สาปแสงรัก บทที่ 15 : มาตามสัญญา

สาปแสงรัก บทที่ 15 : มาตามสัญญา

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

สกูปข่าวเกี่ยวกับโรงงานเซรามิกของนวลดาราที่ทัตพลเคยมาถ่ายทำไว้เพิ่งได้ออกอากาศเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นโรงงานของนวลดาราก็มีงานเพิ่มขึ้นมากมาย เพราะลูกค้าให้ความสนใจเซรามิกที่มีสีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากคนงานทุกคนต่างก็ทำงานในหน้าที่ของตนอย่างขะมักเขม้น มีแต่เจ้าของโรงงานเท่านั้นที่ทำงานอย่างเซื่องซึม

“คุณนวลครับ ผมว่าน้ำเคลือบรอบนี้มันผิดสูตรหรือเปล่า ผมลองเคลือบดูสองชิ้น พอเผาออกมาแล้วสีมันเพี้ยนไปนะ” ชลธีบอกเจ้านายสาวที่กำลังเอาดินที่นวดแล้วเข้าเครื่องรีดเพื่อตัดเป็นดินแท่งพร้อมปั้น

ใจจริงชลธีไม่อยากตำหนินวลดาราเลย เพราะรู้ว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายติดๆ กัน ใจคอย่อมจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่นวลดาราเป็นผู้รับผิดชอบการผสมน้ำเคลือบเครื่องปั้นดินเผาแต่เพียงผู้เดียว เพราะดินบนเกาะเดือนดับเป็นดินที่มีสีเหลือบชมพูต่างจากดินที่อื่น ดังนั้นน้ำเคลือบจึงต้องเป็นสูตรที่คิดขึ้นเฉพาะเพื่อที่ว่าเมื่อเผาชิ้นงานแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์เซรามิกที่มีสีตามต้องการ และสูตรนี้ป็นสูตรลับที่ถ่ายทอดให้เฉพาะสมาชิกในครอบครัว

“จริงเหรอคะ” นวลดาราเดินมาดูจานเซรามิกสองใบที่ชลธีถือมาให้ดู

“สีเพี้ยนจริงๆ ด้วย นวลนี่แย่จัง ทำอยู่ประจำยังผิดได้ ดีนะที่พี่ชลลองเผาดูก่อนแค่สองใบ” นวลดาราบ่นตัวเอง ท่าทางเธอโกรธตัวเองไม่น้อย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าคุณนวลกลับไปพักบ้างดีไหม พอเร่งทำมากๆ มันก็อาจจะพลาดได้ ผมว่าลูกค้าใหม่บางส่วนน่าจะรอได้นะครับ เขาสั่งเพราะอยากสะสมแต่ไม่ได้รีบใช้ ผมจะลองคุยกับลูกค้าดู ส่วนลูกค้าประจำเราก็พอจะทำงานทันตามรอบอยู่แล้วนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ชล นวลยังไหว งานกำลังยุ่งจะให้ทิ้งไปได้ยังไง”

ชลธีรู้ว่าถึงแม้โรงงานจะได้รับคำสั่งสินค้ามากกว่าปกติก็จริง แต่คนงานทุกคนก็ทำงานกันเต็มที่ จึงน่าจะส่งสินค้าได้ทันอย่างไม่มีปัญหา เขารู้ว่าที่นวลดาราทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลาก็เพราะอยากลืมความทุกข์

“ทุกคนเข้าใจ ไปพักเถอะครับ เชื่อผม”

นวลดาราใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็คล้อยตามความคิดของลูกน้องคนสนิท

 

นวลดาราไม่ได้กลับบ้านไปพักผ่อน เธอเลือกไปที่วัดเพราะคิดถึงเขา นวลดาราไปถึงวัดในตอนค่ำ เธอตรงไปที่ลานปฏิบัติธรรม แม้ไม่ได้พบเจอเขา ได้เห็นผลงานของเขาก็ยังดี เมื่อหญิงสาวมาถึงลานหินสำหรับปฏิบัติธรรมนั้นว่างเปล่า เธอเข้าไปกราบพระพุทธรูปปูนปางห้ามสมุทรทรงเครื่องอย่างกษัตริย์องค์นั้น เพียงแค่ได้มองพระพักตร์ของพระพุทธรูปเธอก็รู้สึกใจสงบขึ้น เธอลองนั่งสมาธิก็เห็นแต่เรื่องราวต่างๆ ระหว่างเธอกับเขานับแต่วันที่เขาช่วยเธอจากการจมน้ำจนถึงวันที่เขาหมดสติไป

