เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 16 : Glory Day วันแห่งชัยชนะ

เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 16 : Glory Day วันแห่งชัยชนะ

โดย : ขวัญอินทร์

Loading

เปลือกมุกสีชมพู โดย ขวัญอินทร์ นวนิยายดราม่าเข้มข้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นว่าเราอาจไม่เคยมองเห็นเนื้อแท้ของใครได้เลย ถ้าเราเลือกมองแค่เพียงเปลือก ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพจำที่ผู้อื่นตีกรอบให้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินใคร เพราะสุดท้ายผลกรรมจะเปิดโปงทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว

 

เตกีล่า,ทริปเปิลเชค, เหล้าแดงสีส้มอมแดงเลือด, ฮาล์ฟ แอนด์ ฮาล์ฟ, น้ำส้ม, เหล้ารัม, ชินนามอน, มินต์

ในที่สุดก็ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกเทศบาลหาดบุรี ฟ้าพราวกับคุณขจีออกไปลงคะแนนเสียงตั้งแต่เช้าตรู่ และได้เจอกับครอบครัวคุณตาไกร ซึ่งมีทั้งอากรณ์ อาสมร ก้องเกียรติ เธอเดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท แต่ก็ไม่มีใครรับไหว้และมองเธอด้วยสายตาอาฆาต ชิงชัง เพราะก่อนหน้าเลือกตั้งสองอาทิตย์ฟ้าพราวเอาเรื่องที่ก้องเกียรติทำผู้หญิงตั้งท้องตอนเรียนมหา’ลัยแล้วไม่รับผิดชอบไปปล่อย ทำให้ฝ่ายนั้นไม่ทันได้แก้ตัว จริงเท็จอย่างไรไม่มีเวลาได้พิสูจน์ แต่ชาวบ้านบางคนก็เชื่อไปแล้ว

“น่าภูมิใจแทนแกจริงๆ นะขจี แกเลี้ยงลูกได้ดีมาก ขายสมบัติ ขายพี่ขายน้อง ขายศักดิ์ศรี” ส.ส.ไกรด่าขจี หลานสาวที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย

“ทำยังไงได้ล่ะคะ ฟ้ามันอาภัพ พี่น้องตายหมดไม่มีใครสนับสนุน เลยต้องดิ้นรนเอาเอง” ขจีเองก็สิ้นความเคารพ เจ็บใจที่โดนประจานเรื่องหนี้สิน

“พวกแกได้ตายทั้งเป็นแน่ ทำชั่วอะไรไว้ อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ คอยดูผลกรรมก็แล้วกัน” ส.ส.ไกรขู่สองแม่ลูก

“คุณตากำลังขู่ฟ้านะคะ ฟ้าแจ้งความได้นะคะ”

ส.ส.ไกรระเบิดเสียงหัวเราะลั่นจนคนเริ่มหันมามอง ชี้หน้าหลานสาวแล้วพูดว่า

“แกเก็บเงินค่าทนายเอาไว้สู้คดีตัวเองดีกว่า”

ท่าทางเหมือนผู้ถือไพ่เหนือกว่าทำให้เธอนึกระแวงว่า ส.ส.ไกรจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับ ส.ส.เจนภพ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะถ้ารู้คงใช้โจมตีตอนหาเสียงแล้ว

หลังจากที่ฟ้าพราวกลับมาจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เธอก็พาคุณขจีไปส่งที่บ้าน จากนั้นก็เดินทางไปยังบ้านของ ส.ส.เจนภพเพื่อติดตามผลการนับคะแนน ซึ่งบรรยากาศภายในบ้านในขณะนี้ดูคึกคักกว่าทุกวัน เธอยิ้มในสีหน้าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากในห้องประชุม รับรู้ได้ถึงชัยชนะอบอวลรอเธออยู่ภายในห้องนั้น

เธอผลักประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดเพื่อรอเสียงปรบมือจากทีมงาน แต่ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออกห้องทั้งห้องก็เงียบกริบ เธอชะงักนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้างามเปื้อนรอยยิ้มเลือนหายเหลือเพียงความประหลาดใจเมื่อพบว่า คุณนาค เหระนันท์ ผู้สมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นคู่แข่งอีกคนหนึ่งอยู่ที่นั่นด้วย ในมือถือแก้วแชมเปญเตรียมฉลองโดยไม่รอเธอ

“มาคุณฟ้า เรามาลุ้นพร้อมกัน” ส.ส.เจนภพได้สติเชื้อเชิญให้เธอนั่ง บริการเครื่องดื่มให้อย่างดี

“นี่มันอะไรคะ” ฟ้าพราวถามเสียงเข้ม ปรายสายตาไปที่คุณนาค สงสัยว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

