โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (3)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (3)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ม่านราตรีค่อยๆ คลี่คลุมลงมาทีละน้อย สายลมพัดนุ่มนวลหอบเอากลิ่นฝนที่ตกอยู่ไกลๆ เข้ามาด้วย อากาศรอบตัวเย็นสดชื่นพลันให้รู้สึกสบายกายสบายใจอย่างน่าประหลาด

พอแสงสุดท้ายผ่านพ้นไป ไฟสีอ่อนนวลตานั้นก็ติดพรึบขึ้นพร้อมกัน ภายในหอกลางน้ำนั้นตกแต่งไฟไว้อย่างสวยงาม เสาทุกต้นหรือที่ใดก็แล้วแต่ซึ่งเป็นจุดเด่นถูกแสงสว่างขับเน้นให้เห็นเป็นเส้นสาย

“ที่นี่เราอยู่กันเหมือนครอบครัว หลายคนต่างที่มาแต่ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้วก็ขอให้วางใจ หากเธอมีอะไรขาดเหลือหรือต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้ หรือหากไม่สะดวกใจจะคุยกับฉันก็บอกกับเซี่ยเหมยซีได้” เพราะเห็นความระแวดระวังในทีแรกทำให้เฉินเอินยกชื่อเซี่ยเหมยซีขึ้นมาเอ่ยอ้าง อย่างไรก็ผู้หญิงเหมือนกัน

ตอนที่ได้คุยกับคุณจางก่อนหน้า เขาได้รู้ว่าเธอลาออกจากงานมาแล้ว เฉินเอินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถ้าออกจากงานมาแล้วยังจะต้องรับมโนชามาเป็นพนักงานทำไม นึกขบขันชายชราที่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดไม่พลิกแพลงแม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปโดยไม่ได้ทักท้วง

คนก็มาแล้ว ไม่สู้ตามน้ำไปจะดีกว่า

มโนชาให้เหตุผลที่ลาออกว่ามีปัญหากับคนในที่ทำงานซึ่งก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน

ในตอนนั้นหลังจากมโนชาลงรถและเดินล่วงหน้ามาก่อน เขาได้ยินในสิ่งที่คนขับรถเอ่ยถามภาทิศเกี่ยวกับหญิงสาวที่มาด้วยกันนี้ พูดทำนองว่าจะอดทนรอถึงเมื่อไร พูดว่าผู้หญิงซื้อใจนั้นแสนง่ายเพียงแค่ใช้เงินจับจ่ายราวกับซื้อของอย่างนั้น

เฉินเอินซึ่งกำลังคาดหวังการมาเยือนของแขกพิเศษชะงักมือจากอุปกรณ์ชงชา นิ่งฟังพร้อมครุ่นคิด ก่อนจะได้ยินภาทิศเอ่ยว่าสำหรับบางคนสถานการณ์อาจไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น เด็กสาวที่มาด้วยกันนี้เขาตั้งใจจะทำความรู้จักเธอให้ดีขึ้นอีกสักหน่อย ไม่ใช่คนที่เงินซื้อได้อย่างที่แล้วมา แต่จำเป็นต้องรอเวลา

น้ำเสียงนั้นไม่ได้เอ่ยแบบชี้แจงเพราะแฝงแววรำคาญปนถือดี ดูถูกคนขับรถที่เสนอหน้าเสนอแนะราวกับรู้ใจทั้งที่เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งมาขับรถประจำตัวเจ้านายได้ไม่นานนัก ขณะที่คนขับรถบุ่มบ่ามเปิดเผย ภาทิศย่อมต้องผ่านการคิดและวางแผนที่แยบยลกว่า

เพราะคำพูดพวกนั้นเฉินเอินเลยประเมินว่าภาทิศอาจจะรออีกสักหน่อย และล่ามที่มาด้วยกันก็คงจะปลอดภัยไปอีกชั่วระยะ โดยลืมนึกไปว่าหลังถูกปฏิเสธการรับน้ำชา คนที่เคยมีอำนาจอยู่เหนือผู้คนอย่างภาทิศย่อมยอมรับไม่ได้ แม้สมองจะจดจำไม่ได้เรื่องน้ำชาทว่าความรู้สึกของการถูกปฏิเสธยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจ

เพื่อชดเชยความรู้สึกนั้นคนอย่างภาทิศคงต้องการแสดงอำนาจอยู่เหนือใครสักคน คนที่ด้อยกว่าหรืออ่อนแอกว่าในทุกทาง และคนคนนั้นย่อมเป็นคนที่มาด้วยกันอย่างมโนชา

สถานการณ์ไม่ปกติย่อมทำให้คนที่เคยคิดซับซ้อนขบคิดอะไรได้ไม่กระจ่างนัก แม้กระทั่งคำพูดไม่ได้ความของคนขับรถสุดท้ายแล้วก็ยังสามารถบงการนักธุรกิจใหญ่ได้ เรื่องถึงเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ โชคยังดีเมื่อมองจากท่าทางของมโนชาแล้ว เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดคงไม่ร้ายแรงนัก

