เมื่อตะวันตกพบตะวันออก..สนุกอย่าบอกใคร

เมื่อตะวันตกพบตะวันออก..สนุกอย่าบอกใคร

โดย : เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

Loading

“อเมริกันคัน” เรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาในบางแง่มุมในอเมริกาที่หลายคนไม่เคยรู้หรือเคยรับรู้มาบ้าง แต่อาจมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจน เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ เจ้าของคอลัมน์ที่เขียนลงในต่วยตูนมาถึง 10 ปี นำมาเขียนเล่าสู่กันฟังแบบสนุกๆ เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง โดยคงบุคลิก “ต่วยตูน” ดั้งเดิมเอาไว้คือสาระและบันเทิง

ถึงแม้ว่าคนไทยเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะวัฒนธรรมอเมริกันผ่านโทรทัศน์และสื่อต่างๆ มากมายเพียงใด แต่หากต้องมาอาศัยในอเมริกา เชื่อว่าย่อมเกิดภาวะ “ปะทะวัฒนธรรม” ทุกคน การโยกย้ายตัวเองมาอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมไม่ชินตา  ทำให้เกิดภาวะ “อเมริกัน-ชน” พุ่งใส่เต็มแรง  จนปรับตัวแทบไม่ทันในช่วงแรก

ภาพที่เคยเห็นตามสื่อต่างๆ คือความฉาบฉวยที่อเมริกา “สร้าง” ภาพอย่างต้องการให้ชาวโลกเห็น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตแบบอเมริกันไม่ได้หรูหราร่ำรวยแบบในภาพยนตร์แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับต้องปากกัดตีนถีบทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว จึงดูเหมือนว่าคนอเมริกันเป็นคนขยันและตรงต่อเวลา ทั้งนี้เพราะเคยชินกับภาวะ “พลาดไม่ได้” โดยเฉพาะพวกที่รับค่าจ้างรายชั่วโมงอาจถูกแทนที่ด้วยคนใหม่อย่างง่ายดาย    การหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุก ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสในการหางานยิ่งน้อยลง

คนไทยเรามักคิดว่าระบบการศึกษาของอเมริกาดีเลิศ จนบางคนถึงกับส่งลูกมาเรียนที่อเมริกาตั้งแต่ชั้นมัธยมเลยทีเดียว แต่อัตรานักเรียนที่เรียนไม่จบมัธยมในอเมริกานั้นมีมากว่า 50 เปอร์เซนต์ บางแห่งสูงถึง 65 เปอร์เซนต์ มิหนำซ้ำคุณภาพของนักเรียนตกต่ำลงทุกทีอย่างน่าใจหาย เด็กอเมริกันจำนวนมากสะกดคำง่ายๆ ไม่ถูกและสอบตกวิชาไวยากรณ์

นอกจากเรื่องช่องว่างทางภาษาและวัฒนธรรมแล้ว ชีวิตหลังการแต่งงานเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องปรับตัว ขนาดแต่งงานกับคนไทยยังต้องปรับตัวเลย แต่การแต่งงานกับฝรั่งนั้นถือว่าต้องปรับตัวสุดชีวิต สาวไทยหลายคนโชคดีที่สามีฝรั่งทำงานออฟฟิศ สามารถตื่นขึ้นมาทำสวยแล้วลุกไปทำตัวเป็นแม่บ้านแสนดีปิ้งขนมปังชงกาแฟราวกับฉากหนังฮอลลีวู้ด พอสามีออกจากบ้านก็นอนเกลือกกลิ้งสิงโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มได้ทั้งวัน จนเกือบห้าโมงนั่นแหละถึงค่อยละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาเตรียมทำอาหารเย็น

สามีฉันเป็นนักเขียนและทำงานที่บ้าน แรกๆ ก็หวานชื่นดีหรอก แต่พอสามเดือนผ่านไปเริ่มแปรเป็นความอึดอัด เชื่อสิว่าต่อให้รักมากขนาดไหนก็จำเป็นต้องมีระยะห่างระหว่างกัน การนั่งทำงานระยะแค่เอื้อมคือความน่าอึดอัดใจอย่างที่สุด หลายคนฝันว่าอยากจะแต่งงานกับคนร่วมอาชีพเดียวกันจะได้เข้าอกเข้าใจอย่างลึกซึ้งและนั่งทำงานเคียงข้าง โลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้สวยงามเช่นนั้นหรอก เมื่อโลกตะวันออกและตะวันตกมาพบกันก็ไม่ได้งดงามเหมือนภาพฝันอย่างที่เคยเห็นในหนังโฆษณา คู่สามีภรรยาจากคนละฝั่งโลกจึงต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างอลหม่าน

สามีฉันตื่นเช้าลุกมาอาบน้ำแต่งตัวอย่างดี แล้วนั่งเขียนหนังสือตั้งแต่เก้าโมงเช้าไปจนถึงหกโมงเย็น จะว่าไปมีวินัยในตัวเองดีมาก แต่นั่นคือการอาบน้ำเพียงหนเดียวต่อวัน ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าหนาว ก็ยึดมั่นในหลักอาบน้ำหนเดียวอย่างเหนียวแน่น สำหรับคนไทยแล้ว การอาบน้ำหนเดียวคือสิ่งที่อภัยไม่ได้เด็ดขาด จะยกเว้นให้แค่ในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น  พอพูดมากๆ เข้า สามีเริ่มทำหูทวนลม แถมเถียงบางหนว่า

“เอาน่า เพื่อนไอยังอาบวันเว้นวันเลย”

ขณะที่เราแปลกใจฝรั่ง   ฝรั่งก็แปลกใจเรื่องแบบไทยๆ เหมือนกัน เช่น เวลาซื้อสับปะรด  ปอกแล้วต้องลูบไล้ด้วยเกลือเล็กน้อย หั่นเป็นชิ้นพอดีคำพลางเทเกลือลงถ้วยเล็กๆ ไว้จิ้ม  สามีเดินโฉบเข้ามาในครัว เห็นภรรยาไทยจิ้มชิ้นสับปะรดลงไปในถ้วยเกลือป่นก็ตกใจแทบสิ้นสติ  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนเราจะสามารถกินสับปะรดกับเกลือได้  เป็นอารมณ์แบบเดียวกับฝรั่งเห็นคนไทยกินเบียร์ใส่น้ำแข็งนั่นแหละ ร้อยทั้งร้อยฝรั่งแปลกใจทุกคนเพราะไม่มีชาติไหนกินเบียร์ใส่น้ำแข็ง

จำได้ว่าตอนสามีอยู่เมืองไทย พาไปเดินเล่นในตลาดสดแถวบ้าน เดินไปได้ครู่หนึ่งสามีทำหน้าตื่นพลางชี้มือเร่าๆ ไปในกระจาดที่วางอยู่ริมทางเท้า

“อี๋… พวกยูกินแมลงสาบ”

ฉันมองตามมือชี้  โธ่..แมลงสาบที่ไหนล่ะ  นี่มันแมงดาที่ตำน้ำพริกนั่นแหละ อย่ากระนั้นเลยแกล้งฝรั่งเล่นน่าจะดี จึงสมอ้างอย่างนึกสนุก

“ใช่..คนไทยชอบกินแมลงสาบกันทุกคน เดี๋ยวไอจะซื้อไปกินสักตัว ยูจะกินด้วยไหม ถ้ากิน จะได้ซื้อสองตัว”

ฝรั่งทำคอย่นหลับตาปี๋ แล้วทำหน้าสยดสยองเสียเต็มประดา ขณะที่ภรรยาเดินดิ่งไปหาแม่ค้าแล้วซื้อแมงดาใส่ถุงอย่างดิบดี   สามีทำหน้าชอบกลที่เห็นภรรยาบอกว่าชอบกินแมลงสาบ ในใจนั้นคงนึกว่าจะเลิกจูบเมียตัวเองชั่วชีวิตอย่างแน่นอน

