แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (1)

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 18 : แกฆ่าลูกชายฉัน (1)

โดย : ณรัญชน์

Loading

แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co

อรสาแวะซื้อขนมหลายอย่างที่คิดว่าลูกชายน่าจะชอบ จากนั้นก็เรียกรถรับจ้างตรงไปที่บ้านหลังหนึ่งบนถนนพญาไท ระหว่างที่รถแล่นไปเธอก็ทอดสายตามองบ้านเรือนข้างทางอย่างเบิกบาน หน้าตาแช่มชื่นบอกถึงความสุขที่อบอวลอยู่ในใจ

นับว่าโชคชะตายังปรานีที่ช่วยให้วิศรุตรอดชีวิตจากกองเพลิงมาได้ อีกทั้งเทพเจ้าเบื้องบนคงเห็นใจเธอ ถึงดลบันดาลให้อรสาบังเอิญเดินสวนกับวิศรุตระหว่างไปซื้อของที่ย่านบางลำพู

เด็กหนุ่มวัยแตกพานเมื่อสิบกว่าปีก่อนบัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว กระนั้นวิศรุตยังมีเค้าหน้าในวัยเยาว์เหลืออยู่ไม่น้อย อรสาเห็นเพียงแวบเดียวก็จำลูกชายได้ทันที ทว่าวิศรุตเดินลับหายไปก่อนที่เธอจะตามทัน

นับจากนั้นอรสาก็ไปซุ่มรอที่บางลำพูทุกวัน ใช้วิธีเช่ารถรับจ้างแล้วนั่งอยู่บนรถ เพ่งมองไปบนถนนอย่างอดทนตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผ่านไปสองสัปดาห์ทีเดียวกว่าเธอจะได้พบวิศรุตอีกครั้ง

ผู้เป็นแม่สะเทือนใจอยู่ลึกๆ เมื่อพบว่าลูกชายจำเธอไม่ได้เสียแล้ว ดูเหมือนวิศรุตจะสูญเสียความจำไประหว่างกระเสือกกระสนอยู่ในกองเพลิงนั่นเอง ทว่าคงเพราะสายใยระหว่างแม่ลูกที่ฝังแน่นอยู่ในส่วนลึกกระมังที่ทำให้ ‘นายสรวง’ นึกถูกชะตากับคุณน้าคนนี้ จนยอมพาเธอไปถึงบ้านที่เขาอาศัยอยู่ เพื่อไปสอบถามนายแสวงซึ่งรับอุปการะเขาไว้

คำบอกเล่าของนายแสวงทำให้อรสารู้ว่าเมื่อประมาณสิบสี่ปีก่อน นายแสวงซึ่งเป็นภารดาฆราวาสได้เดินทางไปจังหวัดสงขลาพร้อมกับคณะบาทหลวง เพื่อไปช่วยสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า วันหนึ่งเขาพบวิศรุตกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนเพียงลำพัง และดูเหมือนว่าสมองของเด็กหนุ่มจะได้รับความกระทบกระเทือนทำให้ไม่อาจจดจำเรื่องของตัวเองได้เลย นายแสวงจึงรับวิศรุตมาดูแลเป็นการชั่วคราว

จนกระทั่งภารกิจสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสร็จสิ้นลง อาการของหนุ่มน้อยก็ยังไม่ดีขึ้น นายแสวงไม่ใจร้ายพอจะทิ้งเขาไว้คนเดียวเลยพาวิศรุตกลับมาอยู่ที่พระนครด้วยกัน ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าสรวง

การได้พบลูกชายเป็นยิ่งกว่าน้ำฝนที่ชโลมลงมาบนผืนดินแห้งผาก อรสารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เธอเล่าความจริงทั้งหมดให้นายแสวงและสรวงรู้แล้ว ตั้งใจว่าอีกไม่นาน พอได้โอกาสเหมาะก็จะพาสรวงไปพบปู่ของเขา ตัวเธอเองก็จะสารภาพความจริงกับนายมงคล ไม่ว่าพ่อสามีจะโกรธเคืองแค่ไหนอรสาก็จะยอมรับโทษทัณฑ์โดยไม่ปริปาก ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าปล่อยให้คนใจคออำมหิตอย่างกันต์ วนเวียนอยู่ในบ้านในฐานะทายาทอย่างทุกวันนี้

