โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (2)
โดย : ปีกดอกไม้
โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
มโนชาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ในหัวของเซี่ยเหมยซี คำถามกึ่งแซวนั้นถูกโยนออกไป พอปิดร้านเสร็จเจ้าตัวก็กลับห้องไปหอบเอานิยายจีนพร้อมกับขนมเดินตรงไปยังหอกลางน้ำซึ่งลมกำลังพัดโชยมาอย่างน่าสบาย
ต้นหลิวระกิ่งก้านย้อยลงน้ำ ยามต้องล้มก่อระลอกคลื่นออกไปเป็นวงกว้าง แสงแดดร้อนแรงราแสงลงแล้ว มโนชานั่งเหยียดลงกับยกพื้นทำจากไม้แล้วเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ
“ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวนี้พกแท็บเล็ตไว้อ่านหนังสือกันหมดแล้วหรือ” เสียงนั้นดังขึ้นไม่ไกลก่อนเจ้าของโรงน้ำชาจะปรากฏตัวขึ้น “ฉันกวนเธอหรือเปล่าซิน” มโนชาเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองเขา เธอเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าจนผมปลิวเป็นการตอบคำถาม
“เรื่องนี้คงแล้วแต่คนค่ะ ซินชอบอ่านแบบนี้มากกว่า มันรู้สึกว่าจับต้องได้”
“เป็นเหตุผลที่อ้างอิงกับความรู้สึกมากกว่าประโยชน์ใช้สอย” เขาทรุดตัวนั่งลงเว้นระยะห่างไว้พอประมาณ “ดูสมกับที่เป็นเธอดี ว่าแต่อ่านอะไรอยู่หรือ”
“นิยายจีนค่ะ ซินอยากจะลองเริ่มจับงานแปลนิยายดูบ้าง กำลังศึกษาสำนวนอยู่” มโนชาเอ่ยก่อนจะยื่นห่อขนมออกไปตรงหน้าเขาด้วยท่าทีสบายๆ มันดูเป็นธรรมชาติจนเฉินเอินอดจะนึกทึ่งไม่ได้ เธอทำเหมือนกับเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เป็นคนที่อยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน
หากพอได้ทบทวนดูถึงได้พบว่านี่คงเป็นอุปนิสัยส่วนตัวอย่างหนึ่งคือเข้าถึงง่ายและมอบไมตรีใกล้ชิดให้กับทุกคนที่พบเจอ และอีกสิ่งที่สำคัญ คือสำหรับเธอเขาไม่ได้เป็นคุณเฉินผู้รังสรรค์ชาความทรงจำอันยิ่งใหญ่คนนั้น ยิ่งไม่ได้เป็นผู้มีบุญคุณเช่นเดียวกับคนอื่นที่มาอยู่ที่นี่ เขาเป็นเพียงนายจ้างซึ่งอายุไม่ต่างจากเธอมากนัก พอนำสองอย่างมารวมกันก็พอจะเข้าใจได้
เฉินเอินคลายวงแขนที่กอดอกไว้โดยไม่รู้ตัว เอื้อมมือออกไปและล้วงลงไปในถุงขนมพิมพ์ลายการ์ตูนสีสันสดใส ก่อนจะหยิบขนมที่ทำจากแป้งสอดไส้ช็อกโกแลตออกมาแล้วส่งมันเข้าปาก ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินขนมซึ่งเห็นผ่านจากโฆษณาในจอโทรทัศน์
“มีอะไรสงสัยก็ถามได้” เขาหมายถึงเรื่องภาษาจีนซึ่งไม่ใช่ภาษาแม่ของเธอ แต่กลายเป็นว่ามโนชากลับใช้โอกาสนี้ถามไปเรื่องอื่น
“ทำไมคุณเฉินไม่ให้ขายชาไข่มุกล่ะคะ เห็นพี่เหมยซีบอกมาว่าเคยเสนอกับคุณเฉินแล้ว แต่คุณเฉินไม่อนุญาต”
“ฉันไม่มีเหตุผล” เขาตอบหน้าตาย เอื้อมมือไปหยิบขนมในถุงออกมาอีกชิ้น
