
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (2)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
ในความรู้สึกของนาราทุกอย่างดูจะเคลื่อนที่ไปอย่างอืดอาดอ้อยส้อยไม่ทันใจไปเสียทั้งหมด นับตั้งแต่ที่เธอถลาไปคว้าโทรศัพท์หมุนหมายเลขไปที่บ้านของนายปกรณ์ แจ้งข่าวให้เขารู้ จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปยังโรงพักที่ธิปกถูกคุมตัวอยู่ พอไปถึงก็พบชายหนุ่มนั่งอยู่ในห้องขังแคบๆ ใบหน้าขรึมมีแววเสียใจเมื่อทอดมองเธอ
ธิปกขยับมายืนชิดลูกกรง ส่งยิ้มเศร้าสร้อยให้หญิงสาว
“ผมไม่อยากให้คุณเห็นสภาพผมตอนนี้เลย ถึงผมจะไม่ได้ดูดีแบบพวกพระเอกหนัง แต่ก็น่าจะมีมาดชวนมองกว่านี้หน่อย”
มือเรียวเล็กเอื้อมมาจับมือใหญ่ที่ทาบอยู่กับลูกกรง กระชับแน่นเพื่อถ่ายทอดความห่วงใยให้อีกฝ่ายรับรู้ นาราฝืนยิ้มให้เขา กระเซ้ากลับไปบ้างทั้งๆ ที่หัวใจหนักอึ้ง
“คิดว่าฉันมองคุณเป็นพระเอกอย่างนั้นหรือ หลงตัวเองไปหน่อยแล้ว อย่างคุณน่ะเป็นได้แค่พระรองหน้าหนวดเท่านั้นละ”
ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ ทั้งคู่ก็รู้ว่าครั้งนี้เห็นทีจะเป็นศึกใหญ่เสียแล้ว วิศรุตเป็นคนแจ้งความว่าธิปกผลักปู่ของเขาตกลงมาจากบันไดจนนายมงคลถึงแก่ชีวิต ในเมื่อเขาเป็นหลานของผู้ตาย คำพูดจึงมีน้ำหนักพอตัวอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นวิศรุตยังอ้างถึงชัชวาลว่าเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่งด้วย
ตำรวจยังไม่ได้คำให้การจากชัชวาลเพราะต้องรอเรียกตัวมาสอบปากคำในภายหลัง แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อผู้ชายคนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นารากุมขมับ
ชัชวาลเคยหักหลังธิปกมาก่อน เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนคนนี้ซื้อได้ด้วยเงิน และต่อมาเมื่อนาราวางแผนบีบให้เขาไปสารภาพความจริงกับนายมงคล ชัชวาลถูกกดดัน ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เป็นเดือนๆ แน่นอนเหลือเกินว่าเขาจะต้องโกรธแค้นธิปกขึ้นเป็นทวีคูณ
อยู่ดีๆ โอกาสทองก็ลอยมาถึงมือ มีหรือชัชวาลจะไม่ซ้ำเติมธิปกจนจมดิน…
เกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมานายปกรณ์ก็มาถึงพร้อมกับทนายความ เขาใช้เวลาอีกครู่หนึ่งวางหลักทรัพย์ประกันตัวธิปก นาราโล่งใจจนน้ำตาซึมเมื่อตำรวจไขประตูห้องขังเปิดให้ชายหนุ่มก้าวออกมาสู่อิสรภาพ
“กลับกันเถอะ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการกันอีกมาก” นายปกรณ์บอก
บรรยากาศบนเส้นทางขากลับค่อนข้างเคร่งเครียด ทั้งสามปรึกษาหารือกันมาตลอดทาง นายปกรณ์สั่งคนขับรถให้แวะส่งนาราที่บ้านก่อน จากนั้นก็แล่นต่อไปจนถึงบ้านของเขาบนถนนสาทร พอทั้งคู่เข้าไปในห้องโถงก็พบกุลธิดาและนางเยาวเรศกำลังรอฟังข่าวอยู่
