บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
โดย : ปราณประมูล
บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์
เจ้าฮุน หนุ่มจีนผมเปีย ยิ้มอย่างซื่อบริสุทธิ์ดุจเด็กตัวน้อย จนตาหยีเฉียงเป็นประกายเจิดจ้า เห็นฟันขาวผิดจากชายไทยที่กินหมากจนฟันเป็นนิลกันไปหมด
ลำจวน..เฉก ตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าเบาๆ ระวังอากัปกิริยา ยืดอก ทรงตัวสง่า ยืดกระดูกสันหลังขึ้น ผึ่งไหล่ให้กว้างออก เพื่อให้ตัวขยายสูงใหญ่กว่าปกติ เยี่ยงยามรำเป็นตัวละครตัวพระ ขณะเดียวกัน ก็แอบสอดส่ายสายตามองมุมกว้าง หาทางหนีทีไล่ ขณะสืบเท้าถอยหลัง
“ คุณท่าน..เอ่อ..คุณขอรับ ไม่ต้องกลัวขอรับ กระผมมาดี มิได้มาร้าย ”
อีกฝ่ายกลับรีบก้มศีรษะลงต่ำเช่นคนชนชั้นล่าง ที่หา-กล้ามองหน้าสบตาผู้สูงศักดิ์กว่าไม่ ทว่าที่จริงคือการซ่อนสีหน้าแววตาอันปีติยิ่ง ค้อมหลังให้ตัวหดเล็กลง โค้งแล้วโค้งอีกให้ดูลนลาน
ลำจวนแสร้งทำเสียงห้าว เย็นชา ห่างเหิน ผสมสายตาท่าทีระวังหวั่นกลัวเต็มที เพื่อตอกย้ำบทบาทคนแปลกหน้า
“ เอ่อ.. เจ้าจีนผมเปีย ”
หนุ่มน้อยทำเสียงเหมือนพยายามข่มความหวาดระแวงอยู่ แถมด้วยวาจาที่คล้ายยามผจญมิจฉาชีพกรรโชกทรัพย์
“ เจ้า..ต้องการสิ่งใด ข้าไม่มีจะให้ดอก ”
ฮุนช้อนสายตาขึ้นสบตาเด็กหนุ่มเฉกอย่างสุภาพยิ่ง
“ กระผมเป็นช่างเขียนขอรับ มิใช่โจรผู้ร้ายแต่อย่างใด ”
ลำจวนยืนยันมุ่งมั่น
“ ข้ามิใช่คนที่เจ้ารู้จักหนา แลมิได้เป็นญาติพี่น้องใดๆ กับใครทั้งนั้น ”
“ ขอรับๆ กระผมทราบ เพียงแต่..กระผม..เอ้อ..”
ฮุนมองเห็นสมุดไทย รีบเปลี่ยนอุบาย ใช้กลวิธีใหม่ทันที
“ นั่น..หนังสืออันใดรือขอรับ? ”
มีหรือที่เจ้าเฉกผู้แววไวจะไม่รู้ทันสหายเก่าที่ทำเป็นใช้ไม้ใหม่มาโรมรัน แต่เธอก็ยืนยันจะใช้ไม้เก่า หาเปลี่ยนเพลงอาวุธตามไม่
“ หากจะเอาไปขาย คนที่ไม่รู้ค่า ก็หาให้ราคาไม่ดอก ”
เธอเน้นบทบาทกลัวถูกปล้นจี้หนังสือซ้ำเข้าไปอีก
แต่ฮุนหาได้ยอมแพ้ เขาดุ่ยไปข้างหน้าท่าเดียว
“ ดูท่าจะเป็นนิทานสนุก ”
ลำจวนรีบตัดบท เก็บใส่ถุงผ้าและนำมากอดไว้
“ เจ้าอ่านไม่ออกดอก ”
ว่าแล้วก็หันหนี รีบออกก้าวเดิน
ฮุนตามไปติดๆ ไม่ย่อท้อ
“ กระผมอ่านออก เขียนได้ด้วยขอรับ ภาษาฝรั่งอังกฤษอเมริกันกระผมก็อ่านออกเขียนได้เล็กน้อย ภาษาจีน กระผมก็พูดได้ อ่านได้บ้าง..นิดหน่อย ”
คราวนี้ไม้ตายของเขา จี้โดนจุดเขื่องของ ‘เจ้าเฉก ’ จนได้
เจ้าหนุ่มไทยตัวเล็กชะงักกึก หันกลับมา เชิดหน้าใส่เจ้าหนุ่มจีนตัวสูงใหญ่อย่างไม่ยอมเด็ดขาด
“ อย่ามาคุยโต! ”
ฮุนซ่อนรอยยิ้มแห่งชัยชนะไว้แนบเนียน ภายใต้แววตาพินอบพิเทา
“ เป็นความสัตย์ขอรับ ”
นิสัยไม่ยอมแพ้ใครของลำจวน ทำให้เธอติดกับชายหนุ่มจนได้
“ ไหน..ลองอ่าน..”
