ละเล่นลานรัก บทที่ 10 : กิจกรรมวันแรกเริ่ม

ละเล่นลานรัก บทที่ 10 : กิจกรรมวันแรกเริ่ม

โดย : กุลวีร์

Loading

ละเล่นลานรัก นวนิยายออนไลน์จากอ่านเอา anowl.co โดย กุลวีร์ เมื่อนักกิจกรรมบำบัดสาวที่ต้องคอยแก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องการช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เธอจึงใช้กิจกรรมการละเล่นไทยเป็นตัวช่วย จนเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะหัวใจตัวเอง แต่เธอก็มีทั้งคนเก่าและคนใหม่มาให้เลือก

https://www.groovebooks.com/blog/นิยายใหม่จาก-groove-next-anowl-ลูกองุ่น-เปิดให้สั่งจอง-25-มี-ค-67/62

ในลานกว้างที่เคยว่างโล่ง บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนเกือบยี่สิบคนมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน แม้หลายคนเพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก ต่างก็ให้ความเป็นกันเองและมอบไมตรีให้แก่กันแบบไม่ถือตัว โดยเฉพาะคนหัวอกเดียวกันอย่างผู้ปกครองของเด็กแต่ละคนซึ่งนั่งบนเก้าอี้บ้าง ยืนบ้าง ได้จับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวของการเลี้ยงลูกพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันโดยไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์

เด็กบางคนอยู่เคียงข้างบุพการี หากไม่ใกล้ไม่ไกลก็ยังมีเด็กวัยใกล้เคียงกันอีกหลายคนเล่นด้วยกัน

บรรดาคนทั้งหมดในบริเวณนี้ต่างเตรียมพร้อมและเฝ้ารอให้หญิงสาวนำเข้าสู่กิจกรรม

ปรียานุชเลือกช่วงเวลาแดดร่มลมตกของบ่ายวันเสาร์สำหรับการจัดกิจกรรมการละเล่นไทยประมาณสองชั่วโมงซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ปกครองทันทีที่แจ้งให้ทราบ รวมทั้งยินดีที่จะนำบุตรหลานมาเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้

เมื่อสองวันก่อน เธอได้บอกบิดามารดาให้ทราบว่าจะย้ายไปจัดการละเล่นไทยที่ลานหน้าบ้านของศศิ โดยอ้างว่ามีพื้นที่กว้างกว่าบ้านของตน ไม่มีกระถางต้นไม้หรือสิ่งใดตั้งอยู่ให้ดูเกะกะ เวลาเล่นจะได้สะดวก ไม่ต้องคอยระมัดระวังหรือไม่ต้องลำบากขนย้ายของไปมาอีกด้วย และเจ้าของบ้านก็ยินดีมากที่ให้ไปใช้สถานที่

ปรียานุชไม่เคยบอกเหตุผลแท้จริงของการย้ายที่จัดกิจกรรมกับใครเลยสักคน

ถ้าเธอชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยกัน เขาคงหาเหตุผลใดมาอ้างได้ยากโดยเฉพาะคำว่าออกจากบ้านไม่ได้

เธอมองเห็นเปรมยุดาอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น วันนี้ครอบครัวพี่สาวจะมีแค่แม่กับลูก เพราะพี่เขยติดงานจึงขับรถมาส่งแล้วค่อยมารับกลับหลังจากเสร็จกิจกรรม

เพื่อนสาวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับอีกหลายคำถาม “ปรีให้ฉันช่วยไหม ขีดเส้นอะไรอยู่ ใกล้เสร็จหรือยัง รู้ไหมทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เลยว่าเธอจะเล่นอะไร โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่จะสนใจมากกว่าพวกเด็กๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกธาร อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ว” เธอตอบบางคำถามของเพื่อน เพราะเท่าที่ได้ยินนั้น อีกฝ่ายเหมือนจะชวนคุยมากกว่าอยากรู้คำตอบในทุกคำถาม

ครอบครัวของธารทิพย์มากันพร้อมหน้า เธอมองเห็นสามีของเพื่อนซึ่งนั่งเล่นอยู่กับบุตรชายในบรรดาคนหมู่มาก

ธารทิพย์ซึ่งเคยเป็นฝ่ายสันทนาการในวัยเรียนมาก่อน อาสาช่วยเธอในการต้อนรับและพูดคุยกับทุกคน บรรยากาศจึงมีแต่ความครื้นเครง แต่ละคนมีหน้าตาเบิกบานในระหว่างที่รอเธอจัดเตรียมสถานที่

หากฐานินยังมาไม่ถึง จึงไม่มีคนช่วยชักนำผู้ที่อยู่ในบ้านให้ออกมาเล่นด้วยกัน จนป่านนี้คนผู้นั้นก็ยังมัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาดูเลยว่ามีใครทำอะไรที่บ้านของตัวเอง

