โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (2)
โดย : ปีกดอกไม้
โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
“สวัสดีค่ะ คุณเฉินรออยู่แล้วค่ะ” มโนชาเอ่ยทักทายด้วยประโยคที่ดูเป็นมืออาชีพ ครู่เดียวสวีสุ่ยเหอก็ลงมานำทางเขาขึ้นไปยังหออำพัน พอพ้นเงาร่างนั้น น้องใหม่ของร้านก็สะกิดมโนชาแบบรัวๆ
“หนูตาไม่ฝาดใช่ไหมพี่ซิน”
“ไม่ฝาดหรอก ดูร้านดีๆ นะพี่ขึ้นข้างบนก่อน จะไปช่วยคุณเฉินเตรียมชาให้ลูกค้า”
เฉินเอินรออยู่แล้วทั้งสองคน คนหนึ่งจะได้รับชาเป็นครั้งแรก ส่วนอีกคนก็จะได้เห็นมันเป็นครั้งแรก มือหนาเอื้อมออกมากลางอากาศสัมผัสมือของผู้มาใหม่เบาๆ ดวงตาหงส์ที่ทอดมองตรงไปยังผู้รับชาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนปลอบประโลมราวกับผู้ใหญ่กำลังปลอบเด็กสักคนที่กำลังเจ็บหนักจากการหกล้ม
หากเป็นเด็กวิ่งหกล้มก็คงดี แต่รสชาติของความเป็นผู้ใหญ่นั้นเจ็บปวดและขื่นขมกว่านั้นมาก
ซื้อหรือขาย มโนชากำลังคาดเดาในใจ นึกถึงเฉินเสี่ยวซวินที่เมืองจีน หญิงชราคนนั้นเจ็บปวดจากการสูญเสียเช่นกันแต่อยากซื้ออยากยื้อความทรงจำเอาไว้เผื่อติดตัวไปยังภพหน้า ส่วนทางนี้ก็เสียคนรักไปเขามีเรื่องที่อยากซื้อมาเก็บไว้ในความทรงจำหรืออยากลบมันออกไปจากใจกันแน่
“นี่คือ…” ผู้เป็นลูกค้าซึ่งเพิ่งจะมาถึงดูตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลงก็จะได้ดื่มชาซึ่งจะลบความทรงจำได้
“ชาเถี่ยกวนอิน (1) ไม่ใช่ชาความทรงจำ ชากานี้มีไว้เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกันให้ดีขึ้นอีกสักหน่อย” ชายหนุ่มเจ้าของโรงน้ำชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ซิน…เชิญเธอด้วย มโนชาเป็นผู้ช่วยของผมเอง”
มโนชาตรงเข้ามานั่งยังเก้าอี้ว่างข้างลูกค้าหลังจากยืนนิ่งอยู่ข้างประตูด้วยไม่รู้จะพาตนเองไปอยู่ตรงไหน ศิลปินชื่อดังหันหน้ามาทางเธอก่อนจะก้มหัวเพื่อเป็นการทักทายอย่างเป็นทางการหลังจากที่ได้ทักทายกันมาก่อนหน้านี้ที่ด้านล่าง
“เสียใจด้วยค่ะเรื่องภรรยาของคุณ” มโนชาเอ่ยอย่างจริงใจ
“ผมเองก็เสียใจ” เขาเอ่ยน้ำเสียงขมขื่น ก่อนจะได้ละสายตาจากมโนชาไปยังเฉินเอิน “แต่นอกจากเสียใจแล้วก็ยังมีความรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นนั้นมันทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาผมไม่ดีเลย ทั้งที่ควรทำดีกว่านี้ ผมมัวแต่ห่วงงาน ลุ่มหลงในผลงานและความสำเร็จ บางครั้งทุ่มเทไม่ได้กินไม่ได้นอน ผมไม่ได้พาเธอไปเที่ยวมาหลายปีมากแล้ว ไม่ได้ฉลองเทศกาล ยิ่งของที่สำคัญสำหรับเธอผมกลับมองว่ามันไร้สาระและเป็นภาระ เธออยากมีลูกแต่สภาพผมในตอนนั้นอย่าว่าแต่จะเป็นพ่อที่ดีได้เลย แค่เป็นสามีที่ดีก็ยังไม่ได้ พอถึงตอนนี้มองย้อนกลับไป อย่างอื่นจะสำคัญอะไรในเมื่อทุกอย่างที่ได้มาไม่มีเธออยู่ร่วมชื่นชม ผลงานดีๆ ที่ไม่มีเธอฟังเป็นคนแรก หรืองานประกาศรางวัลที่ไม่มีเธอรออยู่ด้านล่าง โต๊ะกินข้าวโล่งๆ เตียงนอนว่างเปล่า” ใบหน้าของเขามีสีดำคร่ำเครียดขณะเอ่ยต่อ