“แต่บนอักษรเอินมีคำว่าเหตุผลวางอยู่นะคะ” ใบหน้าเธอมันบ่งบอกว่าคนอย่างเขาจะบอกว่าไม่มีเหตุผลไม่ได้
คนฟังกะพริบตาคิดบางอย่างในใจ คำว่าเอินออกจากปากเธอง่ายดายเช่นเดียวกับกิริยาที่นำขนมเข้าปาก มโนชาเอ่ยชื่อเขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติจนน่าเหลือเชื่อ คนคนนี้มักมีอะไรให้เขาแปลกใจเสมอ อาจจะเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปและเธอก็เป็นตัวแทนของเจเนอเรชันซีคนแรกที่เขาได้พบและพูดคุยก็เป็นได้
เฉินเอินขยับตัว กระแอมเล็กน้อย แม้นามนี้จะไม่ใช่ความลับ แต่มันก็นานจนจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มีคนเอ่ยชื่อเขาตรงๆ แบบนี้คือเมื่อไรกัน
“เธอเคยเห็นร้านชาจีนที่ขายชาไข่มุกไหมซิน” มโนชาอ้าปากจะตอบทันควัน ชายหนุ่มเดาได้ว่าคนตรงหน้าน่าจะตอบแบบส่งๆ เพราะดูไม่ได้หยุดคิดเลย เขาเลยชิงพูดขึ้นมาก่อน “ย่อมไม่เคย เพราะลูกค้าย่อมเป็นคนละกลุ่ม”
“คุณเฉินว่ายังไงก็อย่างนั้นค่ะ พี่เหมยซีบอกซินแล้วแต่ซินแค่อยากลองดู” มโนชาเอ่ยยิ้มไหวไหล่เบาๆ “แต่ซินว่ายังมีอย่างอื่นที่เราพอจะทำได้นะคะ และไม่ขัดกับค่านิยมสังคมคนรักชาแบบขายชาไข่มุกในร้านชาจีนของคุณเฉินด้วย” แล้วเรื่องราวก็เปลี่ยนจากเรื่องหนังสือ เรื่องชื่อของเขา มายังเรื่องชา
“ไหนๆ เราก็ต้องซื้อใบชามาใช้ที่ร้านอยู่แล้ว มีของดีอยู่ในมือไม่สู้แบ่งให้คนอื่นได้ลองชิมบ้าง ซินว่าเราแบ่งขายทางออนไลน์บ้างก็ดีนะคะ” แล้วความคิดของเธอก็ถูกร่ายเรียงออกมาโดยเขาเพียงแต่ฟังและพยักหน้าพลางยึดเอาขนมถุงนั้นมาเป็นของตน
กว่าจะรู้ตัวว่าบทสนทนาดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว ขนมก็หมดถุงแล้ว แสงสุดท้ายของยามสนธยาก็เริ่มจะลาลับพร้อมกับที่ไฟในสวนติดพรึบขึ้นพร้อมกัน เซี่ยเหมยซีปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่นานนัก
“อาหารเย็นเสร็จแล้วนะคะ ป้าจูให้มาเชิญคุณเฉินค่ะ” เอ่ยพร้อมกับมองถุงขนมว่างเปล่าในมือชายหนุ่มอย่างค่อนข้างแปลกใจ เซี่ยเหมยซีอดหัวเราะออกมาไม่ได้ที่เขาโดนเด็กหลอกให้กินขนมหลอกเด็กเสียแล้ว
“เข้าใจแล้ว” เขาเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วจากมาพร้อมกับถุงเปล่าในมือ
มโนชาเองก็ลุกขึ้นบ้าง เพราะหากยังนั่งเป็นเป้านิ่งอยู่อย่างนี้อีกไม่นานยุงก็คงจะยกโขยงกันมา มือบางคว้าหนังสือไว้ข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็หันมาคล้องแขนเซี่ยเหมยซีเดินออกจากหอกลางน้ำพลางเล่าเรื่องว่าคุยอะไรกับเฉินเอินไปบ้างเรียกเสียงหัวเราะปนระอาของเซี่ยเหมยซีออกมาด้วยว่ามโนชาคนนี้ยังอุตส่าห์ไม่ล้มเลิกความคิดเรื่องขายชานมไข่มุก ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยเรื่องการแบ่งขายใบชาทางออนไลน์ รู้ตัวอีกทีสองคนก็เดินมาถึงครัวแล้ว
