แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
สายตาของทุกคนที่เพ่งมาเป็นตาเดียวบังคับให้นาราไม่มีทางเลือก ได้แต่ถอนใจอย่างยอมรับชะตากรรม ก่อนจะเปิดกระเป๋าราตรีที่ถืออยู่ให้จารุมนดู
ฝ่ายที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นตำรวจซ่อนยิ้มในหน้า ทำทีเป็นก้มลงมองผ่านๆ ด้วยอาการเชื่อใจเปี่ยมล้น แต่พอเห็นว่าที่ก้นกระเป๋าผ้าต่วนปักเลื่อมใบนั้นมีเพียงลิปสติก ตลับแป้งและของกระจุกกระจิกอีกไม่กี่ชิ้น ไม่มีวี่แววของแหวนเพชรที่กุลธิดาใส่ไว้ จารุมนก็หน้าเปลี่ยนสี รีบกระตุกกระเป๋ามาจากมือนาราแล้วลงมือค้นอย่างเอาจริงเอาจัง
“เจออะไรบ้างไหมคะคุณจารุมน” เจ้าของกระเป๋าถามด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ
จารุมนส่งวัตถุในมือคืนให้ พยายามระงับความผิดหวังที่เต็มที่
“ไม่มีค่ะ” หล่อนยิ้มแห้งๆ หันไปส่งสายตางุนงงให้บรรดาผู้สมรู้ร่วมคิด
กุลธิดากำลังลุ้นสุดตัวที่จะให้ธิปกได้เห็นความร้ายกาจของแม่รองนางงามคนนี้ พอเรื่องราวกลับตาลปัตรไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ เด็กสาวก็หัวเสีย หลุดปากทะลุกลางปล้องขึ้นมา
“ไม่มีจริงหรือๆ คะคุณจารุมน แน่ใจหรือว่าหาทั่วแล้ว”
“คุณกุลธิดาหมายความว่ายังไงคะ หรือคิดว่าควรจะมีอะไรอยู่ในกระเป๋าฉัน” นาราดักคอ “ฉันก็เหมือนคุณกับคนอื่นๆ นั่นละค่ะ ที่เข้ามากราบคุณประเทียบด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
กุลธิดาหน้าแดงก่ำ ทำท่าจะเถียงให้รู้ดำรู้แดง แต่รพีพรรณรีบส่งสายตาให้จารุมนเข้ามาห้ามทัพ ก่อนที่คนตื้นเขินอย่างเด็กสาวจะพูดพล่ามจนเผยพิรุธโดยไม่รู้ตัว
“ในเมื่อไม่เจอแหวนก็แปลว่าคงเป็นการเข้าใจผิดกัน แหวนอาจจะตกหล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้านนี่ละ ถ้าอย่างนั้นพวกเราลาคุณยายดีกว่า คุณยายจะได้พักผ่อน” จารุมนตัดบท
คุณประเทียบเองก็ผิดหวังไม่น้อย เธอมั่นใจว่าเครื่องประดับที่หายไปจะต้องอยู่ที่เด็กคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนี้แน่ๆ แต่ในเมื่อทุกคนได้แสดงความบริสุทธิ์ออกมาแล้ว เธอจะดึงดันกล่าวหาต่อก็ดูจะไม่มีเหตุผล หนำซ้ำแต่ละคนก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลเสียด้วย ถ้าเธอรุกไล่ถึงขนาดสั่งให้ค้นตัว เรื่องราวก็ย่อมจะบานปลายกลายเป็นความบาดหมางของผู้ใหญ่ไปในที่สุด
คิดสะระตะแล้วคุณประเทียบจึงพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
สาวๆ ทั้งหมดแทบจะถอนใจโล่งอกออกมาพร้อมกัน จารุมนกลบเกลื่อนด้วยการบอกราตรีสวัสดิ์คุณยายของเธอ แล้วหันมาชวนเพื่อนๆ ให้กลับไปเต้นรำกันต่อ
หญิงสาวคงจะลับตัวออกจากห้องไปแล้วหากไม่มีเสียงหนึ่งทักขึ้นเสียก่อน
