พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 11 : ดาวร้าย
โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ
พระเอกในใจตัวร้ายในจอ นวนิยายออนไลน์โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ จาก อ่านเอา เรื่องราวของดาวร้ายตัวพ่อวัย 82 แห่งวงการบันเทิงที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น แต่ก้นบึ้งของหัวใจปรารถนาจะได้รับการให้อภัยจากเพื่อนรัก และเขาก็ได้โอกาสแก้ตัวให้กลับไปในปี พ.ศ.2512 แต่เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องเพื่อนแต่ยังมีหญิงสาวที่เขาต้องคว้าเธอมาแนบใจให้ได้
ธงรบนั่งมองความสัมพันธ์ระหว่างเจตน์กับขวัญชีวาด้วยความรู้สึกอิจฉา ถ้าให้พูดตามตรงนอกจากเขาจะเบื่อและหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องเห็นทั้งคู่เล่นฉากหวานซ้ำๆ เพื่อให้เทอดได้ภาพหลายๆ ขนาด ตรงข้ามกับฉากของเขาที่มีแต่โดนนางเอกทำร้ายซ้ำๆ เพราะการถ่ายทำที่มีกล้องอยู่เพียงตัวเดียว โลกมายาช่างไม่เห็นสนุกและยุติธรรมที่ต้องเล่นไปตามบทที่คนอื่นกำกับ แม้จะเป็นเพียงแค่การแสดงแต่มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นดาวร้ายที่ไร้ทางสู้พระเอกอย่างเจตน์ได้
ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้คุยกับชาติ สิ่งหนึ่งที่เป็นจริงอย่างที่ชาติพูดคือ ต่อให้ไม่มีหนังของเสี่ยกำจร เจตน์ก็ยังได้เป็นพระเอกหนังเรื่องอื่นของนายทุนคนอื่นอยู่ดี นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของเขาที่นอกจากจะได้เป็นพระเอก เขายังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับขวัญชีวา ทำให้เธอมองเห็นเขาในฐานะพระเอก ไม่ใช่ดาวร้ายที่ถูกมองเมิน หรือถูกเธอกลั่นแกล้งด้วยความสนุกใจเกินไปจากบทที่ผู้กำกับสั่งให้ทำ ความคิดอยากเอาชนะ อยากเป็นคนที่อยู่ในสายตาของคนที่ตนชอบ เริ่มกลายเป็นคลื่นความเห็นแก่ตัวขึ้นที่ก่อขึ้นในใจเงียบๆ
“พลัวะ!” เสียงที่ดังขึ้นข้างหูและความเจ็บบริเวณหัวไหล่ด้วยฝ่ามือทักทายของคมเดช ทำเอาคนที่ตกอยู่ในภวังค์ ต้องดึงสติกลับมาอยู่ที่ชายร่างสันทัดข้างตัว
“ไงวะ…อยากเป็นพระเอกละสิ” คำพูดแทงใจดำ พร้อมส่งสายตาตามธงรบไปยังภาพเบื้องหน้า ที่เจตน์และขวัญชีวากำลังถ่ายทำฉากงานหมั้น ที่วันนี้ทีมงานได้เนรมิตโรงถ่ายให้กลายเป็นชานเรือนไทยบ้านนางเอกจนเหมือนงานหมั้นจริงๆ
“ชอบเขาใช่ไหมล่ะ” รอยยิ้มรู้ทันของคมเดชทำเอาธงรบถึงกับนิ่งไปด้วยความจำนน
“เอ็งรู้…”
“อย่าว่าแต่ข้าเลย…ข้าว่าเจตน์มันก็คงพอรู้…แถมวันก่อนเอ็งกับเขายังกอดกันซะกลมกลางโรงถ่ายขนาดน้านนน” คมเดชลากเสียงยาวล้อเลียน
“เฮ้ย…ข้าแค่ดึงเขาไว้ไม่ให้เขาล้มตอนทีมงานขนฉากเข้าไปติดตั้ง” ธงรบแก้ตัวด้วยความตกใจเพราะลืมคิดไปว่าในโรงถ่ายเต็มไปด้วยผู้คนและทีมงานมากมาย “แล้วเขาก็ไม่ได้กอดข้า…”
“แต่เขาก็ยืนให้เอ็งกอดกัน…คุยกัน…อยู่นานเลยนะ” สายตาจับผิดด้วยความไม่เชื่อของคมเดช ทำให้ธงรบพูดในสิ่งที่ตัวเองกังวล
