ฝุ่นในสายลม บทที่ 35 : คุณจันทรา

ฝุ่นในสายลม บทที่ 35 : คุณจันทรา

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

ไฟในห้องไม่สว่างจ้าเหมือนเดิมเพราะมีแสงจากภายนอกเล็ดรอดเข้ามาได้บ้าง ดูเวลาก็เห็นบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า

เข้าห้องอาบน้ำและปล่อยให้สายน้ำไหลอาบทั่วร่าง  ระหว่างน้ำกับไฟเขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าชอบอะไรมากไปกว่ากัน

ไฟคือพลังและเต็มไปด้วยอิสระเสรี ในฝันความดื่มด่ำชนิดนั้นยังไม่ได้จางหายไปไหนเลย เขากำลังโหยหาและอยากจะฝันถึงมันอีกสักครั้ง…

เป็นวันที่ชงกาแฟกินเองและรอคอยเสียงเคาะประตูห้อง ตาคอยมองจับเวลาทุกนาที หล่อนเคยมาตรงเวลาทุกวันแต่ทำไมวันนี้เลท

เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ จนต้องเปิดโทรทัศน์ดู  มีข่าวเช้าที่เขากำลังสนใจ เพราะมันพัวพันกับเมียนักการเมืองดังคนนั้น  จังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ภาวินรีบเดินไปเปิดประตูห้อง ก่อนที่เด็กแว่นจะเอ่ยอะไรออกมาเขาก็รีบพูดขณะเดินกลับเข้ามาในห้อง

“กำลังมีข่าวสำคัญ“

ฝนดาวเดินตามเขาและไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

มีข่าวสำคัญจริงอย่างว่า  ภาพของคุณจันทราคนนั้นปรากฏหราตรงหน้าจอ  ตามมาด้วยเสียงรายงานจากนักข่าวหญิงคนหนึ่ง

“การหายตัวไปของคุณจันทรา บวรรัฐ ที่เคยมีข่าวว่าใช้เงินครอบครัวถึงสิบล้านบาท เพื่อไปซื้อที่ให้กับสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งบนเกาะเล็กๆ แถวพังงา  ได้สร้างความห่วงใยในครอบครัวและผู้ใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรสาวคนเดียวที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ กับคุณสุขบวรผู้เป็นสามี และเป็นสส. ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย  ทางเราได้ติดตามสัมภาษณ์คุณเจนจิราเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันทีที่เธอเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน  และนี่ก็คือคำวิงวอนขอร้องของเธอ ที่ต้องการส่งผ่านไปถึงคุณแม่กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน“

ภาพที่ปรากฏตามมาคือภาพเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาคล้ายคุณจันทราราวกับมาจากพิมพ์เดียวกัน

“เจนอยากบอกคุณแม่ว่าเจนคิดถึงคุณแม่มากที่สุด  ไม่คิดเลยว่ากลับมา จะไม่ได้เจอกัน  อยากบอกว่าเรารักและเป็นห่วงคุณแม่มากนะคะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อบ่นถึงคุณแม่ทุกวัน เรามีกันแค่นี้  ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างโดยไม่คิดถึงจิตใจเจนมั่งเลย  และสำหรับใครที่เหนี่ยวรั้งคุณแม่เจนเอาไว้  เจนขอเถอะค่ะ  อย่าทำร้ายพวกเรามากไปกว่านี้เลย  เงินทองที่เสียไปเราไม่อยากได้คืน  ขอแค่คุณแม่เจนคนเดียวให้กลับมาหาเราอีกครั้ง“

เสียงสั่นเครือปนสะอื้นดังตามติดมาจนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องดึงไมค์ไปพูดต่อ

“คิดถึงลูกและเห็นแก่ลูกมั่งนะจัน  ผมห่วงคุณเสมอนะ  อยากให้คุณกลับมาหาพวกเรา  เงินทองที่เสียไปผมไม่สนใจ  รึถ้าเขาอยากจะเรียกร้องอีกเท่าไหร่ผมก็จะให้ ขอแต่ให้คุณกลับมาอยู่กับเรา เราสูญเสียคุณมานานมากไปแล้ว  และขอฝากไปถึงเจ้าลัทธินั่นด้วย  คุณพรากลูกพรากแม่คนมานับไม่ถ้วนแล้วนะ หยุดเสียทีเถอะ“

และนั่นก็คือ สส. คนดังที่กำลังมาแรงในแวดวงการเมือง กล่าวปิดท้าย

ภาวินถอนใจเฮือกขณะปิดเสียงทีวีลงแค่นั้น

“น่าสงสารครอบครัวนี้ ไม่รู้ว่ามีลูกสาวคนเดียว”

“จริงด้วยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจันทราจะทิ้งครอบครัวไปได้ลงคอ”

