
หัวใจมังกร บทที่ 14 : ความสุขหมดอายุ
โดย : สิรี กวีผล
![]()
หัวใจมังกร โดย สิรี กวีผล เรื่องของ ชายหนุ่มทายาทตระกูลจีน ถูกพรากคนรักและพรากชีวิตด้วยกระบี่ในอดีต ปาฏิหาริย์แห่งคำสาบานก่อนตายนำพาเขาและเธอกลับมาพบกัน ทว่าต่างภพชาติ ชายหนุ่มต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัว หรือความรักที่เขารอคอยมานานนับร้อยปี อ่านเรื่องราวนี้ได้ทาง เพจอ่านเอา และ www.anowl.co
รอยยิ้มเปรอะเปื้อนไปทั่วบ้านกัญญ์กุลณัช เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหญิงสาวที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ชางทำให้กัญญ์กุลณัชหัวเราะได้ นั่งเฉยๆ โดยไม่จับโทรศัพท์มือถือได้ อีกทั้งยังคอยสอนเทคนิคการดูสินค้าจีนโบราณให้กับกัญญ์กุลณัชอีกด้วย ณัฐนันท์กับมามิเห็นทั้ง 2 คนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นก็ต่างเบาใจ โดยหารู้ไม่ว่าทั้งคู่แอบมีใจให้กันทีละเล็ก
เสียงสตาร์ตรถดังขึ้นแต่เช้าโดยมีณัฐนันท์เป็นคนขับ มีชาง กัญญ์กุลณัช และมามินั่งไปด้วย จุดหมายปลายทางคือสวนน้ำและสวนสนุกในกรุงเทพฯ ชางตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเล่นนานาชนิด รวมทั้งสวนน้ำขนาดใหญ่
“โห น่าสนุกจังคุณกัญ” กัญญ์กุลณัชไม่รอชางจับมือชางลากไปเล่นเครื่องเล่นทันที ปล่อยให้ณัฐนันท์กับมามิเป็นตัวแถมที่คอยเดินตามอยู่ไม่ห่าง
“พี่ณัฐ เขาสองคนคิดว่าเราอยู่ตรงนี้ไหม” มามิถอนหายใจกับเพื่อนสนิทตัวเอง
ม้าหมุนขนาดใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่กลางสวนสนุก กำลังหมุนเป็นวงกลม บางตัวขึ้น บางตัวลง ชางสนใจม้าสีขาวที่อยู่ริมนอกสุด เมื่อเครื่องเล่นหยุดเพื่อให้คนเข้าไปจับจองพื้นที่ชางแทบจะเป็นคนแรกที่วิ่งไปนั่งบนหลังม้า โดยมีกัญญ์กุลณัชนั่งอยู่ในรถคล้ายรถเจ้าหญิงอยู่ข้างๆ ณัฐนันท์กับมามิก็ขึ้นมาเล่นด้วยกลับกลายเป็นทั้ง 2 คนหยอกล้อกันโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่ม้าหมุนขยับชางส่งเสียงดังเหมือนขี่ม้า ทำเอาคนที่มาด้วยอายมาก กัญญ์กุลณัชต้องสะกิดชางให้เงียบเพราะอายสายตาคนอื่นที่กำลังหัวเราะเอ็นดู
หลังจากม้าหมุนที่ชางขอเล่นคนเดียวไป 3 รอบจนกัญญ์กุลณัชต้องขอร้องให้ไปเล่นอย่างอื่นบ้าง เธอพาชางไปเล่นรถไฟเหาะที่เรียกว่าซูเปอร์เกลียวเหาะมหาสนุก ชางร้องลั่นเมื่อซูเปอร์เกลียวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วพาร่างของชางกลับหัวกลับหางจนหาทิศไม่เจอ ทันทีที่ซูเปอร์เกลียวหยุดชางขาสั่นเหมือนเด็กๆ จนทุกคนหัวเราะ สักพักถังขยะกลายเป็นเพื่อนสนิทของชางทันทีแต่เขาก็ไม่ลืมพกยาดมที่กัญญ์กุลณัชให้ไว้
