สาปแสงรัก บทที่ 25 : ทุกภพทุกชาติเชี่อมโยงกัน (จบบริบูรณ์)

สาปแสงรัก บทที่ 25 : ทุกภพทุกชาติเชี่อมโยงกัน (จบบริบูรณ์)

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าความจริงเรื่องแพมเป็นยังไง นี่ถ้าคุณสายลมไม่มาทักผิด คุณก็จะไม่พูดเรื่องนี้เลยใช่ไหม” นวลดาราถามอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเธอและเขาเลี่ยงออกมาคุยกันที่มุมนั่งพักในพิพิธภัณฑ์

“ก็ถ้าผมบอกตอนนั้น ที่คุณยังเกลียดผม คุณก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี”

“แล้วพอเป็นแฟนกันแล้ว ทำไมคุณไม่อธิบาย”

“ผมคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะผมแน่ใจแล้วว่าคุณรักผมที่ตัวผม หรือว่าไม่ใช่” เขาย้อนถาม

“ก็ใช่ แต่ฉันก็ควรจะรู้ไหม มันจะได้ไม่คาใจ”

“พูดไปผู้หญิงเขาก็เสียหาย”

“แต่ถ้าไม่พูดคุณก็เสียหาย เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” นวลดาราบอกเสียงขุ่น

อานุภาพยิ้มขำ แล้วว่า “โอเคๆ…คุณจำที่ผมบอกคุณตอนเปิดโปงนายทัตได้ไหมว่าผมทำเพราะไม่อยากให้คุณถูกสวมเขา เพราะมันเจ็บปวด”

“คุณถูกแพมสวมเขา” เธอว่า

“ผมกับแพมสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก มันกลายเป็นความรักตอนไหนก็ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกที ผมก็รู้สึกว่าเราคบกันมานานจนผู้ใหญ่เพ่งเล็งแล้ว สมควรจะแต่งงานกันได้แล้ว แพมก็ตอบตกลง ผมไม่รู้เลยว่าเขาคบซ้อน จนวันที่เขามาบอกผมว่าเขาท้องกับคนอื่น เขาไม่กล้าบอกพ่อแม่ จะหนีไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นแล้วค่อยหาทางมาขอขมาทีหลัง เขาขอให้ผมยกเลิกการแต่งงาน เขาจะได้อ้างกับพ่อแม่ว่าช้ำรักแล้วหนีไปต่างจังหวัด”

“คุณก็ยอม”

“ผมจะทำยังไงได้ล่ะคุณ…คุณน่ะยังดีนะที่นายทัตเขาพยายามปิดบังคุณ แปลว่าเขายังแคร์ความรู้สึกคุณอยู่”

“พ่อฉันรู้เรื่องนี้ไหมคะ”

“ไม่ครับ ผมไม่ได้บอกใครเลย พวกอาๆ ยังเข้าใจว่าผมกับแพมน่าจะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรสักอย่างที่เราสองคนไม่ยอมเล่า”

“เฮ้อ…” นวลดาราถอนหายใจแล้วว่า “คุณนี่ ชาติไหนๆ ก็นิสัยเหมือนเดิม” เมื่ออานุภาพมองมาด้วยสายตาสงสัยเธอก็อธิบายว่า “ยอมให้คนเข้าใจผิด เพื่อรักษาหน้าคนอื่น ตัวเองจะเจ็บยังไงไม่ว่า”

“ดีหรือโง่ก็ไม่รู้นะ”

“ดีสิ”

“แล้วดีพอจะแต่งงานกันได้หรือยัง”

นวลดาราแกล้งค้อนแล้วจะลุกหนี แต่เขารวบตัวเธอไว้ในอ้อมกอด

“อย่าเล่นตัวต่อไปเลยนะ กว่าจะรักคุณได้เนี่ย ผมก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว”

นวลดาราพยักหน้าตกลงในที่สุด และไม่ขัดขืนเมื่อเขาจูบเธออย่างนุ่มนวล ทั้งสองกอดกันเนิ่นนานให้สมกับความรักที่รอมานานแสนนาน

 

