ศรีนาง ตอนที่ 19 : จันทร์กระจ่างฟ้า

ศรีนาง ตอนที่ 19 : จันทร์กระจ่างฟ้า

โดย : เมษาริน

Loading

ศรีนาง โดย เมษาริน นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับชะตาชีวิตของ ศรีนาง สาวชาวบ้านผู้อาภัพเพราะบิดามารดาจากไปด้วยโรคร้าย และนั่นเป็นแรงผลักดันให้เธออยากเป็นหมอ แต่เธอขาดก็คือโอกาสดีๆ นั้น กระทั่งโชคชะตาชักนำให้เธอช่วยชีวิตนายทหารหนุ่มชาวกรุง ผู้ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“วันนี้ไม่สอนนะ”

“อ้าว พี่รัญมีธุระหรือคะ” ศรีนางชะงักมือที่กำลังเปิดข้อสอบเก่า เธอเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับเนรัญชราได้หลายสัปดาห์แล้ว จนถึงตอนนี้เด็กสาวสามารถนั่งเรือและต่อรถเมล์ได้ด้วยตัวเอง สารินไม่ต้องรับส่งเหมือนตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ “ถ้าไม่ว่าง…”

“ว่าง แต่วันนี้ไม่ต้องเรียนหรอก เราไปห้างกันเถอะ” เนรัญชราเท้าคางวางศอกเอียงศีรษะมองหน้าศรีนางอย่างคาดคั้น “รัญยังไม่มีชุดใส่ไปงานวันเกิดคุณชายเลย ได้ยินว่ามีดาราฮ่องกงไปด้วย ถึงจะสวยไม่เท่าเขา แต่อย่างน้อยเราสองคนก็ขี้เหร่ไม่ได้นะ”

“โธ่ พี่รัญสวยออก แต่งตัวแบบไหนก็สวยค่ะ” ศรีนางไม่ได้พูดเกินจริง เนรัญชรามีใบหน้าสวยหวาน รูปร่างระหงบอบบาง น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง ส่วนนิสัยก็โอบอ้อมอารีมีน้ำใจน่าคบหา

“แล้วนุ้ยล่ะ มีชุดหรือยัง”

ศรีนางส่ายหน้า นึกถึงชุดเก่งของตัวเอง…เสื้อคอบัวกับกระโปรงสีพื้น

“นั่นไง ไปซื้อชุดใหม่กันดีกว่า” ไม่พูดเปล่า เนรัญชราจับมือศรีนางแล้วดึงสาวน้อยตาโตให้ลุกตาม

“พี่รัญคะ คือนุ้ย…ไม่มีเงิน” ศรีนางยิ้มแห้ง “หยิบมาแค่ค่ารถค่าเรือไม่กี่บาทค่ะ”

“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า” เนรัญชรายิ้มกว้าง เปิดกระเป๋าแล้วหยิบธนบัตรสีแดงหลายใบโบกไปมาตรงหน้าศรีนาง “พี่รินวานให้รัญช่วยเลือกเสื้อผ้าให้นุ้ย”

“สิ้นเปลืองเปล่าๆ พี่รินฟุ่มเฟือยจัง เงินเดือนก็ใช่จะมากมายอะไร” ศรีนางก้มหน้าก้มตาบ่นพึมพำ ทั้งๆ ที่ในอกเต็มตื้นกับความใส่ใจของสาริน

“ไปเร็ว ไปช็อปปิงกัน”

สองสาวนั่งรถเมล์จากหน้ามหาวิทยาลัย ไปลงย่านการค้าบริเวณถนนเจริญกรุง ศรีนางเดินตามเนรัญชราต้อยๆ เพราะไม่คุ้นเส้นทาง

“ไปที่ไหนก่อนดี” เนรัญชราสนุกและตื่นเต้นที่ได้ออกมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนรุ่นน้อง “หาอะไรกินที่เยาวราชก่อนดีกว่า”

“แล้วแต่พี่รัญค่ะ”

“หน้าตานุ้ยกลมกลืนกับคนย่านนี้…หมวยแต่ตาโต แปลกดี” เนรัญชราพิศมองใบหน้าศรีนางพลางวิจารณ์อย่างชื่นชม

“ป๊าเป็นคนจีน ตาเป็นคนอีสาน ส่วนแม่ก็เป็นสาวใต้ค่ะ หน้านุ้ยก็เลยเป็นแบบนี้” ศรีนางเล่าแจ้วๆ อย่างภูมิใจ