ใช้เวลาไม่นานรถรับจ้างก็พาอรสามาถึงบ้านของนายแสวง พบเจ้าของบ้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก ส่วนสรวงมีห้องเล็กๆ ทางด้านหลังที่นายแสวงยกให้เป็นสตูดิโอ เขาจะขลุกอยู่ในนั้นวันละหลายชั่วโมงเพื่อวาดรูปสีน้ำมันที่เจ้าตัวชอบ

อรสาเดินยิ้มเข้าไปทักทายเจ้าของบ้าน ส่งขนมและนมสดที่ซื้อมาให้

“ขนมเจ้านี้อร่อยมากค่ะ มีคนไปรอซื้อตั้งแต่เช้า ฉันต้องไปรออยู่ตั้งนานกว่าจะได้มา”

นายแสวงรับขนมไปพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ “ผมเห็นทีจะอ้วนแย่ เมื่อกี้คุณอรสาก็ฝากขนมมากับคุณผู้ชายแล้ว นี่ยังซื้อมาให้อีก” เขาหัวเราะ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้ “เมื่อครู่นี้คุณผู้ชายทำผ้าตกไว้ ฝากคุณอรสาช่วยคืนให้ทีนะครับ เก็บไว้ที่ผมเกรงจะลืม”

อรสาขมวดคิ้ว “คุณผู้ชายที่ไหนหรือคะ”

“ก็คุณผู้ชายที่คุณสั่งให้เอาขนมมาให้สรวงไงครับ เขาเอาของไปให้สรวงที่สตูดิโอแล้ว เพิ่งกลับไปก่อนคุณจะมาสักครึ่งชั่วโมงนาทีนี่เอง”

ผ้าสีพยับหมอกผืนนั้นเป็นผ้าเนื้อดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา ที่มุมหนึ่งยังปักตัวอักษรรูปตัววีด้วยฝีเข็มละเอียดยิบเอาไว้ด้วย อรสาก้มมองมันด้วยความรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด แต่ครู่เดียวก็นึกขึ้นได้ เธอใจหาย อุทานเสียงสั่น

“วิศรุต”

อรสาผลุนผลันวิ่งตรงไปยังห้องเล็กหลังบ้านทันที นายแสวงเห็นท่าทางตกใจของเธอ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็รีบวิ่งตามมาด้วย พอผลักประตูห้องเข้าไปทั้งคู่ก็เห็นสรวงนอนเหยียดยาวอยู่หน้าขาหยั่งวาดรูป ขนมที่กัดไปได้ครึ่งก้อนตกอยู่ข้างตัว ชายหนุ่มหน้าแดงจัด แขนขากระตุกน้อยๆ

อรสาถลาเข้าไปหาลูกชาย น้ำตาร่วงพรูขณะลนลานประคองสรวงขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา โชคดีที่นายแสวงมีความรู้เรื่องโรคภัยต่างๆ พอสมควร เขารีบเข้ามาดูอาการชายหนุ่ม

“อาการเขาเหมือนกินยาพิษเข้าไป ต้องรีบส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”

ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็พาสรวงไปถึงโรงพยาบาล อรสาผุดลุกผุดนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน กระวนกระวายเหมือนใจจะขาด นานนับชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าคนข้างในจะผลักประตูออกมาแจ้งข่าวให้รู้ เธอน้ำตาร่วงเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของนายแพทย์ พร้อมกันนั้นความเคียดแค้นระคนอาฆาตก็ทะลักล้นเข้ามาเต็มหัวใจ

สรวงถูกวางยาพิษ และคนคนเดียวในโลกที่มีแรงจูงใจให้กำจัดลูกชายของเธอก็คือกันต์!

แน่ละ…อรสาเชื่อว่าปีศาจตนนั้นพร้อมจะทำเรื่องเลวทรามได้ทุกอย่างเพื่อรักษาสถานะหลานชายของนายมงคลไว้ เพราะอย่างนี้เธอถึงได้ระวังตัวมาตลอด และมั่นใจว่าไม่มีใครเลยที่จะระแคะระคายว่าเธอแอบมาพบสรวงที่บ้านของนายแสวง

ถ้าหากกันต์จะรู้ ต้องไม่ใช่ด้วยวิธีธรรมดาทั่วไป…

ก่อนหน้านี้เธอเคยเคลือบแคลงว่าเขาอาจครอบครองคันฉ่องไขฟู่ ใช้อำนาจของวัตถุอาถรรพ์เปิดทางให้เห็นอนาคตของทุกคนที่ต้องการ แต่เวลานี้อรสาไม่สงสัยอีกแล้ว

