หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (3)

หน้ากากมยุเรศ บทที่ 6 : ตุ๊กตาเจ้าหญิง (3)

โดย : สิตา

Loading

หน้ากากมยุเรศ นวนิยายโรแมนติกดราม่า โดย สิตา ผู้ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ อ่านเอาก้าวแรก ปี 2 ในนามปากกา “เยว่หวา” ที่ครั้งนี้ เธอขอพาทุกคนสู่การเฉือดเฉือนในวงการธุรกิจของครอบครัวบุหรงกาญจน์ ที่ต่างฝ่ายต่างสวมหน้ากากปิดบังเป้าหมายในใจ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่คาดเดาหรือหักมุม อ่านออนไลน์กันได้ที่ anowl.co

ในที่สุดเธอก็ได้อยู่ตามลำพัง…

วิมลินสูดลมหายใจลึก ลมอุ่นร้อนนอกอาคารไม่ใช่ความยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศช่วยให้ใจสงบลง ยามนี้ในสวนนกยูงมีแต่คนงานกวาดใบไม้อยู่ เมื่อเห็นเธอจึงย้ายไปกวาดอีกฟากอย่างรู้งาน สาวเท้าไม่กี่ก้าวก็เข้าสู่เงาต้นหางยูงฝรั่งซึ่งราวจะโอบกอดร่างเหนื่อยล้าของเธอไว้ ทรุดตัวยังม้านั่งที่วางรอบโคนต้น พิงหลังกับพนักอย่างหมดแรง

การปรากฏตัวของเทวิการาวกับเปิดสวิตช์ดึงเอาอดีตย้อนกลับมา หากยึดต้นหางนกยูงฝรั่งเป็นหลัก จากความทรงจำเลือนราง ทางด้านหน้าเธอไปแถวๆ กึ่งกลางลานจอดรถจะมีศาลาไทยตั้งใกล้สวนไม้ดัดสลับหิน ศาลาไทยทรงแปดเหลี่ยมกว้างขวางนี่เองที่พ่อใช้ต้อนรับป้าผกาและพี่แคนกลับมา ถ้านับดูครั้งนั้นป้าผกากลับเข้าบ้านเป็นรอบที่สอง แต่สำหรับวิมลินผู้อายุย่างแปดขวบเพิ่งเคยเจอสองแม่ลูกเป็นครั้งแรก

ทุกคนอยู่พร้อมหน้าในศาลา จำไม่ได้แล้วเทวิกาพูดอะไรแต่ทำเอาพ่อโมโหจนบรรยากาศอึมครึมไปหมด เด็กน้อยอย่างวิมลินรับความอึดอัดไม่ไหวขยับตัวยุกยิกไม่หยุด เทวิกาจึงยิ่งหงุดหงิด วาดจันทร์รีบจูงมือเธอมาหาพี่แคน

“แคนจ๋า น้าฝากน้องหน่อย พาไปเล่นที่สวนไม้ดัดตรงนั้นนะ”

ผกาพยักหน้า แคนจึงเดินตามน้องสาวแปลกหน้าที่กระโดดโลดเต้นไปถึงสวนไม้ดัด เริ่มแรกยังพยายามชวนพี่ชายคนใหม่เล่นด้วยกันทว่าแคนเอาแต่มองย้อนไปทางศาลาพร้อมแววตาห่วงใย ไม่รู้เพราะต้องอยู่กับแม่นอกบ้านกันสองคนมาแต่เด็กหรืออย่างไร แคนดูจะสุขุมกว่าอายุแค่สิบปีของตนมาก วิมลินเจอแบบนั้นก็เบื่อเลยเล่นเองตามลำพัง ปกติเธอจะถูกห้ามป้วนเปี้ยนแถวสวนไม้ดัดเพราะอากงหวงมาก เลยเห็นทุกอย่างน่าตื่นเต้นไปหมด ปีนทางนู้นป่ายทางนี้

โครม!

วิมลินยืนหน้าหดอยู่ข้างกิ่งไม้ขบวนที่หักโครมแทบเท้า ไม่ไกลนักลำต้นไม้ที่เคยถูกดัดไว้อย่างดีขาดครึ่ง บางกิ่งยังห้อยต่องแต่งกับต้น แคนตกใจวิ่งไปคุกเข่าเพื่อสำรวจตัวน้องให้ชัด

“อะ…อิง เจ็บที่ไหนบ้างไหม”

วิมลินส่ายหัว ยังตระหนกจนปากสั่น พวกผู้ใหญ่กรูมาจากศาลา เสียงเทวิกาตะโกนนำก่อนตัวจะถึงด้วยซ้ำ

“ไม้ดัดนี่เตี่ยหวงหนักหนาเชียวนะ ดันทำหัก!”

วิมลินเบะปากจะร้องไห้รอมร่อ แคนลุกพรวดดึงน้องไปอีกทาง “ผมทำหักเองครับ ขอโทษด้วย”

เด็กหญิงชะงัก กะพริบตาปริบเงยมองพี่ชาย รับรู้แค่เงาด้านหลังเขาที่ทอดมาบังเธอไว้

“นังอิงทำต่างหากฉันเห็นกับตา” เทวิกาพูดเสียงกร้าวพลางปรายตาไปทางผกา “ตัวแค่นี้รู้จักโกหกแล้ว ไม่รู้สอนสั่งกันมายังไง”

ผกาก้มหน้าต่ำไม่กล้าโต้เถียง วาดจันทร์ดึงตัวบุตรสาวไปกอด เทวิกายังคงบริภาษต่อจนกระทั่งโกศลต้องห้ามทัพ

“พอทีน่า ก็แค่ต้นไม้หักแล้วให้แล้วกันเถอะ”

“เชอะ รอดูเตี่ยโกรธก็แล้วกัน”

โกศลยักไหล่ “บอกพวกคุณไว้ล่วงหน้าเลยดีกว่า เตี่ยมีแผนจะทุบบ้านเพื่อขยายโรงงาน” เขาบุ้ยใบ้ไปทางฝั่งโรงงานที่มีเพียงถนนกั้นกลางระหว่างที่นี่ “อีกไม่กี่ปีทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากลองแล้ว จะห่วงกะอีแค่ไม้ต้นเดียวทำไม”

เทวิกาตกใจพึมพำจะถามเตี่ยให้รู้เรื่องก่อนผลุนผลันหลบไป โกศลจึงตบศีรษะบุตรชายเบาๆ “แคนไม่ต้องเสียใจเราทำดีแล้ว เป็นพี่ชายก็ต้องปกป้องน้องสิเนอะ”

ผู้เป็นน้องก้าวไปจับมือพี่ชายพลางยิ้มแฉ่ง เด็กหนุ่มทำท่าขัดเขินแต่ก็ไม่ลืมจะบีบมือเธอตอบเบาๆ

 

ลมพัดกรูจนวิมลินหลุดจากความทรงจำในอดีต สายลมพัดผมซึ่งดัดเป็นลอนเคลียบ่ามาปรกหน้า หญิงสาวจับไว้จะปัดออกแต่แล้วกลับชะงัก จ้องเส้นผมของตนอยู่เช่นนั้น สมัยนี้มีแต่คนอิจฉาสีผมน้ำตาลคาราเมลของเธอ เปรยว่าพยายามย้อมเท่าไรก็ไม่มีวันเหมือน ทว่าในวัยเด็กนั้นมันรังแต่จะสร้างปัญหาร่ำไป ถึงขนาดเธอต้องเสียน้ำตาให้มันด้วยซ้ำ

วิมลินนั่งก้มหน้าซุกเข่าตรงมุมเชิงบันไดทางด้านหลังของบ้าน ครั้นได้ยินเสียงเอะอะจึงเงยหัวขึ้น เจอลูกพี่ลูกน้องผู้ชายจับกลุ่มลงบันไดกันมา ในมือถือลูกบอลพลางพูดคุยเสียงดัง คงจะไปเล่นเตะบอลกันที่สนามฝั่งโรงงานเหมือนเคย หลายคนกวาดตาผ่านวิมลินแล้ววิ่งไปไม่สนใจ เหลือเพียงแคนหยุดฝีเท้ามองเธอนิ่ง ปวินท์จึงเข้ามาดึงแขน

