กานต์ปรียา บทที่ 13 : เด็กชายผู้ไม่เคยเป็นที่รัก

กานต์ปรียา บทที่ 13 : เด็กชายผู้ไม่เคยเป็นที่รัก

โดย : ดารัช

Loading

กานต์ปรียา นิยายสืบสวนดราม่า โดย ดารัช กับเรื่องราวที่ว่าด้วยเส้นบางๆ ระหว่างความรัก ความหลงใหล และการล้ำเส้นสู่ Cyberstalking ที่อาจบานปลายเป็นอาชญากรรม เรื่องราวของความสัมพันธ์ซ่อนเร้น การหายตัวไปอย่างปริศนา และเบาะแสที่อาจเปิดเผยความจริงอันมืดดำในโลกออนไลน์ อ่านได้แล้วที่ อ่านเอา www.anowl.co

พอวางจิกซอว์สีขาวชิ้นสุดท้ายลงไป ภาพทั้งหมดก็จะสมบูรณ์แบบ บ้านสองชั้นแวดล้อมด้วยสวนสวย มีแสงไฟส่องลอดจากหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่น เด็กชายกานต์ในวัยสิบขวบแทบจะได้ยินเสียงหัวเราะของสมาชิกครอบครัวดังมาจากในภาพ

“เก่งมากเลยจ้ะ ตาหนูกานต์ ภาพนี้ไม่ได้ต่อกันง่ายๆ หรอกนะ” ดวงตา ผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้ารั้วรักทรุดนั่งข้างเขา เธอเป็นหญิงวัยประมาณสี่สิบ เจ้าระเบียบแต่ใจดี

“ขอบคุณครับ แม่ดวงตา” กานต์ส่งยิ้มให้ เขาเรียนรู้ว่าการเรียกบรรดาผู้ดูแลว่าแม่จะทำให้ได้คะแนนความเอ็นดูเพิ่มเป็นพิเศษ

ยามสายวันอาทิตย์ หลังแบ่งเวรทำความสะอาดง่ายๆ ที่เด็กในบ้านช่วยกันทำได้ ก็จะเป็นเวลาว่างของเด็กๆ กานต์มักมานั่งขลุกตัวมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่น ค่อยๆ ต่อจิกซอว์ เด็กบางกลุ่มวิ่งไล่จับอีกมุม กานต์เคยพยายามไปขอเล่นด้วย แต่เขารู้สึกว่าน่าเบื่อ สู้นั่งเล่นคนเดียวยังจะสนุกกว่า

เด็กชายสนุกกับการไขปริศนาของชิ้นส่วนต่างๆ ที่พยายามบอกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่ หาฉันให้เจอ ประกอบฉัน ทายสิว่าฉันเป็นใคร ลองทายสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน

เสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้ดึงความสนใจของทั้งดวงตาและกานต์ ที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น เด็กหญิงร่างจ้ำม่ำวัยแปดขวบ กอดตุ๊กตาหมีขะมุกขะมอมในมือแน่น เบะปากเปล่งเสียง โดยมีเด็กชายสี่คนมีทีท่าละล้าละลัง ชัชชัย หัวโจกของกลุ่มเป็นเด็กชายอายุสิบห้าปี ผิวเข้ม พยายามปลอบเด็กหญิงด้วยสีหน้าปั้นยาก

“จะร้องไห้เสียงดังทำไม ไม่มีใครแกล้งอะไรเธอเลยนะยัยขี้แย เงียบได้แล้วน่า”

ทว่า หน้าตาดุๆ ของชัชชัยกลับยิ่งทำให้เด็กหญิงร้องไห้จ้า

“นี่ๆ อะไรกัน” ดวงตารีบเดินไปห้ามทัพ ผู้ดูแลกอดปลอบเด็กหญิง แล้วหันมาทำตาเขียวใส่ชัชชัย

“นายชัช รอบนี้อะไรอีก รังแกแม้กระทั่งเด็กผู้หญิงเหรอเราน่ะ” ผู้ดูแลเสียงเขียว “สร้างเรื่องให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหม ทำตัวเรียบร้อยให้เหมือนตาหนูกานต์หน่อยสิ!”