“ไม่ไหวก็พอเถอะ” ณัฐนันท์แหย่ ชางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าพร้อมกับชี้มือไปที่เครื่องเล่นที่ตั้งตรงสูงอยู่อีกฟากหนึ่ง
“ผมอยากเล่นอีก” คราวนี้ณัฐนันท์หน้าซีด เขาไม่ชอบความสูงสักเท่าไร ยิ่งเป็นการทิ้งดิ่งตรงๆ ยิ่งกลัว แต่ทว่าจะเสียหน้าไม่ได้ ชายหนุ่ม 2 คนนั่งข้างกัน ปล่อยให้หญิงสาวนั่งถัดจากชาง กลายเป็นว่าณัฐนันท์จับมือชางแน่น ร้องเสียงหลงจนชางหันไปมอง ชางรู้สึกสนุกอย่างที่ชีวิตเขาไม่เคยเจอมาก่อน เป็นความสนุก ความสุขที่ได้ปลดปล่อยพลังงานด้านลบออกจากชีวิตของเขา
ชั่วอึดใจจากที่กัญญ์กุลณัชเป็นคนพาชางเล่นเครื่องเล่น กลับกลายเป็นเขาที่วิ่งไปเล่นแทบจะทุกเครื่องเล่นจนกัญญ์กุลณัชต้องขอแบ่งยาดม ส่วนณัฐนันท์และมามิขอถอนตัวจากเครื่องเล่นหวาดเสียวทั้งหลายขอไปเล่นน้ำให้สบายใจกันก่อน
“ผมอยากเล่นน้ำบ้าง ร้อนมากเลยคุณกัญ”
“ไปสิ มาทั้งทีต้องอยู่ให้คุ้ม” กัญญ์กุลณัชพาชางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงเล่นน้ำ ชางมีความสุขกับชีวิตใหม่ของเขาในที่แห่งนี้ เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าคือหัวใจที่เขารอคอยมานานแสนนาน เขากลัวเหลือเกินถ้าวันหนึ่งเวลาแห่งนี้จะหมดลง หัวใจของเขาจะต้องแตกสลายถ้าขาดกัญญ์กุลณัช หญิงสาวที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล เขากลัวเหลือเกินที่กระบี่จะหยุดสร้างปาฏิหาริย์ให้กับเขา
เสียงแห่งความสนุกและรอยยิ้มแห่งช่วงเวลาสดใสของชาง กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่มืดหม่นที่สุดในชีวิตของชุน ความเงียบสงัดเกาะกุมจิตใจของเขา บรรยากาศยามวิกาลช่างเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน สินค้าในมือผิดกฎหมายที่เหลียงสั่งให้ทำเป็นการแลกเปลี่ยนที่จะปิดปากไม่แพร่งพรายเรื่องของเขากับถิงถิงให้ป๊ารู้ ชุนนึกถึงเฮียชางพี่ชายของเขาขึ้นมาจับใจ ในเวลานี้เขาไม่กล้าที่จะไปบอกใครและยิ่งได้ยินม้าบอกว่าเฮียชางป่วยก็ยิ่งไม่กล้าไปรบกวน ชุนนึกถึงคำพูดของชางที่ชางคอยตักเตือนเขา
‘สัจจะ ซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น เกิดเป็นลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ จงยืดอกรับอย่างคนที่ทำผิด ที่พร้อมจะแก้ไข อย่ายืดอกรับเพื่อจะแก้ตัว’