อรสาเรียกรถรับจ้างให้ไปส่งที่บ้านของนายมงคล เวลาบ่ายจัดอย่างนี้แน่นอนว่ากันต์จะต้องทำงานอยู่ที่ห้างไดมอนด์ เธอจึงไม่รีรอที่จะก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องนอนของเขา ลงมือรื้อค้นข้าวของกระจุยกระจายโดยไม่สนใจจะปกปิดร่องรอย

อรสาหยิบลูกกุญแจออกมาจากลิ้นชัก ไขประตูตู้ไม้สักใกล้หัวเตียงให้เปิดออก ในตู้มีกล่องหนังอย่างดีอยู่ใบหนึ่ง พอเปิดฝากล่องสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับคันฉ่องทองเหลืองล้อมด้วยกรอบสำริด มีมือจับยื่นออกมาด้านล่าง สภาพแสนสามัญนั้นไม่บ่งบอกความมีราคาเลยแม้แต่น้อย แต่กันต์กลับเก็บมันไว้อย่างมิดชิดราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน

นี่สินะ…ไขฟู่!

ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสถูกด้ามสำริด ก็ราวกับมีสายลมพัดเกล็ดน้ำแข็งเย็นยะเยือกโชยมาปะทะร่าง อรสาขนลุกเกรียว ยืนตะลึงตัวชาเหมือนถูกสะกดอยู่ครู่หนึ่งกว่าสติจะกลับคืนมาได้ เธอรีบยัดวัตถุในมือใส่กระเป๋าแล้วก้าวออกจากห้อง แต่โชคไม่เข้าข้างอรสา เพียงแค่ลงมาถึงห้องโถงชั้นล่าง ร่างสูงของกันต์ก็เดินผ่านประตูบ้านเข้ามาพอดี

แวบแรกที่สบตากัน กันต์ก็สัมผัสถึงความโกรธแค้นที่กระจายอยู่เต็มสีหน้าและแววตาของอรสา ก่อให้เกิดความระแวงขึ้นมาทันใดตามประสาวัวหลังหวะ

นับตั้งแต่วันที่อรสาขู่ว่าจะเปิดเผยตัวจริงของเขา กันต์ก็ไม่เคยไว้ใจเธออีกเลย เขาจึงใช้ไขฟู่ส่องดูพฤติกรรมในอนาคตของเธอ แล้วก็เห็นด้วยความพรั่นพรึงจนขนหัวลุกว่าอีกไม่ช้าอรสาจะได้พบวิศรุตอีกครั้ง จากนั้นสองแม่ลูกก็จะกลับมาที่บ้านหลังนี้ มากระชากหน้ากากของเขา ผลักเขาให้หล่นจากวิมาน และช่วงชิงภูเขาเงินภูเขาทองที่เขาครอบครองอยู่กลับคืนไป

กันต์จึงต้องชิงลงมือก่อน เขาแอบสะกดรอยตามอรสาไปจนถึงที่กบดานของวิศรุต จากนั้นก็ไปเยี่ยมอีกฝ่ายพร้อมกับขนมใส่ยาพิษ

ส่วนความเป็นไปได้ที่นายแสวงจะแจ้งความจับเขานั้น กันต์ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย คนแก่อย่างนายแสวงจะเอาปัญญาที่ไหนมาจดจำหน้าตาคนแปลกหน้าที่ได้พบกันเพียงครั้งเดียว หรือต่อให้นายแสวงสามารถระบุรูปพรรณสัณฐานของเขาได้ก็เถอะน่า แต่ก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันได้อยู่ดีว่าเขาไปที่บ้านหลังนั้น

กันต์เชื่อว่าด้วยฐานะความเป็นหลานชายนายมงคล กิตติไกรสีห์ ผู้พร้อมพรั่งไปด้วยเกียรติยศและเงินทอง จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเขาแน่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ

ทว่าท่าทีจงเกลียดจงชังเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของอรสา ก็ทำให้นึกระแวงว่าชะรอยเขาอาจจะเผลอทิ้งพิรุธบางอย่างไว้กระมัง

