ฝุ่นในสายลม บทที่ 10 : แสงไฟกลางทะเล

ฝุ่นในสายลม บทที่ 10 : แสงไฟกลางทะเล

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

งั้นก็ตามใจ กลับไปลองตั้งกล้องดูก็ได้ เขายอมจำนน “ว่าแต่คืนนี้ยังไงก็ต้องให้ได้อะไรกลับไปมั่ง จะได้ไม่เสียเที่ยว ถ่ายมันทุกอย่างที่โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้าจำไว้ ต่อจากนั้นเราไปวินิจฉัยกันเองอีกทีว่าใช่หรือไม่ใช่ จะให้ใครมาแหกตาเราไม่ได้ ก็เอาตามนั้น”

ชายหาดคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ตั้งกล้องถ่ายกันริมหาด กานนตั้งกล้องถ่ายหน้าเต็นท์ ในขณะที่ฝนดาวเอากล้องอันเล็กเดินถ่ายภาพต่างๆ ไปทั่วบริเวณ เพื่อสำรวจจำนวนผู้คนที่เดินทางกันมาจากทั่วทุกสารทิศ แม้กระทั่งจากเมืองนอก แสดงว่าเกาะแห่งนี้กำลังเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างวิเศษสุด ถ้ามันไม่มีความจริงอยู่บ้าง ใครจะแห่มากันให้สิ้นเปลืองเงินทอง ค่าเช่าเต็นท์ก็ใช่ว่าจะถูกๆ อย่างที่เขาว่า ไม่มีไฟก็ไม่มีควัน

ดุ่มเดินแอบถ่ายภาพนักท่องเที่ยว…ใครจะรู้  สักวันหนึ่งอาจจะขุดมาทำข่าวได้ บางคนเป็นฝรั่งผมทองที่พากันเตรียมกล้องถ่ายอย่างดี ชนิดที่กล้องของหัวหน้ายังทาบไม่ติด อะไรจะขนาดนั้น

แอบไปยืนฟังฝรั่งพูดคุยฟุดฟิดฟอไฟ ได้ความว่ามากันจากยุโรป เพื่อมาถ่ายทำข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ และนี่ก็คือนักล่าเอเลี่ยนมืออาชีพที่จะไปทุกหนทุกแห่ง และทุกที่ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการมาปรากฏตัวของเหล่ามนุษย์ต่างดาว ถ้าเขาไม่เชื่อเรื่องนี้เขาจะมากันทำไมให้มันเสียเงิน คงไม่มีใครคับแคบเท่าเจ้านายเราแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขนาดยืนกรานหัวชนฝาว่าไม่ให้ลูกน้องเชื่ื่อในอะไรเลย ร้อนถึงเจ้าที่ต้องตามมากำราบ ขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมเชื่ออีก พนันได้เลยว่าเจ้าที่ที่โรงแรมน่าจะแรงมากและคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ จนกว่าจะหัวโกร๋นตายเสียก่อน…

กลับไปที่เต็นท์ตอนช่วงที่ผู้คนกำลังถ่ายแสงไฟที่พวยพลุ่งขึ้นมากลางทะเล

มันเป็นแสงไฟกะพริบวิบวับก่อนจะพุ่งตัวหายไปอย่างรวดเร็วในความมืด

ภาวินจับภาพนั้นได้ทันควันเหมือนกัน ท่ามกลางเสียงฮือฮาอู้อ้าของผู้คนรอบด้าน ตามติดมาด้วยดวงไฟที่ลอยละล่องไปมาครอบคลุมพื้นที่ทะเลในวงกว้าง

“เห็นมั้ยหัวหน้า มันมาโน่นแล้ว” กานนตื่นเต้นไม่แพ้ใคร

“อาจจะเป็นโดรน” ภาวินว่า

“ไมใช่โดรนแน่ค่ะหัวหน้า แล้วดูมันวิ่ง แป๊บเดียวหายไปแล้ว” ฝนดาวพูดไปถ่ายไป

เหมือนจะมียานรูปร่างประหลาดผ่านมาอีกเป็นระลอก บ้างก็มีสีทอง บ้างก็หลากสีเหมือนสายรุ้ง

มันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันราวสิบห้านาที ก่อนที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงท่ามกลางเสียงอื้ออึงของผู้คนที่นั่น