ความมืดในยามวิกาลเริ่มค่อยๆ จางหาย ความสว่างจากแสงอาทิตย์ค่อยๆ แทรกตัวผ่านท้องฟ้าขึ้นมาทำหน้าที่ในยามเช้า เสียงนกร้อง ไก่ขันเป็นสัญญาณเช้าวันใหม่ แสงแดดส่องชานเรือนไม้ใหญ่แห่งตระกูลฟู่ ชุนนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ เสียงเปิดประตูดังขึ้นหัวใจของชุนเต้นสั่นระรัว ความกลัวเกาะกุมจิตใจของเขา
“อาชุน ลื้อมานั่งทำอะไรแต่เช้า” เฉิงคิ้วขมวดเมื่อเห็นลูกชายตัวเองนั่งคุกเข่าก้มหน้า “แล้วนั่นอะไรในห่อ”
“อั๊วมีเรื่องจะบอกป๊า” สีหน้าชุนเคร่งเครียดไม่ต่างจากน้ำเสียงที่จริงจัง เฉิงนั่งลงที่เก้าอี้ที่หน้าชาน ชุนหยิบห่อฝิ่นยื่นให้
“นี่มัน” เฉิงตกใจที่ชุนมีฝิ่นเยอะขนาดนี้ “ลื้อไปเอามาจากไหน”
“เฮียเหลียงให้อั๊วเอาไปส่ง อั๊วไม่อยากทำ ไม่อยากโดนจับ”
“แล้วทำไมอาเหลียงต้องมาให้ลื้อเดินฝิ่น” เฉิงสงสัย เพราะรู้ว่าลูกไม่ค่อยถูกกับบ้านจ้าน
ชุนเงียบไม่ตอบคำถามเฉิง ภายในใจของเขาหวาดกลัวไปหมด สิ่งที่เขาทำไปไม่น่าให้อภัย และป๊าไม่น่ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ไม่นานนักซูลี่เดินออกมาตามเฉิงเข้าไปทานข้าวเช้า ก็พบว่าชุนกำลังนั่งคุกเข่าคุยกับเฉิงอย่างเคร่งเครียดก็หวั่นใจ เธอรีบกลับเข้าเรือนไปตามจางหย่งทันที
“เพราะเฮียเหลียงเห็นอั๊ว” ชุนหยุดพูด
“เห็นลื้อทำอะไรก็พูดมาสิ” เฉิงเริ่มหงุดหงิด
“เพราะเฮียเหลียงเห็นอั๊วกอดกับน้องหมวย” ชุนรีบพูดอย่างรวดเร็ว แต่จะเร็วและรัวแค่ไหนเฉิงก็จับใจความได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน เฉิงกระชากคอเสื้อชุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเหวี่ยงชุนลงพื้นอย่างแรง
“จะบอกอั๊วว่า ลื้อพลอดรักกับคู่หมั้นของเฮียแท้ๆ ของลื้อเหรอ ไอ้ชุน” เฉิงโกรธเลือดขึ้นหน้า เข้าไปกระชากคอเสื้อชุนขึ้นมา ชุนลุกขึ้นพร้อมยอมรับผลของการกระทำของตนเอง ฝ่ามือของเฉิงง้างเต็มที่เป้าหมายคือคนตรงหน้า ทว่าถูกจางหย่งคว้าข้อมือไว้อย่างรวดเร็ว
“พอแล้วเถ้าแก่” เฉิงแววตาเกรี้ยวกราด หันมามองจางหย่งเขม็ง ซูลี่กับถิงถิงวิ่งตามเข้ามา
“ลื้อจะห้ามอั๊วทำไม อาหยง ลื้อรู้ไหมมันทำอะไรลงไป ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอั๊วป่นปี้ไม่มีชิ้นดี” เสียงเฉิงคำรามหนักแน่นจนชุนสะท้าน เขาคุกเข่าต่อหน้าป๊า มือเฉิงไม่วายอยู่กับที่ตบหัวชุนจนหน้าหัน
“แค่นี้มันยังน้อยไป”
“พอเถอะเฮีย เด็กๆ เขารักกัน เราจะห้ามได้ยังไง” สิ้นคำพูดซูลี่ เฉิงหันมามองหน้าเธออย่างสงสัย
“หมายความว่ายังไง อาลี่” ซูลี่เงียบไม่ตอบคำถาม มองหน้าจางหย่งเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ ไม่ทันไร ถิงถิงลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ชุน เธอจับมือชุนไว้แน่น เฉิงยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งโกรธ