หลังจากงานบุญและงานสำคัญของบริษัทผ่านพ้นไปครอบครัวของประณตก็มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนที่ชายหาดเกาะเดือนดับพร้อมกันในตอนสายวันหนึ่ง อนุชเตรียมขนมและของว่างมาจัดปิกนิกบนชายหาด

“เราไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้นานแล้วนะคะคุณ” อาจารีพูดกับประณต

“ผมชักชอบที่นี่แล้วสิ หรือว่าถ้ายายนุชแต่งงานแล้ว เราจะย้ายมาอยู่ที่เกาะนี้กันหมดเลยดีไหม” ประณตเอ่ยขึ้นขณะดื่มด่ำกับบรรยากาศชายทะเลยามสาย

“จะได้ยังไงคะคุณ อ้ายแต่งงานแล้วก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยายนุชก็ต้องดูแลบริษัทที่โน่นสิคะ”

“พ่อแม่ก็วางแผนกันไป แต่ลูกจะได้แต่งหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ประณตปรารภพลางมองดูอนุชกับชเลเดินจูงมือกันไปตามชายหาด โดยมีชลธีเดินตามหลัง

“คุณเกิดเกี่ยงที่ชลเป็นพ่อหม้ายเหรอคะ ฉันนึกว่าคุณไม่ติดใจเรื่องนี้เสียอีก”

“ผมไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่รู้สึกว่าลูกเราน่ะต้องมีอะไรสักอย่างที่คาใจอยู่ถึงไม่ยอมตกลงปลงใจกับนายชลสักที ทั้งๆ ที่รักเขาออกขนาดนั้นน่ะ”

 

“พี่นุช ชเลทำเครื่องบินไม้ไอติม มันบินได้จริงๆ ด้วยละ สวยด้วย” ชเลคุยกับอนุชขณะที่เดินด้วยกัน

“จริงเหรอ”

“จริงครับ มันแข็งแรงด้วย ไว้พรุ่งนี้ชเลจะเอามาเล่นให้…คุณย่ามาแล้ว เดี๋ยวชเลไปช่วยคุณย่าก่อน”

อนุชมองตามไปจึงเห็นหญิงสูงวัยคนหนี่งเดินถือถาดใส่กระทงใบตองเล็กๆ ในกระทงแต่ละใบมีอาหารอย่างละนิดละหน่อยและมีธูปปักไว้กระทงละดอก เมื่อเธอมาถึงริมชายหาดเธอก็หยิบกระทงเครื่องเซ่นขึ้นจบอธิษฐานแล้ววางไว้ที่ริมหาดจุดที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน

“คุณย่า ชเลช่วยวางครับ” เด็กชายอาสาช่วยด้วยท่าทีแจ่มใส “เดี๋ยวธูปหมดแล้วชเลมาช่วยเก็บเหมือนเดิมนะครับ”

“ขอบใจนะลูก…” หญิงสูงวัยพูดจบก็น้ำตาไหล เด็กชายจึงเข้าไปกอดปลอบใจ

“อย่าร้องนะครับคุณย่า” ชเลบอก

ทันใดนั้น ชเลก็หันไปเห็นลูกเต่าตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง เดินอยู่ที่ชายทะเล เด็กชายรีบวิ่งไปจับเต่าตัวนั้นมาวางบนฝ่ามือ แล้วประคองมาให้หญิงคนนั้นดู

“คุณย่าดูเต่าตัวนี้สิครับ น่ารักจัง ตามันเหมือนคุณทัตเลย คุณทัตชอบเต่า ชเลจำได้”

“ผู้หญิงคนนั้นใครคะพี่ชล” อนุชถามหลังจากดูอยู่นาน

“คุณพิไล คุณแม่ของคุณทัตพล”

“น่าสงสารนะคะ ยังไงก็ลูกอะเนอะ ดีเลวยังไง ใครจะเกลียดชัง ตายแล้วพ่อแม่ก็ยังทำบุญให้อยู่…ชเลใจดีจังเลยนะคะ เห็นคนร้องไห้ก็ไปกอดโอ๋เขา ดูสิ…อ้อ…นุชนึกออกแล้ว ที่ชเลชอบมาที่หาดวันพระ เพราะมาดักเจอคุณป้าคนนี้หรือเปล่า”