“อ๋อ ถึงว่านุ้ยสวยไม่เหมือนใคร…ก็เลยมัดใจพี่ริน” เนรัญชราวิเคราะห์จริงจัง

ศรีนางไม่ตอบ เพียงส่งยิ้มให้รุ่นพี่

หลังกินมื้อเที่ยง เนรัญชราก็สนุกกับการจูงมือศรีนางเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ เริ่มจากห้างคาเธ่ย์บนถนนเยาวราช เดินต่อไปสำเพ็ง และมีจุดหมายปลายทางที่ย่านวังบูรพา

“แถวนี้เดินถึงกันหมด เดี๋ยวเราแวะไปพาหุรัดก่อน” เนรัญชราเอ่ยเมื่อทั้งคู่ออกจากสำเพ็งมุ่งหน้าไปพาหุรัด

“นุ้ยเคยมาครั้งนึงค่ะ” ศรีนางมองซ้ายขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ “มากับพี่ริน”

“มาดูหนังเหรอ แถวนี้โรงหนังเยอะ”

“เปล่าค่ะ มานอนโรงแรม”

คนพูดไม่คิดอะไร แต่คนฟังอดคิดไม่ได้ เนรัญชราเงียบไปอึดใจหนึ่ง อมยิ้มแล้วเปลี่ยนไปพูดภาษาอังกฤษ “Okay I got it”

ศรีนางขี้เกียจอธิบาย มักโดนเนรัญชราล้อบ่อยๆ ว่าเธอกับสารินเป็นคู่รักประเภท ‘สวีตเงียบ’

จากเยาวราช สำเพ็ง จนถึงพาหุรัด สองสาวยังไม่เจอเสื้อผ้าถูกใจพอจะใส่ไปงานวันเกิดคุณชายฉัตรชลธร ตอนนี้เนรัญชรากับศรีนางจึงยืนอยู่หน้าห้างเมอร์รี่คิงส์สาขาวังบูรพา

“มีทุกสิ่งให้เลือกสรร…นุ้ยต้องได้ชุดสวยแน่ๆ”

ไม่ผิดจากที่เนรัญชราคาด หลังจากเดินในห้างพักใหญ่ สองสาวก็ได้ชุดสวยไว้ใส่ไปงานเลี้ยงที่วังปรียาธร นอกจากเสื้อผ้า ศรีนางยังได้รองเท้าส้นสูง น้ำหอม และเครื่องสำอางอีกสองสามชิ้น

“ขอบคุณพี่รัญค่ะ อุตส่าห์เป็นธุระพามาซื้อเสื้อผ้า ช่วยนุ้ยเลือกด้วย”

“มากับนุ้ยสนุกจะตาย” ดวงตาเนรัญชราเป็นประกายวิบวับ ใบหน้าบ่งบอกว่าสนุกและมีความสุขมากแค่ไหน “แล้วเราอะตัวเล็ก ผิวก็สว่าง แถมตายังโตอีก จริงๆ ใส่อะไรก็สวย แต่รัญคิดว่าใส่กระโปรงสั้นเสมอเข่าดีกว่ากระโปรงยาว มันทำให้ดูโปร่ง ใส่กับรองเท้าส้นสูง แหม…เข้ากันมาก อย่างกับนางแบบในแม็กกาซีน”

“ชุดพี่รัญก็สวยมากค่ะ อยากเห็นพี่รัญใส่”

“ไว้เจอกันวันงานนะ” เนรัญชราโบกมือลาศรีนาง

สองสาวแยกย้ายกันที่หน้าห้างสรรพสินค้า ศรีนางเดินทอดน่องเรื่อยๆ ผ่านโรงภาพยนตร์ควีนส์ จำได้ว่าเคยมาพักแถวนี้หนึ่งคืน เวลาผ่านไปเร็วจนเธอเกือบลืมสนิทว่าสารินโดนไล่ออกจากบ้าน ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงแตรก็ดังลั่นจนศรีนางสะดุ้ง

“ไงเพื่อน” คนพูดคือภาคินที่ทักทายจากรถหรูเปิดประทุน อีกฝ่ายบังคับรถให้เคลื่อนช้าๆ เอี้ยวหน้าคุยกับเพื่อนร่วมสถาบันกวดวิชา

“หวัดดี” ศรีนางเอ่ยทักสั้นๆ

“บังเอิญจัง เธอจะไปไหน เราไปส่งได้นะ”