“นี่มันอะไรกัน ลื้อสองคนรักกันได้ยังไง อาหมวย ลื้อเป็นคู่หมั้นอาชางนะ” เฉิงไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
“อาแปะ หมวยขอโทษ” ถิงถิงน้ำตาไหล ชุนจับมือถิงถิงกุมไว้แน่น
“พวกลื้อรู้เรื่องนี้กันแล้วใช่ไหม พวกลื้อเห็นอั๊วเป็นอะไร ยังเห็นหัวอั๊วกันอยู่ไหม” เฉิงตวาดเสียงดังไม่พอใจ แววตาแดงก่ำ ความรู้สึกโกรธ ผิดหวัง เสียใจ ประดังประเดเข้ามา “อาชางอยู่ไหน” เฉิงถามหาเสียงดัง เรียกชื่อชางซ้ำๆ ไปทั่วเรือน ทุกคนต่างไม่กล้าพูดได้แต่ก้มหน้า
“ลูกไม่สบาย ปล่อยลูกพักเถอะนะเฮีย” เฉิงไม่ฟังสิ่งที่ซูลี่กำลังพูด
เก้าอี้ชั้นประหยัดสีน้ำเงินสวยที่พิงหลังบังคับตั้งตรงเรียงแถวด้านละ 3 ที่นั่ง มีหน้าต่างบานเล็กที่ปิดสนิทอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกยกขึ้นเก็บเหนือศีรษะบนช่องเก็บสำภาระ ชางในชุดฮาวายสีขาวสบายๆ กับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลมาคู่กับรองเท้ารัดส้นสีดำ เป็นคู่กันกับกัญญ์กุลณัชที่มาในชุดสายเดี่ยวสีขาวมีผ้าคลุมบางๆ กางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนและรองเท้าแตะสีน้ำตาลเข้ม กัญญ์กุลณัชให้ชางนั่งด้านในติดหน้าต่าง บนนกยักษ์อย่างที่ชางเรียกเมื่อเห็นเครื่องบินครั้งแรกดูใหญ่โต มีผู้คนมากหน้าหลายตาขึ้นมาจับจองที่นั่ง มีชายหนุ่มหญิงสาวที่ใส่ชุดดูเข้ากับสีเบาะน้ำเงินคอยให้บริการอยู่ไม่ไกล
นกยักษ์บินขึ้นสู่ท้องฟ้า ชางเกร็งไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ปลายเท้าของเขาจิกอยู่ที่พื้นที่สั่นไหวตามแรงเครื่องบิน พอได้ระยะบินเครื่องบินเริ่มนิ่งเขาก็เริ่มรู้สึกโล่งอก ทว่าที่ไหนได้มือของเขากุมมือกัญญ์กุลณัชไว้แน่นจนมือเธอแดงไปหมด
“ผมขอโทษคุณกัญ” ชางจับมือนั้นขึ้นมาบีบๆ นวดๆ ให้อย่างทะนุถนอม
“เป่าทีเดียวก็หายแล้ว” ชางไม่เข้าใจ กัญญ์กุลณัชหอมหลังมือชายหนุ่ม “แบบนี้ไง เจ็บตรงไหนก็เป่าตรงนั้น” เธอยิ้มแก้มปริรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งชางให้เขิน ทว่าชางหนุ่มหอมมือเธอกลับฟอดใหญ่ แถมพรมจูบไปทั่วมือ จนคนข้างๆ มองแล้วยิ้มให้
“พอได้แล้วคุณ”
“อ้าว ผมก็เห็นคุณกัญเจ็บไปทั้งมือ ผมก็เลย”
“เรื่องอย่างนี้เรียนรู้ไวเลยนะ” มือทั้งคู่จับกันไม่ปล่อยตลอดทาง แม้วิวนอกหน้าต่างจะสวยงามน่ามองเพียงใดก็ยังน้อยกว่าใบหน้าที่งดงามของคนข้างๆ เขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า