“เพราะเขาเป็นย่าหลานกัน ยังไงก็ตัดไม่ขาด”

“พี่ชล…” อนุชพูดเสียงเบาลงโดยอัตโนมัติเหมือนกลัวเด็กชายจะได้ยิน เธอหันมองชลธีด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แล้วดึงให้เขาเดินออกห่างจากจุดที่เด็กชายยืนอยู่กับหญิงคนนั้น

“คุณนุชฟังไม่ผิดหรอกครับ ชเลเป็นลูกคุณทัต”

“เพราะอย่างนี้พี่ชลถึงไม่อยากให้ชเลไปคลุกคลีกับคุณทัต”

“ผมกลัวเขาจะเอาลูกคืนไป ทั้งที่จริงๆ เขาก็คงไม่สนใจชเลมันหรอก”

อนุชนิ่งอั้น เธอตกใจกับความจริงที่ได้รู้และสงสารเด็กชายจับใจ

“คุณจะไม่ถามเหรอว่าเรื่องมันเป็นยังไง” ชลธีถาม

อนุชหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเอ่ยว่า “ถ้าพี่ชลอยากเล่า นุชก็พร้อมจะฟัง”

“แม่ของชเลเป็นเด็กใจแตก ครอบครัวแตกแยก เธอเป็นลูกภารโรงที่โรงเรียนที่ผมเคยเรียน เธอเรียนตก เลยออกจากโรงเรียนมารับจ้างคัดปลาอยู่บนเกาะ เธอหน้าตาสวยก็เลยมีคนชวนไปทำงานในผับที่เมืองชล เธอไปเจอกับคุณทัตยังไงผมไม่รู้ มาเจอกันอีกทีเธอก็ท้องแล้ว เธอเด็กกว่าผมสิบปี ผมก็เห็นเธอเป็นน้องสาว ผมรู้ว่าเธอโดนคุณทัตหลอกแน่ๆ ก็เป็นห่วง คอยช่วยซื้อนั่นซื้อนี่ให้ เพราะสงสารเด็กในท้อง ไม่รู้ว่าคุณทัตเขารู้ได้ยังไง พอเธอคลอดเขาก็บังคับให้ผมเซ็นรับรองบุตร จะว่าบังคับก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ผมก็เต็มใจด้วย เพราะรู้ว่าแม่เด็กไม่เอาลูกแน่ๆ เพราะเธอบอกตลอดว่าคลอดแล้วจะไปจากที่นี่แล้วไม่กลับมาอีก”

“โธ่…ชเล”

“ผมรู้ว่าเวลาผมบอกว่าผมไม่เคยรักใครมาก่อน คุณนุชก็ไม่เชื่อ คุณนุชคงสงสัยมาตลอดว่าผมยังรักแม่ของชเลไหม ผมมีใครซ่อนในใจหรือเปล่า”

“แล้วทำไมพี่ชลไม่บอกนุชซะตั้งนานแล้ว”

“ผมไม่แน่ใจว่าคุณนุชจะยังเอ็นดูลูกผมอยู่หรือเปล่า ถ้ารู้”

“โธ่ ยิ่งสงสารสิไม่ว่า…แล้วแม่ของชเลกลับมาหาลูกบ้างไหม”

ชลธีหันมามอง ขมวดคิ้ว

อนุชเดาออกว่าชลธีคิดว่าเธอยังหวั่นกลัวว่าเขาจะยังมีเยื่อใยกับแม่ของชเล เธอจึงรีบอธิบาย “นุชไม่ได้คิดว่าพี่ชลชอบเขาหรืออะไรนะคะ นุชแค่อยากรู้”

“ผมได้ข่าวมา แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นจริง ข่าวว่าเธอไปขายตัวที่เมืองนอก และน่าจะตายไปแล้ว”

อนุชพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นครู่ พอปรับใจได้เธอก็ถามว่า “พี่ชลจะบอกกับย่าแกไหมคะ”

“ไม่ครับ แม่ผม ผมยังไม่บอกเลย คุณนุชเป็นคนแรกที่ผมบอก”