“ไม่เป็นไร นุ้ยไม่รบกวน” ตอนนั้นเองร่างเล็กๆ ของศรีนางถูกกระแทกอย่างแรงจากด้านหลังจนเกือบล้ม คนตั้งใจชนเป็นสาวน้อยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า ใบหน้าสวยหยิ่งหรี่มองศรีนางด้วยหางตา นอกจากไม่ขอโทษ ลาวัลย์ยังก้าวฉับๆ ขึ้นรถภาคิน

“เราต้องไปส่งหนูดีที่บ้าน บ้านเธอล่ะอยู่แถวไหน ติดรถเราไปก็ได้” ภาคินให้ความสนใจศรีนางอย่างออกนอกหน้า ทั้งๆ ที่มีสาวน้อยอีกคนอยู่ข้างกาย “เฮ้ ไหนบอกว่าเราเป็นเพื่อนเธอไง”

“ทำไมพี่ภาคสนใจยายนั่นจัง” ลาวัลย์ถาม เก็บอาการไม่พอใจ

“เป็นเพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาน่ะ” ภาคินตอบส่งๆ ความเป็นลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่ ทำให้มีนิสัยเอาแต่ใจ “น่าสนใจ”

“สนใจ? พี่สนใจผู้หญิงที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วน่ะเหรอ” อันที่จริงลาวัลย์ไม่อยากนับญาติกับศรีนาง แต่ตอนนี้จำเป็นต้องบอกความจริงให้ภาคินรู้

“ใครมีผัว” หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดมุ่น

“ยายคนนั้นไง…ยายนุ้ยมีผัวแล้ว”

“หนูดีรู้ได้ไง” ภาคินมองสองสาวสลับกัน สีหน้าบอกว่าไม่เชื่อที่เด็ก ม.5 พูด

ใบหน้าสวยหยิ่งของลาวัลย์ยิ่งบึ้งตึงงอง้ำไม่น่ามอง เธอกอดอกแน่นแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น

“ที่หนูดีพูดจริงหรือเปล่า” ภาคินถามน้ำเสียงร้อนรน

“จริง” ศรีนางเฉลยให้อีกฝ่ายหายสงสัย “พี่ริน…สามีนุ้ยเป็นพี่ชายหนูดี” พี่สะใภ้ของยายหนูดีไม่อยู่ฟังว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน เธอรู้ว่าเย็นมากแล้ว ป่านนี้สารินคงรอกินข้าว

 

ฉัตรชลธรเปิดวังปรียาธรต้อนรับแขกร่วมสามสิบคน มีญาติ คนใกล้ชิด เพื่อนๆ นักธุรกิจที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนชาวต่างชาติอีกสองสามคน ความเป็นคนเฉลียวฉลาด เก่งกาจเรื่องวิเคราะห์เศรษฐกิจทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่เพียงมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ แต่ยังเป็นคนหนุ่มหน้าตาดี มีฐานันดร และเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษ ทุกย่างก้าวของฉัตรชลธรเป็นข่าวซุบซิบในวงสังคมชั้นสูงเสมอ เมื่อนักข่าวทราบว่าหนุ่มฮอตเปิดบ้านฉลองวันเกิดจึงติดต่อขอเข้ามาเก็บภาพ นำไปทำข่าวลงนิตยสาร ฉัตรชลธรปฏิเสธ แต่อนุญาตให้ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งทำข่าวและเก็บภาพได้เพียงเจ้าเดียว

“เล่มนี้ขายดีแน่ เสียดายคุณชายไม่ยอมขึ้นปกพร้อมแมนดี้ ไม่อย่างนั้น…เกลี้ยงแผง” หม่อมหลวงวรินยุพาสาวใหญ่เจ้าของตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทว่าพอใจลึกๆ เมื่อได้รับเชิญมางานเลี้ยงวันเกิด หลังพูดคุยกับเจ้าภาพก็หันไปสั่งตากล้องให้เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ

“งานเล็กๆ ครับพี่ยุพา เชิญแขกแค่สามสิบคน มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”

“ยังไงก็ขอบคุณคุณชายมากที่อนุญาตให้พี่มาเก็บภาพ”

“ยินดีครับ”

เจ้าภาพขอตัวไปรับแขกที่เริ่มทยอยมาถึง ชายหนุ่มแอบขำเมื่อเห็นหนึ่งนริศยืนประหม่าอยู่มุมหนึ่ง “ท่าทางนายเลิ่กลั่กนะหนึ่ง”