เวลาสามีเห็นม้วนกระดาษทิชชู่บนโต๊ะในร้านอาหารจะหัวเราะทุกหน เพราะกระดาษม้วนๆ แบบที่เราใช้แบบสารพัดประโยชน์นั้นฝรั่งเอาไว้เช็ดก้นอย่างเดียว ไม่เคยเอามาใช้เช็ดปากเช็ดหน้าอย่างคนไทย พอมาอยู่อเมริกาจริงๆ ถึงเข้าใจว่า คนที่นี่ใช้เช็ดก้นอย่างเดียวจริงๆ แต่ด้วยความเข้าข้างชาติตัวเองอย่างที่สุดเลยเหมารวมเอาว่า ฝรั่งชอบทำให้เรื่องยุ่งยากซับซ้อนไปเอง อย่างเครื่องมือทำครัวพวกหม้อและกระทะ ฝรั่งต้องมีแบบยกชุด ซื้อแบบเป็นเซ็ต  หม้อหลากหลายขนาดและกระทะขนาดต่างกัน แถมมีดที่ใช้ก็มีมีดแล่มีดหั่นมีดสับมีดเฉือนและมีดสเต็กแยกประเภทการใช้อย่างน่าสับสน   คนเอเซียเรานั้นมีอุปกรณ์ทำครัวไม่กี่ชิ้น  แค่กระทะหนึ่งใบ หม้ออีกหนึ่งใบ ตะหลิวหนึ่งอัน มีดและเขียง เท่านั้นเองเครื่องมือพื้นฐานการทำครัวแบบไทย

วิถีการกินอยู่แบบฝรั่งค่อนข้างน่าเบื่อ  มีการตีกรอบไว้หมดว่าอาหารเช้าควรประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น น้ำส้ม 1 แก้ว นม 1 แก้ว ขนมปังปิ้ง เบคอน ไข่ ไส้กรอก อะไรทำนองนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนและจะไม่กินข้ามเวลากัน เช่น ไม่ค่อยมีฝรั่งคนไหนนั่งกินพิซซ่ากับกาแฟตอนเช้า แต่ฝรั่งจะตกใจมากที่เห็นคนไทยกินข้าวราดแกงหรือบางเช้าก็กินก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวมันไก่  ซึ่งฝรั่งคิดว่าควรจะจัดอยู่ในหมวดอาหารเย็น   เรื่องนี้ร้อนถึงภรรยาไทยต้องอธิบายว่า

“ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ ยูโน๋ว์”

พอมื้อเที่ยง กินแบบเดิมอีกนั่นแหละคือ ข้าวผัด ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู สารพัด ตกเย็นก็ไร้แบบแผนไร้กฎเกณฑ์ตามใจปากไปเรื่อยเปื่อย ฝรั่งถึงกับงงเพราะไม่คุ้นกับวัฒนธรรมแบบไทย

เมื่อสองวัฒนธรรมมาปะทะสังสรรค์ภายใต้ชายคาบ้านหลังเดียวกัน อาการชะงักงันทางวัฒนธรรมของคนสองชาติย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา Culture gap ในครอบครัวต่างวัฒนธรรมนั้นอาจทำให้จิตตก  แต่ละคู่จึงต้องพยายามหาจุดปรับให้สมดุลเพื่อดำรงชีวิตร่วมกันได้อย่างราบรื่น บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่พอใจกันอาจสะสมพอกพูนจนนำไปสู่เรื่องอื่นจนเป็นสาเหตุให้เลิกราหย่าร้างได้  ความเมตตา ความอดทนและการเปิดใจรับฟังน่าจะเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในครอบครัวอย่างมีความสุข

 

Don`t copy text!