“เจตน์มันจะคิดว่าข้าไม่รักษาคำพูดที่รับปากว่าจะช่วยมันจีบน้องขวัญไหมวะ” ชายหนุ่มเป็นกังวล
“แล้วเอ็งเคยได้ช่วยมันไหม” ธงรบสั่นศรีษะเบาๆ แทนคำตอบ
“งั้นเอ็งควรพูดกับเจตน์มันตรงๆ ว่าเอ็งรู้สึกยังไงกับน้องขวัญเขา” คมเดชแนะนำ ขณะที่ธงรบทำหน้าเหมือนกลืนยาขมที่จู่ๆ เขาจะต้องกลายเป็นคนกลับกลอกหากต้องไปสารภาพเรื่องนี้กับเจตน์ ทั้งๆ ที่รับปากเพื่อนเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยให้เพื่อนได้สมหวังในความรัก คมเดชเห็นท่าทางชายหนุ่มข้างตัวแล้วถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา
“ถ้าเอ็งไม่พูดกับเจตน์มันตรงๆ แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะได้พูด ได้ทำสิ่งที่อยู่ในใจเอ็งให้น้องขวัญเขารู้” คมเดชนิ่งรอดูท่าทีของธงรบอยู่ครู่ก่อนเอ่ยต่อ “ ดีไม่ดี…เอ็งจะได้รู้ด้วยว่าเขาคิดยังไงกับเอ็ง”
“เรื่องนั้นไม่เห็นจะต้องรู้เลย เอ็งก็เห็นๆ อยู่” ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ไปยังภาพตรงหน้า
“เห็นว่าอะไร”
“เห็นว่าเขาไม่ชอบข้าไง เขาเคยพูดดีๆ กับข้าซะที่ไหน” ธงรบตอบโดยไม่ต้องคิด
“โอ๊ย…ก่อนเอ็งจะไปว่าเขาเนี่ย…” คมเดชร้องออกมาอย่างขัดใจ “เอ็งเคยพูดดีๆ กับเขาก่อนไหม เจอหน้าก็ชวนหาเรื่อง นี่เอ็งจีบผู้หญิงประสาอะไรของเอ็งวะไอ้ธง”
“ก็…ก็ข้าเริ่มไม่ถูก” ธงรบอึกอัก พอเห็นหน้าขวัญชีวาทีไรปากมันก็ทำสิ่งที่สวนทางกับใจ จนเสียเรื่องทุกที
“แล้วไอ้สาวๆ ที่เอ็งเคยจีบๆ จนเอามาร้อยเอวได้เนี่ย…ทำไมเอ็งพูดจาหวานๆ ดีๆ กับเขาได้ล่ะ” คมเดชลูบหนวดมองหน้าเพื่อนอย่างขัดใจ บทจะโง่เพื่อนเขาก็โง่อย่างไม่น่าให้อภัย ขนาดเขายังดูออกเลยว่าขวัญชีวาเองก็คงพอจะมีใจให้ชายตรงหน้าอยู่บ้าง มิเช่นนั้นจะเสียเวลามาต่อล้อต่อเถียง ปล่อยให้ชายหนุ่มมายืนกอดอยู่เป็นนานสองนานได้ยังไง
“โอ๊ย…ข้าไม่รู้ด้วยแล้ว “ พูดจบคมเดชก็ทำท่าจะเดินหนี
“เดี๋ยวสิ แล้วเรื่องเจตน์ล่ะ…ข้าจะทำยังไงดี”
“อ้าว…ไอ้นี่…เอ็งก็บอกมันไปตรงๆ สิวะ” คมเดชส่งเสียงขุ่น ที่ชายหนุ่มตรงหน้าพยายามทำให้เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก
“แต่…ข้ากลัว”
“เอ็งจะปอดแหก กลัวอะไรวะ”
“ข้าไม่อยากเสียเพื่อนเพราะผู้หญิง” ธงรบให้เหตุผล “ข้ากับเจตน์เป็นเพื่อนรักกันมาทั้งชีวิต ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเจตน์มันช่วยข้า อยู่ข้างข้าเสมอ” ธงรบนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเจตน์ เจตน์เป็นเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งเพื่อน แม้บางครั้งเขาจะผิด แต่เจตน์ก็ยังเลือกที่อยู่ข้างเขาช่วยให้เขาได้แก้ไขความผิด ตั้งแต่เด็กเวลาเขาพลั้งเผลอทำให้ใตรเดือดร้อนจนโดนทำโทษ เจตน์จะมีส่วนร่วมในโทษนั้นกับเขาด้วยเสมอ
“ข้ายอมรับนะว่าข้ารู้สึกไม่ชอบใจเวลาเห็นเจตน์กับน้องขวัญเขาอยู่ด้วยกัน” ธงรบสูดลมหายใจลึกพร้อมถอนหายใจอย่างยอมรับความจริง “เอาเป็นว่า…นับจากวันนี้ข้าจะพยายามตัดใจ เพราะถ่ายหนังเสร็จเราก็ต้องแยกกันไปตามทางอยู่ดี เขาก็ต้องไปเรียนต่อ ไปมีชีวิตของเขา ข้าก็ต้องมีชีวิตของข้า…ไม่นานข้าคงทำใจได้”