กุลธิดาละล้าละลังตั้งแต่เห็นตำรวจมาคุมตัวธิปกออกไปจากห้างแล้ว เด็กสาวไม่ยอมตามว่าที่เจ้าบ่าวไปโรงพักแต่รีบสั่งให้คนขับรถพามาส่งบ้าน คุณนิพนธ์กลับลำปางไปตั้งแต่สองวันก่อนเนื่องจากต้องไปดูแลกิจการ เหลือแต่นางเยาวเรศอยู่เป็นเพื่อนลูกสาว
กุลธิดาพามารดาเข้าห้องนอนปิดประตูปรึกษากันอยู่สองคน จากนั้นก็มานั่งกระสับกระส่ายรอนายปกรณ์อยู่ในห้องโถง
นายปกรณ์เดินตรงมาหาสองแม่ลูก กุลธิดามองใบหน้าหมองคล้ำ เสื้อกางเกงยับมีรอยเปื้อนจากการต้องไปนั่งจ่อมอยู่ในห้องขังของผู้ชายที่ตนเองหมายมาดจะแต่งงานด้วย แล้วนึกรังเกียจขึ้นมาวูบหนึ่ง ส่วนนางเยาวเรศถามขึ้นทันทีอย่างคนใจร้อน
“ตำรวจเขาว่ายังไงบ้างล่ะคุณปกรณ์ แล้วนี่พ่อธิปกไปทำอะไรเข้าเขาถึงมาจับตัว”
นายปกรณ์เหลือบมองธิปกเหมือนไม่อยากพูดออกมาต่อหน้า แต่เมื่อขัดนางเยาวเรศไม่ได้ เขาก็ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“วิศรุตเขามีชัชวาลเป็นพยานยืนยันว่าธิปกทำร้ายคุณมงคลจริงๆ และธิปกเคยถูกคุณมงคลไล่ออกจากงานมาก่อน เลยยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้คำให้การของนายวิศรุตเข้าไปอีก” นายปกรณ์สรุป
“หมายความว่าพ่อธิปกอาจจะต้องติดคุกหรือนี่” นางเยาวเรศโพล่งถามอย่างไม่สนใจความรู้สึกของใคร ขณะที่กุลธิดาแอบเบ้ปาก เหลือบมองมารดาคล้ายจะส่งความนัยให้กัน
“เอาเป็นว่าผมจะพยายามเต็มที่ จะใช้ทนายมือดีที่สุดที่มีในพระนคร อย่างไรก็จะช่วยธิปกให้ได้” นายปกรณ์ตอบเรียบๆ
ธิปกกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณชายชรา ไม่สนใจว่าสองแม่ลูกจะมองด้วยสายตาเคลือบแคลงแกมรังเกียจ นางเยาวเรศยังตั้งหน้าตั้งตาซักถามถึงหนทางสู้คดีกับนายปกรณ์ แต่กุลธิดาเงียบกริบ ไม่ได้เอ่ยปลอบใจว่าที่เจ้าบ่าวที่นั่งขรึมอยู่เลยแม้แต่คำเดียว
เกือบสองเดือนแล้วที่นาราไม่ได้มาเยี่ยมนพมาศที่กองบรรณาธิการนิตยสารลัดดาวัลย์ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าบรรยากาศยังคงอบอุ่นเหมือนเคย เธอเดินทักทายเพื่อนฝูงจนทั่ว พูดคุยเฮฮากันอยู่ครู่หนึ่งจนได้เวลากลับ ชายหนุ่มผิวคล้ำที่ยืนเก้ๆ กังๆ รออยู่นานแล้วก็ร้องเรียก
“พี่วิเชียรน่ะเอง สบายดีหรือคะ” นาราหันไปทัก
วิเชียรเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับหนึ่ง นาราเคยพบเขาเพียงไม่กี่ครั้งระหว่างทำงานอยู่กับนพมาศ จึงอดแปลกใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายยิ้มให้เธอด้วยอาการตื่นเต้น
“ดีใจจริงๆ ที่เจอนาราที่นี่ พี่กำลังหาตัวน้องอยู่พอดีเลย เดี๋ยวไปคุยกับพี่หน่อยนะมีเรื่องสำคัญจะบอก”