“ไปเหอะน่า เด็กผู้หญิงร้องไห้แงๆ ทั้งวันแหละ น่าเบื่อ”

แคนส่ายหัว ยื่นลูกบอลในมือให้ภวัตผู้รับไปแบบงงๆ ปวินท์ส่งเสียงเชอะรีบคล้องคอภวัตตามไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกซึ่งนำหน้าไปไกลแล้ว ส่วนแคนหย่อนตัวนั่งข้างเธอ

“เป็นอะไร”

วิมลินกัดริมฝีปาก “วันนี้โดนครูว่าเรื่องสีผม…อีกแล้ว”

“อ้าว ก็น้าวาดไปคุยกับโรงเรียนไว้แล้วนี่ ว่าสีผมธรรมชาติไม่ได้ย้อม”

“เป็นครูปกครองมาใหม่เลยไม่รู้ พอครูคนอื่นอธิบายเขายังไม่เชื่อ หาว่าทำสีผมเหมือนฝรั่ง” เด็กสาวปาดน้ำตา “เพื่อนๆ เลยเอามาล้อกันใหญ่ บอกอิงเป็นฝรั่ง…ฝรั่งขี้นก อิงไม่ชอบ ไม่ชอบเลย!”

“แย่จัง บอกน้าวาดไปคุยกับครูอีกรอบไหม”

“เมื่อกี้อิงไปหาแม่ แต่แม่บอกแค่เรื่องเล็กอย่าคิดมาก แล้วไล่อิงมาไม่ยอมคุยต่อ”

แคนหน้ายุ่ง “แม่พี่เพิ่งบอกเหมือนกัน น้าวาดทะเลาะกับคุณวิเมื่อเช้าหลังพวกเราไปเรียน คงกำลังอารมณ์เสียอยู่”

วิมลินไม่โต้ตอบแต่ซุกหน้ากับเข่าอีกครั้ง เสียงสะอื้นคลอเบาๆ แคนใช้ศอกสะกิด “แวะไปครัวกันไหม เผื่อแม่มีขนมแบ่งไว้รอพวกเรา”

เด็กหญิงส่ายหน้าทั้งที่ยังซุกเข่าอยู่ “ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่อยากไปโรงเรียนแล้วด้วย ถ้าหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ได้คงดี”

“แต่ถ้าผ่านพรุ่งนี้มะรืนไปเรื่อยจนถึงเดือนหน้าก็วันเกิดอิงแล้วนี่ ปีนี้แทนที่จะซื้อเค้กจากร้านข้างนอกให้แม่พี่อบให้ดีไหม อยากได้แบบไหนล่ะ”

วิมลินยอมเงยหน้าในที่สุด “ป้าผกาอบเค้กเป็นเหรอ”

“ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก” แคนโม้ “เอาแบบที่อิงชอบได้ทุกอย่างเลย หรือไม่งั้นเอาเค้กขอนไม้ไหมล่ะ”

“เป็นยังไงอะเค้กขอนไม้” แววตาเด็กหญิงส่องประกายวับ 

“ไปถามแม่พี่เองสิ”

วิมลินพยักหน้าแล้วลุกวิ่งตื๋อไปทันที ลืมเรื่องกลุ้มใจเสียสนิท เหลือไว้เพียงสายตาครุ่นคิดของพี่ชายที่มองตามหลังเท่านั้น

แล้ววันเวลาก็ผ่านเลยจนถึงวันเกิดวิมลิน มีเธอ แม่กับป้าผกาและพวกเด็กๆ อันได้แก่แคน ภวัตนั่งคู่กับโปรดปราน ปวินท์และน้องสาวของปวินท์ชื่อเล่นว่าปริ้นเซสซึ่งอายุมากกว่าวิมลินหนึ่งปี ทุกคนรวมตัวกันที่ครัว ส่วนโกศลปกติไม่เคยมาร่วมงานประเภทนี้อยู่แล้ว แต่ฝากของขวัญเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้ให้ วิมลินกอดมันแน่นพลางยิ้มแฉ่ง นั่งรอผกาถือเค้กขอนไม้ปักเทียนสิบเล่มวางบนโต๊ะท่ามกลางเสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด

พอเป่าเทียนเสร็จผกาก็ตัดเค้กให้เจ้าของวันเกิดก่อน พลางกระเซ้า “ปีนี้แม่ให้อะไรเป็นของขวัญอิงหรือคะ”

วิมลินตบเสื้อที่สวมอยู่ เป็นชุดกระโปรงสีฟ้าคอบัวระบายลูกไม้ “ชุดนี้ค่ะ แม่บอกหนูโตเป็นสาวต้องหัดแต่งตัวสวยๆ แล้ว”

ผกาและวาดจันทร์หัวเราะขึ้นพร้อมกัน วาดจันทร์ดึงลูกสาวไปจูบกระหม่อมอย่างรักใคร่ ผกาแบ่งเค้กให้เด็กครบทุกคนแล้วจึงสะกิดบุตรชายที่จ้องตุ๊กตาหมีในมือน้องสาวเขม็ง 

“เราล่ะ มีอะไรให้อิงไหม”

แคนเม้มปากก่อนส่ายหน้าทันที ผกาเลิกคิ้วแต่แล้วก็เดินไปหยิบของบางอย่างจากลิ้นชักส่งให้วิมลินแทน “พี่แคนเขาซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้อิงนะ” 

“แม่!” แคนประท้วง รีบคว้าของขวัญคืน

“ทำไมล่ะ เราอุตส่าห์เก็บค่าขนมสะสมไว้ซื้อให้น้องทั้งที”

“มันขี้เหร่ออก ไม่สวยเหมือนตุ๊กตาหมี…” แคนชะงักเมื่อเห็นของขวัญตัวเองเต็มตา มันเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงราคาถูกที่ทำเลียนแบบตุ๊กตาบาร์บี้ สวมชุดพองฟูตัดเย็บลวกๆ ตาสองข้างหากเพ่งดูก็วาดไม่ค่อยเท่ากัน แต่สีผมของตุ๊กตาเป็นสีน้ำตาลคาราเมลสวยมาก ไม่เคยเห็นทั่วไปตามท้องตลาด

“ทำไมสีผมตุ๊กตาถึง…”

“ก็แคนน่ะสิเกิดอยากย้อมผมตุ๊กตา” ผกาเล่าบอกทั้งบุตรชายและวาดจันทร์ผู้ส่งสายตาไถ่ถาม “ไปถามใครมาก็ไม่รู้จนได้วิธีใช้สีผสมอาหารย้อมผม แต่มือใหม่นี่เนอะ ย้อมซะสีผมทองสวยๆ กลายเป็นน้ำตาลกระดำกระด่าง เขาอายเลยแอบซุกไว้ในลิ้นชัก” ผกาปิดปากขำ “ฉันเลยแอบเอามาทำใหม่”

วิมลินรีบวางตุ๊กตาหมีไว้แบบส่งๆ เดินมาแบสองมือตรงหน้าแคน “ของขวัญของอิงใช่ไหมคะ”

เด็กหนุ่มขัดเขินอย่างหนัก ก่อนยื่นมันให้แบบเหนียมๆ วิมลินรับพลางลูบผมตุ๊กตาไปมา ยิ้มกว้างให้มารดา “แม่ดูสิ สีผมตุ๊กตาเหมือนอิงเลย อิงไม่เคยเจอตุ๊กตาที่สีผมเหมือนอิงมาก่อน”

“จริงด้วย” วาดจันทร์มองตุ๊กตาสลับกับลูกสาว “แคนอุตส่าห์ทำให้น้อง”

“แถมมีตัวเดียวในโลกด้วย” ผกาสำทับ “จำสัดส่วนผสมสีไม่ได้แล้ว ผสมใหม่ก็คงไม่เหมือนเดิม”

วิมลินหน้าบานแฉ่ง ตรงเข้ากอดแขนพี่ชาย “”ขอบคุณนะคะพี่แคน เป็นของขวัญวันเกิดที่อิงชอบมากที่สุดในโลกเลย”

เด็กหนุ่มหน้าแดง พูดตะกุกตะกัก “พะ…พี่อยากบอกอิงว่าสีผมอิงสวยมาก สวยกว่าใครๆ อย่าเกลียดมันเลยนะ”

