แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
แม้จะมัดมือมัดเท้าลูกเลี้ยงให้ตกลงแต่งงานได้ตามต้องการแล้ว ทว่าวรรณารู้จักฤทธิ์เดชลูกเลี้ยงของเธอเกินกว่าจะวางใจง่ายๆ เธอจึงสั่งคุมตัวนาราให้อยู่แต่บนเรือนใหญ่จนกว่าจะถึงวันวิวาห์ นาราไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อใครเลยยกเว้นโทรศัพท์ไปลางานตามที่เจ้าตัวร้องขอ
วรรณายอมตามใจก็จริงแต่ก็ไม่วายบ่นด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้
“ถึงยังไงพอแต่งงานไปแล้วพ่อวิฑูรย์ก็คงไม่ให้แม่นาราทำงานอยู่ดี น่าจะลาออกให้หมดเรื่องไป จะเป็นสะใภ้เศรษฐีอยู่แล้วนี่”
แน่ละ จะไม่ให้แม่เลี้ยงรู้สึกเหมือนถูกไฟสุมอกได้อย่างไร ในเมื่อสายหยุดนั้นถึงแม้จะเป็นเจ๊กไม่มีสกุลรุนชาติ แต่ก็ยังเป็นเจ๊กที่ร่ำรวยมีความเป็นอยู่สุขสบายกว่าใครต่อใครเกินครึ่งพระนคร ถ้าไม่เพราะเข้าตาจนจริงๆ อย่าหวังเลยว่าเธอจะสนับสนุนให้ลูกสาวของตวงพรได้ดีมีสุขถึงเพียงนั้น
พิธีหมั้นและรดน้ำสังข์ในช่วงเช้าจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง ส่วนงานเลี้ยงในตอนค่ำจะไปจัดกันที่บ้านเจ้าบ่าวซึ่งรองรับคนได้มากกว่า แขกเหรื่อเกือบทั้งหมดเป็นเพื่อนและญาติๆ ของเจ้าบ่าวกับมารดาทั้งสิ้น ส่วนแขกทางฝ่ายเจ้าสาวมีเพียงสี่คนคือวรรณา รพีพรรณ กมลเนตร และกานดา ถึงอย่างนั้นก็ยังนั่งกันจนเต็มห้องโถงใหญ่
จำนวนผู้ร่วมงานยิ่งหนาตาขึ้นไปอีกเมื่อนพมาศมาถึงพร้อมลูกน้องในกองบรรณาธิการ ตากล้อง เสมียนและช่างเรียงในโรงพิมพ์ของเธอ ทั้งหมดเกือบสามสิบชีวิต ดูอลังการจนแทบจะจัดเป็นขบวนแห่ขันหมากได้อีกขบวนหนึ่ง เธอบอกรพีพรรณที่มาต้อนรับอย่างกระอักกระอ่วนว่า
“นาราเชิญพวกเรามาค่ะ ลูกน้องแต่งงานทั้งทียังไงดิฉันก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”
เจ้าสาวปรากฏตัวในชุดไทยเรือนต้นสีชมพูอ่อน ผมดำมันรวบขึ้นไปจับเป็นมวยใหญ่อยู่กลางกระหม่อม เผยให้เห็นต้นคอระหง ดวงหน้าเนียนลออแต่งแต้มด้วยฝีมือช่างเสริมสวยที่แม่เลี้ยงลงทุนจ้างมาเป็นพิเศษ ส่งผลให้นารางามผุดผ่องผิดไปจากทุกวันจนวิฑูรย์มองตาค้าง แทบไม่รู้ว่าหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งพับเพียบข้างเขาตั้งแต่เมื่อไร
ขณะนั้นยังไม่ได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้น ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจึงโอภาปราศรัยกันไปพลางๆ ก่อน นารานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ครู่หนึ่งก็เอนตัวไปกระซิบว่าที่คู่หมั้น
“คุณวิฑูรย์ ฉันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ”
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ รวยรื่นมาแตะจมูก วิฑูรย์สูดเข้าไปอย่างชื่นใจ “รอหน่อยนะครับ ไม่นานก็เสร็จพิธีแล้ว”