ท่าทางกระตือรือร้นของเขาชวนให้สงสัยจนนาราไม่คิดจะปฏิเสธ จึงเดินตามวิเชียรเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างของสำนักงาน สั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว จากนั้นวิเชียรก็เริ่มคุยด้วยเสียงเป็นกันเอง
“น้องนาราสวยขึ้นกว่าตอนทำงานอยู่กับคุณนพมาศมาก มิน่าล่ะ คนวาสนาดีก็อย่างนี้ละนะราศีมันบอก” เขาทำหน้ามีเลศนัย ดวงตาแพรวพราว “คนอย่างน้องนาราต่อให้ลำบากก็มีคนดีๆ คอยช่วยเหลือ คุณวิศรุตนั่นไง ไม่ใช่แค่คอยช่วยอย่างเดียวยังปิดบังไม่ให้รู้ด้วย คนแบบนี้สิเรียกว่าดีจริง”
นาราบอกตัวเองว่าคิดถูกแล้วที่ยอมมากับวิเชียรทั้งๆ ที่ปกติไม่ค่อยชอบท่าทางหลุกหลิกของเขานัก เธอถามอย่างแปลกใจ
“คุณวิศรุตน่ะหรือคอยช่วยฉัน ยังไงหรือพี่วิเชียร”
วิเชียรยิ้มกว้าง เริ่มเล่าทันทีว่าวิศรุตนั่นเองคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังบทความเปิดโปงว่านาราไม่ได้เป็นเมียน้อยของนายจำนง เขาให้เงินก้อนหนึ่งกับวิเชียร เป็นจำนวนมากพอที่นักข่าวหัวเห็ดจะทิ้งงานเขียนคอลัมน์อื่นๆมาขุดคุ้ยเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว แม้แต่ตำรวจที่ไปรื้อค้นห้องของกมลเนตรจนพบรูปถ่ายและสมุดคัดลายมือ ก็ได้รับค่าจ้างจากวิศรุต
“คุณวิศรุตหวังดีกับน้องนาราจริงๆ นะ ท่านกำชับพี่ไม่ให้บอกน้องแต่พี่มันคนปากมากเลยอดบอกไม่ได้ นาราจะได้รู้ไงว่าคุณวิศรุตเป็นห่วงน้องจริงๆ” นายวิเชียรอมยิ้ม “ถ้าผู้ชายมาทำอย่างนี้ให้ผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงคนนั้นก็โชคดีมาก ผู้ชายอย่างคุณวิศรุตหาไม่ได้อีกแล้ว”
นารายอมรับว่าคำบอกเล่าของวิเชียรเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เปลือกนอกเธอวางหน้าเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างเคร่งเครียด
ในเมื่อกันต์ครอบครองคันฉ่องอาถรรพ์ ก็ไม่แปลกที่เขาจะรู้ว่ากมลเนตรเป็นเมียน้อยลึกลับของนายจำนง แต่เพราะอะไรเขาถึงได้ยอมเสียเงินก้อนใหญ่ และยังวางแผนทำเรื่องยุ่งยากซับซ้อนทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเธอ…
นาราคิดถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของกันต์ หลังจากเธอช่วยชีวิตเขากันต์ก็มาดักพบเธอ เอ่ยปากขอเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการตอบแทน และยังซื้อของขวัญมาให้นาราหลายครั้ง บางครั้งก็ส่งกุหลาบหรือดอกไม้ราคาแพงมาให้ แต่นาราปฏิเสธไปทั้งหมด