“อย่าเพิ่งไปสิคะ ใครบอกว่าเราค้นกระเป๋าของทุกคนครบแล้ว ยังมีกระเป๋าของอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ค้นเลย” นารายิ้มน้อยๆ เห็นฟันซี่เล็กๆ ขาวเป็นเงาอย่างน่ามอง “ก็กระเป๋าของคุณจารุมนยังไงละคะ”
เท้าหลายคู่ที่กำลังก้าวออกจากห้องโถงชะงักอยู่กับที่ราวกับคำพูดนั้นมีมนตร์สะกด ส่วนจารุมนหน้าตึง น้ำเสียงเริ่มกระด้างอย่างไม่พยายามเก็บความหมั่นไส้อีกต่อไป
“ฉันเป็นหลานคุณยายเล็กนะคะ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขโมยของของยายตัวเอง”
นาราหัวเราะเหมือนไม่เห็นเพลิงอารมณ์ที่เต้นเร่าอยู่บนใบหน้าลูกสาวเจ้าของบ้าน
“ฉันก็คิดว่าคุณจารุมนคงไม่ได้เอาแหวนของยายคุณไปหรอกค่ะ แต่เพื่อชื่อเสียงของคุณเอง จะได้ไม่มีใครเอาไปพูดได้ว่ายังเหลือคุณอีกคนที่ไม่ได้แสดงความบริสุทธิ์ ฉันว่าคุณจารุมนน่าจะเปิดกระเป๋าให้เห็นกันชัดๆ ดีกว่านะคะ”
แม่นาราจะมาไม้ไหน…
ความที่รู้จักพิษสงกันมาก่อนทำให้รพีพรรณเริ่มใจคอไม่ดี ในขณะที่จารุมนไม่คิดสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากอยากเอาชนะ พร้อมกับความฉุนโกรธที่พลุ่งขึ้นมาหญิงสาวก็เปิดกระเป๋าราตรีปักเลื่อมละเอียดยิบที่ถืออยู่ กางปากกระเป๋าจนกว้างแล้วยื่นไปให้ทุกคนดูพร้อมๆ กัน
“เอ้าดูซะ มีอะไรในกระเป๋าของฉันไหม”
“ยายจา มีแหวนเพชรอยู่ในกระเป๋าเธอแน่ะ” เพื่อนสาวคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอุทาน
นาฬิกาบอกเวลาเพียงสี่ทุ่มเศษเมื่อกันต์ขับรถไปส่งรพีพรรณที่บ้าน จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งพารถยนต์ราคาแพงลิ่วแล่นไปราวกับเหาะ ความฉงนฉงาย…คลางแคลง…ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งประสบ ปั่นป่วนอลวนอยู่ในสมองชายหนุ่มมาตลอดทาง
ความสับสนทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากการพบแหวนของคุณประเทียบในกระเป๋าหลานสาว กันต์ยังจำได้ว่าพอเพื่อนที่อยู่ใกล้จนเห็นของในกระเป๋าได้ถนัดอุทานออกมา จารุมนก็ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ค่อยๆ หันใบหน้าซีดเผือดสลับกับแดงก่ำไปทางคุณยายเล็กที่จ้องเขม็งมาจากเก้าอี้นวมของเธอ
‘ขอยายดูแหวนหน่อยได้ไหมแม่จา’ คุณประเทียบบอก
จารุมนจำต้องส่งแหวนเพชรเดี่ยวน้ำงามขนาดสามกะรัตนั้นไปให้หญิงชรา สองยายหลานสบตากันเงียบๆ สีหน้าของฝ่ายที่อ่อนวัยกว่าเหมือนจะร้องไห้ เพื่อนทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครกล้าปริปาก ทว่าในความเงียบนั้นคลื่นความคิดของทุกคนเหมือนจะกำลังโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเกิดพายุใหญ่