“น้องเขาล้มเอง แล้วก็ร้องไห้ ไม่เกี่ยวกับพวกผมเลยนะครับ พวกผมแค่เดินผ่านมาเฉยๆ” เด็กคนอื่นในกลุ่มประท้วง

“แต่ที่ฉันเห็นคือพวกเธอไปยืนรุมน้องเขา” ดวงตาไม่เชื่อ “ยังไงพวกเธอก็ต้องโดนทำโทษ!”

ชัชชัยสบตากานต์ ดวงตาวาวโรจน์ ตอนนั้นเด็กชายกานต์ไม่รู้ว่าการโดนเปรียบเทียบกับใครบ่อยๆ จะทำให้เราเผลอไม่ชอบคนคนนั้น แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม กานต์รู้เพียงเด็กหนุ่มวัยสิบห้าเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ

‘ไอ้-ตัว-ประ-หลาด’ ชัชชัยพูดโดยไม่เปล่งเสียง แต่ก็ชัดเจนพอที่กานต์จะอ่านปากออก

กานต์อาจเป็นที่รักของเหล่าผู้ดูแล แต่เขาคือตัวประหลาดของเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้า เด็กชายหันไปสบตาลูกัส เด็กชายวัยไล่เลี่ยกับกานต์ ผิวขาวซีด หน้าตาน่าเอ็นดู ที่ยืนรวมอยู่ในกลุ่มชัชชัย ลูกัสเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกานต์ ในตอนที่ไม่มีใครเห็น เด็กชายทั้งสองมักมานั่งต่อจิกซอว์ด้วยกัน

แน่ละ เฉพาะตอนไม่มีใครเห็น

“น้องลูกัสอยู่ไหน มีใครเห็นไหมคะ” แม่ดวงตากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น พอเห็นการแต่งกายที่ดูเป็นทางการของผู้ดูแล กานต์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้จะมีคนมารับเด็กไปอุปการะ

กานต์หันขวับไปมองลูกัส เด็กชายผิวขาวซีด ท่าทางขี้โรค ยกมือขึ้นด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

“อยู่นี่เอง ไปจ้ะ ผู้รับอุปการะรอเจออยู่นะ” ดวงตาจูงมือเด็กชายออกไป

กานต์มองตามคนทั้งสอง ราวสองเดือนก่อน มีคู่สามีภรรยามาที่บ้านเด็กกำพร้า แจ้งความประสงค์ขอรับอุปการะเด็ก กานต์และเด็กคนอื่นๆ ต่างพากันไปแอบมองคนทั้งสอง กานต์จำได้ว่าผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสวยๆ เหมือนนางฟ้าชื่อน้าขวัญตา เธอเอาของเล่นและขนมมาให้พวกเด็กๆ มีกล่องจิกซอว์ที่กานต์ชอบด้วย เด็กชายจินตนาการว่าเขาได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น จูงมือน้าขวัญตา ต่อจิกซอว์ด้วยกัน ไปสวนสนุกด้วยกันทั้งครอบครัว

แม่ดวงตาเคยเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับการรับเด็กไปอุปการะ เท่าที่กานต์พอจับใจความได้คือทางบ้านเด็กกำพร้ารั้วรักจะตรวจสอบคุณสมบัติผู้รับอุปการะ และเลือกเด็กที่เหมาะสมไปให้

คนที่จะได้จูงมือน้าขวัญตา ต่อจิกซอว์ ไปสวนสนุกคือลูกัส ไม่ใช่กานต์

คืนวันนั้น ตอนที่ไม่มีใครเห็น กานต์กับลูกัสแอบมานั่งต่อจิกซอว์ในห้องนั่งเล่น เด็กชายเอาแต่พูดถึงพ่อแม่บุญธรรมว่าพวกท่านน่ารักและใจดีขนาดไหน และตื่นเต้นที่อีกไม่กี่วันจะได้กลายเป็นลูกชายของบ้านหลังนั้น

น่าเสียดายที่ลูกัสกลิ้งตกจากบันไดชั้นสองของบ้านเด็กกำพร้ารั้วรักในเช้าวันรุ่งขึ้น

หลังผู้ดูแลแจ้งข่าวน่าสลดให้เด็กๆ ฟังว่าลูกัสบาดเจ็บหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและอาจเดินไม่ได้อีก เพราะจังหวะที่ตกลงไป ขาคงกระแทกพื้นผิดรูป การที่ยังมีชีวิตอยู่นับเป็นโชคดีมหาศาล

ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา แม่ดวงตาเรียกกานต์ไปคุย ว่าเขาสนใจจะไปอยู่กับครอบครัวของน้าขวัญตาหรือไม่

 

“สุขสันต์วันเกิดอายุสิบเจ็ดปีจ้า ตากานต์” ประตูห้องนอนของกานต์เปิดออก พร้อมกับที่นางขวัญตา แม่บุญธรรมของกานต์เดินถือเค้กช็อกโกแลตเข้ามาให้

กานต์ในชุดพละวางปากกาไฮไลต์ เขามัวแต่ทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมสอบจนลืมไปเลยว่าวันนี้คือวันเกิด อันที่จริงเด็กหนุ่มไม่ใส่ใจจำวันเกิดของตัวเองนัก เขาเคยแอบค้นข้อมูลในแฟ้มประวัติเด็กกำพร้า จนรู้ว่าตัวเองโดนทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก พ่อแม่พาเขามาวางไว้หน้าบ้านเด็กกำพร้ารั้วรัก และไม่เคยติดต่อมาอีกเลย กานต์มักสงสัยว่าเขาน่าเกลียดเสียจนพวกท่านรับไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ

เด็กหนุ่มปั้นยิ้ม แสร้งประหลาดใจ ตื่นเต้น และซาบซึ้งกับเค้กก้อนโต เขาพนมมือแกล้งทำเป็นอธิษฐานทั้งที่ไม่เคยเชื่อสักนิดว่าการขอพรต่อหน้าเค้กจะบันดาลอะไรได้ อันที่จริง กานต์เลิกเชื่อเรื่องการขอพรตั้งแต่แปดขวบ และเริ่มทำตัวน่ารักเพื่อให้ผู้ใหญ่เอ็นดูมาตั้งแต่นั้น

เขาวางเค้กบนโต๊ะหนังสือ กอดขวัญตา บอกรักและขอบคุณ เด็กหนุ่มรู้ว่าควรปั้นสีหน้าแบบไหนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ควรทำอย่างไรเพื่อเป็นที่รัก

“แม่ขวัญตาใจดีที่สุดในโลกเลยครับ ขอบคุณนะครับ”

“ตากานต์ปากหวานตลอดเลย” ขวัญตายิ้มหวาน ลูบผมเขาด้วยสีหน้าเอ็นดู

“เสียดายนะครับที่คุณพ่อนภ…” กานต์ทอดเสียงเศร้า

ดวงตาของแม่บุญธรรมหรี่ซึม นายนภดล บุณยารักษณ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ราวปีเศษ นับแต่นั้น นางขวัญตาก็ยิ่งดูแลเอาใจใส่กานต์ ลึกๆ แล้ว กานต์ผูกพันกับพ่อบุญธรรมร่างสูง สวมแว่นตารี ไว้หนวดที่ตัดแต่งอย่างดี หัวเราะเสียงดัง และขี้โม้อย่างนภดลเป็นที่สุด

“พ่อนภไปสบายแล้วจ้ะ เหลือแค่เราแล้วนะตากานต์” แม่บุญธรรมกอดกานต์แน่นขึ้น

“เอาละจ้ะ ว่าแต่ปีนี้อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดจ๊ะ” ขวัญตาคลายอ้อมกอด มองเขายิ้มๆ “จิกซอว์กล่องใหม่ดีไหม”

กานต์หัวเราะ “แค่ได้เค้กผมก็ดีใจแล้วครับ จริงๆ แล้ว การได้เป็นลูกของพ่อนภกับแม่ขวัญตา เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมเลยครับ”

“แม่ก็ดีใจจ้ะ” พูดจบสีหน้าของขวัญตาก็เจื่อนลง “แต่ยังไงก็เสียใจเรื่องอุบัติเหตุของเพื่อนลูกด้วยนะจ๊ะ ลูกัสเป็นเด็กน่ารักมากๆ น่าเสียดาย…”

กานต์ลอบกัดฟันกรอดกับชื่อที่เขาไม่อยากนึกถึงที่สุด กานต์ไม่อยากนึกถึงตอนที่ร่างเล็กๆ ท่าทางขี้โรคของลูกัสกลิ้งตกบันไดต่อหน้าต่อตาเขา สัมผัสตอนที่กานต์เอื้อมมือไปผลักเด็กชายยังแจ่มชัดราวเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