“อิทธิพลของลัทธิอุบาทว์นั่น ไม่รู้ว่าพรากครอบครัวคนอื่นเขามากี่ครั้ง กี่หนแล้ว”

“วันนี้ฝนว่าจะลองเกลี้ยกล่อมคุณจันทราดูอีกที ดูซิว่าจะได้ผลมั้ย” ฝนดาวอาสา

“ก็ดี  ไปลองดู  เพราะครอบครัวนี้น่าสงสารมาก  มันน่าจะมีอีกหลายรายเลยนะที่เรายังเข้าไม่ถึง”

แค่เห็นสาวกที่อยู่ในศูนย์แห่งนั้นแล้วฝนดาวก็ถึงกับห่อเหี่ยวใจ  พวกนั้นอาจจะมาจากครอบครัวที่แตกแยกเหมือนๆ กันนี่  อันเนื่องมาจากความงมงายตัวเดียวเท่านั้น

ไปถึงที่เกาะก็เอาอาหารไปส่งให้สตรีนั้นเช่นทุกวัน ต่างกันที่ว่าวันนี้หล่อนมีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ในจิตใจ

เฝ้ามองผู้ที่นั่งจิบน้ำผลไม้เงียบๆ  อาหารเพียงอย่างเดียวตลอดทั้งวัน ไม่ต่างอะไรกับดอกเตอร์เอกภพไปแล้ว  ตัดสินใจถามไปว่า

“อิ่มหรือคะอาหารมื้อเดียวแบบนี้”

“ร่างกายคนเราไม่ได้ต้องการอาหารหยาบหรอกนะหนู  พลังชีวิตมันมาจากแสงสว่างภายในเสียมากกว่า  ซึ่งก็ได้จากการฝึกลมปราณนี่แหละ  พวกโยคีที่อินเดียถึงไม่ต้องกินอะไรกันเลยทั้งวัน  เขาก็อยู่ได้”

“ฝนเห็นพวกโยคีสละทิ้งบ้านเรือนเข้าป่ากันหมด  มันจำเป็นมากหรือคะการละทิ้งแบบนั้น” ฝนดาวค่อยๆ ตะล่อมเข้าไปทีละก้าว

“เพื่อความเป็นอิสระยังไง ตราบใดที่เราสลัดพ้นเครื่องพันธนาการ เหล่านั้นออกไปไม่ได้  เราก็จะไม่มีอิสระอย่างแท้จริง“

“บางทีความห่วงในหัวใจมันก็ยังมีใช่ไหมคะ  ฝนหมายถึงถ้าเราจากบ้านมานานๆ”

“มากเชียวละ ในระยะเริ่มแรกนะ นานเข้าเราก็จะค่อยๆ ปล่อยวางไป  ฉันเองก็มีลูกสาวอาจจะอ่อนกว่าหนูนิดหน่อย  ตอนนี้เรียนอยู่ที่อังกฤษ ก่อนที่ฉันจะมาฉันก็ต้องตัดใจไม่บอกลูก เพียงแต่รู้ว่าลูกอยู่สุขสบายฉันก็พอใจ แล้วอีกอย่าง ฉันรู้ว่าพ่อกับลูกเขาสนิทและรักกันมาก ฉันเสียอีกที่เป็นเหมือนตัวถ่วงในครอบครัว  เพราะลูกสาวเคยบอกฉันคำนึงว่าเพราะแม่ไม่ยอมปรับปรุง ตัวเองพ่อถึงได้ไปมีผู้หญิงอื่น  คำนี้เองที่ทำให้ฉันมีสติ และเริ่มมองหาความผิดพลาดของตัวเอง  แล้วก็มองเห็น ถึงไม่เคยโทษใคร ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเอง  ตอนพบกับดอกเตอร์เอกภพท่านก็ให้ข้อคิดอะไรฉันหลายอย่าง ทำให้ฉันแน่ใจว่าที่นี่คือบ้านที่แท้จริง  สาเหตุที่ฉันขายที่ทางในกรุงเทพฯ และบริจาคเงินให้ท่านมาซื้อที่ทางนี้  ฉันไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว นอกจากจิตวิญญาณที่พร้อมจะจากไปได้ทุุกเมื่อ”

ฝนดาวนิ่งเงียบ สบตาสงบนิ่งว่างเปล่าของผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เหมือนพยายามจะกลั่นกรองความจริงทั้งหมดที่ได้ยิน เหมือนหนังคนละฉากคนละม้วนกับสองพ่อลูกที่หล่อนเพิ่งฟังมาสดๆ ร้อนๆ จากจอทีวี

โลกไม่เคยมีหน้าเดียวจริงอย่างว่า…

เหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีเยื่อใยอะไรกับเรื่องทางครอบครัวและพร้อมที่จะตัดขาด  อดีตเป็นสิ่งน่าเจ็บปวดมากเกินไปนั่นเอง…



Don`t copy text!