กระนั้นเธอก็ยังสังเกตเห็นสายตาของเขาที่ทอดมองมา ความรู้สึกลึกซึ้งระคนอ่อนหวานในดวงตาคู่นั้นบอกความในใจเจ้าของอย่างชัดแจ้ง เมื่อก่อนนาราไม่ยอมรับรู้ พยายามคิดว่ากันต์มาทำดีด้วยเพียงเพื่อตอบแทนที่เธอเคยช่วยชีวิตเท่านั้น แต่หลังจากฟังเรื่องราวจากนายวิเชียร อีกทั้งนักข่าวผิวคล้ำก็พยายามบอกความนัยอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว นาราก็ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้อีก
คุยกับวิเชียรอีกครู่หนึ่งนาราก็อำลาจากมา เธอเรียกรถรับจ้างให้ไปส่งแล้วนั่งใช้ความคิดเงียบๆ มาตลอดทาง
รถแท็กซี่แวนออสตินหน้าหมูแล่นมาจอดที่บ้านไม้สองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ในซอยอินทามระ นาราชำระค่าโดยสารแล้วลงจากรถ ที่รั้วโปร่งหน้าบ้านมีร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนรออยู่เงียบๆ พอเขาหันมาหญิงสาวก็ขมวดคิ้ว
กันต์ยิ้มน้อยๆ ให้อาการประหลาดใจของเธอ ใบหน้าชายหนุ่มหม่นเศร้า น้ำเสียงงอนง้อระคนอ่อนระโหย
“ผมอยากขอเวลาคุยกับคุณนาราสักครู่ โปรดอย่าปฏิเสธเลยนะครับ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนาราคงไม่แม้แต่จะเหลือบแลผู้ชายคนนี้ แต่หลังจากฟังเรื่องจากวิเชียรฐานะของกันต์ก็เปลี่ยนไป นารายอมรับว่าเหตุการณ์ที่ถูกกมลเนตรใส่ร้ายเป็นความทุกข์ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ถ้าไม่ได้ความอนุเคราะห์จากกันต์ เธอคงต้องจมอยู่ใต้คำนินทาว่าร้ายของผู้คนไปอีกนานแสนนาน
แม้แต่ธิปกก็ยังช่วยได้เพียงผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น แต่เขาไม่อาจสาวไปถึงต้นตอที่แท้จริง ไม่อาจทำให้นาราบริสุทธิ์ผุดผ่องได้อย่างที่ผู้ชายตรงหน้าทำ
เมื่อกันต์อยู่ในสถานะพิเศษ หญิงสาวจึงยอมเชิญเขาเข้าไปในบ้าน เรียกแม่องุ่นให้ยกน้ำออกมารับรองแขกแล้วนั่งนิ่งรอให้ชายหนุ่มพูดธุระขึ้นมาก่อน
กันต์ยิ้มให้แม้จะกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “ผมผ่านมาเลยอยากแวะมาเยี่ยม บ้านคุณน่าสบายดีนะครับ”
“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมาตรงๆ เถอะ” เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อนาราจึงมุ่งเข้าสู่เจตนาการมาของเขาเสียเอง “ถ้าจะมาพูดเรื่องที่คุณเคยช่วยฉันตอนถูกใส่ร้ายว่าเป็นเมียน้อยนายจำนง เอาเป็นว่าฉันขอบคุณมาก”
“ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ผมหวังดีต่อคุณเสมอนะ อย่างน้อยตอนเด็กๆ เราก็เคยเกือบจะเป็นคู่หมั้นกัน”
ทั้งๆ ที่ปั้นสีหน้าให้ผ่องใสราวกับนักบุญ แต่ในใจกันต์ลอบกระหยิ่มเพราะมองเห็นโอกาสที่จะคืนดีกับหญิงสาวลอยอยู่ไม่ไกล ท่าทางของนาราในวันที่เปิดโปงว่าเขาจ้างนายเกษมมาใส่ร้ายตวงพร ดูก็รู้ว่าเกลียดทั้งแค้นเขาเข้ากระดูกดำ เพียงแค่นึก หัวใจกันต์ก็ราวกับถูกตะกุยด้วยกรงเล็บจนเจ็บแปลบ