“ตื่นเต้นจังอาฉัตร ผมเจอคุณรัญครั้งแรกที่งานฟุตบอลประเพณี จำได้แม่นเลย โคตรสวย อาอย่าบอกใครนะ ผมเคยแอบไปดูคุณรัญถึงคณะอักษรด้วย”

“อุตส่าห์ดั้นด้นไปมหา’ลัยเขา ถ้าใส่ใจเรื่องเรียนเหมือนใส่ใจสาว เกรดนายคงน่าดูกว่านี้”

“โธ่ ผมไม่อยากเรียนบัญชี แต่คุณพ่อสั่ง” หนึ่งนริศโอดให้อาฟังทุกครั้งที่โดนบ่นเรื่องผลการเรียน

“รินก็ถูกพ่อบังคับให้เรียนทหารเหมือนกัน ทำไมรินเรียนดีวะหนึ่ง” ฉัตรชลธรยกตัวอย่างหลานชายอีกคน เมื่อพูดถึงสาริน คนเป็นน้ายกนาฬิกาขึ้นดูเวลา เกือบถึงเวลาเริ่มงาน แต่สารินกับศรีนางยังไม่มา…

 

เสียงเคาะประตูเบาๆ อย่างคนมีมารยาททำศรีนางประหม่าและไม่มั่นใจ เธอมองตัวเองผ่านกระจกบานเล็ก ใช้ฝ่ามือลูบกระโปรงยาวเสมอเข่าที่เผลอทำยับ กังวลไปหมดเมื่อเป็นครั้งแรกที่ได้แต่งตัวสวย ใส่รองเท้าส้นสูง และได้รับเชิญเป็นแขกในงานวันเกิดของราชนิกุลหนุ่ม

“น้องนุ้ยเสร็จหรือยังครับ มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” เสียงสารินที่ดังอยู่นอกประตู ยิ่งทำให้ศรีนางไม่มั่นใจ ทว่าเลยเวลามาพอสมควร สาวน้อยเรียกขวัญกำลังใจด้วยการสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วค่อยๆ แง้มประตู โผล่เพียงใบหน้าออกมา…

พวงผมดำสนิทยาวประบ่า บางส่วนตกระข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ สารินพิศมองดวงหน้าสะอาดสะอ้านที่เคยทาเพียงแป้งเด็ก แต่วันนี้ถูกแต้มสีเล็กน้อย ผิวแก้มนวลผ่องมีเลือดฝาดอย่างสาวแรกรุ่น คิ้วเรียงเส้นสวย ดวงตากลมโต ขนตางอนยาว จมูกโด่งเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ

“ห้ามพี่รินหัวเราะ” ศรีนางสั่ง รอฟังคำวิจารณ์

สารินไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มยิ้มกว้างจากปากถึงดวงตา หัวเราะหรือ เขาอยากร้องไห้มากกว่า เมื่อตระหนักว่าเด็กน้อยคนนั้นโตเป็นสาวแล้ว

“พี่จะหัวเราะน้องทำไม หืม” ครู่ใหญ่กว่าสารินจะตอบ

“นุ้ยแต่งตัวแบบนี้มันตลกไง” คนที่เพียงโผล่หน้าออกมาพูดดักไว้ก่อน ยังไม่ยอมให้สารินเห็นชุดที่เนรัญชราเลือกให้

“ไปได้แล้วครับ สายแล้วนะ” สารินถือวิสาสะจับขอบประตูห้องศรีนางแล้วออกแรงดันเบาๆ บังคับให้สาวน้อยเลิกแอบหลังบานประตู

ศรีนางทำปากยื่น ค่อยๆ ขยับออกมา มือเล็กลูบรอยยับบนกระโปรงไม่เลิก

ภาพนั้นทำนายทหารหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม มองศรีนางที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวเสมอเข่าสีเหลืองนวลเหมือนกลีบดอกจันทร์กระจ่างฟ้า ท่อนบนเป็นเสื้อคอสี่เหลี่ยมผูกเป็นโบบนไหล่กลมมน อวดแนวบ่าบอบบาง บนเอวกิ่วประดับด้วยเข็มขัดเส้นเล็กตามสมัยนิยม…