“ฉันปวดจะแย่อยู่แล้ว ต้องไปเดี๋ยวนี้ละ ไม่งั้นถ้ามันราดออกมาขายหน้าญาติๆ คุณแย่” นารากุมท้อง บิดตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ท่าทางปวดหนักจนอารมณ์เคลิบเคลิ้มของฝ่ายชายแตกกระเจิง
“ตายละวา อย่างน้อยก็รอสวมแหวนก่อนนะครับ”
“ไม่ได้” นาราทำเสียงเข้ม “ฉันไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับ คุณช่วยถ่วงเวลาไปก่อนนะ”
จบคำร่างในชุดสีชมพูหวานก็ลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องโถง ทิ้งให้เจ้าบ่าวนั่งหน้าเจื่อน ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปรอบห้อง ไม่กี่นาทีต่อมานพมาศก็ลุกจากที่นั่งของเธอบ้าง บอกเจ้าภาพว่ามีธุระจำเป็นต้องขอตัวกลับก่อน เธอไม่รอดูว่าวรรณาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่เดินลิ่วออกไปโดยไม่ฟังคำตอบ มีบรรดาพนักงานและช่างเรียงพิมพ์ของนิตยสารลัดดาวัลย์เดินเรียงกันเป็นงูกินหางตามเจ้านายไปติดๆ ท่ามกลางความงุนงงของแขกทั้งห้อง
รพีพรรณทอดสายตามองเก้าอี้ว่างเปล่าที่พนักงานของนพมาศเคยนั่ง มันวางซ้อนกันเป็นแถวยาวได้ถึงสามแถว บัดนี้เมื่อทุกคนลุกออกไปภาพที่เหลืออยู่จึงดูวังเวงจนน่าใจหาย
พิธียังไม่จะทันเริ่มทำไมเพื่อนๆ นังนาราถึงรีบกลับ…
ฉับพลันสัญญาณเตือนภัยก็ส่งเสียงขึ้นในสมอง หญิงสาวนึกระแวงขึ้นมาทันที เธอรีบเดินนำสาวใช้ไปเคาะประตูห้องน้ำที่นาราผลุบหายเข้าไป พอไม่มีเสียงตอบรับรพีพรรณก็สั่งให้พังประตู
จริงดังคาด! ภายในห้องเล็กๆ นั้นว่างเปล่า รพีพรรณเห็นเพียงผ้าซิ่นยกทองสีชมพูอ่อนพาดอยู่บนราวแขวนผ้า มีเข็มขัดทอง สร้อยและตุ้มหูที่วรรณาให้นารายืมประดับกายในวันสำคัญวางอยู่บนอ่างใต้กระจกส่องหน้า หน้าต่างห้องน้ำถูกเปิดค้างไว้ ส่วนตัวนาราอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขบวนรถทั้งหกคันของทีมงานนิตยสารลัดดาวัลย์แล่นมาถึงประตูใหญ่พอดี เมื่อสาวใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาตะโกนบอกให้ยามปิดประตู ด้านหลังมีรพีพรรณกับกมลเนตรกระหืดกระหอบตามมาอย่างรีบร้อน รพีพรรณปราดเข้าไปเคาะกระจกหน้าต่างรถของนพมาศอย่างไม่กลัวเสียมารยาท
นพมาศหมุนกระจกฝั่งของเธอลงครึ่งหนึ่งแล้วถามด้วยเสียงพิศวง
“มีอะไรหรือคะคุณรพีพรรณ”
รพีพรรณไม่เสียเวลาร้อยเรียงถ้อยคำให้สละสลวยอีกต่อไป หญิงสาวถือว่าพรรคพวกของน้องสาวก็คือปรปักษ์ตัวฉกาจไม่แพ้ตัวนาราเอง
“นาราหายไปค่ะ ดิฉันคิดว่าน่าจะมากับกลุ่มของคุณนพมาศ ในรถคันใดคันหนึ่งนี่ละค่ะ”
“อุ๊ย! เจ้าสาวหายแล้วจะมาโทษดิฉันหรือคะ” นพมาศทำหน้าเครียดให้รู้ว่าไม่สบอารมณ์นัก “ดิฉันไม่ใช่พวกลักพาคนเรียกค่าไถ่นะคะ บอกไว้ก่อน แต่ก็เอาเถอะถ้าหากคุณรพีพรรณไม่ไว้ใจก็เชิญตรวจดูได้เลยค่ะ”
นพมาศหันไปสั่งเลขาฯ ของเธอซึ่งนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันให้ลงไปบอกพรรคพวกในรถที่เหลือ ให้ลดกระจกลงทั้งหมด ปล่อยให้รพีพรรณกับกมลเนตรเดินสำรวจไล่หาไปเรื่อยๆ จนครบทั้งขบวนก็ไม่ปรากฏว่าจะมีเจ้าสาวของงานหลบซ่อนตัวอยู่ตรงไหน