โรงแรมริมหาดตั้งตระหง่านใหญ่โตสวยงาม มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าโรงแรม ห้องติดสระว่ายน้ำของกัญญ์กุลณัชอยู่ตรงกลางทำให้มองเห็นวิวทะเลชัดเจน เธอเลือกห้องนี้เพราะรู้ว่าชางชอบเล่นน้ำ ต้นมะพร้าวเรียงรายเป็นทิวแถวอยู่ริมหาด เสียงสนทนากันขวักไขว่แต่ไม่ใช่ภาษาไทยสักเท่าไร ชายหนุ่มหญิงสาวแต่งชุดว่ายน้ำเล่นอยู่เบื้องหน้า ชางมองตามอย่างนิสัยชายหนุ่มเมื่อเห็นผู้หญิงใส่บิกินี่เดินผ่าน
“แหม ไหนว่าไม่ชอบ” กัญญ์กุลณัชแซว
“ทำไมเขาใส่กันโป๊ขนาดนี้”
“ก็เขามาอาบแดด มาเล่นน้ำ ผู้หญิงก็ชุดนี่แหละ นู่นชุดผู้ชาย” ชางมองตามมือที่กัญญ์กุลณัชชี้ไป เห็นผู้ชายหลายคนใส่กางเกงตัวเดียว บางคนใส่กางเกงในรัดรูปตัวเดียวเนื้อตัวเปียกปอน ชางทำท่าขนลุก
“ไปเล่นน้ำกันเถอะ ฉันอยากลงทะเลแล้ว” กัญญ์กุลณัชยัดกางเกงว่ายน้ำให้ชาง
“ผมไม่ใส่ ตอนไปเล่นน้ำตอนนั้นยังไม่เล็กขนาดนี้เลย” กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วของผู้ชายสีดำ ทว่าแถมลายการ์ตูนไอรอนแมนน่ารักมานิดหน่อย กัญญ์กุลณัชตาเขียวใส่ชาง จนชางต้องยอมรับกางเกงในว่ายน้ำตัวนั้นมาก่อนจะเห็นรอยยิ้มของเธอ
ไม่นานนักชางเปลี่ยนชุดว่ายน้ำเสร็จ เขาใส่ผ้าคลุมไว้อย่างมิดชิดเพราะไม่อยากให้ใครเห็น ผิดกับกัญญ์กุลณัช เธอเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความมั่นใจในบิกินี่ตัวจิ๋วสีเหลืองอ่อนๆ มีสายคล้องคอผูกเป็นโบไว้ด้านหลัง ชางมองตาค้าง เขาตกตะลึงกับความสวยของเธอเข้าเต็มๆ ยิ่งเห็นเรือนร่างของกัญญ์กุลณัช เขาก็ยิ่งรู้สึกหลงรักผู้หญิงคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
“นี่นายใส่ชุดอะไรเนี่ย” กัญญ์กุลณัชมองชางที่คลุมตัวเองมิดชิด “ฉันต่างหากไหมที่ต้องคลุม”
ชางได้ยินคำนั้นก็ถอดเสื้อคลุมตัวเองออกทันทีแล้วไปคลุมให้กัญญ์กุลณัช
“จะไปเล่นน้ำ ไม่ต้องคลุม”
“ผมไม่อยากให้ใครมามองคุณกัญของผม” ชางหึง
“หึงเหรอ” กัญญ์กุลณัชเปิดประตูห้องที่ติดกับสระว่ายน้ำเดินออกไป ชางเดินตามโดยมีผ้าคลุมที่คอยพยายามจะปิดให้เธอ แต่กัญญ์กุลณัชไม่ได้สนใจ
ทรายสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมไปทั่วชายหาด มีเปลือกหอยเล็กๆ ปะปนอยู่ด้านใน บ้างก็เป็นหินก้อนใหญ่ที่เหมือนมีใครมาวางไว้ให้นั่ง น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวสวยงามสะอาดตามีคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระยะตามกระแสน้ำและกระแสลม เกลียวคลื่นเล็กๆ พัดพาเหล่าสัตว์ทะเลขึ้นมาและหายไป