หน้ากากมยุเรศ บทที่ 11 : หัวใจ…ไม่ใช่กำแพง (1)

หน้ากากมยุเรศ บทที่ 11 : หัวใจ…ไม่ใช่กำแพง (1)

โดย : สิตา

Loading

หน้ากากมยุเรศ นวนิยายโรแมนติกดราม่า โดย สิตา ผู้ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ อ่านเอาก้าวแรก ปี 2 ในนามปากกา “เยว่หวา” ที่ครั้งนี้ เธอขอพาทุกคนสู่การเฉือดเฉือนในวงการธุรกิจของครอบครัวบุหรงกาญจน์ ที่ต่างฝ่ายต่างสวมหน้ากากปิดบังเป้าหมายในใจ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่คาดเดาหรือหักมุม อ่านออนไลน์กันได้ที่ anowl.co

เวทีในงานสังสรรค์ของสมาคมธุรกิจสิ่งทอเป็นยกพื้นสูงครึ่งเมตร แม้ตกแต่งง่ายๆ ด้วยผ้าจับจีบรอบขอบเวทีไร้ฉากหลังประดับ แต่ปกติในงานไม่เคยตั้งเวทีมาก่อนจนดูแปลกตาไปบ้าง ยามวิมลินยืนรอขึ้นเวทีพร้อมชานนท์จึงชวนคุยหัวข้อนี้ทำนองฆ่าเวลา แต่หนุ่มใหญ่ตอบกลับอย่างกระตือรือร้น

“เพราะคุณวิขอไว้น่ะสิ เธออยากใช้โอกาสวันนี้ประกาศเรื่องดีๆ กับบุหรงกาญจน์” รอยยิ้มเอื้ออารียิ่งขยายกว้างเกือบครึ่งหน้า “ลุงดีใจนะที่สองฝ่ายยอมคืนดีกัน ถ้าเจ้าศลรู้คงมีความสุข”

หญิงสาวหลุบเปลือกตาลงในเวลาเดียวกับที่พนักงานเรียกทุกคนขึ้นเวที

ชานนท์ยืนตรงกลาง ซ้ายเป็นเทวิกาขวามีเธอกับเจคยืนอยู่ ประธานสมาคมขึ้นหน้าไปทางไมโครโฟนที่ตั้งเกือบชิดขอบเวทีเพื่อกล่าวทักทายแขก วิมลินกวาดตามอง ผู้ร่วมงานมีประมาณหกสิบคน ถ้าไม่นับนักธุรกิจต่างประเทศที่ถูกเชิญเพราะเผอิญมาไทยในช่วงเวลานี้ ที่เหลือคือนักธุรกิจระดับแนวหน้าของวงการกับคนสนิทเท่านั้น จำนวนอาจน้อยทว่าแต่ละคนล้วนทรงอิทธิพลในธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เชื่อได้เลยหลังการแถลงบนเวทีจบ พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวใหญ่ในวงการแน่นอน

ชานนท์กล่าวเสร็จจึงผายมือให้เจคมายืนแทนตน ตามที่ตกลงกันไว้พวกเขาจะให้ชายหนุ่มพูดก่อนแล้วเทวิกาค่อยเอ่ยสนับสนุนอีกที เป็นการจบงานแถลงอย่างสมบูรณ์

“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติผมในวันนี้นะครับ” เจคกล่าวพลางแนะนำตัว

หลายคนพอรู้จักตัวตนกำมะลอของเขาแต่กว่าครึ่งยังตกข่าว เมื่อทราบจึงพากันแสดงความประหลาดใจ จับจ้องชายหนุ่มเป็นตาเดียว เจคยังคงมาดสงบนิ่งน่าเชื่อถือแบบที่วิมลินเคยสอนได้แนบเนียน หลังเกริ่นถึงสภาวะความซบเซาของตลาดสิ่งทอในประเทศและเรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกันฝ่าวิกฤติ แทบทุกคนต่างแสดงอาการคล้อยตาม บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเองมาก

ไม่มีวี่แววของปวินท์กับภวัตบริเวณใกล้เคียงเลยสักนิด

“การหากิจกรรมมากระตุ้นตลาดเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เช่นการจัดงานแฟชั่นโชว์ครับ ทางบุหรงกาญจน์เล็งเห็นเช่นเดียวกัน” ชายหนุ่มหยุดนิ่งเป็นจังหวะเพื่อเรียกร้องความสนใจ “ทางเราจึงจะจัดงานแฟชั่นโชว์ของ ‘ตัวเอง’ เป็นครั้งแรก หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านครับ”

เสียงตบมือดังกระหึ่ม บางส่วนเกิดจากความยินดีกับบุหรงกาญจน์จริงๆ แต่หลายคนตบมือให้เพราะประทับใจบุคลิกหน้าตาของเจคเสียมากกว่า ชายหนุ่มดูดีเหลือเกินในค่ำคืนนี้ เจิดจรัสจนดึงดูดสายตาทุกคนไว้จึงไม่มีใครทันสังเกตสีหน้าซีดเผือดของเทวิกา

นี่มันไม่ใช่อย่างที่ตกลงกันไว้!

เทวิกาตวัดมองวิมลินทันที ด้วยแน่แก่ใจคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร วิมลินสบสายตาเกรี้ยวกราดนั่นราวกับรออยู่แล้ว พร้อมยิ้มตอบน้อยๆ ท่ามกลางเสียงประกาศต่อเนื่องของเจค

“และผมทราบว่าของบริษัทคุณเทวิกาเองก็จะจัดงานแฟชั่นโชว์เช่นกัน ผมปลื้มปีติที่จะมีกิจกรรมส่งเสริมตลาดเกิดขึ้นมากมายในอนาคต พวกเรามาช่วยเหลือร่วมมือกันเพื่อความหวังอันสดใส ตลาดสิ่งทอของเราจะไม่มีวันตายครับ”

เขาถอยกลับไปยืนคู่วิมลินเพื่อเปิดทางให้เทวิกา ด้านเทวิกาแม้กำลังสับสนแต่ด้วยความเจนสนามจึงควบคุมอารมณ์ได้รวดเร็ว กล่าวตอบรับชายหนุ่มอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ จนกระทั่งเธอมายืนหลังไมโครโฟนแล้วแต่ทุกสายตายังคงจับตรึงที่เจคจึงเพิ่งกระจ่าง เกือบทุกคนในห้องล้วนมากประสบการณ์ น่าจะสงสัยกับอีแค่งานแฟชั่นโชว์ที่สองบริษัทต่างคนต่างจัดทำไมต้องแถลงร่วมกันด้วย แต่จากท่าทีที่แสดงออก คงมองกันว่าที่แท้ก็ทำเพื่อเปิดตัวเจคทายาทคนใหม่ของบุหรงกาญจน์ โดยมีเธอคอยให้การสนับสนุนถึงยอมขึ้นเวทีพร้อมกัน

แม้โดนมีดแทงมิดด้าม เทวิกายังไม่เจ็บสาหัสเท่านี้!

การแถลงจบลงด้วยความชื่นมื่นของชานนท์ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ในมุมมองเขาแค่สามารถผลักดันสองบริษัทที่เคยบาดหมางมายืนบนเวทีเดียวกัน แค่นี้ย่อมได้หน้าอักโข ไม่ระแคะระคายเลยว่าภายใต้คำพูดขอบคุณยินดีของเทวิกา ในใจอีกฝ่ายอยากบีบคอเขาตายอยู่รอมร่อ!