“ค่ะ” เด็กน้อยจุ๊บแก้มตุ๊กตา “อิงจะให้เค้าอยู่กับอิงตลอดไปเนอะ…เอิงเอย”

ทุกคนหัวเราะกับการรีบตั้งชื่อให้ตุ๊กตา บรรยากาศชื่นมื่นเช่นนั้นจนจบงาน แต่ไม่ทันข้ามวันวิมลินก็เดินร้องไห้มาหาแคน เด็กหนุ่มพยายามถามอยู่นานกว่าจะได้เรื่องเพราะน้องสาวเล่าพลางสะอื้นพลาง

“พี่ปริ้นเซสเอาเอิงเอยของอิงไป”

แคนขมวดคิ้ว “ปริ้นเซสเอาแต่ใจเกินไปไหม ตอนงานเลี้ยงวันเกิดพี่เห็นเธอมองเอิงเอยบ่อยๆ แต่ไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้ อิงรอก่อนนะเดี๋ยวพี่จัดการให้”

ไม่นานแคนก็กลับมา ด้านหลังมีปวินท์กำลังลากตัวน้องสาวมาด้วย ฝ่ายหลังโวยวายหนัก

“พี่ปริ้นปล่อยนะ กะอีแค่ตุ๊กตาตัวเดียว ปริ้นเซสให้คนไปซื้อคืนอิงเอาก็ได้”

ปวินท์ฉุนจัด “ถ้ามันแทนกันได้เราก็ไปซื้อเล่นเองสิ แย่งของน้องทำไม” ปริ้นเซสเบะปาก เขาจึงสำทับ “อยากได้ตุ๊กตาตัวนี้เพราะผมมันสวยใช่ไหมล่ะ พี่รู้นะเราเคยขอแม่ย้อมผมให้สีเหมือนยัยอิงแต่แม่ไม่ยอม เลยอยากได้ตุ๊กตาเป็นตัวแทน”

ปริ้นเซสร้องกรี๊ดขัดอกขัดใจ เขวี้ยงตุ๊กตาใส่พื้นแล้วกระทืบเท้าเดินหนี ปวินท์บ่นพึมพำทำนองไม่เข้าใจทำไมเขามัวเสียเวลากับเรื่องไร้สาระก่อนจากไปอีกคน วิมลินก้มเก็บของจากพื้นมาปัดฝุ่นทั้งน้ำตา

“เอิงเอยน่าสงสาร”

เด็กชายรับตุ๊กตามาเช็ดรอยเปื้อนด้วยชายเสื้อ พลางยื่นคืน “นี่ไงเอิงเอยสะอาดเอี่ยม ไม่น่าสงสารแล้ว”

“ไม่ใช่อย่างนั้น อิงกลัว ของเล่นทุกชิ้นที่พี่ปริ้นเซสเอาไปไม่ได้เธอจะแอบทำลายทิ้งหมด เอิงเอยคง…” เด็กหญิงมุ่ยปากไม่พูดต่อ

แคนเลิกคิ้ว “จริงเหรอ”

“อื้อ ลูกปลากับพี่วัตก็เคยเจอ พี่ปริ้นเซสแย่งของเล่นสองคนนั่นไปแล้วถูกตามคืน ไม่นานของเล่นชิ้นนั้นจะโดนพังยับด้วยฝีมือใครไม่รู้ เกิดซ้ำๆ ตั้งหลายครั้ง พี่แคนไม่เคยเจอหรือ”

คนถูกถามฝืนยิ้ม “คงเพราะพี่ไม่มีของสวยๆ อะไรให้ปริ้นเซสสนใจมั้ง พี่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”

แม้โกศลจะรับสองแม่ลูกกลับบ้านแต่ยังมีเทวิกาคอยกดไว้ ปกติโกศลไม่ค่อยสนใจการจัดการภายในครอบครัวอยู่แล้ว จึงมอบอำนาจดูแลเรื่องที่เขามองว่าจุกจิกให้เทวิกาทั้งหมด ทางด้านวาดจันทร์ฉลาดรู้จักอ้อนโกศลลับหลังเลยมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ผกาไม่คล่องแบบนั้น โชคดีเธอเป็นผู้ถือเงินค่าใช้จ่ายในครัวทั้งหมด ฐานะสองแม่ลูกจึงมีกินมีใช้ไม่อัตคัดแต่ไม่เหลือพอจะฟุ่มเฟือย