“นั่นสิครับ กลิ้งตกบันไดลงมาแบบนั้น น่าตกใจมากจริง”

“กลิ้งตกบันไดหรือจ๊ะ” นางขวัญตาตีสีหน้างุนงง “ไหนคุณดวงตา ผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าบอกแม่ว่าบอกเด็กๆ ว่าลูกัสประสบอุบัติเหตุ เพราะไม่อยากให้เด็กคนอื่นกลัว…”

สายตาที่มองกานต์ดูเปลี่ยนไป

“ผมบังเอิญได้ยินมั้งครับ” กานต์ใจหายวาบ รีบแก้ตัว “แล้วก็เดาๆ เอา”

“แต่น้ำเสียงกานต์เมื่อกี้ฟังดูมั่นใจมากเลยนะจ๊ะ” แม่บุญธรรมขมวดคิ้ว

“แม่ขวัญตา ผมแค่…”

แม่บุญธรรมเผลอถอยหลังห่างเขาไปหนึ่งก้าว เด็กหนุ่มรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเขาไม่อาจเข้าถึงนางขวัญตาได้อีกต่อไป หญิงสูงวัยยังคงดูแลส่งเสียกานต์เป็นอย่างดี แต่สายตายามมองกานต์ยังเต็มไปด้วยความคลางแคลงกระทั่งวันที่เธอเสียชีวิตบนเตียงโรงพยาบาลด้วยอาการป่วย

 

เปลวเพลิงลุกโชติส่องแสงสว่างจ้าในยามค่ำคืน แสงสว่างสีแดงส้มเจิดจ้าจนแม้กระทั่งตอนนี้ กานต์ยังฝันถึงอยู่บ่อยๆ

ในเสียงปะทุของเปลวไฟ มีเสียงกรีดร้องของชายหญิงคู่หนึ่งหรือเปล่านะ เขาถลันจะวิ่งไปช่วยคนทั้งสองหลายครั้ง แต่พอนึกถึงสีหน้าเย็นชาและเสียงตวาดไล่เหมือนหมูเหมือนหมา กานต์ก็ยั้งเท้าตัวเองเอาไว้ได้

ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้ใครก็ได้มาช่วยสองสามีภรรยาที

ได้โปรดช่วยพ่อแม่บังเกิดเกล้าของกานต์ด้วย

แต่ช่างเป็นไปได้ยากเหลือเกิน บ้านพ่อแม่แท้ๆ ของกานต์แยกตัวโดดเดี่ยวจากเพื่อนบ้าน แม้จะเป็นบ้านชานเมือง แต่ก็มีขนาดใหญ่โต เป็นส่วนตัว น่าอยู่…คนทั้งสองทิ้งทารกแรกคลอดไป และมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบายกันเหลือเกิน

ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้ารั้วรัก กานต์เคยแอบไปอ่านแฟ้มประวัติของตัวเอง ในนั้นมีชื่อพ่อแม่ของเขา กานต์จดเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าจะตามหาคนใจร้ายที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังแบเบาะ ช่วงเวลาตอนเป็นลูกชายของนภดลและขวัญตา ก็แสนสุขเสียจนกานต์ลืมเรื่องพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองไปเสียสนิท

จนกระทั่งวันเกิดอายุสิบเจ็ดปี ที่กานต์เผลอพูดว่าลูกัสตกบันไดทั้งที่เขาไม่ควรรู้เรื่องนี้ แม่บุญธรรมก็มีทีท่าห่างเหิน เขาได้รับทุกอย่างอย่างที่เด็กคนหนึ่งพึงมี ยกเว้นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างความรัก

กานต์เริ่มค้นข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเอง จนเจอข้อมูลว่าพวกท่านสร้างเนื้อสร้างตัวและอาศัยในบ้านชานเมือง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตามหาคนสองคนในโลกกว้างใหญ่ การได้ข้อมูลที่อยู่ของพ่อแม่แท้ๆ จึงเป็นเหมือนลิขิตสวรรค์ที่บอกกานต์ว่าบางทีในโลกใบนี้อาจมีคนที่พร้อมจะรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไข และกานต์ไม่จำเป็นต้องปั้นสีหน้าเพื่อเป็นใครคนอื่นต่อหน้าคนที่รักเขา