“อ้อ คุณน่าจะรู้จักแล้วนี่ เขาเป็นผู้สมัครคนเก่งอีกคนของผม” ส.ส.เจนภพแนะนำ พร้อมกับที่คุณนาคลุกขึ้นยืนชูแก้วแชมเปญทักทายเธอทั้งที่เขาอาวุโสกว่ามาก

ฟ้าพราวเหมือนถูกตบจนหน้าชาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังไม่ตื่นจากฝันร้าย คำว่าเธอถูกหลอกใช้ดังวนเวียนเหมือนคำสาป ความคิดเธอเหมือนเครื่องเล่นหนังที่กำลังกรอกลับคำกล่าวหาที่ว่า เธอลงสมัครตัดคะแนนพี่น้อง มันวนเวียนซ้ำอยู่ในหัว จนอยากทำอะไรสักอย่างให้หายแค้น ทว่าทุกอย่างก็เป็นแค่ภายในใจเธอที่ไม่มีใครรู้ ภายนอกของเธอดูนิ่งสงบ ใบหน้างามเชิดขึ้นอัตโนมัติ

“นี่ฟ้าโดนหักหลังหรือคะ” เธอแค่นถามก่อนยกแก้วแชมเปญดื่มรวดเดียวหมดเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา เธอยังไม่แพ้ตราบใดที่ผลคะแนนยังไม่ออก

ส.ส.เจนภพสบตาคุณนาค ก่อนพากันหัวเราะเบาๆ ท่าทางสบายอกสบายใจเสียจนเธออยากปาแก้วแชมเปญใส่หน้า แต่ก็ทำได้เพียงวางมันบนโต๊ะแรงๆ เพื่อระบายความรู้สึกที่จวนเจียนจะระเบิดนี้

“เอาน่าคุณฟ้า ใจเย็นก่อน แล้วดูข้อความในมือถือว่าตอนนี้มีเงินเข้าหรือยัง” ส.ส.เจนภพเห็นว่าเธอโกรธจริงก็หาทางไกล่เกลี่ย

“นี่เอาเงินมาฟาดกันหรือคะ” ฟ้าพราวถามกลับ อารมณ์สุดจะทนขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนเขาตบหัวแล้วเอาเงินฟาดหลังจนเจ็บแสบ

“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิครับ ถ้าชนะเราก็ชนะด้วยกันนะครับ” คุณนาคซึ่งดูสุขุมใจเย็นกว่าพูดปลอบใจ

“หมายความว่าไงคะ เราเป็นคู่แข่งกัน จะมาชนะด้วยกันได้ยังไง”

“พวกเราเป็นทีมเดียวกัน ผมบอกคุณฟ้าตั้งแต่วันแรกแล้วว่าผมหาคนร่วมทีม” ส.ส.เจนภพย้ำคำพูดตัวเองเมื่อตอนเจอเธอครั้งแรก

และสิ่งที่เธอกลัวก็เป็นจริง เมื่อทั้งสองคนอธิบายว่าตระกูลของเธอแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะเอาชนะ จึงวางแผนให้เธอลงสมัครเพื่อแย่งคะแนนก้องเกียรติ และตอนนี้พวกเขามั่นใจว่าจะชนะเพียงแต่ไม่รู้ว่าหัวจะออกที่ใคร เธอหรือคุณนาคเท่านั้นเอง

“แผนการดีนะคะ เสียแต่ไม่มีใครบอกฟ้า แล้วแบบนี้จะเรียกว่าเป็นทีมเดียวกันได้ยังไง” เธอประชดก่อนเดินออกจากห้องไป

เจ็บใจ! นี่มันหักหลังกันชัดๆ คิดว่าตัวเองเป็นม้าขุน ที่แท้ก็เป็นแค่เบี้ยเอาไว้ขัดตาทัพ แต่เอาเถอะตราบใดที่คะแนนยังนับไม่เสร็จ เธอก็ยังมีหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า เธอไม่ได้ลงเพื่อตัดคะแนนใคร

 

“แบบนี้เค้าเรียกว่าแพ้ทั้งคู่มั้ยคะ” มุกอันดาถามเมื่อเห็นผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากมือถือในเช้าวันต่อมา ซึ่งผลออกมาว่าคุณนาคได้คะแนนสูงสุด รองลงมาคือผู้สมัครท่านอื่นซึ่งถือเป็นม้ามืด ส่วนฟ้าพราวได้อันดับสี่ชนะก้องเกียรติห่างกันไม่ถึงพัน แต่หากเอาคะแนนมารวมกันก็สามารถสูสีคุณนาคและเบียดคนที่สองได้สบาย

“ฟ้าเสียคะแนนตอนโค้งสุดท้ายเยอะ”

“แต่พี่ก้องเสียมากกว่า” มุกอันดาบอกเสียงแผ่ว ทั้งสองคนเคยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จะว่าไปพี่ฟ้านับว่าพี่ก้องเป็นญาติมากกว่าเธอเสียอีก ไม่ต้องมาห้ำหั่นสาวไส้ให้ชาวบ้านรู้กันขนาดนี้ ที่น่าเจ็บใจสุดท้ายก็แพ้ทั้งคู่