แน่ละที่รพีพรรณจะต้องคว้าน้ำเหลว เพราะระหว่างที่เธอมัวเสียเวลากับทีมงานของนพมาศ ที่รั้วสังกะสีใกล้กับเรือนเล็ก ร่างเพรียวในเสื้อแขนกระบอกสีชมพูของชุดไทยเรือนต้น ท่อนล่างเป็นกางเกงสามส่วนพอดีตัว กำลังปีนต้นตะขบใหญ่ข้างรั้วด้วยท่าทางชำนิชำนาญ ก่อนจะโหนตัวข้ามไปอีกฟากหนึ่ง
ที่ตรงนั้นมีคลองเล็กๆ คั่นกลางระหว่างเขตที่อยู่อาศัยกับถนนใหญ่ นาราเดินข้ามต้นมะพร้าวที่ชาวบ้านพาดไว้แทนสะพานข้ามคลองไปถึงถนนหลวง ธิปกเปิดประตูรถของเขารออยู่แล้ว พอหญิงสาวขึ้นนั่งชายหนุ่มก็พารถแล่นฉิวไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งความวุ่นวายโกลาหลไว้ให้แม่เลี้ยงรับหน้าไปตามยถากรรม…
ภายในห้องโถง สายหยุดนั่งรอเจ้าสาวอยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เห็นร่างระหงในชุดสีชมพูอ่อนจะกลับมาเข้าพิธีเสียที พอถามวรรณาอีกฝ่ายก็อ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ หล่อนก็เดาได้ว่าต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นเป็นแน่แท้
“ยังไงกันคะคุณวรรณา หนูนาราเข้าห้องน้ำอีท่าไหนถึงหายไปนานขนาดนี้ หนูรพีพรรณออกไปตามก็หายไปอีกคน อย่านึกว่าฉันโง่จนคิดอะไรไม่เป็นนะ บอกมาตามตรงว่าเจ้าสาวหายไปไหน”
“เอ่อ…นาราเป็นลมไปน่ะแม่สายหยุด ตอนนี้กำลังพยาบาลกันอยู่ อดใจรอสักพักเถอะนะ”
“ถ้าเป็นลมงั้นฉันขอเจอตัวได้ไหมล่ะ” แม่ว่าที่เจ้าบ่าวสะบัดเสียง “แต่ฉันว่าไม่น่าใช่ ท่าทางคงจะทำเรื่องให้พวกฉันขายขี้หน้าคนเขาเสียมากกว่า”
รพีพรรณและกมลเนตรเดินนำบริวารกลับเข้ามาในห้องโถงพอดี ท่าทางเหน็ดเหนื่อยกันมาทีเดียว รพีพรรณพยายามสุดความสามารถที่จะควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ กระนั้นความกลัดกลุ้มแกมเดือดดาลก็ยังฉายออกมาทางแววตาอย่างระงับไม่อยู่
พอมารดามองมาเป็นเชิงถามหญิงสาวก็ส่ายหน้า แล้วถอยไปนั่งใกล้ประตูทางออก ไม่ยอมเข้ามารวมกลุ่ม เพราะกลัวคุณนายสายหยุดจะบ้าเลือดประกาศให้เธอนั่งลงสวมแหวนหมั้นกับวิฑูรย์แทนนังน้องสาว
สายหยุดขบฟันกรอด ใบหน้าอ้วนอูมเป็นสีเข้มเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ หล่อนผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนห้าสิบกว่าปีเข้าไปแล้ว ทำไมจะเดาไม่ออกว่าลงเหตุการณ์ดำเนินไปในรูปนี้ บทสรุปคงมีอย่างเดียวคือเจ้าสาวได้หนีงานแต่งงานไปเสียแล้ว
จะหนีไปเองหรือว่าหอบผ้าตามไอ้หนุ่มที่ไหนไปก็เถิด แต่ที่แน่ๆ…คนที่จะต้องขายหน้าป่นปี้ที่สุดก็คงไม่พ้นตัวหล่อนนี่ละ
“คุณวรรณา บอกมาตามตรงเถอะว่าลูกสาวคุณหนีไปแล้วใช่ไหม อย่าคิดว่าจะมาทำอย่างนี้กับฉันได้นะ ลูกคุณรังเกียจพวกฉันก็ว่ามาตรงๆ ฉันเองก็ไม่ง้อเหมือนกัน ลูกสาวผู้ดีมีตระกูลบ้านอื่นยังมีถมเถ แล้วก็ไม่ใช่พวกผู้ดีที่มีแต่เปลือก ข้างในน่ะไส้แห้งเป็นหนี้เป็นสินจนต้องแต่งงานล้างหนี้อย่างพวกคุณด้วย” สายหยุดกระแทกเสียง
