
ดาราอรุณ บทที่ 11 : ดาวศุกร์…คนขี้หึง
โดย : กฤษณา อโศกสิน
ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ
หากแต่เพียงขับต่อไปอีกไม่ทันสุดถนน เสียงนายหันก็ดังเข้ามา แต่คราวนี้แผ่วเบาลงไป
“หิ้ง แกกลับมาบ้านก่อนได้ไหม มีอะไรอยากพูดด้วย…คือ…เช้านี้…พ่อรู้สึกไม่ค่อยดี…แรงมี…แต่มันก็ดูโหยๆไงไม่รู้…พอดีคุณหญิงโทร.มาบอกว่าที่คิดว่าจะแวะมาก็ยังมาไม่ได้…ต้องต้อนรับญาติที่เพิ่งมาจากต่างจังหวัด…แต่ก็เตือนเรื่องฝากงาน”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มกับเสียงนั้น
ยังไม่ทันไรก็เริ่มฝาก…ฝาก…เออ…จะฝากกันไปถึงไหน
“ถ้างั้นก็ได้ฮะพ่อ”
ครั้นปิดเสียงแล้ว เขาก็หันมาทางหญิงสาว บอกกล่าวถึงคำของบิดา
“ดีเหมือนกันพี่ เย็นจะได้เข้าไปสวัสดีลุงด้วย ไม่เคยเจอกันน้านนาน…ไม่ทราบว่าลุงจะจำเย็นได้ไหมด้วยซ้ำ” ลมเย็นคล้อยตามอย่างยินดี “ว่าแต่ว่าลุงจะไล่เย็นออกจากบ้านไหมคะ”
หิ้งก็เลยได้แต่หัวเราะ
“คงไม่ร้ายขนาดนั้นหรอกน่า” เขาพลอยขำขันผู้สูงอายุไปกับหล่อน
เพียงครู่เดียว รถก็เข้ามาจอดในโรงที่บ้าน
ลมเย็นก้าวลงไปอย่างใจไม่สั่น…อึดใจเต็ม จึงเดินตามชายหนุ่มเข้าไปจนถึงห้องรับแขกที่เปิดไฟสว่าง
นายหันนั่งอยู่แล้วเพียงลำพัง มีถ้วยกาแฟกับจานขนมปังหน้าทูน่าวางดายอยู่บนโต๊ะเล็กด้านข้าง โดยเจ้าของบ้านยังมิได้แตะต้อง ด้วยว่าท่าทางที่เขานั่ง ดูราวกำลังเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงพอใช้อยู่เหมือนกัน
ครั้นแลเห็นลูกชายเดินเข้ามาโดยมีสาวสวยในหน้ากากตามติดพร้อมน้อมกายลงคุกเข่าประชิดกับเข่าเขาพลางพนมมือ ก้มกายลงกราบด้วยกิริยานอบน้อมพลางถาม
“ลุงจำเย็นได้ไหมคะ…ลมเย็นน่ะค่ะ” อีกฝ่ายเอ่ยพลางปลดหูหน้ากากออกไว้ใต้คาง แลเห็นรูปหน้าผิวพรรณอันสดสว่างแจ่มใส ละเมียดละไมงามงด หมดจดเจริญใจ จึงขยับตัวนั่งตรง ทั้งๆยังนึกไม่ออกว่าจะทักทายอย่างไรดี “เย็นเคยมาวิ่งเล่นกับพี่หิ้งกับพี่เหินตั้งแต่…เอ้อ…เล็กๆไงคะลุง”
นายหันจึงพยักหน้า หลังจากตะลึงไปเป็นครู่
“จำได้” ในที่สุดเขาก็ปริปาก พลางชวนเชิญอย่างนุ่มนวลกว่าที่คิด “นั่งซี…ดีแล้ว…จะได้คุยกัน…เอากาแฟไหม”
“ทานกันมาแล้วละฮะพ่อ” หิ้งเลยนั่งลงถัดไปพร้อมความยินดีใหม่เอี่ยมไหลริน
เช้าวันนี้ ดูราวกับพ่อเปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ภาพที่เคยกัดฟันมันเขี้ยวยามเมื่อเลี้ยวไปหาเรื่องราวบาดหมางแต่หนหลัง นาทีนี้ กลับกลายเป็นหมดพลังจะขุดคุ้ย
ยังนึกไม่ออกเลยว่า มีสาเหตุอันใดที่สามารถหยุดพ่อไว้ได้…ด้วยเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เพราะเมื่อครู่…เขายังคงแผดเสียงดังลั่นจนคล้ายกับสั่นไปทั้งตัว
“พ่อมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า ท่าทางเหมือนมี”
บิดาเขาเหลือบมองลมเย็นนิดหนึ่งอย่างไม่แน่ใจว่าจะพูดต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้ดีหรือไม่