“มันมาแบบนี้ทุกคืนเลยหรือไง” ภาวินข้องใจ

“เห็นเขาว่ากันอย่างนั้นนี่ นักท่องเที่ยวถึงได้ตีตั๋วรอกันเลย เพราะถึงไงมันก็มาแน่ ผมเห็นมีคนเอาไปลงยูทูบหากินกันอื้อซ่า”

“มันจะต้องทำกันเป็นขบวนการ” ภาวินยังหัวชนฝา “ไม่แปลกใจมั่งหรือว่าทำไมจึงเป็นดวงไฟลอยอยู่ไกลๆ แน่จริงทำไมไม่เห็นเป็นยานลงมาให้จับต้องได้ เอเลี่ยนมันจะมาลับๆ ล่อๆ เพื่อประโยชน์อะไรกัน”

“มันอาจจะกลัวพวกเราล่ามันไปกินก็ได้นี่คะหัวหน้า” ฝนดาวแกล้งขัด

“แต่ละตัวหน้าตาเป็นกิ้งก่าแบบนั้น ใครจะกินใครกันแน่ แล้วดูสิ…ลือกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ประหลาด มีตั้งแต่หน้าเหมือนตั๊กแตนตำข้าว ไปจนถึงหน้าเป็นนก”

“ฝนเคยเห็นภาพจากอียิปต์โบราณที่ตัวเป็นคนหน้าเป็นนกด้วย น่าจะเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มาบุกโลกตอนนั้น”

“เขาสวมหน้ากาก มันเป็นกรรมวิธีทางศาสนา”

“หัวหน้ารู้ได้ไง ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์”

“แล้วเราล่ะรู้ได้ไง ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เหมือนกัน โอย คุยกับพวกเรานี่ ชักจะเหลวไหลไปกันใหญ่ แค่มีคนมาป่าวประกาศว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก พวกเราก็พร้อมที่จะเชื่อเขาไปแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย นอกจากภาพวาดตามผนังถ้ำ แล้วก็เอามาตีความกันไปต่างๆ นานาว่าเป็นจานบินมั่งละ ถ้ามันจริงก็ต้องทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้พวกเราเห็นกัน มากไปกว่าแค่ภาพบนผนังที่ใครก็วาดได้”

“ก็รัฐบาลเก็บเศษซากเอาไปหมดแล้วนี่คะ เช่น กรณีจานบินตกที่รอสเวลล์สหรัฐอเมริกา เห็นว่าจับมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ ได้ด้วย ส่วนที่เหลือก็ดองเอาไว้ในโหล เหมือนดองซีอุย”

“แล้วทำไมไม่เก็บไว้ให้ผู้คนได้ไปดูกัน เป็นมรดกโลกไปเลยล่ะ” ภาวินเถียง

“แต่เขาลือกันว่าจริงๆ แล้วมันมีจานบินมาตกหลายครั้งแล้วนะครับ จับเอเลี่ยนได้หลากหลายเลย”

“ก็แค่เสียงลือเสียงเล่าอ้างใช่ไหมล่ะ อีกอย่างเอเลี่ยนถ้าบินมาได้ไกล ข้ามจักรวาลขนาดนั้น ด้วยจานบินเลอเลิศขนาดนั้น ทำมั้ยมาตกม้าตายกันง่ายๆ ตอนมาถึงโลก สมรรถภาพจานบินต่ำเตี้ยขนาดนั้นเลยหรือ อย่าลืมว่าเราเองก็เคยส่งจรวดไปลงดวงจันทร์มาแล้ว ฝีมือห่วยๆ ขนาดเรายังไม่เคยมีข่าวว่าไปตกม้าตายที่โลกอื่นเลย”

“เราไปใกล้แค่นี้เองหัวหน้า นั่นพวกเขามากันไกล”

“ไม่รู้ละ จะมากันไกลแค่ไหนก็แล้วแต่ สมรรถภาพมันต้องเนี้ยบแล้ว อาจจะเป็นจานบินของฮิตเลอร์ก็ได้นี่นะ เพราะมีข่าวว่าในตอนนั้น…เขาทำจานบินได้เหมือนกัน เป็นไปไหมว่า ฮิตเลอร์อาจจะหนีไปสร้างอาณานิคมอยู่ใต้โลกแถวแอนตาร์กติก แล้วส่งจานบินมาก่อกวน ส่วนเอเลี่ยนที่จับได้ ที่จริงอาจจะเป็นหุ่นยนต์ที่ฮิตเลอร์สร้างขึ้นมา นี่อาจเป็นเรื่องจริงนะ”