ลำจวนมองหารอบตัวว่องไว แล้วรีบเดินนำไปที่เสาระเบียงตรงใกล้ๆนั้น ชี้ไปที่แผ่นศิลาอ่อนจารึกกลอนกลบท ที่ในหลวงโปรดให้กวีชั้นครูแต่งไว้และติดไว้ทั่วระเบียงนั้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ดูเป็นตัวอย่างเผอิญ ตรงนั้น คือจารึกกลบทกบเต้นกลางสระบัว (กลอนเจ็ด) เพลงยาวกลบท บทที่สิบแปด แต่งโดย จ่าจิตรนุกูล ตำแหน่งมหาดเล็กเวรชาญภูเบศร์ในกรมมหาดเล็กฝ่ายพระราชวังบวร
ความเต็มว่า..
หมายชิดมิตรเชือนไม่เหมือนหมาย
อายจิตร์อิดใจด้วยได้อาย
นึกหวรนวลหายแต่ลายนึกหวังใจไว้จงจำนงหวัง
ตรึกหมองตรองมั่งไม่ยั้งตรึก
คึกจิตร์คิดกเจิงดั่งเพลิงคึก
ยามเหล้นเอย็นลลึกนึกทุกยามเหิรจากหากเจ้าเฝ้าทำเหิร
ขามมิตรคิดเมิลจึ่งเขินขาม
ทรามชมสมเชื้อใช่เนื้อทราม
เชิญตอบชอบตามเนื้อความเชิญรักษเจ้าเราเจือด้วยเหลือรักษ
เขินจิตร์คิดจักจะชักเขิน
เมิลภักตร์มักพบเฝ้าหลบเมิล
เมียงที่หมิสเทินทำเมิลเมียงหฤๅเคืองเรื่องไขสิ่งไรหฤๅ
เที่ยงสัจทัดซื่อพี่ถือเที่ยง
เพียงเอ๋ยเผยโอฐจงโปรดเพียง
คำสัจคัดเสี่ยงไม่เลี่ยงคำสิทธิ์สถานศาลท้าวจ้าวศักดิ์สิทธิ์
ขำใจไข้จิตร์ที่คิดขำ
จำดนจนได้ไปประจำ
ชูเทิญเชิญประถำช่วยค้ำชูแก้วทองกองถ้วนแต่ล้วนแก้ว
หมูจี่มีแจ่วจิ้มหัวหมู
ภูษาผ้าแสแพรชมพู
ชาตรีเช้าตรู่จะบูชาสารกล่าวสาวกลอนสุนธรสาร
หาบทรู้แห่งบุราณท่านบัณหา
ชื่อกบเต้นกลางสระปทุมมา
เพื่อไว้นานการข้างหน้าปรากฏเอย ฯ
เจ้าเฉกกระหยิ่ม ชี้ไปที่แผ่นจารึกนั้น
“ อ่านสิ ถ้าเก่งจริง ”
เธอถอยเปิดทาง ทำหน้าท้าทายพร้อมเยาะหยันซ้ำเติมคนบังอาจคุยโม้คำโต
ฮุนเดินเข้ามา อ่านช้าๆ ตั้งอกตั้งใจ
“ หมายชิด มิตรเชือน ไม่เหมือนหมาย.. อายจิต อิดใจ ด้วยได้อาย นึกหวล นวลหาย แต่ลายนึก..”