“ก็จริงอย่างที่เอ็งว่า” คมเดชเริ่มจนปัญญาจะช่วยเพื่อน เพราะหากคนตรงหน้าไม่พร้อมสู้ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับ “บางครั้งชีวิตคนเรามันก็ไม่จำเป็นต้องสมหวังไปซะทุกเรื่อง”
“แต่ข้าอยากเห็นเจตน์มันสมหวังนะ…พระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสิวะ” ธงรบยิ้มบอกคมเดชด้วยความจริงใจ
“เอ็งนี่มันพระเอกในคราบดาวร้ายเลยนะรู้ไหม” คมเดชลูบปลายหนวดตัวเองมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ พร้อมตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ
“เจตน์มันโชคดีนะที่มีเพื่อนแบบเอ็ง”
“ไม่หรอก…ข้าต่างหากที่โชคดี ที่มีมันเป็นเพื่อน” ประโยคที่พูดบอกคมเดช เหมือนประโยคที่ช่วยตอกย้ำมิตรภาพระหว่างเขากับเจตน์ให้ชัดเจน ที่สำคัญมันฉุดความคิดเขาบางอย่างให้กลับมา เขาไม่ใช่พระเอกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่รับปากมารับบทดาวร้ายให้เทอดตามคำชวนของเจตน์ จบจากหนังเรื่องนี้เขาก็ควรกลับไปอยู่ในที่ที่ของเขา ไม่เห็นจำเป็นต้องดิ้นรนไขว่คว้าบทพระเอก บางทีความฝันมันอาจไม่จำเป็นต้องสมหวังเหมือนที่คมเดชพูดก็ได้ จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีบางเรื่องที่เขาควรต้องบอกคมเดช
“เฮ้ย…คม!…ข้ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเอ็ง”
“เรื่องอะไรของเอ็งวะ จู่ๆ ก็ส่งเสียงดัง” อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเพื่อนหนุ่มทำเอาคมเดชถึงกับปรับอารมณ์ตามไม่ถูก
“เรื่องชาติชาย”
“ชาติมันทำไมวะ”
ธงรบเล่าสิ่งที่ชาติได้ยินเสี่ยกำจรคุยกับเทอดเรื่องที่ทั้งคู่กำลังมองหาพระเอกในหนังเรื่องใหม่ และสิ่งที่ชาติคิดจะทำในวันสุดท้ายของการถ่ายทำเพื่อให้เจตน์บาดเจ็บ
“ข้าว่าเรื่องนี้เอ็งต้องบอกพี่เทอด” คมเดชพูดขึ้นทันทีเมื่อฟังจบ
“ไม่ได้ ที่ข้ายอมบอกเอ็ง เพราะข้ายังไม่รู้เลยว่าชาติมันคิดจะทำอะไร แล้วถ้ามันปฏิเสธล่ะ เราสองคนนี่จะกลายเป็นคนสร้างเรื่องใส่ร้ายมันเลยนะ”
“ก็จริงของเอ็ง…งั้นเอ็งก็ตามน้ำไป จะได้รู้ด้วยว่ามันคิดจะทำอะไร” คนเดชเสนอ
“เฮ้ย จะดีเหรอวะ”
“ดีสิวะ…อีกอย่างเอ็งเป็นช่าง เอ็งต้องรู้อยู่แล้วถ้าชาติมันคิดจะทำอะไรที่ผิดปกติกับรถ…ว่าแต่…ข้าสงสัยอยู่อย่าง” คมเดชลูบหนวดงามของตัวเองอย่างครุ่นคิด “ถ้าชาติมันช่วยให้เอ็งได้เป็นพระเอก แล้วมันได้อะไรวะ”
“มันอยากให้ข้าช่วยคุยกับเสี่ยกำจรให้มันได้เล่นเรื่องนี้ด้วย มันบอกว่ามันอยากเป็นดาวร้าย ไม่อยากเป็นพระรอง”
“เออ…แปลกดี คนหนึ่งอยากเป็นพระเอก คนหนึ่งอยากเป็นดาวร้าย” คมเดชเอามือตบหน้าผากตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“เอ็งมาบอกข้าแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากได้บทพระเอกแล้วหรือ” คมเดชถามต่อด้วยความอยากรู้
“ตอนแรกก็อยากนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้วละ ข้าว่าข้ากลับไปเป็นช่างของข้าแบบเดิมดีกว่า กองถ่ายมันวุ่นวายเกินไป”