แต่กันต์บอกตัวเองอย่างเฉียบขาดว่าเขาไม่มีวันยอมแพ้ สำหรับเขานารามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ทั้งในฐานะผู้หญิงที่เขารักและหญิงสาวผู้มีเลือดพิเศษสามารถช่วยชีวิตหม่อมภรณี
ของปลอมอย่างรพีพรรณไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกจับได้ ถ้ากันต์อยากมีอนาคตที่มั่นคง เขาต้องได้ครอบครองตัวจริงอย่างนาราเท่านั้น
กันต์จึงติดต่อไปถึงวิเชียร สั่งให้หาโอกาสบอกนาราว่าเขานี่ละคือคนที่แอบช่วยเหลือในยามเธอทุกข์ร้อนจนรอดพ้นวิกฤติมาได้ ต่อให้นาราชังน้ำหน้าเขามากแค่ไหน แต่ความดีที่กันต์ทำก็น่าจะมีน้ำหนักพอจะคานอำนาจความเจ็บแค้นในใจเธอได้บ้าง
พอวิเชียรโทรศัพท์มาบอกว่าทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบมาดักรอนาราที่บ้าน แล้วกันต์ก็พบว่าตัวเองคิดถูก อย่างน้อยบุญคุณของเขาก็ยิ่งใหญ่จนเธอก็ไม่กล้าไล่ตะเพิดเขาตั้งแต่หน้าบ้านละน่า
นาราไม่ชอบให้เขาเท้าความไปถึงเรื่องหมั้นหมายเมื่อครั้งเยาว์วัย จึงเพียงแต่ปรายตามองแวบหนึ่ง ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงียบๆ กันต์พูดต่อด้วยเสียงหนักแน่น บอกให้รู้ว่ามาจากใจจริงทุกคำ
“ผมรู้ว่าคุณนารารู้สึกไม่ดีกับตัวผม ผมจะไม่พูดละว่านายเกษมมันโกหก หรือมีใครวางแผนใส่ร้ายผม แต่ผมอยากขอโอกาสให้เราเริ่มต้นกันใหม่ อย่างเพื่อน อย่างคนที่มีไมตรีจิตต่อกัน ผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมเป็นคนยังไงกันแน่ เรื่องที่คุณโกรธผมอยู่ในตอนนี้ถ้าคุณรู้จักตัวตนของผมจริงๆ คุณนาราจะรู้ว่าไม่มีทางเลยที่ผมจะเป็นอย่างที่นายเกษมพูด”
จุดประสงค์การมาของเขาก็เพื่อลดความเป็นปรปักษ์ของนาราให้มากที่สุด ไม่ว่าเธอจะขุ่นเคืองแค่ไหนแต่ถ้าเขามีโอกาสอยู่ใกล้ชิด คอยทำดีเอาใจอย่างสม่ำเสมอ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังทนทานไม่ได้ หัวใจของนาราจะแข็งยิ่งกว่าหินเชียวหรือ
ที่สำคัญเวลานี้ธิปกหมดอนาคต กลายเป็นคนร้ายในคดีอุกฉกรรจ์ไปแล้ว นารากำลังเคว้งคว้างขาดที่พึ่งพิง ถ้ากันต์แสดงตัวว่าพร้อมจะมอบความรัก เงินทอง และอนาคตให้ เขาเชื่อว่าเธอน่าจะฉลาดพอที่จะเลิกปักใจในตัวธิปก แล้วหันมาเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่เยี่ยมกรายมาถึง
“เรื่องที่เกิดกับน้าตวงพรผมขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด มันเป็นการใส่ร้ายจากธิปก เขาไม่หวังดีกับผมมาตั้งนานแล้ว”
นาราวางแก้วน้ำลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแขก กันต์พบว่าอะไรบางอย่างในกิริยาของหญิงสาวทำให้เขาอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นความอึดอัดก็กลายเป็นชาวาบไปทั้งตัวเมื่อนาราเริ่มเอ่ยปาก