“ผมเหนื่อยมากทุกวันนี้ ไม่อยากจะคิดอะไร แค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว ผมไม่อยากคิดถึงเธอเพราะทุกครั้งที่คิดขึ้นมาก็ทรมานราวกับจะตาย มันเป็นความทรมานอย่างยากจะบรรยาย จนนึกอยากจะตามเธอไปเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกพวกนี้ไปให้พ้นๆ”
“ซินขอโทษนะคะไม่รู้ว่าควรพูดไหม แต่ซินพูดด้วยความจริงใจ คุณเคยได้พบแพทย์มาแล้วหรือยังคะ บางทีความรู้สึกที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้อาจรักษาได้ด้วยยา”
“ผมไปมาแล้ว ลองมาหมดแล้วทุกทาง เหลือสองทางเท่านั้น หากไม่ได้ชาก็คือการปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากความทรมานพวกนี้ซะ”
มโนชาไร้คำพูด แม้แต่คำพูดปลอบใจก็ไม่อาจคิดขึ้นมาได้ และเด็กอย่างเธอยิ่งไม่อาจชี้นำสั่งสอนเขาได้ หลายคนว่าชีวิตมีค่า คนเราหรือจะเรียกว่าคนอย่างเขาผู้ซึ่งยืนอยู่ภายใต้แสงไฟน่าจะทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อไปได้ เป็นกระบอกเสียงให้ผู้คนหรือสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ มากกว่าจะมาคิดสั้นเพราะคนรักจากไปซึ่งล้วนเป็นไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
แต่คนเราสวมรองเท้าคนละคู่ คนคนหนึ่งผ่านอะไรมาต้องเจอกับอะไร ทัศนคติการมองโลกเป็นแบบไหนไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะมาชี้วัดตัดสิน เขาบอกว่ากำลังทุกข์ทรมานกำลังดิ้นรนต่อสู้ช่วยตัวเองอย่างหนัก คนนอกพวกนั้นไม่มีใครช่วยเขาให้หายจากความรู้สึกพวกนี้ได้ ต่อให้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง คนเราก็ต้องมีเรื่องที่แบกไม่ไหวเหมือนกัน
โดยไม่รู้ตัว มโนชาทอดสายตามองไปยังผู้รังสรรค์ชา แววตาแบบนี้เฉินเอินมองแล้วหัวใจก็กลับสั่นไหวขึ้นมา ในใจเขาไม่ได้เรียบเฉยอย่างที่แสดงออก ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดบางคำของลูกค้าเคยแวะเวียนเข้ามาในหัวตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้ คล้ายมโนชาจะมองออกด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอ่ยพูดคุยกันได้
“อย่างนั้นคุณเตรียมใจพร้อมแล้วหรือไม่ ภาพความทรงจำที่อยากลบมันออกไป”
“แล้วราคาสำหรับน้ำชา…” แม้นั่นไม่ใช่สิ่งที่กังวลแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“นั่นเป็นสิ่งที่เราจะพูดกันทีหลัง ผมเชื่อว่าทุกคนที่มาได้พยายามมาหมดแล้วทุกทาง ชาถ้วยเดียวในชีวิตนี้คิดว่าคงเป็นทางเลือกสุดท้าย ต่อให้เป็นอะไรคุณก็ยอมแลกใช่หรือไม่…”
“ถูกของคุณ สำหรับคนที่มีความคิดจะจบชีวิตตนเอง ขอให้พ้นจากวันนี้ได้โดยไม่ทุกข์ทรมานต่อให้สิ่งนั้นมีค่าแค่ไหนผมก็ไม่ลังเลที่จะจ่าย”
“ของมีค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางสิ่งเป็นของธรรมดาของอีกคนแต่มีค่าสำหรับอีกคน นั่นคือสิ่งที่เป็นราคาของน้ำชา”
“ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมา ‘วาจาราวกับซื้อขายแต่กระทำเหมือนกับว่าเป็นการกุศล’”
เฉินเอินยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร คนทำกุศลเพื่อช่วยคนแต่ก็ยังหวังผลแก่ใจตนอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเขากับผู้คนเหล่านี้ซึ่งล้วนมีชะตาข้องเกี่ยวกันมาตั้งแต่ในรุ่นบรรพบุรุษ แต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทุกคน เฉพาะคนสนิทอย่างพ่อบ้านจางเท่านั้นที่รู้ถึงที่มาที่ไป
สุดท้ายหลังจากได้เอ่ยย้ำเตือนอีกครั้งว่าความทรงจำมีค่านั้นจะหายไปหรือบางทีอาจไม่หายแต่ผู้รับชาจะมีมันโดยปราศจากความรู้สึกอีกต่อไป ว่าเขาแน่ใจใช่หรือไม่ที่จะยอมรับชานี้
ใช้เวลานานทีเดียวกว่าคำตอบนั้นจะหลุดออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ของบุคคลซึ่งไม่เคยจะแสดงความอ่อนไหวให้เห็นผ่านสื่อแม้แต่ครั้งเดียว ในที่สุดหลังจากทบทวนและบอกลาความรู้สึกแสนสุขและทุกข์สาหัสของความรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ดื่มชาเข้าไป
การรับน้ำชาก็ได้เห็นแล้วและคนก็กลับไปแล้ว แต่อารมณ์ของคนสองคนซึ่งอยู่ในระหว่างพิธีรับชาจนถึงตอนนี้ยังคงผันผวนขึ้นลงไม่คงที่ มโนชาซึ่งแยกกลับไปยังที่พักตนเมื่อตอนเย็นเดินครุ่นคิดไปมารู้ตัวอีกทีสองขาก็พาตัวเองมายังหอกลางน้ำแล้ว และหลังจากที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่เป็นเวลานานเพราะเข้าใจได้ว่าจงใจหลีกเลี่ยงเธอ ในที่สุดวันนี้เขาก็มาให้พบ
“นอนไม่หลับหรือคะ” มโนชาส่งยิ้มให้บางเบา
“ใช่ แล้วเธอล่ะซิน เพราะเหตุการณ์วันนี้อย่างนั้นหรือ” เขาถามเดินเข้ามาใกล้ “รู้สึกยังไงบ้าง”
“ถ้าเรื่องพิธีรับชาซินได้รับรู้แล้ว มันน่าอัศจรรย์นะคะที่ได้มาเป็นพยานรู้เห็น แต่แปลกนะคะสิ่งที่ซินคิดถึงไม่ใช่เรื่องที่ชาทำงานยังไงหรือไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับน้ำชาเลย แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคน”
“เธอมักมองสิ่งหนึ่งด้วยสายตาที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็นข้อดีของเธอ แล้วเธอคิดเห็นยังไง”
“ซินอดคิดไม่ได้ว่าการเลือกรับชาในครั้งนี้เป็นการเห็นแก่ตัวหน่อยๆ หากทำดีเสียแต่ทีแรกคงไม่ต้องรู้สึกผิดแบบนี้ ถึงขนาดยอมลบภาพความทรงจำของคนที่รักไปจากใจ หากคนที่ตายไปได้รับรู้จะรู้สึกยังไงที่คนรักเลือกลบความทรงจำความรู้สึกดีๆ ที่มีร่วมกันไป” เฉินเอินเหม่อมองไปด้านหน้า มีเพียงเงาสีดำของต้นไม้ใบไม้ที่ไหวเอนกิ่งก้านยามถูกลมพัด
“เธออยากฟังความเห็นของฉันบ้างไหม” เขาถามเสียงเบา มโนชาพยักหน้า
“หากเป็นฉันคงจะโล่งใจที่อีกฝั่งไม่ต้องทนเจ็บปวด หากรักจริงย่อมต้องหวังให้คนรักอยู่ดีมีสุข ต่อให้ลืมแล้วยังไง มันไม่ได้ลบล้างในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากว่าฉันเป็นคนที่จากไปก่อนส่วนอีกคนยังมีชีวิต ฉันก็จะขอเพียงให้ตัวเองยังจำได้ก็พอแล้ว และก็ขอจะอวยพรให้ฝั่งนั้นมีชีวิตที่ดีแม้จะปราศจากความทรงจำที่เคยมีร่วมกันก็ตาม ซิน…” เขาจบปลายประโยคด้วยชื่อของเธอ
