ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 12 : ข้อแลกเปลี่ยน

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 12 : ข้อแลกเปลี่ยน

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

 

เธอไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้ว ยังไงเธอก็ต้องแต่งงานกับฉัน…ทินพันธ์นึก…และฉันจะสอนให้เธอได้รู้จักกับคุณค่าของคน สอนให้เธอเลิกดูถูกคนอื่น

โปรดอย่าเข้าใจผิด โปรดอย่าเกลียดชัง ที่ฉันทำเช่นนี้ ก็เพราะว่าฉันรักเธอ อยากให้เธอได้เรียนรู้และรู้จักชีวิตที่แท้จริง

“แก…ทินพันธ์” คุณหญิงสายหยุดตกใจ ไม่คิดว่าลูกอาเสี่ยเจ้าของบ่อนพนันจะหาญกล้าเอื้อมมือมาเด็ดดอกฟ้าอย่างลูกสาวของเธอ “ไม่หมายสูงไปหน่อยหรือ ลูกสาวของฉันสวย มีชาติตระกูล ไม่เหมาะกับเศรษฐีใหม่อย่างพวกแกสักนิดเดียว”

“คุณหญิงก็ลองไปคิดดู” ทินพันธ์เห็นว่าตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่า จึงไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย “ผมให้เวลาเจ็ดวันเท่านั้น…ถ้ากรผกามารศรีตกลงแต่งงานกับผม คุณหญิงจะได้ทุกอย่างคืนไป แต่ถ้ากรผกามารศรีไม่ยอม…คุณหญิงและทุกคนก็เตรียมตัวย้ายออกจากบ้านได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง”

 

คุณหญิงสายหยุดเก็บเรื่องความลับคับอกเอาไว้เพียงคนเดียวหกวันแล้ว เช้าวันนี้เป็นวันที่เจ็ด และทินพันธ์กำลังรอคำตอบของเธออยู่

อนาคตของมรกตพรอพเพอร์ตี้และคฤหาสน์ของตระกูลมรกตจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรผกามารศรีเพียงคนเดียวเท่านั้น

คุณหญิงสายหยุดให้แม่นิ่มไปตามบุตรสาวมาพบสักพักใหญ่แล้ว ขณะที่รอในห้องรับแขก ผู้สูงวัยก็นิ่งคิดว่าจะเริ่มต้นเจรจากับธิดาสาวอย่างไรดี

เสียงเคาะประตูแผ่วเบา ก่อนที่ร่างระหงของกรผกามารศรีในชุดลูกไม้สีดำที่หล่อนสวมเพื่อไว้ทุกข์ให้บิดาจะโผล่เข้ามา ตามมาด้วยแม่นิ่ม

ผิวขาวผุดผ่องของบุตรสาวตัดกับสีดำของผ้าลูกไม้สวิสงดงาม ดวงตากลมโตของกรผกามารศรียังมีริ้วรอยหม่นเศร้า ริมฝีปากของเธอแดงเอิบอิ่มราวกับกุหลาบแรกแย้ม

“คุณแม่ให้แม่นิ่มตามลูกมา มีอะไรหรือคะ”

หล่อนทรุดกายลงนั่งบนพื้นห้อง มือข้างหนึ่งกอดเข่าของผู้เป็นมารดาพร้อมกับเอาคางเกยอย่างจะประจบ

“เอ้อ…เอ้อ…” คุณหญิงสายหยุดอึกอัก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “คือว่าแม่มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะจ้ะ เกี่ยวกับบ้านและบริษัทของเรา”

“คะ มีอะไรคะ” กรผกามารศรีชักจะเป็นกังวลกับท่าทางของมารดา “คุณแม่ไม่สบายไปหรือเปล่าคะ”

“ปะ…เปล่าจ้ะ”

คุณหญิงสายหยุดยังคงพูดไม่ออก “คือว่า…เรื่องบริษัท…เอ่อ…”

“ลูกว่าจะถามคุณแม่อยู่พอดี คุณพ่อเสียไปแบบนี้…แล้วบริษัทของเราว่าอย่างไรคะ” กรผกามารศรีเป็นฝ่ายเริ่มต้นขึ้นก่อน