อนุชมองเขาด้วยความประทับใจ แล้วเอ่ยว่า “ถ้างั้นป้าชื่นก็เข้าใจว่าพี่ชลไปทำผู้หญิงท้องเหรอคะ”

“ก็มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เขาเป็นลูกของผมคนเดียว ชลธีแปลว่าทะเล ชเลก็แปลว่าทะเล”

“ต่อไปชเลก็จะเป็นลูกของเรา”

“คุณนุช…แปลว่าคุณนุชตกลง…เอ่อ ผมหมายถึงเรื่องแต่ง…” ชลธีตื่นเต้นจนแทบจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก

อนุชพยักหน้าแทนคำตอบ

ชายหนุ่มดีใจจนเกือบจะเผลอก้มลงไปจูบเธอ ถ้าหญิงสาวไม่รีบบอกว่า “พ่อแม่มองอยู่นะคะ” ชลธีจึงต้องมองฟ้าแก้เก้อไป

 

ตอนสายชายหาดของเกาะเดือนดับเป็นที่พลอดรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง พอตกดึกหาดนี้ก็เป็นที่พลอดรักของหนุ่มสาวอีกคู่หนึ่ง

อานุภาพกำลังก่อปราสาททราย คืนนี้เขาทำมันด้วยความสุขไม่ทุกข์ทรมานเหมือนคราวก่อน เพราะมีนวลดาราช่วยก่อทรายไปด้วยกันทีละน้อย จนกลายเป็นปราสาททรายที่สวยงามเหมือนที่เขาจินตนาการไว้

“นึกว่าจะชวนมาทำอะไร มาก่อปราสาททรายอีกแล้ว”

“ก็เราสองคนชอบงานปั้นเหมือนกัน ผมฝันอยากจะปั้นอะไรร่วมกับคุณ เริ่มจากก่อปราสาททรายก่อนก็แล้วกัน คราวก่อนผมก็อยากทำกับคุณ”

“แต่ก็ไม่อยากให้ฉันรู้ว่าคุณกำลังเจ็บอยู่” นวลดาราพูดต่อให้

“แต่วันนี้ไม่เจ็บแล้ว มีความสุขมากด้วย”

“น่าเสียดาย ก่อสวยแค่ไหน คลื่นก็ซัดพังอยู่ดี”

“พังก็ก่อใหม่ให้สวยกว่าเดิม ผมมีเวลาก่อทรายกับคุณทั้งชีวิตเลย”

นวลดาราวิ่งลงไปที่ทะเลแล้วตะโกนอย่างร่าเริงว่า “คลื่นจ๋า อย่าซัดมานะ”

อานุภาพตกใจรีบวิ่งไปดึงตัวเธอไว้ หญิงสาวเสียหลักเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“อย่าลงไปคุณ เดี๋ยวตกลงไป” เขาบอกอย่างตื่นตระหนกแล้วเงยหน้ามองหาพระจันทร์บนท้องฟ้า แต่หาไม่พบ “คืนนี้เป็นคืนเดือนดับในเดือนเกิดคุณด้วยนะ ผมลืม…แย่จังที่พาคุณมาทะเล”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่กลัวคืนเดือนดับแล้ว”

“ไม่กลัวได้ยังไงคุณ” เขาดุ

“คุณฟังฉันก่อนสิคะ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอาถรรพ์คืนเดือนดับเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วก็แน่ใจแล้วด้วยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ยังไงคุณ”

“คุณจำประวัติของเกาะนี้ที่ยายเล่าได้ไหม ว่าหลังจากแม่เดือนตาย เกาะนี้ก็เกิดโรคระบาด และกลายเป็นเกาะร้าง ต่อมาก็กลายเป็นชุมโจร…คืนถัดจากคืนที่พี่ทัตตายฉันฝันเห็นผู้หญิงในชุดชาวเกาะ เธอบอกว่าเธอชื่อจำปา เธอบอกว่าชาตินั้นฉันเกิดเป็นผู้ชาย เป็นโจรอยู่ในชุมโจร ฉันรักชอบเธอ แต่เธอไม่เล่นด้วย ฉันเลยจะขืนใจเธอ เธอหนีจนตกหน้าผาท้ายเกาะตาย”