“เธอก็ได้เห็นแล้วว่านอกจากความสุขแล้วความรักยังทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ทรมานได้อย่างไร ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนตรง เช่นนั้นฉันก็จะพูดกับเธอด้วยความซื่อสัตย์ เราต่างรู้ว่าฉันกับเธอ เรารู้สึกต่อกันยังไงไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะปฏิเสธได้ ฉันจะไม่พูดอะไรที่มันไม่จริง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์เพราะมันเป็นไปไม่ได้”
มโนชานิ่งไป ไม่คิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อน คิดว่าคงเป็นตัวเองที่อึดอัดจนทนไม่ไหวจนต้องระเบิดออกมาใส่หน้าเขาเสียอีก ความรู้สึกคลุมเครือค้างคาพวกนี้
“คุณจะให้ซินทำยังไงคะ” มโนชาแสนจะอึดอัด “ความรู้สึกใช่เราจะควบคุมมันได้”
“ฉันเข้าใจในข้อนี้ไม่น้อยไปกว่าเธอเลยซิน ความรู้สึกเราควบคุมมันไม่ได้ แต่เราสามารถใช้เหตุผลกับมันได้ นั่นเป็นสิ่งที่คนเราในฐานะมนุษย์ควรทำเพื่อเห็นแก่เพื่อนมนุษย์และเพื่อประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” มโนชามองเขาสายตาเต็มไปด้วยข้อกังขา
“สมกับชื่อของคุณดีค่ะเฉินเอิน คนที่เอาเหตุผลวางไว้เหนือหัวใจ” สำหรับเขาเธอก็เป็นเพียงเพื่อนมนุษย์อย่างนั้นน่ะหรือ “หากเพื่อนมนุษย์คนนี้ไม่สามารถทำตามในสิ่งที่คุณอยากให้ทำได้ล่ะคะ”
มโนชาเต็มไปด้วยความผิดหวัง แววตาที่มองตรงมายังเขาก็เผยความคิดเธอให้เห็นจนหมด แต่ผิดหวังในวันนี้ ในวันที่ยังไม่ได้มีความรักลึกซึ้ง วันที่เพิ่งจะเรียนรักคงพอจะหักใจได้ ยังดีกว่าปิดบังความเป็นไปไม่ได้แล้วปล่อยให้หัวใจนำพาทุกสิ่ง
“อย่างนั้นฉันก็จะปล่อยเธอไปในตอนนี้…”
มโนชาอารมณ์พุ่งสูงทะลุเพดาน บอกไม่ได้ว่าโกรธกับเสียใจฝั่งไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน หัวใจเธอเต้นรัวแรงขณะสาวเท้าเดินกลับห้อง มือบางกระชากประตูเปิดออก เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบของทุกอย่างโยนลงกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทา สุดท้ายหลังจากที่ความโกรธหายไปเหลือเพียงความเสียใจ คนที่หอบหายใจแรงถึงได้ทิ้งตัวลงกับที่นอนแล้วร้องไห้ออกมา
เฉินเอินยังคงยืนอยู่ที่หอกลางน้ำ รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงเธอร้องไห้ ยังไม่ทันได้รู้รสรักก็สัมผัสกับความเจ็บปวดเสียก่อนแล้ว เขาให้เธอไปเพราะเห็นแก่ใคร เห็นแก่เธอหรือว่าเห็นแก่ตัว กลัวเธอจะเจ็บปวดหรือกลัวตัวเองจะเจ็บปวดกันแน่
แต่คิดว่าเจ็บวันนี้ยังพอทนได้ แต่หากปล่อยนานไปก็ไม่แน่ว่าเขาและเธอจะเป็นยังไง จุดจบของความรักที่เหมือนนิทานเรื่องต้นไม้ซึ่งขึ้นคนละฟากถนนไม่มีทางอยู่เคียงข้างกันได้ ถึงตอนนั้นอาจสร้างความเสียหายจนยากจะแก้ไข
เชิงอรรถ :
(1) เป็นชื่อสายพันธุ์ชาจากเมืองอานซี มณฑลฝูเจี้ยน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มชาอู่หลงหมินหนาน
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 23 : การจากลาครั้งสุดท้าย (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 22 : ทางเลือกที่เห็นแก่ตัว (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 22 : ทางเลือกที่เห็นแก่ตัว (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (3)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน : บทนำ