น่ารัก น่าทะนุถนอม

ฝ่ายศรีนางไม่มั่นใจในตัวเองเลยสักนิด เธอซ้อมผัดหน้าทาแก้มหลายครั้ง ทาๆ ลบๆ เพราะกลัวแก้มจะแดงเหมือนก้นลิง สุดท้ายจึงเลือกทาหน้าด้วยแป้งอัดแข็ง แตะสีบนพวงแก้มเพียงเล็กน้อย ทาลิปสติกสีชมพูอ่อนและฉีดน้ำหอมกลิ่นเลมองท์ ซึ่งเนรัญชราเลือกให้โดยให้เหตุผลว่า

‘นุ้ยเหมาะกับกลิ่นนี้ เป็นกลิ่นของกุหลาบผสมมะลิ เขาโฆษณาไว้อย่างนี้…ปรุงแต่งจนได้กลิ่นหอมอมตะ ประหนึ่งความรักของสาวน้อยนักฝัน’

“พี่รินไม่พูดอะไรเลยเหรอ ไม่สวยก็บอกมาเถอะ” สาวน้อยแก้มป่องมองค้อนสาริน เพราะเขาแต่งกายอย่างไรก็หล่อเหลาบาดตา สารินสวมชุดสุภาพเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์ ง่ายๆ แต่ดูดีอย่างร้ายกาจ

“สวย น้องนุ้ยสวยมากครับ”

เมื่อได้รับคำชมสาวน้อยจึงพึงใจและมั่นใจขึ้นอีกหน่อย แต่ปัญหาต่อมาของเธอคือรองเท้าส้นสูง “ขอเกาะพี่รินหน่อย นุ้ยไม่ชินเลย ถ้าล้มขึ้นมาขายขี้หน้าคนแย่”

“อนุญาตให้เกาะแขนทั้งคืนเลย”

“พี่รินพูดเองนะ” ศรีนางสอดมือในวงแขน แหงนหน้าส่งยิ้มหวานให้คนใจดีแล้วเดินเคียงไปด้วยกัน

 

รถเก๋งคันโตจากบ้านนายพลสัญญาจอดเลียบริมรั้ววังปรียาธร เนรัญชราดูสวยหวานในชุดกระโปรงยาวถึงข้อเท้าผ่าหน้าสูงถึงขาอ่อน ท่อนบนเป็นเสื้อแขนกุดสีน้ำเงินเข้มระยิบระยับด้วยคริสตัลเล่นแสง ตอนที่ร่างระหงลงจากรถ สารินกับศรีนางก็มาถึงพอดี

“พี่รัญ” ศรีนางเดินช้าๆ ไปหาเนรัญชรา ไม่กล้าวิ่งเพราะใส่รองเท้าส้นสูง “โอ้โห พี่รัญสวยมาก สวยเหมือนนางเอกหนังเลยค่ะ”

เนรัญชราหัวเราะคิกคัก ยกมือไหว้ทักทายสาริน แล้วชี้ไปที่แมนดี้ “นางเอกหนังตัวจริงคือคนนั้น”

ศรีนางมองตามสายตารุ่นพี่ พบว่าคนที่ยืนเคียงข้างฉัตรชลธรเป็นหญิงสาวสวยจัด โดดเด่น และเต็มไปด้วยเสน่ห์ แมนดี้แต่งกายหรูหราสวยงาม ผมยาวดัดเป็นลอนทิ้งตัวเต็มแผ่นหลังเปลือย ดาราดังสวมชุดรัดรูป อวดเรือนร่างสะโอดสะอง ข้างกายเธอเป็นชายหนุ่มเจ้าของงาน ฉัตรชลธรสวมชุดทักซิโด้สีน้ำเงินเข้ม หล่อเหลา สง่างาม เหมาะสมกันเหมือนคู่บ่าวสาว

“รัญนึกว่างานแต่งงาน” เนรัญชรากระซิบกระซาบนินทาเจ้าภาพกับศรีนาง “เห็นแก่พี่รินกับนุ้ยหรอกนะ ไม่อย่างนั้นรัญคงไม่มา”

“ดีใจที่พี่รัญมาด้วย นุ้ยคงเหงา ไม่รู้จะคุยกับใคร ไม่รู้จักใครเลยค่ะ”

“นุ้ยเป็นสะใภ้นะ ไม่รู้จักใครได้ไง”

“ไม่รู้จักแขกคุณน้าสักคน เคยเจอแค่คุณเบน คุณหนึ่ง”