นวลดาราแปลกใจในความรู้สึกที่เธอมีต่ออานุภาพ เมื่อแรกที่เธอเห็นหน้าเขาเธอก็เกลียดชังเขาทั้งที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เธอเป็นหนี้ชีวิตเขาถึงสองครั้งสองครา ความรู้สึกเกลียดชังที่มีเมื่อแรกนั้นค่อยๆ จางลงไป มันถูกแทนที่ด้วยความเห็นใจและความห่วงใย เมื่อเขาหมดสติไปต่อหน้า เธอก็ได้ตระหนักว่าความรู้สึกที่มีไม่ใช่แค่ความห่วงใยแต่เป็นความรัก ที่คนเราจะรู้ก็ต่อเมื่อสูญเสียไป

ถึงรู้ว่ารักก็ไม่มีความหมายเพราะรักกันไม่ได้อีกต่อไป ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็ยังอยากให้อานุภาพฟื้นคืนสติ นวลดาราทำได้เพียงกราบพระและอธิษฐานเพื่อเขาเท่านั้น

เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากการกราบพระเธอก็ไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“คุณอ้าย…” นวลดาราอุทานออกมาเมื่อหันไปเห็นเขายืนอยู่ข้างลานหิน

“คุณมาได้ยังไง…” นวลดารารีบวิ่งไปหาเขา แต่แล้วเธอก็นึกได้ ชะงักเท้าไว้ เธอกลัวว่าถ้าเข้าใกล้เขา เขาจะเจ็บปวดอีก

อานุภาพยิ้มน้อยๆ แล้วบอกเธอว่า “คุณเข้ามาใกล้ๆ ผมได้นะ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”

“แต่น้องสาวคุณบอกว่าถ้าคุณเข้าใกล้ฉัน คุณจะเจ็บ…”

“ผมหายแล้วจริงๆ” เขายืนยันแล้วพูดต่อไป “ถ้าไม่เชื่อคุณมาจ้องตาผมก็ได้นะ”

นวลดาราเดินเข้าไปหาเขา ใจยังลังเล แต่ในที่สุดทั้งสองคนก็ไปยืนประจันหน้ากัน อานุภาพมองตาเธอเพียงครู่ก็หลับตาลงชั่ววินาที

“คุณหลับตาทำไม” เธอถามเขา ไม่แน่ใจว่าเขากำลังหลอกอะไรเธอหรือเปล่า

“ผมซาบซึ้งไง ไม่คิดว่าจะสบตาคุณแบบนี้ได้”

นวลดารามองอานุภาพอย่างชั่งใจจนเขาหัวเราะ

“ผมหายแล้วจริงๆ นะ อาผมไปได้น้ำมันศักดิ์สิทธิ์มา มันได้ผล ตลอดทางที่มานี่ ผมไม่เป็นอะไรเลย ทั้งที่ผมคิดถึงคุณมากนะ ทุกทีเวลาที่ผมคิดถึงคุณ มันต้องมีอาการผิดปกติบ้าง แต่คราวนี้ไม่เลย”

นวลดารารู้สึกเขินที่เขาพูดเหมือนเล่าเรื่องทั่วๆ ไปให้ฟัง แต่แท้จริงเป็นการบอกคิดถึงเธอต่อหน้า เธอจึงต้องเสไปพูดเรื่องอื่น “แล้วอาคุณจะไม่ว่าอะไรเหรอ ถ้าเราจะคบกัน”

“คุณถามแบบนี้ แปลว่าคุณตกลงจะเป็นแฟนผมแล้วใช่ไหม” เขาถามนัยน์ตายิ้ม

“วันนั้นฉันบอกแค่ว่าจะรับไว้พิจารณา”

“แค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับผม ไหว้พระกันเถอะคุณ”

อานุภาพกับนวลดาราเดินไปอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปด้วยกัน นั่งคุกเข่าลง ไหว้พระพร้อมกัน ต่างคนต่างก็พนมมือหลับตาอธิษฐาน

 

ในค่ำคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแสงและเดือนได้มาไหว้พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ที่แสงเป็นผู้ปั้น

“ข้าออแสง ขอให้คำสัตย์สาบานว่า…” แสงกล่าวอย่างหนักแน่น แต่เสียงคนข้างๆ ขัดจังหวะขึ้นก่อนที่เขาจะกล่าวจบ

“มิต้องสาบานดอกพี่แสง ฉันกลัว”

“เจ้ากลัวกระไร”

“ฉันกลัวพี่จะเป็นกระไรไป ผิว่าผิดคำ…”

“มิต้องกลัวดอก พี่จักมิผิดคำสาบาน”

“ผิเยี่ยงนั้น ฉันก็กลัว พี่อย่าสาบานเลยหนา พี่แค่ให้คำมั่นกับฉัน ให้พระท่านเป็นพยาน ฉันก็แล้วใจ”

“เยี่ยงนั้นก็ได้ ขอคุณพระเป็นพยาน ข้าออแสงจักต้องกลับมาออกเรือนกับแม่หญิงเดือน หญิงผู้เป็นรักเดียวของข้าแน่แท้”

 

นวลดาราและอานุภาพอธิษฐานเสร็จพร้อมกัน ก้มลงกราบพระและเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสองหันหน้ามองกัน แล้วเอ่ยถามขึ้นพร้อมกันว่า “คุณเห็นเหมือนที่ฉัน (ผม)เห็นไหม”

“คุณพูดก่อน” นวลดาราบอก

“ผมกำลังจะสาบานต่อหน้าพระ แต่คุณห้ามไว้” อานุภาพบอก

“ฉันขอให้คุณสัญญากับฉันโดยให้พระท่านเป็นพยาน” นวลดาราพูดต่อให้

“คุณเชื่อเหมือนผมใช่ไหมว่าเราเคยรักกันเมื่อชาติปางก่อน” อานุภาพถามแล้วรอลุ้นคำตอบ

นวลดาราไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่มแต่ถามกลับ “คุณสงสัยไหมว่าฉันโกรธเกลียดคุณจะแย่ตอนเจอกัน แล้วทำไมฉันถึงมาพูดดีกับคุณ”

“ก็เพราะผมทำดีกับคุณ คุณก็ต้องเห็นความดีของผมบ้างแหละน่า”

“นั่นก็แค่ส่วนหนึ่ง คุณจำได้ไหมที่เราต่อเพลงยาวด้วยกัน…”

“ที่พิพิธภัณฑ์” อานุภาพต่อให้

“คืนนั้นฉันฝัน…”

“เดี๋ยวนะคุณ คุณฝันว่าผมแอบไปหาคุณที่บ้าน เราพลอดรักใช่ไหม เราฝันเหมือนกัน เหมือนเมื่อกี้ใช่ไหม” อานุภาพถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ค่ะ หลังจากวันนั้น ฉันว่าฉันก็เกลียดคุณน้อยลง” นวลดาราบอก

“คุณนวล ผมดีใจจัง” อานุภาพบอก เขาหรี่ตาเหมือนเจ็บปวด และมีอาการเหมือนหอบเล็กน้อย

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นวลดาราถามอย่างห่วงใย

“เปล่า ผมแค่ดีใจ ตื่นเต้นมากไปหน่อยน่ะ ผมรักคุณตั้งแต่แรกพบเลย รักเหมือนที่เคยรักคุณเมื่อชาติก่อน คุณก็รักผมเหมือนกันใช่ไหม”

นวลดาราพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ

“ผมอยากไปที่หนึ่ง คุณไปกับผมหน่อยสิ” อานุภาพบอกแล้วจูงมือเธอเดินออกจากลานหินไปด้วยกัน

 