โรงน้ำชาแห่งนี้มีแม่ครัวประจำอยู่ แน่นอนว่านำเข้ามาเหมือนกับคนอื่นๆ เป็นหญิงร่างท้วมพูดจาโขมงโฉงเฉงชัดถ้อยชัดคำ อาหารที่ป้าจูทำส่วนใหญ่เป็นอาหารจีนกวางตุ้งแบบตามใจฉันซึ่งไม่มีใครบ่นอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเพราะไม่กล้าขัดใจแม่ครัวใหญ่หรือพอใจในรสชาติอาหารกันแน่ แต่สำหรับมโนชาเธอว่าอาหารที่ป้าจูทำนั้นอร่อยใช้ได้และคุ้นปากคุ้นลิ้นคนไทยเป็นอย่างดี และในเมื่อเป็นสวัสดิการพนักงาน ต่อให้อร่อยน้อยกว่านี้เธอก็กินได้
ตามปกติทุกคนจะกินข้าวร่วมกันในเวลาหนึ่งทุ่มตรง เว้นแต่พ่อบ้านจางซึ่งจะรับประทานพร้อมกับเจ้าของโรงน้ำชาที่บ้านพัก กินข้าว จิบชา เดินหมาก ทำตัวอย่างกับว่าจะแก่ชราไปพร้อมกันอย่างนั้น
“คุณเฉินไม่มีแฟนหรือคะ” เซี่ยเหมยซีสำลักหมูสับนึ่งไข่เค็มฝีมือป้าจูทันทีที่ได้ยินคำถามแหวกฟ้าผ่าอากาศของมโนชาก่อนจะปรามให้อีกฝั่งเบาเสียงลงหน่อย ดวงตาของคนถูกถามเหลือบมองไปยังทิศทางบ้านพักส่วนตัวของเฉินเอินก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ ป้าจูหัวเราะคนไม่รู้เรื่องราวกล้าหยิบยกเรื่องเจ้านายมาพูด ส่วนสวีสุ่ยเหอก็ชะงักตะเกียบเพียงครู่ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ
“ก็ไม่แปลก ซินก็ว่าอยู่ เล่นขลุกตัวอยู่กับโรงน้ำชาไม่ยอมไปไหนเลย”
“ทำไมน้องซินสนใจหรือ” ป้าจูอดแซวไม่ได้ แต่คนถูกแซวจะรู้สึกอะไรหรือก็ไม่เพราะยังคงคีบอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย
“ซินก็สนใจทุกคนแหละค่ะเพราะเรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา อย่างที่สนใจว่าป้าจูออกจะเสน่ห์แรงเพราะมีคนชมว่าป้าจูสวยให้ซินฟัง บอกว่าเสียดายที่มาได้แค่เดือนละครั้งแถมยังพูดจีนซักคำก็ยังไม่ได้ เลยไม่รู้จะจีบป้าจูได้ยังไง”
“คุณลุงตัวเล็กๆ ที่เป็นคนสวนคนนั้นน่ะหรือ พี่เห็นเหมือนกันว่าชอบมาตัดต้นไม้แถวครัวเป็นพิเศษ” สวีสุ่ยเหอเอ่ยมองหน้าแม่ครัวยิ้มๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งตึงใส่ “เนี่ย…แล้วป้าจูก็ทำหน้าแบบนี้เลย แถมมือยังถือมีดอีโต้สับหมูโชว์เสียด้วย สับทีลุงแกก็สะดุ้งที”
“หล่อไม่พอใช่ไหมคะป้าจู” เซี่ยเหมยซีร่วมวงหัวเราะด้วย กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้วก็ต่อเมื่อแม่ครัวเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ก็ใช่น่ะสิ ก็ถ้าหล่ออย่างเสิ่นต้าชานป้าจะไม่ว่าเลยสักคำ” ป้าจูยักคิ้วหลิ่วตา
“ป้าจูก็เคยเห็นแฟนพี่เหมยซีหรือคะ พี่สุ่ยเหอก็ด้วยหรือ” สองคนพยักหน้าพร้อมกัน