เจคลงเวทีมาก่อน ตอนนั้นบริกรที่เขาฝากชาร์จโทรศัพท์ก็เข้ามาคืนของ ชายหนุ่มมอบสินน้ำใจเล็กน้อยแทนคำขอบคุณพลางเปิดเครื่องมือสื่อสาร ไม่ถึงวินาทีโทรศัพท์ก็แผดเสียงจนเขาต้องรีบรับสาย ก่อนทำหน้าเอ๋อยื่นมันต่อให้วิมลินที่เดินตามมา

“พี่ปริ้นน่ะ โวยวายอะไรไม่รู้จะคุยกับคุณให้ได้”

เขาสองคนหลบมุมเพื่อคุยโทรศัพท์โดยไม่เกะกะคนที่เดินไปมาแถวนั้น หญิงสาวฟังพี่ชายสาธยายปนบ่นบ้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เจคยืนเงี่ยหูอยู่ใกล้ๆ จึงพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เมื่อนั้นต้องเบิกตาโพลงพลางสะกิดวิมลิน บุ้ยใบ้ไปทางเทวิกาผู้ยืนตัวสั่นอยู่ไม่ไกลนัก จากสีหน้าของเธอแล้วถ้าไม่ใช่เพราะรอบด้านยังมีคนพลุกพล่าน สาวใหญ่อาจปรี่มาประทุษร้ายพวกเขาสักยกสองยกเป็นอย่างต่ำ

วิมลินรีบเอ่ยตัดบทพี่ชาย พร้อมปิดเครื่องโทรศัพท์เสียเลยกันทางนั้นโทร.กลับมาโวยวายอีกรอบ พลางเลิกคิ้วใส่เทวิกา “คุณวิอยากคุยกับอิงหรือคะ”

เทวิกาก้าวพรวดประชิดคู่อาฆาต เหล่มองผู้คนที่ยังเดินไปมาก่อนกดเสียงต่ำ “พวกเธอหักหลังฉัน!”

“กำลังกล่าวหาตัวเองอยู่หรือคะ” หญิงสาวเคาะนิ้วกับโทรศัพท์ในมือ “อิงเพิ่งทราบจากพี่ปริ้นเมื่อกี้เอง คุณหลอกเรามางานเพื่อจะปฏิเสธการร่วมแฟชั่นโชว์หลังเจคออกตัวล่วงหน้าไว้แล้ว กะจะหักหน้าบุหรงกาญจน์บนเวที”

วิมลินถอนใจขณะคืนโทรศัพท์ให้เจค “คุณยอมเสียผลประโยชน์มากมายเพื่อแลกกับการลากเจคมาขายหน้า มันคุ้มหรือคะ”

เทวิกาหัวเราะเสียงขื่น “แล้วก็ถูกตลบหลังซะแสบ สะใจไหมล่ะ”

“อย่ากล่าวหากันสิครับ” เจคค้าน “พวกเราแค่ตกลงมาร่วมงานและขึ้นเวทีกับคุณ แต่ไม่เคยบอกจะเข้าร่วมแฟชั่นโชว์หรืออะไรทั้งสิ้นนะ คุณคิดไปเองแท้ๆ”

สาวใหญ่ชะงัก ไตร่ตรองวิบเดียวก็โพล่งออกมา “พวกแกหลอกใช้ฉันจัดเวทีให้โฆษณางานแฟชั่นโชว์ของตัวเองสินะ!”

สรรพนามเรียกขานที่ถูกเปลี่ยนทำเจคสะดุ้ง แต่ก็นับเป็นเทวิกาแบบที่พวกเขาคุ้นชิน พูดตรงๆ เจอเธอปั้นหน้ายิ้มให้ทีไรเขาขนลุกทุกที

“คุณจะโกรธที่โดนหลอกใช้หรือที่เราไม่ตกหลุมพรางก็เชิญเถอะค่ะ” วิมลินตอบเสียงเนิบ “แต่ขอยืนยันว่าทางบุหรงกาญจน์ก็ไม่เคยอยากร่วมงานแฟชั่นโชว์กับคุณมาตั้งแต่ต้น ไม่มีความคิดนั้นในหัวสักนิด!”

ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่วิมลิน เจค ประเสริฐและสุขุมาลกำลังถกกันถึงข้อเสนอของเทวิกาในห้องทำงานประเสริฐ

‘เราต้องเลือกเส้นทางที่มั่นคงที่สุดค่ะ เพราะบุหรงกาญจน์จะผิดพลาดไม่ได้!’