เฉินเอินสบตาหญิงสาวตรงหน้า นัยน์ตามีประกายเห็นใจทว่าไร้คำพูด ดวงตาใสราวแก้วคู่นั้นยังมองตอบกลับมาด้วยความสงสัย เป็นแววตากระจ่างใสคล้ายจะไม่มีเรื่องใดๆ มาแผ้วพานให้ทุกข์ใจได้

เขาระบายลมหายใจออกมา มือหนาหยิบหมากต่างสีวางเรียงบนกระดานเป็นรูปแบบต่างๆ

มโนชาจ้องมองกระดานหมากล้อมสลับกับคนตรงหน้า นี่คงเป็นวิธีทำความรู้จักของเขากระมัง หมากกระดานนี้ก็คงเป็นเครื่องละลายพฤติกรรมที่ค่อนข้างเป็นทางการและไม่เข้ากับยุคสมัยเอาเสียเลย คิดนั่นนี่เพลินเพียงครู่เขาก็เอ่ยพูด

“สิ่งที่ซ่อนในหมากล้อมแท้จริงแล้วคือปรัชญา สิ่งที่คนเราต้องดูเป็นอันดับแรกคือลมหายใจของเราเอง…”

ลมหายใจของหมากล้อมก็คือแบบแผนในการวางหมาก เฉินเอินค่อยๆ อธิบายวิธีการเล่น วิธีการพูดจาดูมีหลักการไม่เหมือนคนวัยเดียวกับเธอจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีชีวิตยังไง เติบโตมาแบบไหน

มโนชาอดเปรียบเทียบเขากับภาทิศไม่ได้ ทั้งที่เธอเพิ่งจะเจอเขาเป็นครั้งแรกแต่อะไรบางอย่างกำลังบอกเธอว่าเขาไว้ใจได้

“ซิน…” มัวแต่คิดโน่นนี่รู้ตัวอีกทีคนที่นั่งตรงกันข้ามก็เอ่ยเรียกเบาๆ มือหนาที่เรียงหมากหยุดลง และดวงตาสีดำสนิทก็จับจ้องเธอพร้อมกับรอยสงสัย

“คะ…” หญิงสาวกะพริบตา หลุดจากภวังค์ครุ่นคิด

“ฉันเพียงแต่สงสัยว่าชื่อเธอเขียนด้วยอักษรตัวไหน”

ดวงตาของเขาสบนิ่งเปิดเผยแฝงรอยยิ้มสร้างความสบายใจได้อย่างน่าประหลาด

“ชื่อซินเขียนด้วยอักษรที่แปลว่าหัวใจค่ะ” เสียงนั้นเอ่ยสดใสด้วยสำเนียงกังวาน “จริงๆ ชื่อซินเป็นชื่อเล่นไม่มีความหมายอะไรหรอกค่ะ พอซินได้มาเรียนจีนถึงได้รู้ว่ามีในภาษาจีนด้วยซินเลยกำหนดอักษรเอง มโนชาแปลว่าความรัก มโนคำเดียวแปลว่าหัวใจ ซินยังแปลกใจเลยที่มันมีความหมายเดียวกัน”

ต่อเมื่อแยกย้ายกันไปหลังใช้เวลาไม่นานนักเฉินเอินก็ตรงเข้าไปยังหอตำรา มือหนาเปิดไฟสว่างจ้าก่อนจะหยิบกระดาษออกมาแล้ววาดพู่กันจีนลงบนนั้น ความละเมียดละไมของท่าทีเคลื่อนไหวด้วยความมั่นคง มือที่รังสรรค์น้ำชาความทรงจำบัดนี้เขียนอักษร ‘หัวใจ’ ลงบนกระดาษ

ชื่อที่กำหนดด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ

‘มโนชา เธอผู้มีหัวใจอันเป็นอิสระ…’ นิยามนี้ช่างเหมาะกับเธออย่างแท้จริง

ชายหนุ่มจ้องมองมันอยู่ครู่ใหญ่ คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจรดพู่กันวาดอักษร ‘เหตุผล’ ไว้ด้านบน ตัวอักษรสองตัวรวมกันนี่เองที่เป็นตัวตนของเขา ‘เหตุผลที่วางอยู่เหนือหัวใจ’

‘เอิน’ (1) ที่ถูกขนานเรียกเพียงนับครั้งได้จากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่เหมือนถูกสาปนี้ ชื่อนี้เองคอยเตือนให้ตระหนักว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น คือคำอันเป็นความหมายของชื่อ ‘เอิน’ หรือคำว่า ‘บุญคุณ’ นั่นเอง

 

เชิงอรรถ : 

(1) 恩 เอิน แปลว่าบุญคุณ ประกอบด้วยอักษรหัวใจ 心 และอักษรเหตุผล  



Don`t copy text!