เด็กหญิงกอดตุ๊กตาแนบแก้ม ริมฝีปากสั่นระริก “อิงอยากอยู่กับเอิงเอยนานๆ”

แคนทำท่าคิด “เอางี้ไหม อาทิตย์หน้าลุงเสริฐจะพาครอบครัวบินไปเมืองนอก เห็นว่าเพื่อสำรวจที่ทางไว้ให้ลูกๆ เรียนซัมเมอร์เที่ยวหน้า พอปริ้นเซสกลับจากไปเที่ยวทีไรจะเห่อของเล่นใหม่ที่ซื้อจากนั่น คงไม่สนใจเอิงเอยอีก พี่จะเอาเอิงเอยไปซ่อนจนกว่าปริ้นเซสไปแล้วค่อยเอามาคืนอิง”

เด็กหญิงทำท่าสนใจแต่ยังลังเล “อิงกลัว ถ้าพี่ปริ้นเซสเห็นตอนพี่แคนซ่อนเอิงเอยจะทำยังไง”

“พี่จะระวัง แอบทำเวลาไม่มีคนอยู่”

“และห้ามบอกที่ซ่อนให้ใครรู้นะ กับอิงก็ห้ามบอก เดี๋ยวมีคนแอบฟัง” 

วิมลินกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง แคนยิ้มขำ “ได้ พี่จะเก็บความลับไว้กับตัว ไม่บอกใครแม้แต่คนเดียว รอจนเอิงเอยปลอดภัยถึงเอามาคืนให้อิง พี่สัญญา”

วิมลินตาเป็นประกาย จูบตุ๊กตาก่อนรีบยื่นให้พี่ชาย หลังจากนั้นก็ผ่านวันเวลาอย่างสบายใจ รอแค่พี่ปริ้นเซสไปต่างประเทศเธอจะได้เอิงเอยกลับคืนอีกครั้ง

ทว่าวันนั้นไม่เคยมาถึง เพราะสองสัปดาห์ถัดมาเกิดเรื่องผกาคบชู้จนสองแม่ลูกหนีออกจากบ้าน และไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย

 

นับจากวันนั้น ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ

เธอเคยลองเลียบเคียงถามเจคเรื่องที่ซ่อนเอิงเอย เจครู้เรื่องเอิงเอยถูกแย่งแต่ไม่ทราบที่ซ่อนตุ๊กตา หญิงสาวนึกดีใจปนเสียดาย ดีใจที่พี่แคนรักษาสัญญาเก็บความลับไม่ยอมบอกแม้แต่กับกังหัน แต่เสียดายเมื่อคงไม่มีวันเจอเอิงเอยอีกแล้ว

วิมลินลืมตาขึ้น ก้มมองดอกหางนกยูงซึ่งร่วงมาค้างยังหลังมือที่วางพักบนตัก สีแดงปนเหลืองผสมกันจนออกแสดแสบตา มันสามารถทนทานผ่านกาลเวลาอย่างเปี่ยมพลังเช่นนี้ แต่บรรดาผู้คนต่างทยอยหายหน้าจนสิ้น ทั้งพ่อ แม่ ป้าผกา…และพี่แคน

จู่ๆ คำพูดของเจคพลันลอยขึ้นมาในหัว

‘คุณเอาแต่ห่วงคนอื่น …อยากให้คุณห่วงตัวเองบ้าง’

หญิงสาวปัดครั้งเดียว ดอกหางนกยูงก็ร่วงจากมือ

ห่วงคนอื่น ห่วงตัวเอง มันยังสำคัญอะไรอีกเล่า ในเมื่อผู้คนที่เธออยากห่วงใยมากที่สุด อยากเห็นพวกเขามีความสุขมากที่สุด ล้วนจากไปจนไม่หลงเหลือใครอยู่อีกแล้ว

 



Don`t copy text!