ด้วยว่า เพียงเวลาผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียว เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวแวบเข้ามา คล้ายควานหา ‘ที่ปรึกษา’ ที่ไว้ใจได้ไม่อาจพบ
นี่ก็ยังดีที่ลูกชายคนโตกลับมาทัน มิฉะนั้นยามนี้ เขาจะรู้สึกว้าเหว่สักเพียงไหนในเมื่อจู่ๆก็มีผู้มาขอยืมทรัพย์สินมีค่าของเขาไปเป็นประกัน
เรื่องค้ำประกันกับตัวเขาไม่เคยเข้ากันได้แต่ไหนแต่ไรมา เนื่องด้วย เขายังจำได้แม่นยำว่า ครั้งที่ยังไม่ช้ำใจเรื่องนายชัดไม่เกี่ยวดองกับน้องสาวเขา เพื่อนผู้คบหากันมาตั้งแต่สมัยบิดาของทั้งคู่ยังเพิ่งตั้งตัว เคยทำนายทายทักไว้อย่างไม่กลัวผิดว่า ‘ห้ามค้ำประกันใครเป็นอันขาดนะหัน…อันตรายมากๆเลยสำหรับดวงมึง ไม่มีวันได้คืนเลยละ’
นับเป็นเรื่องที่เขายังจดจำไว้ในสมองจนมิต้องท่องทวน
ชวนให้คิดถึงเพื่อนขึ้นมาจับใจ
ครั้นแลเห็นลูกสาวอีกฝ่ายติดตามลูกชายตนเองมาจนถึงบ้านในยามที่กำลังคับข้องใจ จึงสิ้นไร้ความเดียดฉันท์อันเคยพอกพูนไว้จนจับหนา หันมาปราศรัยด้วยหวังจะไต่เต้าไปถึงความปรารถนาดีต่อกันที่น่าจะหวนคืนมาใหม่…ขณะที่ตอบสั้นๆง่ายๆว่ามี
“ลุงจะให้หนูออกไปนั่งรอข้างนอกก็ได้นะคะ” ลมเย็นแลเห็นสายตานายหันมองหล่อนอย่างลังเล จึงนึกขึ้นได้ว่า เขาน่าจะมีเรื่องต้องเจรจากับหิ้งเป็นส่วนตน
หากก็ผิดคาด เพราะเจ้าของบ้านบอกกล่าว
“ลุงอยากให้หนูฟังด้วย จะได้ลองถามชัดซิว่า…ดวงลุงตอนนี้เป็นยังไงมั่ง…มีอะไรต้องระวังมากไหม”
หิ้งเพียงแต่ยิ้มในหน้าอย่างไม่แปลกใจ
พ่อมาถึง ‘ทางตัน’ ในชีวิตแล้วอย่างไรล่ะ
ทุกคน…ไม่มีเว้นว่าเป็นใคร ต่างก็มีทางตันของตนเองแทบทั้งสิ้น
เขาเอง…ก็เคยมีทางตัน…ครั้งที่รักกันกับหญิงต่างชาติผู้ที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าหล่อนชอบเพศเดียวกัน มิหนำซ้ำติดยาเสพติด เล่นเอาเขาแทบเหมือนถูกควายขวิดไส้เกือบทะลักเลยทีเดียว เสียวสันหลังมาจนกระทั่งบัดนี้
ยังสงสัยดวงชะตาตัวเองอยู่มิวายว่ารอดมาได้อย่างไร จนกระทั่งอาชัดบอกเมื่อวาน
หากก็เป็นภาษาโหรที่เขายังจำมิได้
รู้เพียงว่า ดาวอะไรสักดวงหนึ่งอันเป็นดาวใหญ่ดาวสำคัญ ดาวดวงนั้นเองเป็น ‘กาลกิณี’ จึงส่งผลให้เขาไม่มีสุข หากก็มักรอดมาได้เนื่องด้วยไปสถิตอยู่ในเรือนดาวดีที่มีตำแหน่งใหญ่
เพียงแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
ในที่สุด หิ้งก็บอกพ่อให้กินอาหารเช้าที่วางไว้ข้างตัวให้เสร็จก่อน จึงค่อยคุยต่อ…พ่อของเขาก็กินจนหมดโดยดี
ครั้นแล้วจึงบอกลูกชายให้เข้าไปหยิบกระดาษและปากกาในห้องหนังสือ หรืออาจเรียกได้ว่า ห้องพิเศษสำหรับต้อนรับลูกค้าผู้มีความสัมพันธ์อันดีงามโดยเฉพาะก็ได้
“จะจดวันเดือนปีเวลาตกฟากฝากหนูเย็นไปให้ชัดช่วยดู”
แต่ลมเย็นก็บอกกล่าวว่าพ่อมีดวงของครอบครัวลุงอยู่แล้ว เขาก็เลยได้แต่ทอดถอนหายใจคล้ายกระดากกระเดื่องเรื่องที่เขาด่ากราดใส่หน้าเพื่อนอย่างหยาบคาย