เซี่ยเหมยซีรอยยิ้มจืดลงเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยที่เริ่มมีริ้วรอยบางๆ อดจะเหลือบมองไปยังบ้านที่อยู่ถัดไปด้านหลังไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขากำลังฟังอยู่หรือเปล่า เพราะรู้ความสามารถนี้ทำให้ส่วนมากเธอเลือกจะคุยกับคนที่เมืองจีนผ่านทางข้อความมากกว่า มีเพียงก่อนนอนเท่านั้นที่ได้กระซิบบอกราตรีสวัสดิ์กัน ด้วยความที่อายุได้ผ่านเลยความหวานแบบหนุ่มสาวมาแล้วทั้งคู่ เรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด เธอเพียงแต่ไม่อยากให้เฉินเอินได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น แม้จะมั่นใจว่าเขาไม่เคยคิดจะสนใจเลยก็ตาม
เฉินเอินเองก็มองกลับไปที่อาคารอีกหลังโดยไม่รู้ตัว ดังพ่อบ้านจางจะเข้าใจในกิริยานั้นถึงได้ถามขึ้นมาว่าบ้านด้านหน้านั่นคุยอะไรกันอยู่ ชายชราสังเกตได้ว่าตั้งแต่มโนชาย้ายเข้ามาบรรยากาศทั้งโรงน้ำชาก็ดูจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะเสียงใสช่างคุยช่างอยากรู้อยากเห็นนั่น
“คุณจางคิดว่าเสิ่นต้าชานเป็นอย่างไรบ้าง” แววตาที่เปี่ยมด้วยความขบขันยามนึกถึงมโนชาของชายชราค่อยๆ จางไปก่อนจะหรี่ตามองไปยังคนถาม เมื่อพบเพียงความเรียบเฉยไร้ความรู้สึกปะปนอยู่จึงได้เอ่ยพูดต่อ
“เป็นคนดีทีเดียว คุณเฉินเองคิดเห็นเป็นอย่างไร”
“ฉันก็ว่าเสิ่นต้าชานเป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี และเหนืออื่นใดคือความจริงใจที่มอบให้กับคนของเรา ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีใจแปรไปเป็นอื่นแม้จะอยู่กันคนละประเทศก็ตาม” ชายชราพยักหน้าเห็นด้วย
“หากคนของเราจำเป็นต้องจากเราไปในสักวันเล่า คุณเฉินจะว่าอย่างไร”
“เซี่ยเหมยซีเป็นคนฉลาดย่อมรู้ดีว่าควรต้องเลือกอะไร เวลาก็ผ่านมานานตั้งแต่แรกที่เราได้พบกัน เราผูกใจผูกสัมพันธ์ด้วยเผชิญสิ่งเลวร้ายและมีประสบการณ์ร่วมกันมาจนอาจลืมไปว่าทุกคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง สำหรับคุณจางฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะคุณจางเห็นโลกมาเยอะ ผ่านการไตร่ตรองด้วยประสบการณ์และดวงตาอันเปิดกว้าง แต่เซี่ยเหมยซีแทบไม่เคยเอาใจออกห่างไปไหนเลยด้วยอาจจะถือเป็นหน้าที่ หรือบางทีก็อาจเป็นฉันนี่แหละที่เห็นแก่ตัวรั้งเธอเอาไว้จนป่านนี้ ด้วยข้ออ้างที่ว่าโลกมันน่ากลัวเหลือเกิน แล้วเซี่ยเหมยซีอาจจะยังไม่พร้อม”
“ไม่ใช่คุณเฉินหรอกที่รั้งไว้แต่เป็นเหมยซีต่างหากที่ไม่ยอมไป เพราะเหตุใดคุณเฉินย่อมต้องรู้ดี”
“เพราะรู้ดีอย่างไรฉันถึงได้อดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่ปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ฉันควรจะเด็ดขาดลงไปตั้งแต่ตอนก่อนจะย้ายมาที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะความผูกพันราวกับคนในครอบครัวทำให้ไม่ได้เด็ดขาดลงไป แต่สิ่งที่เซี่ยเหมยซีต้องการในชีวิต ฉันไม่อาจจะให้ได้ ความชื่นฉ่ำด่ำดื่มและรสหวานล้ำของความรัก มธุรสรางวัลของการได้รักตอบ หากยังอยู่กับฉันมันก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ และในใจของเซี่ยเหมยซีก็จะมีแต่ความขมขื่นฝืดเฝื่อน นานไปจนแก่ตัวชีวิตก็จะเหลือพียงความแห้งแล้งห่อเหี่ยวไร้ความหวัง ในตอนนี้ที่มีคนดีๆ เข้ามา ฉันเองไม่อยากให้เธอปล่อยโอกาสนี้ไป”