หนุ่มเฉกผงะ ..ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ
“ ปัดโถ..นี่คงท่องจำกลอนกลบทได้ล่ะสิ.. ไหน ลองทางนี้ ”
เธอสาวเท้าเกือบเป็นวิ่ง ลดเลี้ยวไปตามระเบียงยาว เพื่อหาจารึกอันใหม่
ฮุนเอามือไพล่หลัง ค่อยๆก้าวยาวๆตามไปช้าๆ ซ่อนความขบขันระคนสุขใจ ..ไว้ลึกล้ำ
จะมีใครทำอะไรเช่นนี้อย่างเอาจริงเอาจังเช่นคุณหนูลำจวน สตรีผู้ไม่เหมือนสตรีใดในโลกหล้า
หนุ่มน้อยเฉก พาฮุนไปที่ระเบียงอีกมุม เป็นกลุ่มแผ่นศิลาจารึกตำรายาสมุนไพร
“ ลองอ่านดูถี ”
เธอสุ่มชี้ไป
ฮุนทำหน้าเคร่ง เดินเข้ามาอ่าน
“ ยาดำ พริกไทย การบูร ข่า ใบมะกา ดีเกลือ แก่นขนุน ”
เจ้าเฉกอ้าปากค้าง แทบทรุดด้วยความพ่าย ครางออกมาอย่างรันทดท้อ
“ อ่านออกจริงๆด้วย ”
“ ก็จริงน่ะสิขอรับ ”
ฮุนอมยิ้มมีชัย
“ จะให้กระผมลองเขียนภาษาฝรั่งอเมริกันให้ดูไหมเล่า ”
เจ้าหนุ่มจีนยกคิ้วเฉียงเข้มขึ้นสูงอย่างเหิมใจ
เฉกแค้นใจ เชิดหน้าท้า
“ เอาซี! ”
ฮุนหยิบสมุดพับส่วนตัวออกมาจากย่ามสะพาย พร้อมดินสอถ่านไม้กระดังงาสำหรับร่างภาพ
ร่างสูงทรุดนั่งลงขัดสมาธิกับพื้นหินระเบียง เขียนออกมาอย่างรวดเร็ว ด้วยลายมือหนักแน่นทว่าลายเส้นพลิ้วไหว
Are you sleeping , Brother John?
Morning bells are ringing
Ding ding dong
เสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็รีบชูสมุดขึ้นมาตรงหน้าหนุ่มเฉก
เฉกลำจวน หรือลำจวนเฉก ผู้ที่จิตใจกำลังว้าวุ่นสับสนอย่างหนัก ขยับเข้ามาดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มิอาจหักห้าม
“ อ่านอย่างไร?”
ฮุนร้องเป็นเพลง เสียงใหญ่ ต่ำ ทุ้ม ก้องกังวานในอก แต่ละประโยค ร้องซ้ำสองรอบ พลางเอานิ้วจิ้มให้หญิงสาวในคราบเด็กหนุ่มดูไปทีละคำ ทำให้เธอต้องนั่งลง ชะโงกหน้ามาดูให้ถนัด
“ อาร์ยูสลี้ปิ้งๆ บราเธอร์จอห์นๆ มอร์นิ่งเบลซาริงกิ้งๆ ดิงดิ่งดอง ดิงดิ่งดอง ”
“ หา..เป็นเพลงเสียด้วย! ”
เจ้าเฉกแตกตื่น
“ กระผมเอามาจากหมอสอนศาสนา ”
ชายหนุ่มบอกตามตรง
“ หมอปลัดเลย์? ”
ลำจวนถามด้วยความลืมตัว
“ คุณรู้จักท่านรือ? ”
ฮุนถามเสียงซื่อ ทำหน้าว่างเปล่าเป็นที่สุด
เจ้าหนุ่มเฉกอึกอัก ทว่าแถกลบเกลื่อนไปได้แนบเนียนด้วยดวงตาชื่นชม
“ ผู้ใดก็ทราบ..ท่านเป็นแพทย์ฝรั่งที่เก่งมาก ”