ดูจากรูปการณ์แล้ว ไม่มีใครคิดเป็นอื่นไปได้นอกจากจารุมนขโมยแหวนของยายตัวเอง จะขโมยไปด้วยเหตุผลกลใดคงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ แต่ที่แน่ๆ เมื่อครู่หากนาราไม่เรียกไว้ จารุมนย่อมจะลอยนวลออกจากห้องไปพร้อมเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ชิ้นนี้
และคุณประเทียบนั้นมีหรือจะสงสัยหลานสาว คนที่จะถูกมองว่าเป็นหัวขโมยก็หนีไม่พ้นเพื่อนสาวๆ ทั้งกลุ่มนี่เอง
คุณประเทียบรับแหวนที่จารุมนส่งมาให้ มองมันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเรียบๆ
“แหวนวงนี้ไม่ใช่ของยาย นี่มันแหวนที่คุณพ่อซื้อให้แม่จาไม่ใช่หรือ”
พอคุณยายเล็กเปิดทางรอดให้จารุมนก็รีบถลาหัวซุกหัวซุนออกไปทันที
“ใช่ค่ะ เป็นแหวนของจาเอง พอดีมันหลวมไปหน่อย จากลัวจะหลุดหายเลยถอดมาเก็บไว้ในกระเป๋า”
ด้วยสีหน้าโล่งใจเหมือนคนที่เพิ่งพ้นจากหายนะมาอย่างหวุดหวิด จารุมนมองไปรอบห้อง ส่งสายตายืนยันกับเพื่อนๆ แต่ก็พบสายตาเย็นชามองตอบกลับมา ขณะที่คุณประเทียบพยักหน้ารับ
“เอาละ ยายเหนื่อยแล้วคงต้องขอตัวพักผ่อนเสียที พวกหลานๆ ออกไปสนุกกันต่อเถอะ อย่ามาเสียเวลากับคนแก่ป้ำๆ เป๋อๆ อย่างยายเลย”
วาจาของเธอมีนัยคล้ายจะกล่าวโทษตัวเอง นับเป็นการขออภัยที่มากสุดเท่าที่เธอจะสามารถร้อยเรียงออกมาได้ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนนั้น
รพีพรรณเข้ามาจูงมือรุ่นน้องของเธอพาเดินออกจากห้องโถง คนที่เหลือจึงตามกันออกมาบ้าง เสียงเพลงบอลรูมพลิ้วแผ่วมาพร้อมกับสายลมต้นฤดูหนาว เมื่อรวมกับอากาศสดชื่นปลอดโปร่งบริเวณสระน้ำก็น่าจะสร้างบรรยากาศแจ่มใสได้ไม่ยาก แต่เส้นทางขากลับกลับเงียบกริบไม่มีใครยอมพูดจาแม้แต่คำเดียว จนมาถึงฟลอร์เต้นรำสาวๆ ทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปทันที
รพีพรรณเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในใจ ส่วนจารุมนนั้นจากที่ไม่ชอบนาราเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลานี้เธอบอกได้เต็มปากว่าถือเอาน้องสาวของรุ่นพี่เป็นศัตรูคนหนึ่งเลยทีเดียว
ไม่ต้องถามจารุมนก็เดาได้ว่านาราต้องเป็นตัวการที่ทำให้แหวนของคุณยายมาอยู่ในกระเป๋าของเธอ ที่ร้ายไปกว่านั้นนางตัวดียังทำท่าเหมือนตกหลุมพราง ล่อลวงให้เธอตายใจแล้วตลบหลังอย่างแสบสัน
‘เรากลับบ้านกันดีกว่าไหมนารา ดึกพอสมควรแล้ว’ ธิปกถามหญิงสาว
นาราหันไปตอบธิปก ไม่ได้สังเกตว่ารพีพรรณกำลังพยักพเยิดส่งสัญญาณบางอย่างกับจารุมน ฉับพลันรพีพรรณก็ผลักกมลเนตรไปทางลูกสาวเจ้าของบ้าน แม้จะถูกชนไม่แรงนักแต่จารุมนก็ร้องวี้ดว้ายแล้วเซไปหานารา ทำท่าเหมือนจะไขว่คว้าหาหลักยึด พอฉวยได้แขนของอีกฝ่ายหญิงสาวก็กางเล็บยาวตะกุยลงไปเต็มแรง
นาราอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด ยังดีที่ธิปกรีบเข้ามาพยุงร่างบางไว้ไม่ให้ล้มไปตามแรงปะทะ จารุมนพร่ำขอโทษแต่ก็ดูออกว่าไม่ได้จริงใจเลยสักนิด ธิปกจับแขนของนาราขึ้นดู เห็นรอยข่วนจนเลือดซิบเป็นทางยาวสามรอยปรากฏชัดอยู่บนผิวสีน้ำผึ้ง บอกให้รู้ถึงแรงกดของผู้กระทำ
สีหน้าเขาเครียดจัดทันที ธิปกเงยหน้าบึ้งตึงบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธขึ้นมองกวาดไปยังจารุมน รพีพรรณ กมลเนตรและกุลธิดา สายตาดุดันจนสาวๆ ต้องหลบตากันวูบวาบ นาราเห็นท่าไม่ดีก็รีบรั้งแขนชายหนุ่มไว้ ส่ายหน้าน้อยๆ ให้รู้ว่าไม่ต้องการมีเรื่อง
“เจ็บมากไหมคุณ” ธิปกเลิกสนใจพวกจารุมน เขาลูบผิวอุ่นๆ ใกล้รอยแผลของหญิงสาวอย่างห่วงใย ‘กลับกันดีกว่า คุณจะได้ไปทำแผล’
ภาพความใกล้ชิดนั้นไม่ต่างจากใครสักคนราดน้ำเดือดลงในใจของกุลธิดา เด็กสาวแทบเต้นเลยทีเดียว แม้แต่รพีพรรณก็ยังมองอย่างหมั่นไส้ ขวางหูขวางตาเหลือเกินที่ดูเหมือนสิ่งดีๆ จะหลั่งไหลมาหานาราไม่ขาดสาย นับตั้งแต่หนีการแต่งงานเป็นต้นมา
มีแต่กันต์ที่จ้องรอยแผลบนแขนเล็กๆ นั้นด้วยอาการตะลึงงัน ตัวชาแทบจะตั้งสติไม่อยู่!
เมื่อครั้งที่เขาดูอนาคตของวิศรุต กันต์เห็นว่าคนรักของวิศรุตได้ถ่ายเลือดกรุ๊ปเอเนกาทีฟช่วยชีวิตหม่อมภรณีไว้ หญิงคนรักในนิมิตนั้นก็คือรพีพรรณ ด้วยเหตุนี้เขาถึงมาทำดี เฝ้าติดตามเอาอกเอาใจ ร้อยรัดรพีพรรณไว้จนอยู่หมัด ก็เพื่อรอคอยความรุ่งโรจน์ที่จะตามมาหลังจากรพีพรรณช่วยหม่อมภรณีแล้วนั่นเอง
แต่เวลานี้เรื่องราวที่เหมือนจะแน่นอนกลับมีจุดที่น่าเคลือบแคลงเกิดขึ้นเสียแล้ว…
ในนิมิตที่กันต์เห็น ขณะที่รพีพรรณบริจาคเลือดให้หม่อมภรณี บนแขนของหญิงสาวมีบาดแผลคล้ายรอยข่วนเป็นทางยาวสามรอย แม้แผลจะแห้งแล้วแต่ก็ยังทิ้งรอยตกสะเก็ดยาวประมาณหนึ่งคืบเอาไว้
อีกไม่นานเหตุการณ์การบริจาคโลหิตก็จะเกิดขึ้นแล้ว แต่บัดนี้แขนของรพีพรรณยังงามผ่องปราศจากรอยขีดข่วน ทว่าถ้าดูจากตำแหน่งและลักษณะบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นบนแขนของนารา เมื่อแผลแห้งก็จะเหมือนแผลในนิมิตนั้นไม่ผิดเพี้ยน
หากเป็นจริงตามนี้ก็หมายความว่านาราต่างหากคือผู้มีเลือดกรุ๊ปพิเศษที่จะช่วยชีวิตหม่อมภรณีได้ หาใช่รพีพรรณอย่างที่เขาเข้าใจมาตลอด
จะเป็นไปได้อย่างไร…
ความเข้าใจแลบปลาบขึ้นมาทันทีโดยไม่ต้องควานหาตัวอาแปะเจ้าของร้านขายของเก่ามาถามไถ่…เมื่อกันต์เปลี่ยนอนาคตของวิศรุต ชะตาชีวิตของคนหลายคนที่เกี่ยวข้องก็พลอยเปลี่ยนแปลงไปด้วย เลือดที่รพีพรรณควรจะครอบครองจึงกลับกลายมาเป็นสมบัติของนารา และกำลังจะช่วยเปิดทางให้ธิปกคนรักของเธอก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่
เขายอมไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรโชคลาภก้อนนี้ก็ต้องเป็นของเขา!