บางแห่งในลานกว้างก็มีหญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ แต่หญ้าถูกตัดสั้นเตียน ไม่ดูหนาตาจนยากที่จะเหยียบย่ำได้ หากส่วนใหญ่เป็นพื้นดิน จึงสะดวกที่จะใช้ไม้ขีดเส้นบนพื้นให้เห็นเป็นเขตแดนสองฝั่งและแต่ละฝั่งยังมีพื้นจำกัดโดยมีเส้นให้เห็นชัดเจน

“ทุกคนคะ พร้อมแล้วค่ะ” ปรียานุชส่งสัญญาณให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทราบว่าเริ่มเข้าสู่กิจกรรมการละเล่นไทยอย่างเป็นทางการซึ่งตั้งใจจัดขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ร่วมกิจกรรมกับผู้ปกครองและได้รู้จักการเข้าสังคมที่มีกลุ่มคนจำนวนนับสิบ

ผู้คนทั้งหมดเดินมารวมตัวกันตรงด้านหน้าของเธอ

“ครูปรีจะเล่นอะไรหรือคะ” เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยถาม

พอมีผู้นำย่อมมีผู้ตาม “ผมเล่นด้วยคนนะครับครูปรี” เด็กชายพูดขึ้น

“น้องดรีมก็ขอเล่นด้วยนะคะ” หลานสาวของเธอเอ่ยต่อ

“เล่นด้วยคาฟ” แทนไทยซึ่งมีอายุน้อยสุดพูดตามบ้าง ขณะกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ บิดา

“ได้เล่นกันทุกคนแน่นอนจ้ะ” เธอบอกพวกเด็กๆ หลังจากยกนิ้วชี้ขึ้นไปแตะริมฝีปากของตนเพื่อให้เด็กๆ เงียบเสียง แล้วพูดกับพวกผู้ใหญ่ “ผู้ปกครองเล่นพร้อมกับลูกได้เลยนะคะ”

ในที่แห่งนี้มีเด็กทั้งหมดแปดคนรวมทั้งดาราพรและแทนไทย ส่วนเด็กอีกหกคนนั้นเป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของเธอซึ่งประเมินแล้วว่าสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ บางคนเคยเป็นเด็กสมาธิสั้น บางคนไม่ค่อยอยู่ร่วมกับผู้อื่น แต่ทุกคนเป็นเด็กที่ได้รับผลพวงจากพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กติดจอ หลังจากเธอช่วยให้เด็กมีชีวิตดีขึ้นมากแล้ว จึงอยากนำเสนออีกหนึ่งกิจกรรมที่อาจจะช่วยเด็กเหล่านี้ได้

เมื่อทุกคนตั้งใจฟังโดยเฉพาะคนเป็นผู้ใหญ่ เธอก็เริ่มการละเล่นแรกในวันนี้

“เราจะเล่นกันสองอย่าง ปรีขอเริ่มต้นการละเล่นแรกที่มีชื่อว่ากระต่ายกระแต เป็นการเล่นไล่จับอย่างหนึ่งที่ต้องแบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นกระต่าย อีกฝ่ายเป็นกระแต ขอดูมือคนอยากเป็นกระต่ายได้ไหมคะ

สิ้นเสียงถามของเธอ เด็กผู้หญิงสามคนก็ยกมือขึ้น แล้วชูสองนิ้วไว้ข้างศีรษะทำเป็นหูกระต่าย ก่อนจะทำท่ากระโดด

“แล้วใครอยากเป็นกระแตบ้างคะ”

เด็กบางคนแม้จะไม่เคยได้ยินคำว่ากระแต แต่ก็ยกมือขึ้น เพราะดูแล้วน่าจะสนุก ถ้าเป็นต่างจากเพื่อนที่ได้เล่นด้วยกันเมื่อสักครู่

ปรียานุชทำการแยกให้แต่ละฝ่ายยืนอยู่ในพื้นที่ใครพื้นที่มันตามเส้นที่ขีดแบ่งเป็นเขตแดนไว้ โดยยึดเด็กที่ต้องการเป็นกระต่ายกับกระแตเป็นหลัก จากนั้นก็แบ่งผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกับเด็กที่มาด้วยกัน

“น้องแทนอยากเป็นอะไรจ๊ะ กระต่ายหรือกระแต” เธอเดินเข้าไปถามเด็กชายอายุน้อยสุด

“กระแต” แทนไทยตอบออกมาตามคำพูดสุดท้ายของเธอ

“ลูกรู้จักด้วยรึ” ธารทิพย์หันไปถามสามี

“จะรู้จักหรือไม่รู้จัก คุณก็ไปเป็นกระต่ายเถอะ ผมกับลูกจะเป็นกระแตเอง” ชาญชัยจูงมือแทนไทยไปยืนอยู่ในฝั่งของกระแต

เมื่อแบ่งคนเสร็จเรียบร้อย แต่ละคนดูเหมือนจะสนุกไปตามๆ กัน

“ทั้งสองฝ่ายยืนเรียงแถวหน้ากระดาน หันหลังชนกันนะคะ” เธอลองจัดให้เด็กเล่นกับเด็ก ผู้ใหญ่เล่นกับผู้ใหญ่ หากมีเด็กสองคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจก็มีพ่อคอยจูงแขน แล้วให้แม่อยู่ฝ่ายตรงข้ามซึ่งจะเป็นการเล่นในครอบครัวอย่างเช่นครอบครัวของธารทิพย์