“สรุปคือ หัวหน้าไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว” กานนขัด

“ตราบใดที่ยังไม่มีตัวเป็นๆ มาให้จับต้องได้ ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออะไรง่ายๆ เหมือนกัน พวกเราเป็นนักข่าวจะมาเหมาซี๊ซั๊วไม่ได้ เราต้องมีความรับผิดชอบต่อ หน้าที่ ไม่ใช่มีอะไรก็จะเสนอข่าวอยู่ร่ำไป เพื่อหวังแต่ยอดวิวแค่นั้นหรือ”

เงียบกันไปได้พอโดนด่า นี่ขนาดไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อย่างกานนก็ยังมีทีท่าว่าจะโอนเอน…

ภาวินเก็บกล้องเข้าเต็นท์และโหลดใส่คอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูล เห็นภาพต่างๆ ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากการขยายใหญ่ ดวงไฟที่ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำไม่ได้มีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นจานบินหรืออะไรเลยสักนิด ก็แค่ดวงไฟกลมๆ ธรรมดาที่เปลี่ยนสีได้             แถมบางดวงกะพริบระยิบขณะแตกตัวออกจากกันเป็นดวงไฟเล็กๆ

“ยิ่งมองมันก็ยิ่งเหมือนฝีมือคนสร้างนะ พวกเราว่าไง เพราะวัดตามขนาดมันไม่น่าจะอยู่ห่างจากฝั่งเกินสองถึงสามกิโล จากภาพที่เห็นมันผุดขึ้นมาจากทะเล และไม่ใช่ยานบินอวกาศอย่างที่เห็นๆกัน เพราะไม่มีส่วนที่เป็นของแข็งอยู่เลย แค่ลูกไฟเท่านั้นเอง” ภาวินชี้ให้ลูกน้องสองคนดู

“แล้วดวงนี้ล่ะคะหัวหน้า แค่นิ่งอยู่อย่างนั้นและไม่มีการกะพริบแสงด้วย น่าจะอยู่ไกลออกไปมาก”

“ที่เห็นนั่นมันดาวพระศุกร์” ภาวินชี้ไปที่จุดเล็กๆ บนจอ “และนั่นก็คือดาวอังคาร ดูแค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ และนี่…”

ภาวินชี้ไปที่แสงไฟวิบวับที่วิ่งผ่านจอ

“ก็น่าจะเป็นตัวหิ่งห้อยที่มันบินวนเวียนอยู่แถวนั้น ธรรมชาติมีคำตอบ”

ภาวินนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ผ้าใบ ผิดหวังกับทุกสิ่งที่เห็นในสายตา

“สรุปคือมาเที่ยวนี้ไม่ได้อะไรกลับไปเลย”

“แล้วดวงไฟนั่นล่ะหัวหน้า ยังพิสูจน์ไม่ได้นี่ว่ามันคืออะไรกันแน่” กานนยังค้างคาใจ

“พนันได้ว่าเป็นฝีมือคนสร้าง เอางี้ไหม พรุ่งนี้เราเช่าเจ็ตสกีแล้วขับไปวนอยู่แถวนั้น อาจจะได้เห็นอะไรดีๆ น่าจะมีเรือไปจุดประทัด สร้างดวงไฟพวกนั้นเพื่อแหกตาเหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลาย อย่าลืมว่ามันเป็นธุรกิจร้อยล้านพันล้าน ถ้าสามารถเรียกนักท่องเที่ยวมาที่เกาะนี่อย่างสม่ำเสมอทั้งปี เราต้องเปิดโปงเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อที่นักท่องเที่ยวที่คลั่งยูเอฟโอทั้งหลายจะได้ตาสว่างกันเสียที…”

“พรุ่งนี้หรือครับที่เราจะไปขับเรือสำรวจ”

“ใช่…พรุ่งนี้เราจะได้รู้กัน”



Don`t copy text!