“ค่อยคุยกันต่อด้านในนะ” สารินขัดจังหวะสองสาว และเป็นฝ่ายแนะนำให้เจ้าภาพกับแขกรู้จักกันอย่างเป็นทางการ

“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณชาย พี่รินบอกว่าคุณชายไม่รับของขวัญ รัญขออนุญาตให้เป็นคำอวยพรนะคะ…ขอให้คุณชายสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา”

“ขอบคุณครับ เชิญคุณรัญตามสบาย” ฉัตรชลธรหันไปสั่งหลานชายทั้งสองคน “ฝากรินกับหนึ่งช่วยดูแลคุณรัญด้วย”

“ครับ” สองหนุ่มรับคำพร้อมกัน

สี่หนุ่มสาวเลือกที่นั่งบริเวณเฉลียง ตรงนั้นมีทั้งชุดโซฟา โต๊ะเก้าอี้ธรรมดา และมุมที่จัดเป็นบาร์เครื่องดื่ม เจ้าบ้านย้ายเทิร์นเทเบิลราคาหลักแสนพร้อมสเตอริโอคุณภาพดีมาจากห้องฟังเพลง บรรยากาศตอนนี้จึงสบายๆ ด้วยลมยามเย็นที่พัดมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ราตรี คลอเคล้าด้วยเสียงไพเราะของเพลงสากลอันเป็นรสนิยมของเจ้าของวันเกิด

“เพลงเพราะ อาหารอร่อย อากาศดี…ดีกว่าคิด รัญก็คิดว่างานวันเกิดแบบนี้จะน่าเบื่อ” เนรัญชรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกเธอกังวลว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ลูกสาวนายพลสัญญา แต่ความจริงแล้วต่างคนต่างพูดคุยในกลุ่มของตัวเอง และเหมือนมาดูเจ้าของวันเกิดกับแฟนสาวแสดงความรักต่อกัน

“คุณรัญรับอะไรดีครับ” หนึ่งนริศทั้งประหม่าทั้งเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด

“อะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณหนึ่ง”

คล้อยหลังหนึ่งนริศ ศรีนางซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอดแสดงความเห็นไม่ได้ “คุณหนึ่งชอบพี่รัญ”

“รู้แล้ว” เนรัญชราเอ่ยง่ายๆ

“แค่เห็นพี่รัญก็รู้เลยเหรอคะ”

“คุณหนึ่งเคยมาแอบดูรัญที่คณะ เธอคงไม่รู้ว่ารัญรู้” เนรัญชรายิ้มน้อยๆ หนึ่งนริศในความคิดของเธอเป็นชายหนุ่มที่น่าคบหาคนหนึ่ง แต่เธอไม่ได้รู้สึกกับเขาเกินเพื่อน ถ้ามีโอกาสจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ อย่างน้อยความชัดเจนทำให้เกิดความสบายใจ

แต่จนแล้วจนรอดเนรัญชรายังไม่ได้บอกหนึ่งนริศ กระทั่งเริ่มดึกแขกบางส่วนทยอยกลับ เหลือเพียงคนใกล้ชิดสนิทสนมไม่กี่คน

หลังดื่มวิสกี้ไปหลายแก้ว ฉัตรชลธรจูงมือแมนดี้เต้นรำ เจ้าของแผ่นเสียงนับพันแผ่น เลือกเปิดเพลงจังหวะบีกิน แล้วพาคนรักไปยืนใต้แสงไฟสลัวๆ ก่อนเอ่ยชวนคนที่เหลือ

“ฉันเปิดฟลอร์แล้ว พวกนายก็อย่าลีลา ชวนสาวๆ ออกมาเต้นรำซี”

คู่แรกที่เดินเข้าฟลอร์คือเบนจามินกับวรินยุพา ส่วนหนึ่งนริศรวบรวมความกล้าขอเนรัญชราออกไปเต้นรำ ชายหนุ่มลิงโลดเมื่อสาวสวยให้เกียรติวางมือบนท่อนแขน

“อยากเต้นรำไหม” สารินกระซิบถามศรีนาง เมื่อเห็นสาวน้อยมองสามคู่กลางฟลอร์อย่างสนใจ

“นุ้ยเต้นเป็นที่ไหนกัน” ศรีนางสารภาพเสียงอ่อน “พี่รินเต้นเป็นไหม”

“เอ่อ…เต้นได้นิดหน่อย เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว”