ชายหาดเกาะเดือนดับยามค่ำคืนวันนี้สวยงามแตกต่างจากวันก่อนที่เกิดเหตุร้ายกับนวลดารามากนัก มันคงไม่เกี่ยวกับสถานที่แต่เกี่ยวกับจิตใจของเธอมากกว่า เมื่อวันที่เกิดเหตุร้ายกับเธอนั้นหญิงสาวคิดว่าเธอคงมองชายหาดสวยงามเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว แต่เมื่อมากับเขาในคืนนี้ความรู้สึกดีก็กลับคืนมาสู่หัวใจ

“มาก่อปราสาททรายกันคุณ”

“ก่อปราสาททรายเนี่ยนะ” นวลดาราถามขำๆ “ฉันคิดว่าคุณจะชวนมาเดินชมทะเลอะไรอย่างนั้นเสียอีก”

“ก็คุณกลัวทะเลกลางคืน แล้วผมก็ไม่โรแมนติกขนาดนั้น ผมแค่อยากก่อทรายเป็นอะไรสักอย่างไว้ให้คุณ เผื่อผมไม่อยู่ ผมจะได้เอาไว้ดูเวลาคิดถึงผม”

“คุณจะไปไหน บอกรักไม่ถึงวัน คุณก็จะทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวแล้วเหรอ คุณก็รู้ว่าฉันกลัวถูกทิ้งที่สุด”

“ยังไงใจผมก็อยู่ที่คุณตลอดอยู่แล้ว แต่ตัวผมคงอยู่กับคุณตลอดเวลาไม่ได้”

“คุณก่อไว้ มันจะอยู่ได้นานแค่ไหนเชียว เดี๋ยวคลื่นก็ซัดพังทลายไปหมดแล้ว”

“คุณก็ดูแบบไว้ เอาไว้ก่อใหม่เอง” อานุภาพพูดพลางเดินไปดับคบไฟที่เสียบไว้บนแท่นเป็นไฟส่องทางตามหาด เหลือเพียงคบไฟที่อยู่ห่างจากจุดที่ชายหนุ่มหมายว่าจะก่อปราสาททราย

“คุณดับคบไฟทำไม”

“ผมจะโชว์ให้คุณดูว่า ผมน่ะ ปิดตาก่อทรายยังได้เลย”

“ค่ะ…นายช่างใหญ่ ขี้คุยจัง” เธอว่า

อานุภาพค่อยๆ ก่อปราสาททรายของเขาไปเรื่อยๆ ก่อไปได้นิดหน่อย เขาก็หยุดนั่งนิ่งอยู่จนนวลดารารู้สึกผิดสังเกต

“ให้ฉันช่วยก่อไหมคุณ ฉันก็ก่อทรายเก่งนะ” นวลดาราถามแต่อานุภาพยกมือห้ามไม่ให้เธอเข้าไปช่วย

“ไม่ต้องคุณ ให้ผมแสดงฝีมือก่อนสิ” อานุภาพบอกแล้วลุกขึ้นก่อทรายต่อ

นวลดาราเห็นปราสาททรายค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ปราสาททรายของอานุภาพ มีรูปเสี้ยวจันทร์ประดับอยู่ที่กำแพงประสาทด้วย

“นี่เป็นปราสาททรายของแม่หญิงเดือนคนเดียวเลย” อานุภาพบอก

นวลดาราเห็นแล้วชอบใจ เธอจึงไปเอาโทรศัพท์มือถือมาเก็บภาพการทำงานของอานุภาพ เนื่องจากมุมที่ชายหนุ่มทำงานนั้นมืด หญิงสาวจึงต้องเปิดไฟแฟลชของกล้องเพื่อให้มีแสงสว่างพอให้ถ่ายภาพได้สวย เธอถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ซูมกล้องเข้าไปเพื่อให้เห็นภาพชัด

จังหวะหนึ่งอานุภาพขยับจากจุดหนึ่งไปก่อทรายในอีกจุดหนึ่ง ครู่เดียวก็นั่งพัก นวลดารากดชัตเตอร์เก็บภาพรัวๆ เมื่อเธอหยุดตรวจดูภาพที่ถ่ายได้ เธอก็สะดุดใจกับภาพภาพหนึ่ง ภาพนั้นเป็นภาพปราสาททรายจุดที่อานุภาพเพิ่งขยับออกจากตำแหน่งไป นวลดาราเห็นก้อนของเหลวสีเข้มอยู่บนพื้นทราย เมื่อเธอซูมภาพดูใกล้ๆ ก็ใจหาย เพราะมันคือเลือดกองใหญ่