“ให้ผมเดานะ วิญญาณของจำปาเลยแค้นคุณและต้องการเอาชีวิตคุณ”

“ใช่ค่ะ จำปาต้องการชีวิตฉันมาตลอด แต่อำนาจของเธอจะบังคับฉันได้เฉพาะในคืนเดือนดับเท่านั้น เมื่อก่อนฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจำเพาะต้องเป็นคืนเดือนดับ แต่พอรู้อดีตชาติแล้วฉันก็คิดว่าฉันอาจจะฆ่าจำปาตายในคืนเดือนดับก็เป็นไปได้ เพราะหลวงพ่อเคยบอกฉันว่าจิตเจตนาก่อนตายนั้นมีอำนาจมากที่สุด”

“ชาตินั้นคุณฆ่าจำปาในคืนเดือนดับ พอมาชาติที่คุณเป็นแม่เดือนคุณก็ถูกถ่วงน้ำตายในคืนวันเพ็ญ”

“แต่ความจริงแล้วจำปาก็ไม่ได้โหดเหี้ยมมากนักหรอกค่ะ ถ้าเธอโหดเหี้ยมอำมหิต ฉันคงตายไปแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณสลบอยู่”

“อะไรยังไงอีกล่ะคุณ มีอะไรที่คุณยังไม่บอกผมอีกเนี่ย”

นวลดาราเพิ่งนึกได้ว่าเธอพลาดไปแล้วที่เผลอเล่าเรื่องนี้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟังเพราะรู้ว่าเขาต้องต่อว่าเธอแน่ๆ ที่เอาชีวิตไปเสี่ยง แต่เมื่อหลุดปากเล่าไปแล้วเธอจำต้องเล่าเหตุการณ์ในคืนที่เธอสมัครใจเดินตามจำปาลงทะเลไป

“นวล…คุณทำอย่างนั้นได้ยังไง” อานุภาพร้องขึ้นเมื่อฟังจบ

“ก็ฉันอยากช่วยคุณ ตอนนั้นให้ทำอะไรฉันก็ทำหมดแหละ ฉันคิดว่าถ้าฉันช่วยคุณไม่ได้ เราก็แค่ตายด้วยกัน”

“นวล คุณรู้ไหมว่าเดินลงทะเลแบบนั้นมันเป็นการฆ่าตัวตาย เท่าที่ผมรู้คนที่ฆ่าตัวตายจะไปอยู่ในภพภูมิที่มืดมน ถ้าผมตายไปเกิดใหม่ เราก็อาจจะไม่ได้พบกันนะ”

“แล้วที่คุณมาหาฉันแล้วหลอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณอาจจะตาย นั่นเป็นการฆ่าตัวตายหรือเปล่าคะ”

“เอ่อ…” อานุภาพพูดอะไรไม่ออก

“ฉันเชื่อว่ากรรมอยู่ที่เจตนา ฉันว่าเราไม่ได้ฆ่าตัวตายนะคะ เราเจตนาจะแก้คำสาปด้วยการเดิมพันชีวิตมากกว่า ฉันแน่ใจว่าถ้าเป็นคุณ คุณก็คงทำแบบเดียวกัน”

“นวล…” อานุภาพซาบซึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดให้สมกับความรู้สึก แต่ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอมากอดอย่างใจคิด หญิงสาวก็เป็นฝ่ายดึงมือเขาไปจับแล้วควงกันเดินไปตามชายหาด

“แต่จำปาก็ไม่ได้เอาชีวิตฉันนะคะ” นวลดาราเล่าเรื่อยๆ อย่างสบายใจ “จำปาบอกว่าอานุภาพความเมตตาของหลวงพ่อนิลที่แผ่ไปถึงเธอ ทำให้เธอค่อยๆ ปล่อยวางความอาฆาตพยาบาทได้ เธอบอกอโหสิกรรมให้ฉัน แล้วบอกว่าเธออยากไปผุดไปเกิดตั้งแต่คืนที่ฉันเดินลงทะเลแล้ว แต่ไปไม่ได้เพราะยังไม่มีวิญญาณใครมาอยู่เป็นตัวตายตัวแทน จนคืนที่พี่ทัตตาย”