ในวันที่นางขวัญตาเสีย กานต์เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง หลังพิธีศพเสร็จสิ้น ชายหนุ่มตัดสินใจไปหาพ่อแม่จริงๆ ของตัวเอง เผื่อว่าบางทีพ่อแม่เองก็คิดถึงเขา แต่ไม่รู้จะไปตามหากานต์ได้ที่ไหน

แต่ทันทีที่ประตูบ้านสองชั้นสไตล์นอร์ดิกเปิดออก และชายหญิงที่มีใบหน้าละม้ายกานต์เหลือเกินเห็นหน้าเขา พ่อแม่ก็ทำท่ารังเกียจและไล่เขาออกมา แม้กานต์จะพยายามบอกว่าเขาเป็นลูกของพวกท่าน และเพียงแค่อยากมาเจอเท่านั้น

“พวกฉันสองคนไม่เคยมีลูก ออกไป๊!” พ่อแท้ๆ ของกานต์ตะโกนไล่หลัง ปิดประตูดังโครม

ใจของกานต์เป็นรูโหว่ ชายหนุ่มยังคงหายใจ แต่ไม่รู้สึกเลยว่ามีหัวใจอยู่ในอก แม้กระทั่งยามยืนมองเปลวไฟโหมกระหน่ำบ้านแสนสวย จิตใจของเขาก็เย็นเยียบราวมีน้ำแข็งมาเคลือบเกาะ

วันที่ไฟไหม้บ้านพ่อแม่ที่แท้จริง กานต์แอบไปหาพวกท่านเพื่อลอบมอง แม้จะโดนไล่ออกมา แต่เขาก็ยังอยากรู้ พ่อแม่ใช้ชีวิตอย่างไร เคยคิดถึงเขาบ้างไหม ชายหนุ่มซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ เฝ้ารอเพื่อจะได้เห็นพ่อหรือแม่เดินออกจากบ้านมารดน้ำต้นไม้ รับพัสดุ หรืออะไรก็ได้

ถ้าเขารู้ว่าพวกท่านคิดอะไรอยู่ บางทีกานต์อาจทำให้พ่อแม่ยอมรับเขา รักเขา และมีครอบครัวแสนสุขร่วมกัน

จนวันหนึ่ง ตอนที่กานต์ไปถึง ไฟก็ไหม้บ้าน บางทีถ้ากานต์โทร.เรียกรถดับเพลิง ขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งไปช่วย อาจจะพอช่วยคนใดคนหนึ่งออกมาได้ แต่ขาของเขาไม่ขยับ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชังตอนพวกท่านไล่เขายังแจ่มชัด

พ่อแม่แท้ๆ ของกานต์ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่น แถมพวกท่านไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ บ้านและที่ดินจึงตกเป็นของรัฐ กรมธนารักษ์เข้ามาดูแลทรัพย์สิน กานต์รอจนทางรัฐนำมาขายทอดตลาด ในที่สุด เขาก็ได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น…บ้านสองชั้นเคยเป็นสีเทาควันบุหรี่ สไตล์โมเดิร์นหรูหรา กระจกใสขนาดใหญ่เรียงรายบนชั้นสอง ขับเน้นความโปร่งโล่ง ทันสมัย

กานต์ซื้อบ้านมาตามสภาพจริง เขากลายเป็นผู้ครอบครองบ้านสองชั้นที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากไฟไหม้ ชายหนุ่มไม่ได้มีแผนจะทำอะไรกับมันทั้งนั้น เขาแค่อยากเก็บมันไว้ในฐานะของดูต่างหน้าพ่อแม่ บางครั้งเขาก็ลืมไปเลยว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเขตชานเมือง

กานต์เพิ่งรู้ว่าตัวเองใจเต้นได้อีกครั้ง และรักได้อีกครั้ง ในวินาทีที่สบตาปรียา

บ้านสองชั้นที่เต็มไปด้วยความทรงจำแสนเจ็บปวดหลังนั้นกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านของอดีต ตอนนี้ปรียาคือบ้านของเขา คือจักรวาลทั้งหมดของเขา

เพียงเท่านี้ ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการอะไรอีก

 



Don`t copy text!