สุขุมาลนิ่วหน้าใส่คำพูดหลานสาว ‘สรุปคืออิงจะร่วมจัดแฟชั่นโชว์กับคุณวิงั้นสินะ’

วิมลินเอนหลังพิงพนัก อมยิ้มน้อยๆ เสียด้วยซ้ำตอนพูดว่า ‘ตรงกันข้ามค่ะ สำหรับอิง…การจัดแฟชั่นโชว์ด้วยตัวเองจนสำเร็จอย่างงดงามเพื่อปักหลักก้าวแรกบนเส้นทางเสื้อผ้าแฟชั่นให้ได้ต่างหาก ถึงเป็นเส้นทางมั่นคงที่บุหรงกาญจน์ควรเลือกเดิน’

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ด้วยคนที่เหลือต่างกำลังหัวหมุนกับคำพูดวิมลิน โดยเฉพาะเจค ปกติเขาควรจะทราบแผนของวิมลินก่อนใคร ทว่าช่วงหลังเธอพยายามถอยห่างจากเขาจนแทบไม่รับรู้อะไรเลย

‘แต่อิงเพิ่งบอกว่าบุหรงกาญจน์เวลานี้ขาดทั้งคนทั้งประสบการณ์และเวลาไม่ใช่เรอะ’ ประเสริฐซักเสียงเข้ม ‘มีแต่ปัญหาไปหมดจะทำให้สำเร็จงดงามอย่างว่าได้ไง’

‘ปัญหาดูเหมือนเยอะแต่ทางแก้ง่ายนิดเดียว ก็หาคนที่มีประสบการณ์มาช่วยทุ่นเวลาเราไงคะ’ หญิงสาวชี้แจงฉะฉาน ‘และถ้าบุหรงกาญจน์สร้างคนขึ้นมาไม่ทัน ก็ซื้อตัวเอาเลย’

ประเสริฐอ้าปากค้าง ส่วนสุขุมาลเพิ่งนึกออก พักนี้วิมลินมักวิ่งวุ่นติดต่องานภายนอกทุกวัน หรือจะมีความเกี่ยวข้องกัน ‘อิงจะหาตัวคนคนนั้นจากไหนล่ะ’

‘ไม่ต้องมองไกลนักหรอกค่ะ ก็หาจากทีมงานของคุณวินั่นแหละ คุณวิทำงานสายนี้มานานลูกน้องแต่ละคนทั้งเก่งและประสบการณ์สูง อิงแอบติดต่อไว้สองสามคน พวกเธอกำลังตัดสินใจกับข้อเสนอขั้นสุดท้ายของอิง’

สุขุมาลกระตือรือร้นขึ้นทันที ‘ถ้าพวกเขาตกลงเราก็ไม่ต้องกังวลการใช้กลยุทธ์ See Now, Buy Now แล้วสินะ’

‘แต่เท่ากับต้องผิดใจกับคุณวิ ปิดประตูการกลับไปร่วมมือกันได้เลย!’ ประเสริฐค้าน

‘ถูกทั้งสองอย่างค่ะ’ หลานสาวยอมรับ ท่าทางผ่อนคลายราวกำลังคุยถึงดินฟ้าอากาศ ‘คนที่อิงติดต่อไว้ยังไม่รับปาก ฉะนั้นถ้าจะถอยก็มีเวลาแค่ตอนนี้ ลุงเสริฐกับอาสุเลือกสักทางเถอะค่ะ’

เจคก้มหน้าซ่อนยิ้ม เมื่อโดนโยนขี้มาให้วิมลินก็เหวี่ยงแร็กเกตฟาดกลับไปเสียเลย ให้อีกฝ่ายตัดสินใจและรับผิดชอบเอง