“คุณอ้าย…” นวลดาราร้องแล้วทิ้งโทรศัพท์พุ่งไปหาเขาทันที เมื่อแตะตัวอานุภาพเธอก็ยิ่งตกใจเพราะเขาตัวร้อนเป็นไฟ

“คุณอ้ายทำไม…” นวลดาราถามอีก อานุภาพไม่ตอบอะไรเขาก้มหน้าหอบหายใจอย่างหนัก

“ผมไม่เป็นไร” เขาพยายามตอบ น้ำเสียงระโหยโรยแรง เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับซวนเซล้มลง นวลดารารีบเข้าไปประคองเขาไว้ เขาจึงล้มลงในอ้อมแขนของเธอ นวลดาราจึงได้เห็นว่ามีเลือดไหลออกจากจมูกของอานุภาพเป็นจำนวนมาก

“คุณอ้าย ไหนคุณบอกว่าไม่เป็นไรแล้วไง” นวลดาราร้องไห้เพราะรู้แล้วว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร

“ผมโกหก…”

“ทำไมถึงทำแบบนี้”

“ถ้าคุณฝัน…เหมือนผม รู้สึกเหมือนผม คุณต้อง…รู้ว่าผมทำทำไม”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าฉันอยู่ใกล้คุณ คุณจะยิ่งเจ็บใช่ไหม ถ้างั้นฉันจะอยู่ห่างๆคุณ” นวลดาราขยับจะออกห่างจากเขา แต่ชายหนุ่มรู้เขาจึงจับยึดแขนเธอไว้ มีเลือดไหลออกจากจมูกของเขามากกว่าเดิม

“อย่า…คุณอย่าไปนะ ผมขอร้อง ขอให้ผมอยู่กับคุณสักคืน แค่คืนนี้…ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรักคุณไม่ได้ ผมอาจผิดสัญญากับคุณ”

“คุณไม่ได้สบถสาบาน ทำไมถึงถูกลงโทษรุนแรงขนาดนี้”

“ช่างเถอะ สำหรับผม แค่รู้ว่าคุณรักก็พอแล้ว”

“ไม่ คุณทำใจดีๆ ไว้นะ ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล”

“ไม่มีประโยชน์ ถ้ารักษาหาย ผมก็จะหนีมาหาคุณอีกอยู่ดี ผมไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย ผมยอมตายดีกว่า ถ้ารักคุณไม่ได้” อานุภาพกระอักเลือดออกมา

“ทำไม ทำไมรักมันถึงทรมานแบบนี้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ” นวลดาราร้องไห้คร่ำครวญ

“อย่าร้องไห้เลยคุณ” อานุภาพพยายามข่มความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดเพื่อจะพูดกับเธอ “ผมชอบเวลาคุณยิ้ม คุณยิ้มแล้วสวย แต่ชอบโกรธ”

นวลดารายิ้มทั้งน้ำตา อานุภาพก็พยายามยิ้ม

“กอดผมหน่อยได้ไหม” เขาขอร้อง แล้วหอบหายใจหนักขึ้น นวลดารารู้สึกทรมานเหลือเกิน เธอรู้ว่าการที่เธอกอดเขามันยิ่งทำให้เขาเจ็บ แต่เธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาขอร้อง

“ดีจัง…พี่ต้องการ…เพียงนี้แลเจ้า…แม่เดือนของพี่” พูดได้เท่านี้อานุภาพก็หมดสติไป

“คุณอ้าย…” นวลดารากอดอานุภาพร้องไห้อยู่อย่างนั้น

“พี่อ้าย… “ เสียงใครคนหนึ่งร้องเรียก เมื่อหันไปนวลดาราก็เห็นอนุชวิ่งนำหน้าชลธีลงมาที่หาด

“คุณนุชมาได้ยังไงคะ”

“พาพี่อ้ายไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวนุชเล่าให้ฟัง” อนุชบอก ขณะที่ชลธีก็มาช่วยอุ้มอานุภาพไปขึ้นเรือ



Don`t copy text!