอันขนานไปกับชั้นด้านหลังหยิบขวดตัวอย่างให้มิเชลผู้ที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ไม้บุหนัง  เธอหยิบกระดาษแผ่นเล็กออกมาแล้วบรรจงเปิดฝาและฉีดลงไปก่อนส่งแผ่นกระดาษนั้นให้ชายหนุ่ม  มิเชลลองดมโคโลญจน์กลิ่นพิเศษที่เมอสิเออร์แกร์แล็งปรุงให้พระองค์ท่านตามพระราชประสงค์เนื่องจากมีรับสั่งว่าทรงมีอาการปวดพระเศียรบ่อย ๆ เมอสิเออร์แกร์แล็งจึงปรุงน้ำสูตรพิเศษนี้เพื่อพระองค์ท่านและขวดที่สั่งทำเป็นพิเศษจากโรงงานปอเชต์  ดู  กูร์วาล  นับแต่นั้นมาเจ้าของร้านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนักสุคนธกรประจำราชสำนักกระทั่งเขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา  ผู้รับช่วงกิจการดูแลร้านจึงเป็นบุตรชายทั้งสองโดยผู้ที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องการผลิตน้ำหอมคือเอเม่  แกร์แล็ง  ผู้ที่กำลังเดินมาทางมิเชลหลังจากส่งลูกค้ากลุ่มเมื่อครู่ออกจากร้านไป

“บงชูร์  มิเชล”  อีกฝ่ายเรียกมิเชลอย่างคุ้นเคย  “ดีใจนะที่เห็นคุณดูมีความสุข  ผมคงไม่ต้องเดาว่าน้ำหอมที่สั่งผลิตเป็นพิเศษจะเป็นของใครเพราะเดาจากส่วนผสมของกลิ่นแล้วคงเป็นหญิงสาวที่งดงามผู้หนึ่ง  ใช่หรือไม่”

มิเชลลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขากำลังนั่งทดลองกลิ่นหอมต่าง ๆ เพื่อทักทายเจ้าของร้านและนักสุคนธกรประจำร้านอย่างสนิทสนมเนื่องด้วยเขาเป็นคนที่นิยมกลิ่นเครื่องหอมเป็นทุนเดิม  เมื่อหลายปีก่อนได้ตามมารดามาที่ร้านแห่งนี้จึงทำให้ได้รู้จักคุ้นเคยกระทั่งถูกอัธยาศัยกับอีกฝ่ายอย่างดี

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งเอเม่  คุณคงจะงานยุ่งมิใช่น้อย  แต่ผมคิดว่าคงเต็มไปด้วยความสุข  ใช่หรือไม่”

“กิจการของเราได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละวันมีบรรดาสุภาพสตรีแวะเวียนมาไม่ขาดรวมถึงสุภาพบุรุษเช่นคุณด้วยนะมิเชล”

บุรุษท่าทางภูมิฐานเดินนำมิเชลไปยังห้องรับรองและเชิญให้เขานั่งก่อนจะรินชาที่เด็กในร้านนำมาวางให้อย่างเป็นกันเอง

“เมืองสยามคงน่าอยู่กระมัง”  อีกฝ่ายรับขวดแก้วทรงโค้งบรรจุน้ำใสจากถาดที่เด็กในร้านคนเดิมนำมาให้ก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่ม  “และนี่คงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณคงผูกพันกับใครคนหนึ่งที่นั่นอย่างยิ่ง”

“รู้ได้อย่างไร  บางทีนี่อาจเป็นน้ำหอมที่ผมอยากจะสั่งพิเศษสำหรับใช้เองก็เป็นได้นะ”  มิเชลหยิบขวดแก้วขึ้นมาแล้วค่อย ๆ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน

“ผมยังมิได้เอ่ยสักนิดว่าคุณจะนำไปให้ใครใช้  แค่บอกว่าอาจเป็นของที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของคุณกับใครบางคนก็แค่นั้นเองนะมิเชล”

“บางทีผมก็คิดว่าตัวเองช่างสังเกตแล้ว”  มิเชลชะงักและเอ่ยออกมาอย่างเก้อเขิน  “แต่คงจะสู้ผู้ที่ต้องทำงานท่ามกลางความละเอียดรอบคอบทุกขั้นตอนอย่างคุณไม่ได้เป็นแน่”

“ผมขอเดาว่าเธอคนนั้นจะต้องเป็นหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงาม  สดใสร่าเริงและยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น”

ชายหนุ่มไม่ตอบหากแต่กำลังก้มลงมองขวดแก้วใสในมือที่มีน้ำใส ๆ บรรจุอยู่ในนั้น  พลันสายตาก็เป็นประกายยามเมื่อนึกถึงผู้ที่จะได้รับของกำนัลชิ้นพิเศษนี้ที่เขาตั้งใจมอบให้ด้วยความตั้งใจ

 

ความเงียบงันครอบงำไปทั่วทั้งเรือนไม้ริมน้ำยามที่หนุ่มใหญ่ผู้มีใบหน้าคมคายทว่าแววตากลับหม่นหมองก้าวพ้นบันไดเข้ามาในเรือน  เสียงเรียกใสเป็นกังวานคงเป็นเพียงสิ่งเดียวในยามนี้ที่เปรียบได้ดังน้ำทิพย์ที่ชโลมลงบนหัวใจอันแห้งผากของหลวงภูบดินทร์พิทักษ์

“คุณพ่อเจ้าขา”