อรสาไม่ทักชายหนุ่ม เธอมองเมินทำท่าจะเลี่ยงออกไป แต่กันต์เหลือบไปเห็นแท่งสำริดสีเขียวอมฟ้าหม่นสลักลวดลายภาษาจีนโผล่ออกมาจากกระเป๋าของเธอเสียก่อน เขาใจหายวาบ ความคุ้นเคยทำให้บอกได้ทันทีว่านั่นคือด้ามจับของไขฟู่

ระยะหลังอำนาจของคันฉ่องอาถรรพ์จะลดลงไปมาก ภาพนิมิตที่กันต์ได้เห็นในแต่ละครั้งมีระยะเวลาสั้นลงจนน่าใจหาย กระนั้นมันก็ยังเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดสำหรับเขาอยู่นั่นเอง เพียงเห็นว่าถูกคนอื่นฉกชิงไปความหวงแหนก็แล่นปราดไปทั้งร่าง

“นั่นของของผมไม่ใช่หรือ เอาคืนมา”

เขาร้องอย่างลืมตัว ผวาเข้าไปหมายจะคว้ากระเป๋าในมืออรสาแต่แม่ของวิศรุตเบี่ยงตัวหลบ ความแค้นพลุ่งพล่านขึ้นมายิ่งกว่าไอน้ำเดือดจนหมดความยับยั้งใจอีกต่อไป เธอตวาดเสียงสั่น

“ไอ้อกตัญญู ฉันช่วยเหลือเชิดชูแกขึ้นมาให้สุขสบาย แกกลับมาฆ่าลูกชายฉัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ กระจกนรกนี่มันบอกแกใช่ไหมว่าวิศรุตยังไม่ตาย แกถึงได้ตามไปฆ่าเขา”

โล่งอกไปที อย่างน้อยคุณวิศรุตก็ตายไปแล้ว!

ขอแค่หมดปัญหาข้อนี้กันต์รู้ว่าเขาไม่จำเป็นสนใจเรื่องอื่นอีก ในเวลานี้สิ่งสำคัญมีเพียงแย่งไขฟู่กลับคืนมาเท่านั้น

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ของในกระเป๋านั่นเป็นของผม เอาคืนมาดีๆ เถอะอย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลย”

อรสากำหูกระเป๋าแน่นเข้า อีกมือหยิบแจกันลายครามที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างตัวขว้างใส่หน้ากันต์เต็มแรง บังคับให้ชายหนุ่มต้องก้มตัวหลบ เธออาศัยจังหวะนั้นวิ่งออกไปจากห้องโถง ลงบันไดเตี้ยๆ เพียงสี่ขั้นหน้าตึกไปถึงสนามหญ้า ประจวบกับมีคนรับใช้สองคนเดินมาพอดี อรสาถลาไปหลบอยู่ข้างหลังแม่สาวใช้ ก่อนจะหันไปบอกวิศรุตที่กระโจนตามมาติดๆ

“แม่จะออกไปซื้อของใช้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น วิศรุตจะเอาอะไรสั่งสองคนนี้ก็แล้วกัน”

“คุณแม่ฟังผมอธิบายก่อน ผมว่าเราควรจะพูดจาปรับความเข้าใจกันนะครับ”

วิศรุตไม่อาจเข้ามาลากอรสาไปต่อหน้าคนอื่นๆ เขาได้แต่ยืนละล้าละลัง ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่แพ้เธอ อรสาส่ายหน้า ดึงตัวคนรับใช้คนหนึ่งไว้เป็นเกราะกำบัง

“จวง เดินไปหน้าบ้านกับฉัน ฉันจะไปเรียกรถ น้อย…” เธอบอกคนรับใช้อีกคน “คุณวิศรุตมีแผลที่หลังเธอช่วยดูให้ที พาคุณวิศรุตไปทายาด้วย”

จบคำเธอก็อาศัยจังหวะที่แม่น้อยซึ่งรู้ว่าแอบชอบวิศรุตมานานแล้ว กระแซะเข้าไปถามอาการชายหนุ่ม ลากแขนจวงเดินแกมวิ่งไปหน้าบ้าน โชคดีมีแท็กซี่ขับผ่านมาอรสาจึงรีบขึ้นไปนั่ง สั่งให้พาไปหาคนคนเดียวที่จะเป็นที่พึ่งได้ในเวลานี้

 “ไปห้างเรืองอำพันที่ราชประสงค์”



Don`t copy text!