“เรากำลังจะล้มละลาย” พอหลุดประโยคแรกออกไปได้ คุณหญิงก็โล่งอก ประโยคต่อๆ ไปก็เลยพรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำ “บริษัทขาดทุน เงินไม่มีเหลือแล้ว แม่ไม่มีทางเลือก ก็เลยเอาบ้านและที่ดินของเราไป…เอ้อ…ไปที่บ่อน หวังจะใช้ต่อทุน…แต่ว่า…”

“อะไรนะคะคุณแม่”

กรผกามารศรีตกใจจนแทบสิ้นสติ ถึงเธอจะอ่อนต่อโลก หากพอจะเดาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของตนเอง เธอหันไปหาแม่นิ่ม จับมือแม่นมที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเอาไว้แน่น ใจสั่นระริก รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย

“นี่คุณแม่เอาบ้านและที่ดินของเราไปเล่นพนัน แล้วคุณแม่ได้เงินมาหรือเปล่าคะ”

“ไม่จ้ะลูก” คุณหญิงสายหยุดก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกละอายใจ “ไม่ได้สักบาทเดียว แถมเรายังจะต้องเสียบริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้ บ้านหลังนี้และที่ดินไปอีกด้วย”

“อะไรนะคะคุณแม่” กรผกามารศรีและแม่นิ่มได้แต่อ้าปากค้าง เสียงของหญิงสาวแผ่วโหย แทบไม่หลุดรอดออกจากลำคอ “นี่มันอะไรกันคะ หมายความว่าบริษัทของคุณพ่อ บ้านและที่ดินกำลังจะโดนยึดหรือคะ โธ่…แล้วนี่เราจะทำยังไงกันต่อไป พวกพนักงานในบริษัท และคนรับใช้ของเราอีกยี่สิบกว่าคนล่ะคะ พวกเขาจะทำยังไงกัน โธ่เอ๋ย คุณแม่ทำอย่างนี้ได้ยังไงคะ การพนันไม่ใช่เรื่องดี คุณแม่ก็รู้ นี่แม่เอาสมบัติทุกอย่างที่เรามีไปใช้จนหมด แล้วต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันล่ะ บริษัท บ้าน ที่ดิน เราไม่เหลืออะไรเลยนะคะคุณแม่ แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน จะไปเช่าโรงแรมอยู่ เราก็ไม่มีเงินเหลือ จะไปอยู่บ้านพักตากอากาศ คุณพ่อก็ขายทิ้งไปหมดแล้วตอนที่เศรษฐกิจไม่ดี”

หญิงสาวเข่าอ่อน ใจหายวูบ ตอนที่เจ้าสัวทินกรสิ้นชีวิตไปนั้นก็เป็นเรื่องร้ายแรงมากพออยู่แล้ว แต่มาถึงตอนนี้ทรัพย์สมบัติที่มีเหลืออยู่กำลังจะสูญสลายไปอีกด้วย

“ลูกกรผกาจ๊ะ…” คุณหญิงเอื้อมมือไปจับมือของบุตรสาวเอาไว้จนแน่น “แม่ขอโทษด้วยนะลูก แม่ไม่ดีเอง แม่ไม่นึกว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ แม่อับจนหนทางจริงๆ ประพนธ์บอกว่าเงินสดของบริษัทเราเหลืออยู่ไม่มาก แม่สู้บากหน้าไปขอหยิบขอยืมใคร ก็ไม่มีใครยอมให้เงินเราสักราย แม้แต่อธิบดีอนันต์ที่คุณพ่อเคยช่วยเอาไว้มากมาย ก็ไม่ยอมเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เศรษฐกิจแบบนี้ ธนาคารไหนๆ ก็ไม่ปล่อยกู้ แม่จึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากวิธีนี้”

พูดจบคุณหญิงสายหยุดก็สะอื้นไห้ ยกมือขึ้นทาบอก หน้าซีดเหมือนจะหมดสติ รู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนอาการโรคหัวใจกำเริบ

กรผกามารศรีกับแม่นิ่มรีบประคองผู้เป็นมารดา แม่นิ่มรีบหยิบเอายาอมใต้ลิ้นสำหรับโรคหัวใจขึ้นมาให้คุณหญิงอมอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั่งพัดวีให้คุณหญิงพักผ่อนสักครู่ใหญ่ อาการของผู้สูงวัยก็เริ่มจะดีขึ้น

กรผกามารศรีหันไปมองหน้าแม่นมคนเก่าแก่ แม่นิ่มส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้หญิงสาวพูดอะไรออกมาให้คุณหญิงสายหยุดกระทบกระเทือนจิตใจ

“แต่ลูกขา…” คุณหญิงแม่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างมีความหวัง “อย่าเพิ่งหมดหวัง เรายังมีทางเลือกเหลืออีกทางหนึ่ง”

“อะไรคะ” กรผกามารศรีและแม่นิ่มถามขึ้นพร้อมกัน ดวงตาคู่งามของหญิงสาวเปล่งประกายแห่งความหวัง

“คือว่า…” คุณหญิงสายหยุดรวบรวมพลังยันกายลุกขึ้นนั่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบศีรษะธิดาสาว พร้อมกับบอกว่า “ลูกจะต้องแต่งงาน…แล้วฝ่ายนั้นจะยกบริษัท บ้านและที่ดิน รวมถึงเงินทุนหมุนเวียนของมรกตพรอพเพอร์ตี้คืนให้กับเรา”

“อะไรนะคะคุณแม่” กรผกามารศรีตกใจแทบสิ้นสติ “ให้ลูกแต่งงาน แต่งกับใครกันคะ”

“คุณทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี”

“ทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี” กรผกามารศรีอ้าปากค้าง นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาราวดาราเกาหลีของชายหนุ่มคนนั้นได้ในทันที “ที่พ่อเป็นเจ้าของโรงสีและเจ้าของบ่อนพนันนั่นใช่ไหมคะ ถ้าใช่ละก็ เขาเป็นผู้ชายที่ทุเรศมากที่สุดเท่าที่ลูกเคยรู้จักมา”

“ใช่แล้วค่ะลูกขา” คุณหญิงสายหยุดประหลาดใจ เธอจำได้ว่าทินพันธ์มาร่วมงานศพของผู้เป็นสามีทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นว่าบุตรสาวกับชายหนุ่มคนนั้นเคยไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด “ลูกเคยรู้จักกับเขาแล้วหรือคะ”

“ก็คนที่ทำน้ำหกรดกระโปรงของลูกในวันงานเปิดตัวเครื่องเพชรนั่นไงคะ” กรผกามารศรีเม้มริมฝีปากแน่น จำท่าทางรุ่มร่ามของทินพันธ์ได้แม่นยำ “ทำให้ลูกต้องอับอายขายหน้าผู้คนมากมาย ยังไงลูกก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด ลูกเกลียดเขา พวกเศรษฐีใหม่”

“แต่คุณทินพันธ์บอกว่า เขาจะคืนบริษัท คืนเงิน คืนบ้านและที่ดิน คืนทุกอย่างให้กับเรา ถ้าเพียงแต่…” คุณหญิงสายหยุดไม่กล้าเอ่ยออกมาให้จบประโยคเพราะรู้สึกเกรงใจบุตรสาว

“ถ้าเพียงแต่ลูกจะยอมแต่งงานกับเขา” กรผกามารศรีหน้าสลด

“ใช่ค่ะลูก” คุณหญิงสายหยุดถอนหายใจยาว “อนาคตของบริษัทเราอยู่ที่การตัดสินใจของลูกแล้วนะ กรผกามารศรี”

หยาดน้ำใสค่อยๆ ไหลรินลงมาสองข้างแก้มของหญิงสาว หัวใจของหล่อนเศร้าจนไม่สามารถเอ่ยวาจาใดออกมาได้ หลังจากนั่งร้องไห้อยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง กรผกามารศรีก็เงยหน้าขึ้นบอกกับมารดาด้วยดวงตาแดงก่ำราวสายเลือดว่า

“ลูกตัดสินใจแล้วค่ะ” 



Don`t copy text!