วรรณาเจ็บแปลบไปทุกรูขุมขนกับคำประณามอย่างไม่อ้อมค้อมนั้น ใบหน้าที่ขาวจนเกือบเทาเพราะความตกใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เหงื่อซึมออกมาเต็มหน้าผาก สายหยุดยังคงเกรี้ยวกราดต่อไป เชือดเฉือนใจคนฟังจนแทบเป็นลม
“ถ้าไม่อยากแต่งกับลูกฉันก็ไม่ต้องแต่ง พอกันที! ลูกสาวคุณคนไหนๆ ฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น แต่วันจันทร์หน้าเอาเงินมาใช้ฉันให้หมดทั้งต้นทั้งดอก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้าย ฉันจะฟ้องยึดทรัพย์คุณเอาให้รู้กันไปทั้งเมืองเลย ดูซิทั้งแม่ทั้งลูกจะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหน”
ได้เล่นงานอีกฝ่ายไปพอแรง พอจะระบายความแค้นออกไปบ้างแล้ว สายหยุดก็หันไปเรียกแขกฝ่ายตนเอง เล่าแจ้งแถลงไขจนเข้าใจสถานการณ์จากนั้นก็เดินตามกันไปจนหมดห้อง ทิ้งให้วรรณานั่งตัวสั่นเทิ้ม ทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
พอลูกสาว กมลเนตรและกานดาปราดเข้ามาหา วรรณาก็กุมมือรพีพรรณไว้แน่น
“นังนารามันทำแม่เจ็บแสบนัก คราวนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะแม่รพี แม่สายหยุดสั่งให้เอาเงินต้นกับดอกเบี้ยไปคืนในวันจันทร์นี้แล้ว แม่จะไปหาเงินมาจากไหน”
ทั้งๆ ที่อากาศค่อนข้างอบอ้าว แต่รพีพรรณกลับหนาวยะเยือกจับใจราวกับอุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลงถึงจุดเยือกแข็ง ยิ่งพอนึกไปถึงตัวต้นเหตุ ความชิงชังที่สั่งสมอยู่ในหัวใจมาเนิ่นนานก็ทวีคูณขึ้นอีกหลายเท่า
นี่ถ้านาราอยู่ใกล้มือ รพีพรรณคงฉีกเนื้ออีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว!
“หนูไม่ยอมให้มันลอยนวลไปง่ายๆ หรอก หนูจะตามจองเวรมันให้ไม่มีความสุขไปทั้งชาติ” เธอเค้นเสียงลอดไรฟัน
กมลเนตรพลอยแค้นใจไปด้วย “นาราเซ็นรับสภาพหนี้กับคุณนายเกลียวจิตไว้ เราให้คุณนายแกทวงหนี้เลยดีกว่าค่ะ เอาให้มันหมดตัว มันจะได้เข็ดหลาบที่กล้ากำแหงกับคุณป้า”
รพีพรรณกวาดสายตามองห้องโถงกว้างขวางหากแต่ว่างเปล่า เพราะของตกแต่งมีราคาที่เคยวางอวดอยู่ตามจุดต่างๆ ถูกวรรณาขายไปหมด ฉับพลันความพรั่นพรึงก็พุ่งเข้าเสียดแทงจิตใจจนแทบจะปล่อยโฮออกมา
หากสายหยุดเอาเรื่องหนี้สินไปโพนทะนาจริง รพีพรรณจะรับมือกับความอัปยศอย่างไรไหว จะสู้หน้าใครในสังคมได้อีก
ที่สำคัญนับจากนี้ฐานะทางบ้านคงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะรพีพรรณรู้จากวรรณาว่าเงินก้อนใหญ่ที่เธอเอาไปละลายกับการค้าทอง เป็นจำนวนถึงสองในสามของสมบัติที่สุพจน์ได้รับมรดกมาจากพ่อของเขา ยังดีที่วรรณาไม่ได้แตะต้องบ้านหลังนี้ มิฉะนั้นรพีพรรณคงไม่มีแม้แต่หลังคาคุ้มหัว
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังตระหนกกับปัญหาที่ประเดประดังเข้ามา หญิงสาวผู้ถูกเหมาว่าเป็นต้นเหตุของหายนะครั้งนี้ก็กำลังนั่งอยู่ในรถของธิปก แล่นเรียบเรื่อยไปบนถนนบ้านหม้อ ก่อนจะไปหยุดที่ริมรั้วของบ้านไม้สองชั้นทาสีไข่ไก่หลังหนึ่ง