“ ใช่ขอรับ คุณเคยพบท่านไหม? ”
ฮุนมองคาดคั้น
เฉกส่ายหน้าดิก ตีมึน
“ อ๋อ..เอ้อ..ไม่เคย ไม่เคยพบดอก เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงเท่านั้น ”
“ จริงสิขอรับ คงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักท่าน เพลงนี้ คุณนายเอมิลี่ท่านสอนเด็กๆผู้หญิง ผมก็พลอยไปแอบฟังมา ”
“ มิน่าเล่า ”
ลำจวนหัวเราะเยาะ
ฮุนมองหน้า
“ มิน่า..กระไรหรือขอรับ? ”
เจ้าเฉกกระพริบตาปริบ
“ เอ่อ..คือ..ไม่มีอันใด ไหน..ลองร้องอีกคราเถิด ”
ฮุนนิ่งไป เขาตัดสินใจเสี่ยง ด้วยการแทงเข้าเป้า
“ อย่าว่าแต่เพลงฝรั่งอเมริกัน เพลงละครอิเหนา ผมก็ร้องได้ ”
ว่าแล้ว เจ้าหนุ่มจีน ก็ร้องบทละครออกมา
ต่างพินิจพิศโฉมอุณากรรณ ว่างามดังอสัญแดหวา
อันบุรุษสุดสิ้นแดนชวา ทั้งในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน
บ้างว่าเปรียบเทวัญนั้นเห็นผิด ดูจริตรูปร่างเหมือนนางสวรรค์
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ ดังบุหลันวันเพ็ญอำไพ
ลำจวนเหมือนถูกตีแสกหน้า หญิงสาวสะดุ้งราวขโมยที่ถูกจับได้ รีบลุกพรวดพราดขึ้น
เมื่อทั้งสองสบตากันจังๆ ฮุนก็รู้ว่าเขาเล่นผิดท่าไปเสียแล้ว
“ ข้า..ข้าต้องรีบไปแล้ว ขออภัย ”
เจ้าหนุ่มนามเฉก จ้ำอ้าวหนีไปซึ่งๆหน้า
“ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน คุณท่าน..”
ฮุนผวาตามลำจวนที่วิ่งสุดฝีเท้า ไม่..แม้จะหันกลับหลังมามอง
คนงานจีนสองสามคนที่ช่วยกันเข็นรถเข็นไม้บันทุกตุ๊กตาหินลั่นถัน ตุ๊กตางิ้วทหารขนาดใหญ่เท้าสะเอวถืออาวุธสำหรับยืนหน้าประตูซึ่งมีขนาดใหญ่น้ำหนักมาก ผ่านมา พอดีล้อตกหล่มบนพื้นดินที่เป็นหลุมบ่อจนบิดคด ทำให้เข็นไม่ไปอยู่ตรงหน้า
ฮุนหยุดทันที จำต้องหันไปช่วยพวกคนงานเหล่านั้นฉุดดึงรถไม้ขนตุ๊กตาหินอย่างไม่มีทางเลือก
ขณะนั้น คุณพุ่ม แม่เต็ม และนายหมาย เดินมาถึงหน้าประตูฝั่งตรงข้ามตลาดท้องน้ำ สวนทางกับคงแป๊ะ ครูพุด และศิษย์บางคน ที่ก้าวเข้ามาพอดี ต่างคนจึงต่างหยุดชะงัก
คงแป๊ะและครูพุด เห็นคุณพุ่มก่อน จึงรีบไหว้ก่อน
คุณพุ่มรีบรับไหว้แทบไม่ทัน
“ คุณพุ่ม..”
คงแป๊ะก้มศีรษะอย่างสุภาพ
คุณพุ่มยิ้มกระตือรือร้น ดีอกดีใจไม่ออมกิริยา