“งั้นเราเป็นผู้ชมดีกว่า” สาวน้อยมองหกคนสามคู่กลางฟลอร์ ส่งยิ้มให้เนรัญชราซึ่งเต้นรำเข้าจังหวะกับหนึ่งนริศ

สารินไม่อยากเป็นผู้ชม แต่ไม่กล้าชวนศรีนาง เธอพูดเสมอว่าเขาเก่งทุกอย่าง ทว่าเรื่องเต้นชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองไม่เอาไหน เวลาผ่านไปหลายนาที จนกระทั่งฉัตรชลธรเปลี่ยนจากเพลงบีกินเป็นเพลงบัลลาดช้าๆ

เมื่อจังหวะเปลี่ยน สองสามวินาทีต่อมาสารินก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาจับข้อมือเล็กแล้วจูงศรีนางเข้าฟลอร์

“พี่ริน นุ้ยเต้นไม่เป็น” สาวน้อยยืนเงอะงะ มือไม้เกะกะ จนกระทั่งสารินจับมือทั้งสองข้างวางบนไหล่ ส่วนเขาแตะบั้นเอวสาวน้อยอย่างสุภาพ

“เพลงแบบนี้ไม่มีจังหวะครับ ดูคุณชายกับคุณแมนดี้”

สองคนที่สารินเอ่ยถึง กอดรัดซุกซบกันกลางฟลอร์ ศรีนางทันเห็นดาราสาวยื่นใบหน้าจุมพิตปลายคางฉัตรชลธรพอดี ใบหน้าสาวน้อยขึ้นสีระเรื่อ

“เมื่อกี้พี่รินบอกว่าเต้นไม่เก่ง” ศรีนางหาเรื่องมาคุย “ไม่เก่งที่ไหนกัน พี่รินเก่งทุกอย่าง”

“ไม่ถนัดเลย”

ครู่เดียวคนหัวไวอย่างศรีนางก็จับจังหวะได้ เธอเคลื่อนไหวร่างกายตามเสียงดนตรี สาวน้อยพบว่าการได้เต้นรำกับสารินสนุกและมีความสุขอย่างคาดไม่ถึง

“แต่อยากเต้นเหรอคะ”

“อยากเต้นกับน้อง”

กลางฟลอร์เป็นแสงที่ให้สีส้มสลัวๆ ศรีนางจึงซ่อนแก้มร้อนๆ ด้วยการแสร้งมองคู่อื่น เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งเนรัญชราเข้ามากระซิบเสียงเบา

“นุ้ย พี่ริน รัญกลับก่อนนะคะ ที่บ้านมารับแล้วค่ะ”

“กลับแล้วหรือคะ พี่รัญน่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”

“คุณพ่อจะเอ็ดเอานะซี้”

“งั้นนุ้ยไปส่งพี่รัญค่ะ” ศรีนางลดมือจากไหล่สาริน

ฝ่ายเนรัญชราทันเห็นแววตาเสียดายของนายทหารหนุ่ม เธอส่งยิ้มรู้ทัน แล้วเอ่ยประโยคที่ทำสารินยิ้มกว้าง

“นุ้ยเต้นรำกับพี่รินต่อเถอะ ไม่ต้องห่วง คุณหนึ่งอาสาไปส่งรัญที่รถแล้ว” ก่อนไป เนรัญชราส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ศรีนาง แล้วพาร่างระหงโปร่งบางออกจากวังปรียาธรโดยมีหนึ่งนริศเดินไปส่งด้วยสีหน้าราวดอกไม้บาน

“โอ้…เพลงนี้” สารินเอ่ยเบาๆ ตอนได้ยินท่วงทำนองไพเราะคุ้นเคย

“เพลงโปรดพี่รินเหรอคะ”

“ครับ”

เพราะเป็นเพลงโปรดของสาริน ศรีนางจึงตั้งใจฟัง

It’s late in the evening
She’s wondering what clothes to wear
She puts on her makeup
And brushes her long blonde hair

And then she asks me
“Do I look all right?”
And I say, “Yes, you look wonderful tonight” (1)
 

“เธอถามว่าฉันดูเป็นอย่างไรบ้าง ใช่ไหมพี่ริน”

“ครับ ผู้ชายเลยตอบว่า…Yes, you look wonderful tonight คืนนี้สวยมากจริงๆ”