“คุณกันต์” เธอเรียกชื่อจริงของเขา “ฉันว่ามาถึงขนาดนี้แล้วเราพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ ฉันให้เกียรติที่คุณเคยช่วยฉันไว้ถึงได้ยอมพูดดีๆ ด้วย เรื่องที่คุณช่วยเหลือฉันขอบคุณมาก แต่มันหักล้างกันไม่ได้กับความเลวร้ายที่คุณทำกับแม่ของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นฉันขอถามอะไรคุณสักหน่อย” นาราจ้องเขาแน่วนิ่ง ดวงตาคมเป็นมันปลาบราวกับจะหยั่งให้ทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าพี่กมลเนตรวางแผนให้ร้ายฉัน และรู้ได้ยังไง”
กันต์พยายามวางท่าสงบนิ่งทั้งๆ ที่เริ่มใจเต้นแรง “ผมแค่คิดโยงไปมาแล้วเดาออกโดยบังเอิญ โชคดีนะครับที่เดาถูก”
ตอบอย่างนี้อันที่จริงก็เหมือนไม่ได้ตอบ สีหน้าเจ้าของบ้านมีแววรู้ทัน
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณรู้ทีหลัง แต่คุณรู้ล่วงหน้าต่างหากว่าพี่กมลเนตรกำลังจะทำลายชีวิตฉัน คุณบอกว่าคุณห่วงใยหวังดีต่อฉัน แต่คุณกลับไม่ยอมเตือนฉันสักคำ ไม่แม้แต่จะหยุดพี่กมลเนตร คุณปล่อยให้ฉันเดือดร้อนแสนสาหัส ถูกคนทั้งประเทศด่าว่าสาดเสียเทเสียแล้วค่อยมาทำดีทีหลังให้เป็นบุญคุณ”
กันต์ต้องพยายามสุดความสามารถที่จะไม่แสดงอาการตื่นตระหนก คำพูดของหญิงสาวไม่ต่างจากหยิบเอาความจริงในใจเขาออกมาคลี่ตรงหน้า วูบหนึ่งเขานึกไปถึงไขฟู่ แต่แล้วก็รีบปัดความคิดนั้นทิ้งไป
จริงอยู่ที่ก่อนตายอรสาไปพบธิปก แต่จากข่าวที่กันต์รู้อรสาไปถึงห้างเรืองอำพันในสภาพที่เกือบจะเป็นล้มอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็สิ้นใจไปภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ถ้าจะพูดถึงอำนาจมหัศจรรย์พันลึกของคันฉ่องอาถรรพ์จะต้องใช้เวลาอธิบายกันยืดยาว อรสาไม่น่าจะมีเวลาคุยกับธิปกได้นานขนาดนั้น
กันต์เดาว่านาราคงพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากยอมรับความดีของเขาเสียมากกว่า
พอรู้ทันความคิดของเธอ ชายหนุ่มก็ทำหน้าเศร้า น้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจเหมือนกำลังพูดกับน้องสาวแสนงอน
“คุณนารามองผมในแง่ร้ายมากจริงๆ ผมจะรู้แผนของกมลเนตรก่อนได้ยังไงล่ะครับ” เขาเริ่มหาแพะรับบาป “คุณอยู่ใกล้ธิปกมากเกินไป ฟังเรื่องโกหกจากเขาจนเข้าใจผมผิดไปหมด ผมจะไม่อธิบายต่อละ แต่ขอให้คุณลองคิดดูเอาเองว่าธิปกทำได้ทุกอย่างแม้แต่ผลักคุณปู่ผมตกบันไดลงมา กับอีแค่โกหกคุณทำไมเขาจะทำไมได้ คนเลวๆ อย่างเขาไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”
นาราพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจเมื่อรู้สึกว่าโทสะกำลังเดือดปุดๆ ขึ้นมาเป็นริ้วๆ