พ่อบ้านจางรับฟังอย่างนิ่งเงียบ นึกถึงเด็กสาวที่ห้องส่วนตัวในภัตตาคารวันนั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ดอกไม้ดอกหนึ่งเคยออกดอกแรกแย้มอยู่บนต้น ถูกปลิดออกมาอย่างโหดร้ายด้วยโชคชะตา ก่อนจะนำพามันมาปักอยู่ในแจกันด้วยฝีมือของคนผู้นี้ ผู้ที่อยู่เหนือชะตาของตนและคนหลายคน
ชายชรามองสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้ง ‘แม้ไม่มีชื่อเสียงไม่มีคนรู้จักก็ไม่หวั่นไหว’ ขงจื่อเรียกว่า วิถีแห่งวิญญูชน เป็นวิถีแห่งความสง่างามเช่นเดียวกับวิถีแห่งชา ยังเรียกวิญญูชนด้วยคำว่า ‘จวินจื่อ’ ตรงกันข้ามกับคำว่า ‘เสี่ยวเหริน’ ซึ่งแปลว่าคนเล็ก คือคนที่คิดเล็กคิดน้อยเห็นประโยชน์ตน วิญญูชนผูกพันกับความถูกต้องเที่ยงธรรม เสี่ยวเหรินผูกพันธ์กับผลประโยชน์ พ่อบ้านจางยังไม่เคยเห็นครั้งใดเลยที่บุคคลคนนี้จะเห็นประโยชน์ตนมากกว่าคนรอบข้าง
“เสิ่นต้าชานเป็นคนดี ฉันได้เห็นมาแล้วตั้งแต่ตอนเราอยู่ที่เมืองจีน คนคนนั้นจะรักเซี่ยเหมยซี ทั้งคู่จะเป็นความรักของกันและกันไปจวบจนกระทั่งเวลาสุดท้ายของชีวิต สิ่งนั้นเป็นสิ่งซึ่งฉันจะไม่มีวันมี”
“ก็แล้วคุณเฉินไม่มีความรู้สึกใดเลยหรือ จะไม่เสียใจหรือ” เฉินเอินส่ายหน้า
“เสียใจหรือ คนอย่างฉันมีเรื่องเสียใจมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน”
หากเรื่องนี้เขาจะเสียใจก็คงเสียใจที่ไม่แสดงออกให้ชัดเจน เสมือนเป็นการต่อความหวังและความฝันอันไม่อาจเป็นจริงให้กับเด็กสาวคนนั้น แววตาตั้งแต่แรกพบจนวันนี้มีแต่ความเทิดทูนบูชา ความไว้เนื้อเชื่อใจราวกับจะฝากชีวิตทั้งหมดเอาไว้ในมือของเขา แต่มันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาลึกซึ้งแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรแม้แต่ตัวเขาก็ยังจำไม่ได้ ได้แต่คิดว่าวันหนึ่งเธอคงจะหมดใจไปเอง จนปล่อยทุกอย่างล่วงเลยมาถึงตอนนี้
แต่ยังไม่สายไม่ใช่หรือที่จะละวางความเห็นแก่ตัวที่จะดึงรั้งทุกคนเอาไว้
เซี่ยเหมยซี ถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยเธอไปเสียที เพียงแต่ตัวเธอก็ต้องปล่อยใจของตัวเองด้วยเช่นกัน
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 22 : ทางเลือกที่เห็นแก่ตัว (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (3)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน : บทนำ