“ คุณหลวงเสนีย์บริรักษ์ เมื่อกี้อีฉันเพิ่งไปเดินดูเขาเขียนภาพชาดกกัน เห็นว่าระดมช่างเขียนกันหมดบ้านหมดเมือง ”
“ ขอรับ ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งช่างจากหัวเมืองเหนือ ใต้ ทั้งช่างสกุลกรุงเก่า แลช่างพระนคร ”
บุรุษช่างเขียนตอบสุภาพสำรวม
“ ซ่อมสร้างกันมาแต่แผ่นดินก่อน ผนังที่มีให้เขียนก็เขียนกันไม่หวัดไม่ไหว เหมือนในชั่วชีวิตเราก็คงไม่เสร็จ ”
สตรีนักกลอนออกความเห็นเจือขบขัน
“ ศิษย์กระผมก็ตั้งกองกันมาเขียนกันสองกอง ผมก็ต้องแวะมาควบคุมด้วยตัวเอง ยังไม่ไว้วางใจปล่อยให้เขียนตามใจกันดอก ”
“ ดีจริงค่ะ ช่วยส่งเสริมช่างใหม่ๆขึ้นมาเพิ่มเติม บ้านเมืองยังขาดช่างดีๆอีกมาก ”
คงแป๊ะยิ้มรับคำชม
“ คุณพุ่มไม่เห็นมาแต่งกลอนกลบทจารึกไว้เป็นแม่แบบในแผ่นศิลาอ่อนกับเขาบ้าง ”
คุณพุ่มหัวเราะ พูดให้เป็นเรื่องล้อๆ ไม่เคียดขึ้ง
“ นักกลอนผู้หญิงไม่มีใครเชิญให้มาดอกค่ะ ต้องเจียมตัวให้จงหนัก ”
“ เสียดายจริง ”
คงแป๊ะบ่น
“ แต่บทกลอน รือตำราทั้งหลายที่เป็นตัวอักษร ก็มีแต่คนรู้หนังสือเท่านั้นที่จักอ่านได้ ไม่เหมือนภาพเขียน.. ที่ราษฎรทุกคน ขอเพียงมีตามองเห็น ก็ประจักษ์แจ้งใจได้ทุกเรื่องราว คุณหลวงได้ทำสิ่งที่เป็นคุณมากเชียวหนา ”
เป็นความจริงดังที่คุณพุ่มกล่าวสรรเสริญอีกฝ่าย ที่ภาพฝาผนัง คือจดหมายเหตุบันทึกบริบทและค่านิยมของยุคสมัยอย่างแท้จริง โดยคนที่ดูภาพไม่ต้องอ่านออกเขียนได้ ก็เข้าใจทันที
ลำจวนในคราบชาย เดินหอบถุงสมุดไทยรีบร้อนออกมาถึงตรงนั้นพอดี แต่พอเห็นคณะช่างเขียนที่เคยคุ้นกันดีอยู่ตรงนั้น หญิงสาวก็หยุดกึก
นั่นคงแป๊ะ โน่นครูพุด ที่เคยพบปะพูดจาหยอกล้อกับเธอมาแต่ครั้งยังไม่โกนจุก แต่ก็ไม่แน่นักว่า อาจมีใครจดจำเธอได้
ลำจวนค่อยๆย่อง ลัดเลาะหลบหลีกไปตามสุมทุมพุ่มไม้ หนีไปออกประตูอื่น
หนุ่มน้อยหน้ามนวิ่งตื๋อสุดฝีเท้ามาออกประตูทางตรอกท้ายวัง มัวแต่หันรีหันขวางว่าจะมี ‘ผู้ใด’ ติดตามมาหรือไม่ จึงไม่ทันมองสตรีที่ถือปิ่นโตและตะกร้าใส่ของกินต่างๆ ที่สวนเข้ามา
ครั้นต่างคนต่างชะงัก เพราะจวนเจียนจักกระแหล่นจะชนกันเอาในก้าวสุดท้าย พอดีลำจวนหันมา ตาของทั้งสองจึงสบกันในระยะใกล้ชิดยิ่ง
หญิงสาวผู้นั้นตกตะลึง เข่าอ่อนพับล้มลง สรรพสิ่งที่ถือมาตกหล่น ข้าวของส้มสูกลูกไม้กระจัดกระจาย