ใคร่ถอนคำเหล่านั้นออกเสียดุจถอนต้นหญ้าก็หาทำได้ไม่ในเมื่อ…ก่อนพูด เขาเป็นนายของถ้อยคำ หลังพูดถ้อยคำกลายเป็นนายของเขา
ทำอย่างไรได้เล่า…นายหันเอาแต่กระสับกระส่ายขณะมองหน้าลมเย็น แลเห็นความอ่อนโยนในดวงตาท่าทีที่อ่อนน้อมเข้าหา ไม่มีวี่แววความแตกระแหงแห่งมิตรภาพแต่หนหลังมาแผ้วพาน สิ่งที่เคยแหลกรานลงไปเนื่องด้วยอำนาจบาตรใหญ่ไม่ยั้งคิดของเขา บัดนี้ มิหลงเหลืออยู่ในแววตาธิดาคนโตของเพื่อนแม้เพียงเงา
มีแต่ความแช่มช้อยชื่นชูอยู่ในทุกท่วงท่า อิริยาบถ ผิดไปจากน้องสาวผู้เหินเคยพามาโผล่ตรงประตูบ้านหนหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับกล้าเข้ามาทักทาย
ลูกคนเล็กของไอ้ชัดมองผาดๆก็พอจะรู้ว่าประเปรียวถึงขนาดจับไม่อยู่ หรือจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
นายหันจึงใคร่ได้สนทนากับหญิงผู้พี่ เท่ากับทอดสะพานไปพลางๆอย่างไม่หักโหม
“พ่ออย่าให้ซะก็หมดเรื่อง การค้ำประกันนี่ไม่มีใครเขาให้สุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะฮะ…เคยได้ยินมานักแล้วว่า…มักจะสูญเสียทุกที” ครั้นแล้วหิ้งจึงยกตัวอย่างแม่ของเพื่อนคนหนึ่งซึ่งช่วยค้ำประกันให้คนรู้จักที่แสนสนิทกันเป็นอันมาก “จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คืน ตัวคนที่แกไปค้ำก็ตายไปซะแล้ว ลูกเขาก็ไม่ยอมรับรู้”
“ก็นั่นน่าซี ถึงได้กลัวไง เลยอยากดูหมอสักหน่อยว่า จะยังไงต่อไป”
“แล้วหนูจะไปถามพ่อให้นะคะลุง” ลมเย็นก็เลยรับอาสา
เนื่องด้วยแลเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่พ่อกับลุงควรกลับมาดีกัน เพราะเรื่องที่ลุงอยากให้ลงเอย ก็กลายเป็นนิทานในอดีตไปสิ้นแล้ว จบไปแล้วอย่างบริบูรณ์ ป้าหทัยที่ลุงอยากให้ได้กับพ่อ เวลานี้ก็ได้ข่าวว่าร่ำรวยใกล้ระดับเศรษฐี มีลูกสามสี่คน ดีกว่าพ่อของหล่อนหลายเท่า
“ขอบใจหนูมาก ด่วนเลยนะ เพราะคนคนนี้ที่มาขอให้ลุงเอาโฉนดบ้านหลังนี้ไปค้ำประกัน แกเป็นพ่อของลูกเขยของลูกค้าคนสำคัญของลุงอีกที”
“โอ้โฮ…ทำไมถึงหลายทอดจังพ่อ” หิ้งฟังแล้วอดร้องดังออกมามิได้ “พ่อระวังหน่อยนะฮะ อย่าเชื่อใครง่ายๆ…คือแค่ผมมาอยู่เดือนกว่าก็รู้แล้วละว่ามิจฉาชีพเกลื่อนเมืองขนาดไหน…ฟังแล้วสยองไม่เสร็จเหมือนกัน จะกดอะไรในจอก็ต้องคิดแล้วระวังอีก”
“บนจอพอจะระวังง่ายนะคะ…แต่นอกจอนี่ซี ระวังยาก” ลมเย็นออกความเห็นนุ่มๆ
นายหันจึงรีบพยักหน้า
“จริงของหนู” พร้อมด้วยทีท่าพอใจบุตรีของเพื่อนเก่าขึ้นอีกเท่าตัว จึงมีแก่ใจถามทุกข์สุข “แล้วตอนนี้หนูทำอะไรมั่ง เล่าให้ลุงฟังก็ได้ นานๆเจอกันทีแล้วนี่…ถ้าไม่มีธุระ…กลางวันนี้ กินข้าวด้วยกันดีกว่านะ”
ลมเย็นก็เลยหันมาสบตาชายหนุ่ม
ขณะนี้ หล่อนมีแต่ความชุ่มชื่นในดวงใจ ใคร่สานสัมพันธ์จนไมตรีอันดีระหว่างพ่อกับพ่อคืนมา