“คุณธิปกผลักคุณมงคลจริงหรือเปล่าตัวคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“ชัชวาลเป็นพยานทั้งคนนะครับ จะไม่จริงได้ยังไง อีกไม่นานธิปกก็ต้องติดคุก” กันต์สวนกลับ ขัดใจกับท่าทีปกป้องของหญิงสาวเมื่อพูดถึงคู่แค้นคนสำคัญ “ผมขอเตือนคุณนาราให้ปลีกตัวห่างจากเขาเสียเถอะ คุณเองเป็นคนมีชื่อเสียง ดีไม่ดีจะพลอยมัวหมองไปด้วย”
น้ำเสียงที่เขาพูดถึงธิปกแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว อันที่จริงก็ใช่ว่าจะกระด้างอะไรนักหนา แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะจุดไฟอารมณ์ของนาราให้พลุ่งพล่าน
ก็คนคนนี้ไม่ใช่หรือที่คอยใส่ร้ายธิปกจนต้องเดือดร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งนาราตระหนักว่ากันต์มาเอื้อเฟื้อเธอด้วยจุดประสงค์ใด ความรังเกียจก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
กันต์เป็นคนรักของรพีพรรณแท้ๆ แต่กลับคิดเกินเลยกับเธอที่เป็นน้องสาว แอบมาทำดี วางแผนสร้างบุญคุณเพื่อจะเป็นเบี้ยบนผูกมัดนาราให้กลายเป็นคนรักอีกคนหนึ่ง แค่คิดหญิงสาวก็คลื่นไส้จนแทบจะอาเจียน
หญิงสาวหมดความเกรงใจ ความคิดว่าจะให้เกียรติเพราะเขาเคยช่วยเหลือในยามทุกข์ยากเลือนหายไปในนาทีนั้นเอง
“ฉันไม่มีวันเชื่อว่าคุณธิปกจะทำร้ายคุณมงคล คนดีอย่างเขาไม่มีวันทำเรื่องพวกนั้น” เธอไม่ปิดบังสายตาชิงชังเมื่อมองอีกฝ่าย “และต่อให้คุณธิปกแพ้คดีจนต้องติดคุก ฉันก็จะรอจนกว่าเขาจะพ้นโทษ ต่อให้เป็นสิบปีฉันก็จะรอ ที่คุณพูดว่าคุณธิปกไม่คู่ควรกับฉันฉันขอบอกว่าคุณคิดผิด คุณธิปกเป็นคนดี มีค่าคู่ควรกับความรักของฉันยิ่งกว่าใครๆ” เธอเน้นเสียง ปรายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณเองต่างหากควรละอายใจเสียบ้างที่เที่ยวใส่ร้ายคนอื่น และอย่าคิดว่าจะสวมรอยเป็นหลานชายคุณมงคลไปได้ตลอดรอดฝั่ง สักวันหนึ่งทุกคนจะต้องรู้ความจริงแน่”
กันต์หน้าแดงก่ำ ร้อนผ่าวไปทั้งตัวด้วยโทสะผสมกับความอับอายเมื่อถูกจี้ใจดำ เขาพยายามข่มอารมณ์เต็มที่เพราะไม่อยากตัดรอนกับหญิงสาว แต่นาราไม่คิดจะรักษามารยาทเจ้าของบ้านอีกต่อไปแล้ว เธอลุกขึ้นยืดตัวตรง ชี้มือไปที่ประตู
“ออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว และหวังว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ต้องเจอกับคุณอีกนะ คุณกันต์”
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 20 : เมื่อวันฟ้าใส (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 19 : ความลับกับความจริง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 17 : ความจริงที่ซ่อนอยู่ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 17 : ความจริงที่ซ่อนอยู่ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)