“ โอ๊ะ! ”
ลำจวนลืมตัว ว่าตนอยู่ในสภาพใด รีบเข้าไปช่วยประคับประคอง จับแขนหญิงนั้นทันที
“ เจ็บไหม พี่สาว? ”
ลำจวนเลือกใช้คำที่เหมาะสมกับวัยเท่าที่ประเมินด้วยสายตา
หญิงผู้นั้นหาใช่ใคร แม่เตยหลานสาวคงแป๊ะนั่นเอง เธอกำลังนำเสบียงอาหารสำหรับผู้เป็นลุงกับเหล่าศิษย์มาเพิ่มเติม นอกจากที่พวกนั้นต่างคนต่างเตรียมติดตัวมากันบ้างแล้ว
เตยตกตะลึง ประหม่าอายหน้าแดง ลนลานปลดมือ ‘ เด็กหนุ่ม ’ ที่จับมือถือแขนเธอออก รู้สึกเสียวซ่านวูบวาบ ตั้งแต่แรกสบตา
“ อ๊าย..อย่ามาจับต้อง ฉันไม่เป็นไรดอก ”
เจ้าหล่อนหวีดแหว
หนุ่มเฉกได้สติ นึกได้ว่าเวลานี้ตนหาใช่หญิงสาวด้วยกันไม่ รีบปล่อยมือและขยับห่างออก
ครั้นมองไป เห็นส้มลูกเล็กๆ กล้วยไข่ น้อยหน่า มะเฟือง อีกทั้งห่อใบตองที่ห่อกับข้าวแห้งๆหล่นกระจาย กับปิ่นโตล้มเทมีน้ำแกงหก-ออกมา จึงขมีขมันเข้าช่วยเก็บปิ่นโตตั้งขึ้นรวดเร็ว เก็บผลไม้ใส่ในตะกร้า ขณะที่เตยได้แต่นั่งแปะกับพื้นเฉย มองหนุ่มรูปงาม ทำอะไรไม่ถูก
“ พี่สาวจะเอาของไปทำบุญรือจ๊ะ ”
หนุ่มเฉกถามอย่างอ่อนหวาน
“ มิได้ จะเอาไปให้พวกช่างเขียนผนัง ”
สาวเตยทำเสียงสะบัดสะบิ้ง
ลำจวนยกของขึ้นมาวางตั้งเรียบร้อย เธอทรงตัวลุกขึ้นมาได้ก่อน จึงยื่นมือไปจับมือเตยจะช่วยฉุดให้ลุก เตยตกใจ มองมือตนในมือลำจวน สติกระเจิดกระเจิง ลำจวนยิ้มให้ แต่เตยพลันสะบัดมือออก แล้วผลักเธอจนเสียหลัก ก้นจำเบ้านั่งลง
“ บอกว่าอย่ามาถูกเนื้อต้องตัวอย่างไรเล่า พ่อเอ๊ย! ”
เตยพรวดพราด ยกตะกร้าและปิ่นโตลุกขึ้น
“ พ่ออย่ามาทำรุ่มร่ามกับอิฉัน อิฉันเป็นถึงหลานสาวคุณหลวงเสนีย์บริรักษ์ ท่านครูคง..ช่างเขียนเอก มิใช่หญิงในท้องถนนรนแคมที่พ่อจะมาเกี้ยวพาราสีเล่นได้ ”
“ มิได้ กระผมไม่..”
หญิงสาวในคราบชายละล่ำละลัก
“ เกลียดนัก พูชายพายเรือ เห็นหญิงโสดโดดเดี่ยวเดินคนเดียวเป็นไม่ได้ เจ้าชู้ประตูดินนัก ”
เตยกระฟัดกระเฟียด เดินเข้าวัดไป
ลำจวนนั่งท้ออยู่ชั่วอึดใจ จึงลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว เอาถุงหนังสือมาดูว่าอยู่ดีหรือไม่
พอดีกับคณะของคุณพุ่มเดินผ่านมา
“ อ้าว คุณ..เฉก..ออกมานานแล้วรือ? ”
แม่เต็มทัก
“ ขอรับ ”
“ สายแล้ว รีบไปเถิด ฉันก็มัวแต่เถลไถล ไป..”