ธิปกมองเข้าไปในสนามแคบๆ หน้าบ้านพลางถามคนที่นั่งอยู่ข้างตัว
“แน่ใจนะว่าคุณอยากทำอย่างนี้จริงๆ ถ้าจะเปลี่ยนใจผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
นารายิ้มรับทั้งๆ ที่ก็แอบใจสั่นอยู่เหมือนกัน “คนอย่างฉันเดินหน้าแล้วไม่มีถอย คุณเตรียมนักข่าวของคุณไว้ให้พร้อมเถอะ”
ธิปกนิ่งไปครู่หนึ่ง เขากำลังคิดถึงความยุ่งยากที่นาราทิ้งไว้ข้างหลัง
“ที่จริงถ้าไม่อยากแต่งงานคุณน่าจะหนีมาก่อนหน้านี้ ไม่เห็นจะต้องเจาะจงเลือกเวลาที่เจ้าบ่าวยกขันหมากมาถึงบ้านเลย ทำอย่างนี้แม่เลี้ยงคุณคงตั้งตัวรับสถานการณ์ไม่ทันถ้าหากคุณนายสายหยุดอาละวาดขึ้นมา”
“งั้นหรือ”
นารามัวแต่หนักใจกับภารกิจที่กำลังจะเผชิญ จึงตอบกลับเพียงสั้นๆ แต่คนฟังรู้สึกเหมือนหญิงสาวแค่ตอบปัดๆ ไปพอให้พ้นตัว จึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจแกล้งแม่เลี้ยง ธิปกถูกย่าแหวนอบรมมาให้ยึดหลักการให้อภัย ไม่คิดแค้นจองเวรกับใคร จึงอดตำหนิการกระทำของอีกฝ่ายไม่ได้
“นี่คุณแกล้งแม่เลี้ยงคุณจริงๆ ใช่ไหม คุณจงใจหนีวันนี้เวลานี้เพื่อฉีกหน้าคุณนายสายหยุด แกจะได้โกรธแม่เลี้ยงคุณมากๆ ทีนี้แกคงเล่นงานแม่เลี้ยงคุณย่ำแย่ไปเลยละ” ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนครูเคร่งๆ สักคนยามจับได้ว่านักเรียนทำผิด “คุณนี่นะ ไม่ใช่แต่เจ้าแผนการ ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย”
นารามองท่าทางจริงจังของชายหนุ่มอย่างระอา
“ฉันไม่ได้จงใจเลือกวันนี้เพื่อแกล้งคุณแม่ใหญ่ แต่ทุกอย่างเป็นผลมาจากการกระทำของเขาเอง ก่อนหน้านี้คุณแม่ใหญ่ให้คนคุมฉันแจทุกฝีก้าว ฉันจะหนีไปได้ยังไง ก็เหลือแต่วันแต่งงานนี่ละถึงจะมีคนเข้าไปในบ้านพอจะถ่วงเวลาให้ฉันหนีออกมาได้” เธอทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย “เขาถึงว่าเวรกรรมมีจริงอย่างไรล่ะ คุณแม่ใหญ่บีบให้ฉันไม่มีทางเลือกเอง เมื่อเขาร้ายกับฉันก่อนก็ต้องเตรียมใจรับผลที่จะตามมาสิ ถึงจะยุติธรรม”
ที่จริงนาราก็พอเดาออกว่าผลลัพธ์จากการหนีแต่งงานของเธอคงบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่เพราะมีความจำเป็นถึงขีดสุด เธอจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้แน่ เพราะถึงอย่างไรนาราก็ยังคำนึงถึงคุณสุพจน์อยู่
คุณพ่อผู้รักชื่อเสียงหน้าตายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคงแทบคลั่งเลยทีเดียว หากเรื่องหนี้สินรั่วไหลออกไปถึงหูมิตรสหายในวงสังคม
ก็ขอภาวนาให้วรรณาหาทางออกได้ก่อนที่คุณพ่อจะกลับมาก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นนาราไม่อยากจะคิดเลยว่านายสุพจน์จะเล่นงานภรรยาอย่างไรบ้าง
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)