ฝุ่นในสายลม บทที่ 9 : ค่ำคืนบนเกาะ

ฝุ่นในสายลม บทที่ 9 : ค่ำคืนบนเกาะ

โดย : ม.มธุการี

Loading

ฝุ่นในสายลม โดย ม.มธุการี เรื่องราวของลัทธิประหลาดกับความเชื่อของคนที่กระตุ้นสัญชาตญาณนักข่าวของภาวิน เขาจึงแฝงตัวเข้าไปสืบความลับของลัทธินี้ แต่ตัวคนเดียวอาจทำไม่สำเร็จ มีเพียงฝนดาว หญิงสาวที่สูญเสียญาติสนิทไปกับลัทธินี้ที่อาจจะช่วยเขาไขปริศนาอันดำมืดนี้ได้ อ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ได้ที่เพจอ่านเอาและเว็บไซต์ anowl.co

วันนั้นภาวินต้องให้ลูกน้องขนกล้องถ่ายรวมทั้งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ที่บรรจุเครื่องมือทุกอย่างไปลงเรือด้วย  เพื่อป้องกันการสูญหายเกิดมีขโมยบุกเข้าห้องอีก แม้จะสงสัยในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่จะให้เขาเชื่อว่าเป็นผีสางหรือว่าเจ้าที่เจ้าทางมาหลอก มันเป็นไปไม่ได้เอาเลย ความเชื่อง่ายของลูกน้องน่าจะเข้าข่ายงมงายชนิดน่าเป็นห่วง ไม่ใช่คนประเภทเชื่อง่ายแบบนี้หรือไร ที่จะตกเป็นเหยื่อของเจ้าลัทธิอุบาทว์ที่ว่านี้อย่างง่ายดายเสียนัก

อาจจะต้องมีการจับมาอบรมอย่างขนานใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะสาย…

ท่าเรือมีนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มใหญ่นำโดยไกด์ที่ส่งภาษาคุยกันจนฟังไม่รู้เรื่อง

“รู้ไหมเขาคุยอะไรกัน” กระซิบถามกานนที่เคยเรียนภาษาจีนมามั่ง

“ไม่รู้ทั้งหมดหรอกหัวหน้า จับความได้คร่าวๆ ว่าไม่ให้แยกตัวออกไปจากกลุ่ม เดี๋ยวจะโดนมนุษย์ต่างดาวมาลักพาตัวไป เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว”

“หมายความว่ายังไงเคยเกิดมาแล้ว ที่นักท่องเที่่ยวหายไปเมื่อปีที่แล้ว ก็เพราะจมน้ำตายไม่ใช่หรือ ศพก็เจอแล้ว”

“ผมว่าเขาคงอยากให้เกิดสีสันมากกว่า”

“แบบนี้มันข่าวปลอมและมอมเมานักท่องเที่ยวเสียมากกว่า มิน่าเกาะนี้ถึงได้ร่ำลือกันนักหนาเกี่ยวกับเอเลี่ยน มีการประโคมข่าวกันแบบนี้เอง”

เหตุผลที่เขาอยากเอาความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณชน จะได้เลิกงมงายกันเสียที…

ต้องนั่งเรือไปเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะไปถึงเกาะที่ว่า มันโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพียงนิดเดียวท่ามกลางโขดหินระเกะระกะ

เริ่มมีพันธุ์ไม้เขียวชอุ่มดารดาษอยู่ทั่วไป มองเห็นเขียวขจีเต็มไปหมด ทะเลคงจะลดระดับลงไป จนภูเขาใต้ทะเลโผล่ขึ้นที่โน่นที่นี่

ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์อะไรอย่างที่ร่ำลือกันไป ทุกสิ่งทุกอย่างพิสูจน์ได้และมีคำตอบตามหลักของธรรมชาติควบคู่กันไปกับทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเพียงแต่คนเราจะเลิกงมงาย…

หาเช่าเต็นท์เมื่อไปถึงและตั้งแคมป์กันริมหาด มันเป็นเต็นท์ใหญ่พอที่จะเบียดกันได้สามคนสบายๆ คนตัวเล็กสุดแบกเป้ใบใหญ่ที่ดูเหมือนจะย้ายบ้านมาทั้งหลัง ฝนดาวแต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทะมัดทะเแมง ผมยาวรัดหนังยางไว้กลางหัวชนิดที่ไม่เคยเปลี่ยนทรง

ภาวินมองหล่อนเดินเก็บเศษไม้มาทำฟืนอย่างเพลินๆ น่าจะทำงานสมบุกสมบันและเป็นสายลุยได้ในทุกสถานการณ์ ที่เคยรังเกียจขนาดไม่อยากฝึกงานให้ผู้หญิง เห็นทีจะต้องเปลี่ยนความคิด

ฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ และฝนดาวก็เก็บฟืนมาได้กองโต น่าจะเพียงพอสำหรับคืนนี้ เพราะอากาศอาจจะหนาวตอนดึก เคยรู้มาว่าถ้าจะมีจานบินก็มักจะมาตอนดึกๆ และมีหลายรายที่ถ่ายภาพเอาไว้ได้

กานนเตรียมตั้งกล้องถ่าย ในขณะที่หัวหน้างานนั่งๆ นอนๆ บนเก้าอี้ผ้าใบอย่างสบายอารมณ์ เรื่องกินแรงเด็กน่าจะต้องยกให้ผู้ชายคนนี้   สาบานกับตัวเองว่าเสร็จงานนี้ จะรีบไปสมัครงานกับสื่อสายหลักอย่างเร่งด่วน ไม่มีวันที่หล่อนจะทนเจ้านายคนนี้ไปได้นานๆ