ก่อนวันถ่ายทำฉากสุดท้ายธงรบตัดสินใจคุยกับชาติชาย เพื่อปฏิเสธที่จะร่วมมือกับชาติโดยการทำให้เจตน์บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จากการถ่ายทำจนหมดโอกาสจะได้เป็นพระเอกในหนังของเสี่ยกำจร ตามแผนที่ชาติคิดจะทำเพื่อเขา
“ข้าว่าข้าไม่สนแล้วว่ะ เสี่ยจะเลือกหรือไม่เลือกข้าเป็นพระเอก ก็ไม่เป็นไร” ชาติมองใบหน้าคมของชายตรงหน้าที่พูดกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแต่ในใจของเขานั้นกลับร้อนรุ่ม มันอาจไม่เป็นไรสำหรับธงรบ แต่สำหรับเขามันเป็น เพราะนี่คือโอกาสที่เขาจะได้เป็นพระเอกและธงรบก็ต้องเป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการของเขา อย่างน้อยหากทุกอย่างมันผิดพลาดชายตรงหน้าก็ต้องเป็นคนรับผิดแทนเขาได้
“เอ็งไม่ต้องทำอะไรเพื่อข้าหรอกชาติ…ถ้าเจตน์มันได้เป็นพระเอกเรื่องนี้ เดี๋ยวข้าจะช่วยพูดกับเจตน์ให้อีกแรง ให้เสี่ยเขาเลือกเอ็งเป็นดาวร้าย อย่างที่เอ็งอยากเป็น” ธงรบเสนอ
“ข้าเข้าใจ…แต่ข้าก็ยังคิดนะว่าบทพระเอกเรื่องนี้มันเหมาะกับเอ็งมากกว่าเจตน์ เอาเป็นว่าข้าจะช่วยภาวนาให้เสี่ยเขาเลือกเอ็งละกัน” ชาติแสดงน้ำใจด้วยการยอมรับการตัดสินใจของธงรบ โดยไม่เซ้าซี้ใดๆ ให้มากความ ขณะที่ในใจก็คิดหาทางทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนกการอย่างเดิม
วันสุดท้ายของการถ่ายทำเทอดเลือกถนนริมทะเลในจังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเริ่มถ่ายฉากที่พระเอกกับนางเอกปรับความเข้าใจผิดกัน ต่อด้วยฉากท้ายๆ ของหนังที่ฝั่งพระเอกและฝั่งดาวร้ายจะต้องทิ้งรถวิ่งหนีการไล่ล่าขึ้นมาบนภูเขาจนหมดหนทางหนี ที่บริเวณริมหน้าผา และโดนเจตน์ที่เป็นตำรวจปลอมตัวมาสืบคดียิงตาย ก่อนจะย้ายสถานที่ถ่ายทำไปยังบริเวณถนนที่ยังเป็นถนนลูกรังซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียง เพื่อจะได้ฉากบู๊ที่เร้าอารมณ์คนดู ที่กลุ่มพระเอกและผู้ร้ายต้องขับรถไล่ล่ากันจนฝุ่นตลบ
ระหว่างพักรอการถ่ายทำ ชาติทำทีมาขอดูรถจักรยานยนต์ที่ตัวเองต้องใช้ขี่ในฉาก พร้อมทั้งขันอาสาช่วยทีมงานที่กำลังจัดเตรียมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ สำหรับการถ่ายทำ เมื่อเห็นธงรบชาติก็รีบร้องเรียก
“ธง…เอ็งเห็นรถที่เอ็งจะใช้ขับหรือยัง” ชาติผายมืออวดรถยุโรป 2 คัน ที่ฝากระโปรงหน้ารถถูกเปิดทิ้งไว้ เพื่อให้ทีมงานได้ตรวจเช็ก และมอเตอร์ไซค์ที่จอดเรียงรายอยู่ใกล้ๆ อีก 4-5 คัน ที่ต้องใช้ในการเข้าฉาก
ธงรบเอามือวางบนหลังคารถยนต์แล้วลูบเบาๆ “เสียดายรถว่ะ”
“ทำไมวะ”
“ก็พอเข้าฉากมันต้องถูกใช้งานแบบสมบุกสมบันน่ะสิ”
“โธ่เอ๊ย…เอ็งไม่ต้องเสียดายหรอก เดี๋ยวพี่ๆ เขาก็เอามันไปดูแลให้มันกลับมาใช้งานได้….เอ็งไม่รู้หรือไงฉากแบบนี้คนดูชอบนัก”
“เออ…ไหนๆ เอ็งก็มาแล้ว มาช่วยตรวเช็กรถด้วยกันเลยไหม” ชาติชวน “เอ็งมันเป็นช่างด้วยเผื่อช่วยอะไรทีมงานได้”
“เอาสิ” ธงรบตอบรับด้วยความยินดี โดยลืมเรื่องที่ชาติเคยคิดไม่ดีไปจนหมด และลงมือช่วยทีมงานตรวจเช็กรถแต่ละคัน ขณะที่ชาติยิ้มน้อยๆ ในสีหน้าอย่างพึงพอใจ อย่างน้อยแผนของเขาก็กลับเข้าที่เข้าทางของมันแล้ว