คุณพุ่มเร่ง ทั้งกลุ่มจึงพากันมุ่งไปลงเรือ เพื่อรีบไปซื้อของก่อนตลาดจะวายไปเสียก่อน
ตลาดคือหมู่ร้านรวงบนแพขายของที่อยู่ติดๆเชื่อมโยงกันไปเหมือนห้องแถว ให้ผู้คนที่สัญจรทางน้ำพายเรือมาจอดเทียบด้านหน้า แล้วขึ้นมาเดินจับจ่าย
ผู้ชายเกือบทุกคนที่พายเรือผ่านไปมาหรือซื้อขายกันอยู่ที่นั่น ไม่สวมเสื้อ หรือมีแค่ผ้าสารพัดประโยชน์พาดบ่า สีของผิวค่อนข้างคล้ำอย่างที่เรียกว่าสีทองแดง
เจ้าหนุ่มเฉกที่สวมเสื้อปิดมิดชิดและมีผิวสองสีที่ออกขาวนวล งามผ่อง อรชรอ้อนแอ้นเป็นพระเอกละคร มีสง่าราศีแปลกกว่าชายชาวบ้าน จึงดูเป็นลูกท่านหลานเธอมาจากวังไหนก็ไม่ปาน ส่วนนายหมายก็เป็นพลพรรคของผู้ดิบผู้ดีที่เพิ่งกลับมาจากวัด
คุณพุ่ม นางเต็ม พากันไปเลือกซื้อแป้งดินสอพอง น้ำอบ น้ำมันหอมแต่งผมที่ขาดมือประสาหญิงรักสวยรักงาม
ทว่าผ้าผ่อนอาภรณ์หรูหราเลิศวิลิศแบบแขกๆ ที่คนอิสลามเชื้อเปอร์เซียมาเปิดหีบนั่งขายตรงนั้น ดึงดูดหนุ่มเฉกเป็นที่สุด
“ ผ้าตาบัวปอก ผ้าดอกสน ดอกเทียน ผ้าตาเล็ดงา ผ้าตามะกล่ำ ผ้าตาสมุกก็มีจ้า ”
แม่ค้าผ้าร้องเรียก
ลำจวนลืมตัว ยื่นมือไปจับดูเนื้อผ้านุ่งไหมงามเนื้อหนาสีละมุนละไมตา
“ หนุ่มๆจักซื้อผ้านุ่งไปฝากสาวๆ สาวรักสาวหลง ฝากผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็รักเอ็นดูนะจ๊ะ พ่อคุณเอ๊ย ”
แม่ค้าพูดเชิญชวน ทำเอาลำจวนต้องตั้งสติ ปล่อยมือจากผ้านั้น แต่ครั้นเงยขึ้น เธอก็สะดุ้งตัวลอย
แม่มุนา แม่ค้าผ้าแขก สหายของแม่จำปา แม่ของฟาติมเพื่อนลำจวน มองตรงมา และเดินมุ่งเข้ามาหา
ลำจวนตัวแข็ง กลั้นหายใจ คิดไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าหากแม่มุนาทักถาม จะทำเช่นใดดี เพราะหากจะหนีก็คงไม่ทัน
ปรากฏว่าแม่มุนาไม่ได้มองลำจวน แต่มองเพียงผ้าแขกปักเลื่อมที่แขวนเด่นอยู่ ไม่ใช่เพราะเห็นงาม อยากใคร่ได้ แต่เห็นสินค้าคู่แข่งที่เหมือนของที่ตัวขายอยู่ เดินเฉียดไหล่เด็กหนุ่มที่ยืนขวางเกะกะอยู่ผู้นั้นไป
ดึงผ้ามาทั้งผืนลงมา
“ นี่ผ้ามาจากที่ใด? ”
“ อ้าว แม่มุนา ”
คนขายเอ่ยชื่อ ทักทาย
“ ฉันซื้อมาจากร้านแถวคลองมหานาค เขาได้มาจากเรือที่มาจากมลายู ”
“ ขายราคาอย่างไร? ”
แม่มุนาจดจ่อเคร่งเครียด
เจ้าเด็กหนุ่มนั้น จึงค่อยๆสืบเท้าถอยออกไปอย่างแช่มช้า พอพันรัศมีหน้าร้านผ้า ก็หันขวับ รีบเดินปะปนผู้คน ออกไปยังท่าหน้าแพ
แม่ฉะอ้อน สาวใส่งอบกันแดดแผดผิวหมอง พายเรือขายข้าวหลามหลายชนิด หลายขนาด ล้วนเผามาใหม่ๆ เต็มลำเรือ มาจอดเทียบริมแพ ร้องขายเสียงหวาน
“ ข้าวหลามเน้อ เผาเมื่อเช้า ข้าวเหนียวใหม่ หอมชื่นใจ เคี้ยวนุ่มฟัน หน้าถั่วดำกะทิหอมมัน ข้าวเหนียวขาว ข้าวเหนียวดำ มีให้เลือกสรร นะเจ้าเอ๊ย..”