ได้เวลาก่อกองไฟเพื่ออุ่นอาหารที่ป้าให้มา หน้าที่หล่อนอีกเช่นเคยกับการปิ้งย่างไก่ทอดที่สุกมาแล้ว เต็นท์ข้างๆ มีอาหารมากินกันอย่างมโหฬารจนน่าอิจฉา น่าจะมีนักท่องเที่ยวมากันนับร้อยเพราะมองทางไหนก็เนืองแน่นไปหมด

“เจ้าของสวนที่นี่น่าจะรวยไม่รู้เรื่อง” ภาวินคุยไปด้วยขณะแทะกินไก่กับน้ำพริกที่ได้มาฟรี

“เจ้าของเดียวกันกับเจ้าลัทธิคนนั้นรึเปล่า ใครรู้มั่ง”

“เห็นว่าเป็นญาติๆ กันนี่ครับ” กานนตอบ

“นั่นไง บอกแล้วว่าธุรกิจในครอบครัว พวกนี้ไม่โง่ ทำกันเป็นขบวนการ

พนันได้เลยว่าเดี๋ยวดึกๆ จะต้องมีการปล่อยของ”

“ของอะไรคะหัวหน้า” ฝนดาวถามมั่ง

“จานบินไง กลางทะเลนั่นน่าจะเป็นที่ซ่องสุมวัสดุต่างดาวที่สร้างกันขึ้นมาเอง อาจจะเป็นโดรน หรือยานบังคับได้ อาจจะออกแบบเป็นจานบินให้คนหลงเชื่อ ภาพถ่ายจากเมืองนอกที่เราเห็นกันล้วนแล้วแต่มาจากขบวนการแหกตานี่ทั้งนั้น เพื่อผลได้มหาศาลคือยอดวิว”

“แล้วรู้ได้ไงครับว่าของปลอม” กานนงง

“ก็มีผู้รู้เอาไปวินิจฉัยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นภาพตัดต่อ ตัวอย่างวิดีโอที่เอาเอเลี่ยนมาผ่าตัดนั่นก็สารภาพออกมาแล้วว่าเป็นของปลอม พวกนี้มักจะมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการถ่ายทำ บ้างก็เคยสร้างหนังกันมาแล้วด้วย มันทำให้ยากที่จะเชื่อถือได้”

“รายนั้นเห็นเขาว่าของจริงนะครับ ถ่ายไว้นานแล้ว แต่เอาออกมาขายเพราะถังแตก ขนาดนักสร้างหนังดังๆ ยังว่าน่าจะเป็นของจริง”

“ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนอีก ใช่ไหมล่ะ แต่พูดลือกันไปมา”

“แล้วทำไมคนถึงได้เห็นกันทั่วโลกล่ะคะหัวหน้า” ฝนดาวขัด “เห็นเขาว่าทุกแปดนาทีจะมีคนเห็นกันทั่วโลกแล้ว”

“ก็อุปาทานหมู่กันทั้งโลกไง เหมือนเชื่อเรื่องผีสาง สิงสู่ที่โน่นที่นี่ จนคนเอามาทำหนัง เจ้าของบ้านผีสิงก็รวยไป ก่อนที่จะสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นมาเอง อย่างนี้เป็นต้น ต่างดาวนี่ก็เหมือนกัน ล้วนแล้วแต่จำเขามาเล่า และไม่เคยเจอกับตัวเองสักที เรื่องผีเหมือนกัน มีกี่คนที่เคยเห็นผีบ้าง แล้วที่ว่ามีเจ้าที่มาหลอกมาหลอน เคยเจอกับตัวเองรึเปล่า”

“ก็ทีหัวหน้ายังเจอ” ฝนดาวเถียงต่อ

“ยังไม่ได้บอกสักคำว่าเป็นผี”

“ขนาดเดินทะลุฝาได้นี่ เป็นฝนคงไม่อยู่แล้ว”

“บอกแล้วไงว่าจบ ไม่มีการพูดถึงเรื่องนั้นอีกเพราะมันสรุปไม่ได้ อาจจะฝันไปก็ได้”

“หัวหน้าไม่ได้บอกนี่คะว่าฝัน ยังไงฝนจะลองสืบดูว่าห้องนั้นเคยมีใครตายโหงบ้างไหม เพราะถ้ามีคนตายนี่เป็นไปได้ว่าวิญญาณยังไม่ไปไหน เลยมาปรากฏกายให้เห็น”

“น่าคิดเหมือนกันนะครับหัวหน้า เอางี้ไหม เรามีกล้องอินฟราเรดที่อาจจะ จับภาพคลื่นความถี่พวกนั้นได้ กลับไปผมลองตั้งกล้องจับภาพในห้องดู เผื่อจะมีอะไรมาให้เห็น”

“สรุปคือนี่เราจะมาจับมนุษย์ต่างดาว หรือว่าจะมาจับผี”

“ประโยชน์สองต่อไงครับ เกิดโรงแรมนั้นมีผีดุจริงจะได้ไม่เสียเที่ยว จะพิสูจน์อะไรหัวหน้าต้องไปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ”

ภาวินเงียบไปได้เมื่อเจอลูกน้องสอนมวย เรื่องละเอียดรอบคอบต้องยกให้ฝ่ายนั้น ถึงได้ร่วมงานกันมานาน



Don`t copy text!