“เป็นไงบ้างทุกคน…เรียบร้อยดีไหม” เสียงเทอดทักทายทีมงานที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเช็กความเรียบร้อยของรถ “อ้าว…ธง มาอยู่นี่เอง พี่ก็นึกว่าหายไปไหน”
“พอดีผมว่างๆ ก็เลยมาช่วยทีมงานเขาเช็กรถที่พี่จะใช้ถ่ายครับ”
“ ดีๆ…ขอบใจมาก พี่ว่าพี่จะถ่ายฉากที่เจตน์กับธงขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนดีกว่า แสงกำลังดี…” เทอดออกความคิดเห็น “พี่อยากเก็บฉากใหญ่ไว้ถ่ายท้ายสุด ทุกคนจะได้บู๊กันให้เต็มที่ แล้วเราจะได้ปิดกล้องกลับบ้านไปพักผ่อนกันซะที….เออ แล้วนี่ธงเห็นชาติบ้างไหม”
ธงรบเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนหน้านี้ยังเห็นชาติช่วยทีมงานเตรียมรถอยู่ใกล้ๆ “ไม่เห็นนะครับ พี่มีอะไรกัหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปตามให้”
“ก็จะให้มันเตรียมตัวนี่แหละ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ให้เด็กไปตาม” เทอดเหลียวซ้ายแลขวามองหาทีมงานพร้อมหันมาสั่ง “เอ็งก็ไปไป๊…ล้างไม้ล้างมือเตรียมตัวเข้าฉาก…ส่วนพวกเอ็งก็เอารถไปเตรียมรอในฉากได้เลย” เทอดชี้นิ้วสั่งทีมงานใกล้ๆ
การถ่ายทำแต่ละฉากของเทอดวันนี้เรียกได้ว่าเป็นไปตามแผน และเป็นที่น่าพอใจ ตั้งแต่ฉากการขับรถของพระเอกและดาวร้ายที่ไล่ตามหลังกันในมุมต่างๆ จนฝุ่นตลบ ภาพที่พระเอกออกจากของตัวเองเพราะขับต่อไปไม่ได้แล้วเอามอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมาขับต่อเพื่อตามล่าตัวร้าย เรื่อยไปจนถึงฉากการวิ่งตามผู้ร้ายที่ทิ้งรถหนีขึ้นภูเขา รวมทั้งภาพมุมสูงที่งานนี้เทอดลงทุนถ่ายลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
กระทั่งถึงฉากสุดท้ายของเรื่อง เทอดเรียกเจตน์และธงรบมาซักซ้อมทำความเข้าใจกับฉากสำคัญฉากนี้ ที่ทั้งคู่ต้องขับรถตีคู่เบียดกันไปมา เมื่อถึงตำแหน่งที่ตกลงกันไว้ธงรบจะต้องเบียดรถเจตน์ให้ตกถนนจนไปต่อไม่ได้ เป็นเหตุให้พระเอกต้องทิ้งรถไปขับมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมา ซึ่งฉากนี้เทอดก็ตั้งใจว่าจะตั้งกล้องอยู่ท้ายรถกระบะที่ขับนำหน้าพวกเขาทั้งคู่ เพื่อให้คนดูได้เห็นภาพความตื่นเต้นและลุ้นเอาใจช่วยพระเอก
เมื่อถึงเวลาถ่ายทำทั้งธงรบและเจตน์ต่างก็ขับรถตีคู่ไล่เบียดกันมาตามที่ได้ซักซ้อม ระหว่างการขับรถธงรบรู้สึกทึ่งกับฝีมือการขับรถของเจตน์ที่พยายามบังคับพวงมาลัยรถให้เบียดมาโดนรถเขา และทำให้รถส่ายไปส่ายมาตามถนนอย่างที่เทอดต้องการ กระทั่งเมื่อถึงตำแหน่งที่ตกลงกันว่าธงรบต้องขับเบียดรถพระเอกให้ตกถนน ธงรบก็บังคับพวงมาลัยรถให้เทียบกับรถของเจตน์ หากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะทันได้หักพวงมาลัยเบียดรถเจตน์ตามที่ได้ตกลงกัน รถของเจตน์ก็เกิดอาการเสียหลัก ไถลตกลงข้างทาง พร้อมๆ กับกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นมาจากห้องเครื่องยนต์หน้ารถ และมีประกายไฟเล็กๆ ใต้ท้องรถ เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเสมองกระจกหลัง เขาทันได้เห็นรถเจตน์พลิกคว่ำ และทันได้เห็นเพื่อนผลักประตูฝั่งคนขับให้เปิดออกและคลานออกมาให้ห่างจากตัวรถ ก่อนจะแน่นิ่งไปพร้อมกับเสียงรถระเบิดอยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มรีบจอดรถและผลักประตูรถของตัวเองความร้อนรน วิ่งไปยังรถของเจตน์ ขณะที่เทอดและทีมงานคนอื่นๆ ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาด้วยความตกใจ เพียงชั่วอึดใจที่เขาและทุกคนช่วยกันลากตัวเจตน์จากออกมาพ้นรัศมีของตัวรถ เสียงระเบิดจากตัวรถก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงผู้คนที่ฟังไม่ศัพท์ เสียงรถพยาบาล เสียงร้องให้ ร่างที่แน่นิ่งไม่ได้สติและใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเจตน์ มันทำให้เขาแทบคุมสติไม่อยู่
“เจตน์! ไอ้เจตน์! เอ็งอย่าเป็นอะไรนะ…ตื่นมาบอกข้า เอ็งเจ็บตรงไหนยังไง เจตน์!” ธงรบพยายามตะโกนเรียกชื่อเพื่อนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหวังให้เจตน์ลืมตาขึ้น กระทั่งรถพยาบาลเละเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดแจงปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำเจตน์ร่างอันอ่อนแรงของเจตน์ขึ้นเปลไปยังรถพยาบาลที่จอดอยู่ไม่ไกล ธงรบก็ได้แต่ยืนนิ่งมองการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ธง!!…ธง…ขึ้นรถพยาบาลตามไปดูเจตน์ก่อน เดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เสร็จแล้วจะรีบตามไป” เทอดเรียกสติที่หายไปของธงรบให้กลับมาพร้อมดันตัวเขาขึ้นไปบนรถพยาบาล
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนธงมันเอง” คมเดชรีบกระโดดขึ้นรถตามธงรบ
“ขวัญขอไปด้วยนะคะ” เสียงหญิงสาวร้องขอและก้าวขึ้นรถทันทีโดยไม่รอคำขออนุญาตจากใคร พร้อมโน้มตัวไปจับแขนเรียกชื่อชายที่นอนแน่นิ่งด้วยความเป็นกังวล กิริยาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของขวัญชีวา ทำให้ธงรบถึงกับเบือนหน้าออกไปนอกตัวรถ เพื่อซ่อนสายตาแห่งความเศร้าเสียใจที่เพื่อนรักต้องมาเจ็บเพราะเขา และซ่อนความรู้สึกในหัวใจที่คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้
แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดประตูรถพยาบาล ชายหนุ่มพลันได้เห็นสีหน้าที่แสดงความรู้สึกไม่ยินดียินร้ายของชาติที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เฝ้ารุมล้อมเหตุการณ์ด้วยเป็นห่วงอยากรู้อยากเห็น แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เขาตาสว่างและเห็นความโง่เขลาที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ แววตาของชายหนุ่มจ้องมองชาติเขม็งจนกระทั่งประตูท้ายรถพยาบาลปิดลง หากแต่สองมือของชายหนุ่มกำแน่นอย่างสะกดอารมณ์อันพลุ่งพล่านของตัวเอง
“เอ็งหยุดเดินไปเดินมาสักทีเถอะวะธง” คมเดชออกคำสั่งกับชายที่เอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดภายในโรงพยาบาล
“เจตน์เข้าไปนานแล้วนะเว้ย” ธงรบโวยวาย “ข้าเป็นคนทำให้มันเป็บแบบนี้” ธงรบหันหลังให้คมเดชและเอามือชกกำแพงซ้ำๆ เพื่อระบายอารมณ์ จนขวัญชีวาต้องลุกจากเก้าอี้หน้าห้องคว้าข้อมือมากุมไว้ พร้อมกระชับมือใหญ่ดึงให้นั่งลงข้างกัน แม้ไม่มีคำพูดปลอบใจใดๆ จากหญิงสาวข้างตัว แต่มือเล็กที่จับมือเขาแน่นโดยไม่ปล่อย ก็ทำให้เขาความร้อนรุ่มในใจค่อยบรรเทาลง และกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด
“ข้าอยากให้เอ็งสงบสติอารมณ์ตัวเองหน่อยธง…มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก” คมเดชบอกเพื่อนด้วยความเห็นใจ และหวังให้คำพูดของเขาช่วยคลายความทุกข์และความวิตกกังวล เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ธงรบจะไม่พร่ำโทษตัวเอง ในเมื่อฉากนั้นมีแค่ธงรบกับเจตน์
ก่อนที่ธงรบจะทันได้พูดอะไร ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก ทั้ง 3 รีบลุกขึ้นด้วยใจที่ร้อนรน เพื่อรอฟังคำชี้แจงจากแพทย์ผู้ทำการรักษาที่เดินตรงมาหาพวกเขา
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ อาการตอนนี้ก็จะมีกระดูกขาขวากับแขนขวาหัก เพราะแรงกระแทก เข้าเฝือกสักระยะก็เป็นปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” คำอธิบายยืดยาวของแพทย์ทำให้ธงรบ คมเดช และขวัญชีวา มองหน้ากันอย่างเบาใจ หากแต่ประโยคถัดมา ก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงตรงหน้าที่ทำให้ทั้ง 3 ได้แต่ยืนนิ่ง และไม่กล้าที่หลุดคำพูดใดออกมา
“แต่…ที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไข้ คือแผลที่ลำตัวและใบหน้าด้านซ้ายที่อาจเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต”
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 15 : วิมานพยัคฆ์
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 14 : วงล้อแห่งกาลเวลา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 13 : อุบัติเหตุ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 12 : รอยแผลเป็น
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 11 : ดาวร้าย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 10 : ชาติชาย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 9 : แผนการ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 8 : กำจร ก้องเกียรติเกรียงไกร
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 7 : คำสารภาพ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 6 : แรกพบ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 5 : ธงรบ-ขวัญชีวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 4 : จอมใจไกลปืนเที่ยง
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 3 : ทางเดินชีวิต
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 2 : เจตน์ เทพเทวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 1 : ดาวร้ายในดวงใจ