ประเสริฐและสุขุมาลมองหน้ากัน แล้วน้องสาวจึงเป็นฝ่ายรุกก่อน

‘พี่เสริฐลองคิดให้ถี่ถ้วนนะ ถึงเมื่อก่อนการร่วมมือกับบริษัทคุณวิจะสร้างผลกำไรมหาศาล แต่ไม่การันตีเลยว่าครั้งนี้จะเป็นเหมือนเดิม สุกับทีมงานเหนื่อยกันแทบตายกว่าจะปั้นแฟชั่นโชว์เป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ ทุกอย่างเพื่ออนาคตของบุหรงกาญจน์ หรือพี่เสริฐจะเห็นคนนอกดีกว่าคนใน’

ประเสริฐโดนต้อนเสียจนน้ำท่วมปาก จำต้องตอบอ้อมแอ้ม ‘จะเป็นงั้นได้ไง พี่เห็นด้วยกับสุอยู่แล้ว เอาเถอะ พี่จะปฏิเสธคุณวิไปให้หมด’

‘อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ’ วิมลินเอ่ยแทรก ‘ในเมื่อต้องแตกหักกันอยู่แล้วก็ขอใช้ประโยชน์สักหน่อย หลอกคุณวิให้นึกว่าเราจะร่วมมือ อาศัยงานสังสรรค์สมาคมประชาสัมพันธ์แฟชั่นโชว์ของเราเสียเลย’

รองประธานฯ นิ่งอึ้ง แลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ ‘ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยรึ’

‘เอ๊ะ! พี่เสริฐยังจะใจอ่อนอีกหรือ’ สุขุมาลตักเตือน ด้านวิมลินก็เสริมว่า

‘แค่เอาคืนนิดหน่อยค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้พวกคุณวิแกสกัดการประชาสัมพันธ์ของเราทุกช่องทางเลย ถึงขนาดบังคับสื่อบางสำนักถ้าเธอซื้อโฆษณากับเขาแล้วห้ามโฆษณาให้ทางเราด้วย ทำกระทั่งสร้างข่าวโจมตีแต่โชคดีเราแก้ข่าวทัน’

สุขุมาลเลิกคิ้ว ด้วยหลานสาวมีหน้าที่ควบคุมการประชาสัมพันธ์สื่อสารกับบุคคลภายนอก ปัญหาเหล่านี้วิมลินจึงมักรู้ตัวก่อนเธอ ‘อย่าบอกนะข่าวโคมลอยที่กล่าวหาแบรนด์ลูกปลาสักอาทิตย์ก่อนนั่น ก็ฝีมือคุณวิ!’

‘ไม่มีหลักฐานแน่ชัดค่ะ คุณวิเก่งเรื่องกลบเกลื่อนร่องรอยมาแต่ไหนแต่ไร ทางเราตามเบาะแสไปจบที่แชมเปญเพื่อนลูกปลาเท่านั้นเอง’ วิมลินเหยียดมุมปากเล็กน้อย ‘และเผอิญเหลือเกินที่คุณวิเพิ่งจ้างแชมเปญไปเป็นนางแบบในงานแฟชั่นโชว์ด้วย’

สุขุมาลตาลุกวาบ ‘อาจะเตือนลูกปลาให้เลิกคบเพื่อนคนนี้’

‘อย่าเพิ่งรีบร้อนค่ะเดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามจะระแคะระคาย รอเสร็จเรื่องค่อยตัดขาดก็ยังทัน’

การประชุมตบท้ายด้วยการสรุปว่าเพื่อป้องกันข่าวรั่วไหล ต้องเก็บแผนไว้เป็นความลับห้ามบอกใครแม้แต่ปวินท์ ภวัต แและโปรดปราน

เจคยกแขนพาดพนักพิง หวนนึกถึงครั้งล่าสุดที่เผชิญหน้าเทวิกา ยังจำได้วิมลินเคยเตือนเธออย่าล้ำเส้นไม่เช่นนั้นจะเห็นดีกัน

สงสารเทวิกาจริงๆ ตัวเองคิดก่อสงคราม แต่ดันเหยียบกับระเบิดโดยไม่รู้ตัว!

 



Don`t copy text!