ปูลมวิ่งวุ่นกันทั่วชายหาด ทิ้งรูเล็กๆ เอาไว้ กัญญ์กุลณัชพาชางไปเล่นน้ำทะเลเป็นครั้งแรก ชางยืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ เมื่อคลื่นมาก็พัดตัวเองกลิ้งไปพร้อมกับเกลียวคลื่น ทว่าพากัญญ์กุลณัชไปด้วยเพราะชางจับมือเธออยู่ เสียงหัวเราะของทั้ง 2 อบอวลไปด้วยความรักของชายหนุ่มหญิงสาว กัญญ์กุลณัชใช้มือตีน้ำทะเลเบาๆ โดนหน้าชางเข้าไปเต็มๆ เขาอยากแกล้งเธอบ้าง ทั้ง 2 สาดน้ำทะเลใส่กันอย่างสนุกสนาน
“นาย ฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ” กัญญ์กุลณัชยื่นมือให้ชางจับเพื่อขึ้นจากน้ำทะเล ชายหนุ่มมองมือน้อยๆ นั้นแล้วรีบจับมือเธอไว้ เขาไม่อยากปล่อยมือจากกัญญ์กุลณัชเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ไอเย็นภายในห้องนอนปะทะผิวกายของชายหนุ่มและหญิงสาว ทำเอาขนลุกด้วยความหนาวเย็นทั้งที่อากาศภายนอกที่เพิ่งกลับเข้ามาร้อนเกือบ 34 องศา เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างดีจนหญิงสาวแทบอยากจะเข้าไปกดปิด ชางเปิดประตูห้องน้ำเพื่อให้กัญญ์กุลณัชเข้าไปอาบน้ำ ร่างกายทั้งสองแนบชิดกันอยู่ระหว่างประตู เนื้อตัวเปียกปอนอยู่ในชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วที่เผยให้เห็นเนินเนื้ออวบอิ่มและร่างกายที่กำยำล่ำสัน ความเย็นของเครื่องปรับอากาศจู่ๆ กลับกลายเป็นไอร้อนที่ระอุเกิดขึ้นภายในใจที่กำลังสั่นของทั้ง 2 คน ชางพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงเกินหญิงสาวตรงหน้า เกียรติที่มีค่าของเธอไม่ควรถูกหลู่เกียรติด้วยการกระทำภายในใจที่รุมเร้าเขาอยู่ในขณะนี้
มือเรียวสวยของกัญญ์กุลณัชลูบน้ำที่หน้าอกที่เพิ่งหยดลงมาจากผมของชาง มือเรียวบางสัมผัสกับกล้ามเนื้อหน้าอกแน่นๆ ของเขา เพียงแค่ปลายนิ้วของเธอทำให้เขาแทบทรุดตัวลงกับพื้น มือนั้นลูบหัวไหล่ของเขา ชางไม่รอช้ามือของเขากุมมือบางนั้นไว้เป็นเชิงห้าม ทว่ายามที่มือทั้ง 2 สัมผัสกัน กัญญ์กุลณัชกุมมือของเขาไว้ แววตาของเธอช่างเย้ายวนเหมือนดอกไม้ยามเช้าที่ส่งกลิ่นหอม สายตาของเขาไม่สามารถหลอกเธอได้ เช่นเดียวกับที่แววตาของเธอนั้นมีความหมายไม่ต่างกัน ริมฝีปากประกบกันอย่างเร่าร้อน บิกินี่ตัวจิ๋วหลุดออกจากพันธนาการ ความต้องการ ความรู้สึกต่างๆ เหมือนในฝันที่พวกเขารับรู้แต่บัดนี้เป็นความจริงแล้ว รสจูบที่ทั้ง 2 โหยหากันมานานแสนนาน ประตูห้องน้ำปิดอย่างรู้งาน ไอความร้อนระอุอยู่ภายในห้องน้ำ สายน้ำจากฝักบัวคอยช่วยลดความร้อนของทั้งคู่แต่กลับเหมือนยิ่งเพิ่มความร้อนให้มากขึ้นไปอีก