หนุ่มเฉกหันไป แม่ฉะอ้อนเงยขึ้นมา ตาต่อตามาประสาน..แม่ฉะอ้อนถึงแก่มือไม้อ่อน พายแทบหลุดมือ
“ รับข้าวหลามไหมเจ้าคะ คุณท่าน ”
สาวฉะอ้อนชม้ายตา
‘ คุณท่าน ’ นั่งยองลง ก้มลงมาเลือกข้าวหลามได้ห้ากระบอกน้อยๆ
คุณพุ่มเดินจะกลับลงเรือ เห็นเจ้าเฉกกำลังซื้อข้าวหลาม ก็ยิ้มเอ็นดู
“ อยากกินข้าวเหนียวรือ..เฉก ”
“ ขอรับ ซื้อเผื่อทุกคนด้วยขอรับ ”
เฉกตอบ ยิ้มกว้างขวาง
ฉะอ้อนมองฟันอันขาวสว่างแปลกตา ราวกับฟันเด็กๆ หัวใจพลันอ่อนยวบลงอีก หยิบข้าวหลานให้อีกกระบอก
“ รับห้ากระบอกก็พอจ้ะ ”
คุณท่านหนุ่มละอ่อนนั้นหันมาบอก
“ ของแถมเจ้าค่ะ ”
เจ้าหล่อน ทิ้งตาหวานหยาดหยด
“ ไม่คิดอัฐ ”
คุณพุ่มเบือนหน้าไปแอบยิ้มให้ลมให้แล้ง
จังหวะนั้นเอง ที่เรือของกลุ่มนักดนตรีจากละครคณะนายสุ่น พายโฉบเข้ามา
เฉกหันไปเห็น ตกใจแทบสิ้นสติ ลุกพรวดพราด เผ่นหายไปจากตรงนั้นโดยพลัน พร้อมข้าวหลามในอ้อมแขน
แม่ฉะอ้อนมองหนุ่มผู้ดีที่จู่ๆก็ขโมยข้าวหลามหลบหนีไป ด้วยความงุนงง
“ เท่าใดจ๊ะ? ”
คุณพุ่มยังยืนอยู่ตรงนั้น หันมองตามด้วยความสงสัยเช่นกัน แต่หยิบเงินมานับส่งให้สาวฉะอ้อน
พอดีนายหมายหอบหิ้วข้าวของที่คุณพุ่มซื้อไว้เดินตามมาถึง ลำจวนจึงแสดงอาการเสมือนว่ารีบมาช่วยรับของจากนายหมาย ทว่าเอาตัวหลบมุม ให้นายหมายบังไว้จากผู้คนในเรือ เมื่อโผล่แอบดู เห็นเรือบ้านนายสุ่นพายผ่านไป เพียงมาอาศัยเงาชายคาแพบังแดด แต่หาได้แวะเทียบจอดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 59 : ไม่เคยง่าย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 58 : ปะทะ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 57 : ท่องราตรี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 56 : โล่งไปที
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 55 : มีเพื่อนเล่นไม่เหมือนกับเพื่อนตาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 54 : โลกนอกแพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 53 : ใกล้ชิด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 52 : ไม่คลาดคลา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 50 : อุปสรรคยังไม่สิ้น
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 49 : สัญชาตญาณแม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 48 : ผู้รับใช้รอบทิศ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 51 : เส้นรัก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 47 : กตเวทิตา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 46 : ระทึก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 45 : ฟ้อนแคน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 44 : คืนร้อน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 43 : กรณีชิงศิษย์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 42 : พระอภัยมณีเป็นเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 41 : แผนสูง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 39 : วุ่นวายข้างวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 38 : ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 37 : ขมิ้นกับปูน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 36 : ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 35 : แมวกับหนู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 34 : ที่วัดโพธิ์
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 33 : ก้าวไปไม่กลับหลัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 32 : พบศพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 31 : คุณชาย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 28 : รอด..หรือไม่รอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 27 : หนี
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 26 : ดิ้นรน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 25 : หิ่งห้อยรือจะแข่งแสงจันทรา
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 24 : คงแป๊ะผู้พลั้งมือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 22 : ดับฝัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 21 : ไม่ยอมพราก
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 20 : พบแล้ว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 18 : รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 17 : พระรอด
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 16 : เกิดเหตุ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 15 : สาวงาม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 14 : นายฮุนผู้เป็นที่ต้องการ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 13 : สตรีต้นแบบ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 12 : ชะตากรรม
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 11 : ลงมือเขียนภาพ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 10 : เส้นทางของลูกสาว
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 9 : การประชัน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 8 : ทะเยอทะยาน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 7 : ลำจวนกับฮุน
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 6 : น้อยกับนวล
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 5 : สองครู
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 4 : เด็กหนุ่มผมเปีย
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 3 : เด็กหญิงผู้อยู่นอกวง..ทุกวง
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ
- READ บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 1 : ลำจวน