เกิดความเงียบระหว่างสองหนุ่มสาว เป็นตอนไหนไม่รู้ที่ร่างกายทั้งคู่เริ่มชิดใกล้ไร้ระยะห่าง อ้อมกอดหลวมๆ คราแรกเริ่มรัดแน่น ศรีนางได้กลิ่นหอมจางๆ จากกายสูง ในขณะเดียวกันสารินก็ได้กลิ่นกุหลาบผสมมะลิระรินอยู่ปลายจมูก

ใต้แสงส้มสลัว มีดนตรีไพเราะขับกล่อม ร่างกายแนบชิด ในขณะที่สาวน้อยแหงนหน้าขึ้นมองก็พบสายตาอบอุ่นอ่อนโยนมองอยู่พอดี ความใกล้ชิดทำให้พวงแก้มนวลห่างจากริมฝีปากอีกฝ่ายเพียงคืบ ใบหน้าหล่อเหลาสะอ้านสะอ้านทำสาวน้อยใจสั่น ใจหนึ่งอยากออกจากอ้อมกอดอุ่น แต่อีกใจก็อยากเขย่งปลายเท้าแล้วเลียนแบบแมนดี้

ชั่วขณะที่ความคิดสับสน พลันเกิดเหตุไม่คาดคิด

พรึ่บ!

จู่ๆ ไฟก็ดับ

ศรีนางกะพริบตาปริบๆ มึนงงเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ลึกลับอะไรสักอย่าง

แสงไฟกับเสียงเพลงดับลง ทุกคนอยู่ในความมืด สาวน้อยผละออกจากอ้อมกอดสารินอย่างขัดเขิน ทั้งหมดตกอยู่ในความมืดครู่หนึ่ง จนกระทั่งสอางค์มาพร้อมเทียนไขเล่มใหญ่

“บ้านหลังอื่นไม่ดับครับคุณชาย” สารินสังเกตว่าไฟบ้านข้างๆ ยังสว่าง ชายหนุ่มแอบถอนหายใจ เมื่อครู่เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย แม้จะผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ใจสั่น แต่กลิ่นหอมกรุ่นข้างแก้มนวลยังติดตรึงในความทรงจำ

“แบบนี้ฟิวส์ขาดชัวร์ สงสัยใช้ไฟเกิน” เจ้าของบ้านสันนิษฐาน

“เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ” สารินอาสา

“ฉันไปด้วย ไปช่วยถือไฟให้นายไง”

สอางค์นำเทียนมาวางไว้รอบบริเวณ ศรีนาง แมนดี้ รวมถึงเบนจามินนั่งกันคนละมุม วรินยุพากับช่างภาพขอตัวกลับ ส่วนหนึ่งนริศเดินคอตกกลับมานั่งข้างๆ ศรีนางแล้วพูดว่า…

“คุณรัญบอกว่าคิดกับผมแค่เพื่อน”

“อกหักก็ต้องดื่ม” แมนดี้เป็นตัวตั้งตัวตี เริ่มจากรินแอลกอฮอล์สีสวยใส่แก้วแจกทุกคน ร่วมดื่มให้กับความผิดหวังของหนึ่งนริศ “เอ้า…เชียส์ให้หนึ่ง”

ตอนแรกศรีนางปฏิเสธเพราะเธอดื่มไม่เป็น แต่โดนดาราสาวคะยั้นคะยอบอกว่าจะสอนวิธีกินเหล้าเข้าสังคมให้เอง

“เหล้าพวกนี้ผสมน้ำผลไม้ ติดหวาน ดื่มสิบแก้วก็ไม่เมา” แมนดี้พูดอย่างนั้นและศรีนางก็เชื่อดาราสาวหมดใจ

เครื่องดื่มรสหวานที่ผสมกับเหล้ารัมดื่มง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ บวกกับถ้อยคำเพ้อพก เสียใจ ของหนึ่งนริศ ทำให้วงสนทนาเติมเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า

ศรีนางคิดว่าตัวเองไม่เมา จนกระทั่งลุกยืนแล้วบ้านหมุน สาวน้อยทรุดนั่งอีกครั้ง ทิ้งศีรษะบนโต๊ะอย่างหมดสภาพ

ไฟกลับมาสว่าง เสียงเพลงบรรเลงอีกครั้ง สองหนุ่มที่ไปซ่อมไฟกลับมาเพื่อพบว่า…ทุกคนเมาแอ๋โดยพร้อมเพรียงกัน

 

เชิงอรรถ : 

(1) เพลง Wonderful Tonight ศิลปิน Eric Clapton



Don`t copy text!