พิชซ่าจานใหญ่ พร้อมกับสปาเกตตีทะเล กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง ปูนึ่งที่ถูกแกะมาแล้วอย่างสวยงาม วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารภายในห้อง ชางหยิบพิชซ่าเข้าปากก่อนจะยื่นของตัวเองป้อนกัญญ์กุลณัช เธอกินพิชซ่าคำนั้นด้วยรอยยิ้มที่ส่งให้ชายหนุ่ม
“อร่อยไหมคะ” ชางถาม
“อร่อยค่ะ” กัญญ์กุลณัชเคี้ยวอยู่เต็มปาก
“ผมหมายถึง ผมน่ะ อร่อยไหมคะ” ชางแหย่กัญญ์กุลณัช เขายิ้มให้เธออย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอามือของกัญญ์กุลณัชตีผวะเข้าที่ไหล่เขาแก้เขิน กัญญ์กุลณัชหยิบพิชซ่าชิ้นใหม่ยัดเข้าปากชายหนุ่มทันที
“กินเข้าไปเลย พูดเก่งแล้วพูดมากนะ”
“ผมรักคุณนะ คุณกัญ คุณรักผมไหม” ชางอยากได้ยินคำว่ารักจากกัญญ์กุลณัช
“คืนนี้ฉันมีเซอร์ไพรส์ให้นาย” กัญญ์กุลณัชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนชางเริ่มรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าอะไรคือเซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์คือสิ่งที่จะให้กันโดยไม่บอกหรือเปล่า เขาเริ่มปะติดปะต่อคำพูดแปลกๆ ภาษาแปลกๆ ของกัญญ์กุลณัชได้ทีละเล็กละน้อย
ความมืดยามค่ำคืน แต่งเติมแสงสว่างด้วยแสงจันทร์ที่ส่องกระทบผิวน้ำทะเล เรือไดหมึกส่องแสงสีเขียวอยู่ไกลลิบๆ ริมหาดทรายยามค่ำคืนคึกคักประดับประดาด้วยหลอดไฟเล็กๆ สีเหลืองนวลทำให้ค่ำคืนนี้ไม่มืดมิดจนเกินไป สระว่ายน้ำโรงแรมขนาดใหญ่ถูกตกแต่งประดับประดาให้กลายเป็นปาร์ตี้โฟมขนาดย่อมเพื่อนักท่องเที่ยวที่พักโรงแรมนี้ มีซุ้มเล็กๆ คอยแต่งหน้าแต่งตัวด้วยสีสันเรืองแสง
“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม” กัญญ์กุลณัชจับชางที่พยายามหลบหน้าพนักงานที่คอยเอาสีเรืองแสงมาวาดหนวดแมวให้ กัญญ์กุลณัชเห็นแล้วก็ยิ้มขำกับหนวดแมวสีส้มเขียวเรืองแสง ชางไม่ยอมให้ตัวเองเปื้อนสีคนเดียว เมื่อกัญญ์กุลณัชเผลอเขาหยิบพู่กันจากจานสีของพนักงานวาดวงกลมที่รอบดวงตาเธอทันที กัญญ์กุลณัชไม่ได้ทันตั้งตัวก็ตกใจ เห็นหน้าตัวเองในกระจกก็หัวเราะชอบใจ ชางวาดหนวดแมวเล็กๆ บนหน้าเธอให้บ้าง เสียงเพลงดังกระหึ่มเป็นจังหวะให้นักดื่ม นักเต้นออกสเต็ปเท้าไฟ หนึ่งในนั้นคือชาง แต่ว่าไม่เหมือนคนกำลังเต้น กลับกลายเป็นคนที่พยายามยืนให้ไม่ลื่นโฟมเสียมากกว่า เขาล้มลุกคลุกคลานจนเหนื่อย
“นาย!!!” ชางมองซ้ายมองขวาหาต้นเสียง