แต่เพื่อความแน่ใจ…กันต์เหยียบคันเร่งอย่างรีบร้อนพารถโลดตะบึงไปจนถึงบ้าน จอดลงที่หน้าตึกแล้วขึ้นบันไดตรงลิ่วไปยังห้องนอน ไม่แม้แต่จะอาบน้ำให้สบายตัวก่อนลงมือทำภารกิจอื่นๆ เหมือนเช่นทุกวัน ชายหนุ่มไขกุญแจเปิดตู้ไม้สัก หยิบคันฉ่องโบราณออกมา
โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนแรมสิบห้าค่ำจึงไม่มีปัญหาที่เขาจะสำรวมใจให้เป็นสมาธิ ใช้มีดกรีดฝ่ามือ หยดเลือดลงไปพลางคิดถึงใบหน้าของนารา…
ประกายสีเงินยวงพวยพุ่งเป็นทางยาวออกมาจากคันฉ่อง เยือกเย็นแต่สว่างไสวราวกับแสงไฟส่องทาง นำพากันต์ไปสู่ความลับแห่งชีวิตที่ไม่เคยมีใครได้ประจักษ์มาก่อน พริบตานั้น เขาเห็นภาพนารากำลังนอนอยู่บนเตียงพยาบาล ท่อนแขนเรียวถูกเจาะติดกับสายยางขาวขุ่นโยงไปยังถุงพลาสติกใส ของเหลวสีแดงเข้มไหลไปตามสายยางอย่างสม่ำเสมอ มีเสียงพยาบาลดังแว่วมา
“เลือดกรุ๊ปเอเนกาทีฟของคุณนาราหายากมากเลยค่ะ โชคดีที่คุณมาโรงพยาบาลพอดีไม่อย่างนั้นเราคงไม่รู้จะช่วยหม่อมภรณีได้ยังไง”
ต่อจากนั้นภาพในนิมิตแล่นผ่านอย่างรวดเร็วราวกับการเคลื่อนตัวของฟิล์มภาพยนตร์ แม้บางช่วงจะพร่ามัวไม่ปะติดปะต่อนัก เขาเห็นนารากับธิปกแต่งงานกัน มีชีวิตแสนสุขราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ความรุ่งเรืองจากการสนับสนุนของหม่อมภรณีหลั่งไหลไปหาทั้งคู่ราวกับสายน้ำเย็นฉ่ำที่หลั่งจากมือเทพธิดาอารี จากนั้นนิมิตทั้งหมดก็ดับวูบลง
ทิ้งให้ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องนั้นจมดิ่งอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด…สับสน…และเจ็บแค้นแสนสาหัสยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เคยประสบมา
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 16 : ฝันร้ายในอดีต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 15 : คำเฉลยแผนการร้าย (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 14 : นารา...นางงามฆาตกร (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 13 : นางงามคนนี้มีอดีตไม่ธรรมดา (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 12 : คนโปรดของหม่อมภรณี (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 11 : จุดเริ่มต้นของความรัก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฏิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)