“อ้อ…เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า…หนูเกิดตอนดาวศุกร์ขึ้นใช่ไหม…พ่อหนูบอกลุงนี่ว่าดาวศุกร์เช้ามืดเรียกดาวประกายพรึก…ไม่เคยลืมคำนี้เลย” เขาจึงเอ่ยต่ออย่างปะเหลาะประโลมเอาใจ “มิน่า…หนูถึงน่ารักมาก…”
คำของชายสูงวัยช่วยให้โลหิตฉีดผิวหน้าซ่าซ่าน กลายเป็นอีกวันหนึ่งแห่งความซาบซึ้งใจที่หล่อนควรจะรีบกอดเอาไว้กับอก…เผื่อ…เผื่อวันข้างหน้าซึ่งมิรู้ว่าวันไหน โชคชะตาจะกลับกลาย พาเอาความร้ายมารินเติม กดอารมณ์ริเริ่มในชีวิตให้หงอยเหงาจนความเศร้าตามมา
คำของบิดายังคงกึกก้อง
‘ถ้าเราได้คู่เป็นคนมีเสน่ห์ เราก็ต้องยอมรับว่าเขามี เมื่อเขามี ตัวเราก็จำเป็นที่จะต้องมองข้ามไปเสียบ้าง’
ก็มิรู้ว่า หล่อนสามารถจะมองข้ามได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้…แล้วจะทำอย่างไร
ลมเย็นรู้ดี…ส่วนเสียของดาวศุกร์ก็คือขี้หึง
หากหล่อนรักกับเขา ก็ใคร่ให้เขามอบรักให้ตนเองเต็มร้อย
เหมือนพ่อกับแม่ ลุงหันกับป้าพริ้งที่ต่างก็มอบรักและภักดีให้แก่กันและกันเต็มที่โดยไม่มีมือที่สาม
ครั้นแล้ว โต๊ะอาหารมื้อกลางวันวันนี้ จึงมีหล่อนเข้าไปร่วมกับลุงและป้า บิดามารดาของชายหนุ่ม
แววตาของป้าพริ้งที่มองหล่อนดูชื่นชุ่มพอใจ นางทักทายปราศรัยอย่างสนิทด้วยว่าใกล้ชิดมายาวนานจนเห็นอีกหน เด็กหญิงจอมซนหัวกระเซิงกลับกลายเป็นสาวสวยผู้มีชั้นเชิงเชยชื่นราวมิใช่คนก่อน
ลูกชายของเธอกินไป ตักอาหารให้ลูกสาวนายชัดไปด้วยแววนัยน์ตาชื่นบาน
นางยังจำวันวานเมื่อปีก่อนวันเก่าครั้งหันกับชัดติดตามกันดั่งเงาได้ดี
ความแตกร้าวนานปีหามีดีใดไม่…แม่พริ้งนึกในใจพร้อมกับลงเอย
‘ขอให้หิ้งอยู่กินกับลูกคุณชัดทีเถอะ…’
หากแต่นายหันเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งตัดสินใจ
“หิ้งขึ้นไปข้างบนกับพ่อหน่อยนะ….หนูเย็นคุยกับป้าเขาไปก่อน เดี๋ยวลุงลงมา”
ครั้นแล้ว เขาก็พาลูกชายหายไปทางห้องใน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 15 : ดาวศุกร์ยาตราเข้ามาพักพิง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 14 : ดาวการเงิน
- READ ดาราอรุณ บทที่ 13 : นิยายครอบครัว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 12 : ตีตราจอง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 11 : ดาวศุกร์...คนขี้หึง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 10 : ชะตากรรมกำหนดมาแล้ว
- READ ดาราอรุณ บทที่ 9 : ความเป็นเขา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 8 : จอมโลกีย์แห่งสวรรค์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 7 : เจ้าเรือนลัคน์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 6 : ดาวพระศุกร์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 5 : พินทุบาทว์
- READ ดาราอรุณ บทที่ 4 : แสงจันทรา
- READ ดาราอรุณ บทที่ 3 : ศุกร์ราชาโชค
- READ ดาราอรุณ บทที่ 2 : ดาวประกายพรึกและดาวประจำเมือง
- READ ดาราอรุณ บทที่ 1 : พบกันอีกครั้ง