กัญญ์กุลณัชยืนอยู่คนเดียวที่ชายหาด พยายามกวักมือเรียกชาง เสียงเธอเรียกชางจนเขาหาต้นเสียงเจอ ชางพยายามทรงตัวออกจากปาร์ตี้โฟมไปหากัญญ์กุลณัช จู่ๆ กลับมีเสียงคล้ายคนทะเลาะกันดังขึ้น เสียงนั้นคุ้นหูเหมือนเสียงป๊ากับม้าดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเดินเข้าไปหากัญญ์กุลณัช เช่นเดียวกับกัญญ์กุลณัช เธอได้ยินเสียงประหลาดคล้ายเสียงมามิดังขึ้นใกล้ๆ
“นายได้ยินเสียงมามิไหม” ชางส่ายหน้า
“แล้วคุณกัญได้ยินเสียงป๊ากับม้าผมไหม” กัญญ์กุลณัชเริ่มสงสัย แต่เธอคิดว่าหูฝาดไปเอง กัญญ์กุลณัชจับมือชางเดินเข้ามาหาใกล้ๆ กระซิบเบาๆ
“ที่นายถามว่า ฉันรักนายไหม นี่คือคำตอบของฉัน” แสงไฟคล้ายดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นด้านหลังกัญญ์กุลณัช แสงไฟนั้นค่อยๆ จุดขึ้นทีละดวงจนเบื้องหลังของเธอคือรูปหัวใจขนาดใหญ่ ชางมองหัวใจที่เธออยู่ตรงกลางกับเขา หัวใจตื้นตันเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้า แต่ทว่าเสียงเฉิงกับซูลี่ดังขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งเสียงมามิก็ดังขึ้นจนกัญญ์กุลณัชหนวกหู ร่างของชางเริ่มโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ มือของเขากลับจับมือเธอไม่ได้ กัญญ์กุลณัชพยายามคว้ามือชางขึ้นมาใหม่ ชางพยายามเข้าไปกอดเธอแต่ทว่าร่างกายของเขาเริ่มเบาบางลงและเริ่มหายไป
“ฉันรักนาย ได้ยินไหม นายชาง ฉันรักนาย” กัญญ์กุลณัชพยายามคว้าตัวชางไว้ พร้อมกับตะโกนเสียงดังไปทั่วท้องทะเลยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างของชางหายไปพร้อมๆ กับไฟหัวใจที่ดับลง

- READ หัวใจมังกร บทที่ 16 : คนละภพ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 15 : ความจริงที่พบเจอ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 14 : ความสุขหมดอายุ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 13 : อดีตของฉัน ปัจจุบันของเรา
- READ หัวใจมังกร บทที่ 12 : ด้วยชีวิตของผม
- READ หัวใจมังกร บทที่ 11 : ความรักของดอกโบตั๋น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 10 : ความลับในที่แจ้ง
- READ หัวใจมังกร บทที่ 9 : ความรับผิดชอบ
- READ หัวใจมังกร บทที่ 8 : โลกใบใหม่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 7 : แนะนำตัว
- READ หัวใจมังกร บทที่ 6 : รอยบิ่น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 5 : โชคชะตา
- READ หัวใจมังกร บทที่ 4 : ดอกโบตั๋น
- READ หัวใจมังกร บทที่ 3 : พายุอารมณ์
- READ หัวใจมังกร บทที่ 2 : ตระกูลฟู่
- READ หัวใจมังกร บทที่ 1 : คนแปลกหน้า