“แล้วนี่พี่ฟ้าจะทำยังไงล่ะคะ ถ้าได้ที่สองยังพอได้ทำงานเป็นฝ่ายค้านได้” มุกอันดารู้สึกใจหายแทนพี่น้องเธอทั้งสองที่จู่ๆ ก็ไม่ได้ทำงานในเทศบาลอีกต่อไป เป็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองแบบล้างบางเลยทีเดียว เพราะไม่มีนายกเทศมนตรีนามสกุลเทวะกาญจน์อีกต่อไป

“ดีแล้วละ ฟ้าพราวจะได้กลับมาทำงานตัวเองให้เสร็จ ต่อไปจะได้ไม่มีปัญหา” ต้นบุญกล่าวพลางนึกถึงเรื่องที่รู้มาจากหัวหน้าคนงานก่อสร้างว่า บริษัทรับเหมาที่โดนฟ้าพราวแย่งไปกำลังมีปัญหา เพราะฟ้าพราวทำสัญญาเอาไว้เฉยๆ แต่ไม่เริ่มก่อสร้างสักที ซึ่งมันก็สามเดือนแล้วจนตอนนี้ต้องหางานอื่นทำไปพลางๆ ก่อน

เห็นพวกนั้นบอกว่าคุณฟ้าอ้างเรื่องหาเสียง ความจริงแค่สั่งของมาทำก็จบแล้ว ผมว่านะจริงๆ แล้วคุณฟ้าไม่คิดจะทำต่อให้เสร็จหรอก ที่รีบเซ็นสัญญาเพราะอยากแย่งจากคุณมากกว่า

เขาเองก็เคยสงสัย ทุกครั้งที่ขับรถผ่านทางนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่ได้ดำเนินก่อสร้าง ทั้งที่ฟ้าพราวทำสัญญาก่อนเขาเสียอีก

ที่เด็ดกว่านั้นคือได้ข่าวไม่ค่อยดี กลิ่นเงินเน่า ฟอกขาวยังไงกลิ่นก็โชยครับ

ดูเหมือนทุกวงการมีเรื่องต้องระวังคือเรื่องการฟอกเงิน จะด้วยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ล้วนนำความหายนะมาสู่ตัวเองทั้งนั้น และเขาก็ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างฟ้าพราวจะกล้าทำ

“งานอะไรคะ” มุกอันดาถามเมื่อเห็นเขาไม่พูดต่อ แต่นิ่งเงียบไปแทน

“ช่างเถอะ” ต้นบุญไม่ตอบ แต่โอบไหล่เธอไว้หลวมๆ เขาแวะมาหาเธอตอนจะกลับกรุงเทพฯ ตอนนี้เพิ่งบ่ายสอง ร้านยังไม่เปิด ทั้งสองจึงได้มีเวลาคุยกัน

“คืนนี้ มุกฟังพวกวิจารณ์การเมืองกันสนุกแน่” มุกอันดาทำหน้าย่น บ่นเซ็งๆ

“ฟังอย่างเดียว อย่าเผลอวิจารณ์ล่ะ” ต้นบุญหัวเราะ บีบจมูกเบาๆ นึกหมั่นเขี้ยว เขายอมรับโดยดุษณีว่าได้อยู่ใกล้เธอแล้วมีความสุข

เธอทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ยุ่งยาก หากเราไม่สร้างกฎเกณฑ์เกินพอดี คนภายนอกมองเธออย่างไรไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเธอโคตรมีวินัยในตัวเอง เธอทำงานหน้าบาร์แต่ก็ไม่เคยดื่มเหล้าเวลาทำงาน หากจะดื่มบ้างก็ตอนวันหยุดที่นัดสังสรรค์กับเพื่อน ในวงเหล้าหากเพื่อนกำลังทุกข์เธอจะฟังและระวังไม่ให้ตัวเองเมา เพราะกลัวจะพากันขาดสติ

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เธอทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ เป็นผู้ใหญ่ได้จริงๆ เขาเป็นลูกชายคนเล็ก ที่ทั้งพ่อแม่ พี่สาวมองว่าเป็นเด็กน่าเอ็นดูมาตลอด จนโตเป็นผู้ใหญ่ ในสายตาของครอบครัวเขายังน่าห่วง

เรื่องธุรกิจเขายอมเป็นลูกแหง่ แต่ในชีวิตจริงเขาก็อยากมีใครสักคน ที่ทำให้เขารู้สึกอยากปกป้อง เป็นความภูมิใจลึกๆ เมื่อคิดว่า มีแต่เขาที่เข้าใจและรู้จักเธอดีที่สุด…มุกอันดา

 

 



Don`t copy text!