“ฟังแล้วไม่เห็นจะสบายใจขึ้นเลย เป็นอย่างนี้แล้วนายทัตพลจะไม่แค้นคุณเหรอ”

“ฉันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พี่ทัตตลอดนะคุณ หวังว่าเขาจะให้อภัยฉัน จะได้ไม่ต้องมีอาถรรพ์คืนเดือนดับอีกต่อไป แต่ถึงเขาจะไม่ให้อภัย ฉันก็พร้อมรับผลกรรม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราคงทำได้แค่ระวัง แต่ถ้ากลัวจนทำอะไรไม่ได้เลย เราก็หาความสุขไม่ได้นะคุณ”

“ก็จริงของคุณ หลวงพ่อนิลบอกว่ากรรมเก่านำเรามาพบกัน แต่กรรมปัจจุบันสำคัญกว่าเพราะเป็นเครื่องชี้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง แต่ยังไงๆ ผมก็จะระวังดูแลคุณไปตลอดทุกคืนเดือนดับ ไม่ว่าจะเดือนเกิดของคุณหรือเดือนไหนๆ จนกว่าเราจะตายจากกัน”

“ถึงเราจะตายจากกันไปในชาตินี้ ฉันก็เชื่อว่าชาติหน้าเราจะได้พบกัน ได้รักกันอีกนะคะคุณอ้าย ในเมื่อคำสาปแช่งของฉันยังมีผลข้ามภพข้ามชาติ คำอธิษฐานขอรักทุกชาติไปของคุณก็ต้องมีผลเหมือนกัน”

“เรื่องราวที่เราเกิดมาในแต่ละภพชาติก็เหมือนตัวหนังสือที่บันทึกเอาไว้ คนเราเกิดมานับพันนับหมื่นชาติ ก็เหมือนตัวหนังสือที่เขียนทับซ้อนกันจนมองเห็นเป็นหมึกดำปื้ดไปหมด อ่านไม่ออกว่าเราทำกรรมไหนก่อน กรรมไหนหลัง ไม่รู้ว่ากรรมไหนหนัก กรรมไหนเบา ที่รู้ก็คือกรรมที่เราทำไม่ว่ากรรมดี หรือกรรมชั่วจากชาติไหนต่อชาติไหนก็ล้วนส่งผลต่อเราทั้งสิ้น เหมือนที่ชาตินี้คุณได้รับผลกรรมทั้งจากชาติที่เกิดเป็นแม่เดือน และชาติที่เกิดเป็นนายโจรคนนั้น”

“พี่ทัตคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกับฉันนะคะ เขารักฉัน แต่ฉันก็ไม่รักเขาทั้งสองภพสองชาติ”

“ที่คุณไม่รักเขาก็เพราะเขาทำไม่ดีกับคุณด้วยนะ…ผมเองก็มีคู่เวรคู่กรรมแบบเดียวกับคุณเปี๊ยบเลย”

“อย่าบอกนะคะว่า…แพม คือแม่หญิงพิม” นวลดาราคาดเดา

อานุภาพพยักหน้า

“กรรม…” หญิงสาวว่า

“ใช่คุณ ทุกอย่างเกิดแต่กรรม เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำกรรมแบบไหนนะ เริ่มจากชาตินี้ ผมจะรักคุณให้ทุกคนอิจฉาเลย คอยดูสิ”

“จะให้เขาอิจฉาฉันคนเดียวได้ยังไง ใครๆ ก็ต้องอิจฉาคุณด้วยสิ”

คราวนี้นวลดาราเป็นฝ่ายจูบก่อนบ้าง อานุภาพไม่อาจห้ามใจรักได้เขารั้งตัวเธอมาจูบตอบอย่างดูดดื่ม ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าเขาและเธอคือออแสงและแม่เดือนคู่รักที่รอคอยกันมานานแสนนาน

 

– จบบริบูรณ์ –

 



Don`t copy text!