เด็กหญิงผมจุกส่งเสียงขึ้นเมื่อเห็นหน้าบิดา  แต่เสียงนั้นก็คล้ายจะมิกล้าให้ดังด้วยคงเกรงจะรบกวนมารดาผู้กำลังนอนพักผ่อนอยู่

ชายหนุ่มสบตากับเด็กหญิงที่กำลังเล่นกับพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ ๆ ตั่งนอนของมารดาก่อนจะเดินไปนั่งลงบนตั่งแล้วเอ่ยเรียกภรรยาเสียงเบาราวกับเกรงว่าเสียงของเขาจะกระทบกระเทือนความเจ็บป่วยของคนตรงหน้า  “แม่จัน”

“คุณพี่”  เปลือกตาที่ปิดอยู่ของมารดาเด็กหญิงตัวน้อยขยับนิดหน่อยก่อนเปิดขึ้นช้า ๆ อย่างงุนงง  “มาได้เยี่ยงไรค่ะ”

“พี่เป็นห่วง  เห็นคุณพ่อให้คนถือหนังสือไปแจ้งว่าแม่จันไม่ค่อยมีแรง”

ผู้พูดขยับเข้านั่งประคองภรรยาอย่างทะนุถนอมพลันเก็บซ่อนท่าทีกังวลไว้แต่แสดงออกมาเพียงความรักอย่างเช่นที่เคยเป็นมา

“แต่มาดูแล้วคงมิกระไรมากดอกนะ  อาจจะเหนื่อยดูแลแม่เพ็ญเท่านั้น  ใช่หรือไม่  ลูกซนจนแม่ตามไม่ทันใช่ไหม”  คุณหลวงส่งเสียงถามบุตรสาวตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ไม่ไกล

“ลูกมิซนนะเจ้าคะ  ป้อนข้าวคุณแม่ด้วย”  เด็กหญิงเจรจาเจื้อยแจ้วคล่องแคล่วในขณะที่กำลังลุกเดินพาขาป้อม ๆ ของตนมาใกล้ ๆ แล้วหยุดลงทรุดนั่งที่พื้นก่อนจะเกาะแข้งเกาะขาบิดาอย่างประจบฉอเลาะ

“จ้ะ”  มารดาตอบรับและมองบุตรสาวอย่างเอ็นดูก่อนหันหน้าไปหาสามี  “แม่หนูมิกวนฉันดอกค่ะคุณพี่  แกรู้อยู่  แต่ติดจะพูดเก่งขึ้นทุกวันจนเวียนหัว”  ภรรยาสีหน้าดีขึ้นราวมีกำลังวังชาขึ้นมาเมื่อลูกและสามีอยู่กันพร้อมหน้า

“เช่นนั้นวันนี้ต้องป้อนข้าวแม่ให้พ่อดูเสียหน่อย  ได้หรือไม่แม่เพ็ญ”  หลวงภูบดินทร์พิทักษ์เอ่ยเสียงอ่อนโยนถามบุตรสาว

“ได้สิเจ้าคะ  ป้อนคุณพ่อด้วยก็ได้ค่ะ”  เด็กหญิงตอบอย่างฉลาดเกินวัย  แม้ยังออกเสียงไม่ชัดถ้อยชัดคำแต่ชัดเจนยิ่งนักในใจของผู้เป็นบิดามารดาที่กำลังมองอย่างชื่นใจ

แม้จะดีใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าแต่หลวงภูบดินทร์พิทักษ์ก็อดกังวลอยู่ลึก ๆ ไม่ได้  เนื่องจากอาการของภรรยาที่ดูเหมือนจะดีขึ้นกลับเปลี่ยนเป็นคนไร้เรี่ยวแรง  เขาสังเกตว่าเพียงแค่การพูดออกมาเธอก็ยังดูมีท่าทีเหนื่อยมากกว่าปกติ  เขาไม่แปลกใจที่คนเคยขยันเช่นแม่จันเลือกจะนอนหลับตานิ่ง ๆ เพราะคงเป็นวิธีเดียวที่เธอไม่ต้องขยับตัวทำสิ่งใดให้รู้สึกเหนื่อย

ในยามนี้หนุ่มใหญ่ที่เคยคิดว่าตนเองเพียบพร้อมไปทั้งหน้าที่การงานและครอบครัวกลับกลายเป็นน่าเศร้ายิ่งนัก  ด้วยทั้งเจ้านายผู้ที่เขาจงรักภักดีก็มาเสด็จสวรรคต  หนำซ้ำภรรยาที่รักก็ล้มป่วยด้วยโรคที่ไม่มีสาเหตุ  ได้แต่รักษาแบบประคองอาการไปเรื่อย ๆ จนเขาอดหวั่นใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้

สิ่งเดียวที่เขาห่วงที่สุดในยามนี้ก็คือ  “แม่เพ็ญ”  บุตรสาวที่กำลังเจริญวัยอย่างน่ารักน่าชื่นชม  เมื่อความสุขที่ควรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขากลับไม่ราบรื่นเช่นครอบครัวคนทั่วไป  ชีวิตของเขาจะมีหนทางให้เดินไปทางใดที่ต้องฝ่าฟันมากมายอีกหรือไม่  ยิ่งคิดหลวงภูบดินทร์พิทักษ์ก็ได้แต่ภาวนาให้ความปกติสุขกลับมาในครอบครัวและชีวิตของเขาโดยเร็วที่สุด



Don`t copy text!