เมื่อแต่ละฝ่ายยืนหันหลังให้กันตรงเส้นตรงกลางเรียบร้อยแล้ว เธอก็พูดต่อ “ปรีจะเรียกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยพูดว่ากระด้วยเสียงยาวๆ แล้วค่อยพูดว่าแตหรือต่าย ถ้าปรีเรียกฝ่ายใด ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายไล่จับฝ่ายตรงข้าม โดยวิ่งใช้มือไปแตะถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็พอค่ะ ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งหนี อย่าให้ถูกจับได้ แต่ต้องวิ่งในบริเวณที่ขีดเส้นไว้ ห้ามออกนอกเส้นนะคะ”

ปรียานุชขอให้พี่สาวและเพื่อนสาวเป็นคนสาธิตสำหรับการเล่นกระต่ายกระแต เมื่อทุกคนเข้าใจและพอจะนึกภาพการละเล่นนี้ได้ เธอก็ทวนสอบความเข้าใจอีกหน

“ใครเป็นกระต่ายยกมือขึ้นค่ะ” ปรียานุชยืนอยู่ตรงกลาง จ้องมองคนทั้งสองฝ่าย “ใครเป็นกระแตยกมือขึ้นค่ะ พร้อมนะคะ ฟังให้ดี” จากนั้นเธอเอ่ยด้วยเสียงยาว “กระ…….” แล้วตามด้วยเสียงสั้นกระชับ “แต”

ฝ่ายกระแตที่ถูกเรียกเริ่มวิ่งไล่จับฝ่ายกระต่ายที่ต้องรีบหนีเพื่อไม่ให้ถูกแตะเนื้อตัว เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสอดแทรกด้วยเสียงขบขันของผู้ใหญ่

ตามปกติใครถูกจับได้จะต้องออกจากการเล่น ฝ่ายใดถูกจับได้หมดจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เธออยากให้เล่นสนุกกันหลายรอบ เมื่อรอบแรกจบลงก็เรียกให้มาตั้งแถวแล้วยืนหันหลังให้กันใหม่ จากนั้นเธอก็ยังเป็นคนขานเรียกกระต่ายหรือกระแตแล้วแต่ใจนึก เพื่อให้วิ่งไล่จับกันต่อไป

หลังจากเอ่ยคำว่าแต ภาพที่ได้เห็นคือครอบครัวของธารทิพย์ ผู้เป็นพ่อจูงแขนลูกชายวิ่งไปหามารดาที่วิ่งห่างออกไปแล้วหยุดยืนรอให้ลูกชายมาถึงตัว เมื่อแทนไทยแตะตัวแม่ได้ก็หัวเราะชอบใจ

ถ้าเด็กชายผู้นั้นมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับหน้าจอมือถือคงไม่ได้สัมผัสความสุขและสนุกเช่นนี้แน่นอน

ศศิขอเป็นผู้ดูก็หัวเราะชอบใจตามไปด้วย ยามเห็นพวกเด็กๆ วิ่งไล่จับกัน หรือเด็กวิ่งไล่จับผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่วิ่งไล่จับเด็ก หรือผู้ใหญ่วิ่งไล่จับกันเอง ซึ่งไม่มีความรุนแรงใดๆ ที่หวังจะต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ปะปนอยู่ในการละเล่นที่ได้เห็นเลย

ความสนุกเพลิดเพลินไม่ใช่แค่การที่ฝ่ายหนึ่งวิ่งไล่จับอีกฝ่ายหนึ่ง หากยังมีเสียงหัวเราะให้กับคนที่สับสนในช่วงแรกว่าจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีหรือไล่จับ เป็นเหตุให้หมุนตัวผิดหมุนตัวถูกว่าจะต้องวิ่งไปทางไหนก็เรียกความขบขันได้เช่นกัน เพราะการเล่นกระต่ายกระแตนั้นช่วยฝึกทักษะการฟังเพื่อแยกแยะเสียงได้ถูกต้องและยังฝึกความคล่องแคล่วว่องไวของร่างกาย

การละเล่นแรกผ่านพ้นไปด้วยความสนุกสนานและเหน็ดเหนื่อยไปตามๆ กัน

เมื่อแต่ละคนอยู่ในช่วงพักเหนื่อย ศศิขอตัวไปตามลูกชายให้ลงมาดูด้วยกัน เผื่อจะทำให้รู้สึกสนุกเหมือนที่ตนรู้สึก

ปรียานุชมีความสุขเสียเต็มประดาที่ใครต่อใครก็ชื่นชอบกิจกรรมที่จัดขึ้น นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เธอพยายามสรรหาการละเล่นไทยทั้งที่เคยได้ยินจนชินหูและไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยให้ผู้อื่นได้รู้จัก

เมื่อศศิเดินออกมาจากตัวบ้านเพียงลำพัง หญิงสาวพอจะรู้ว่าไขศิลป์ไม่ยอมทำตามความต้องการของมารดา

คงมีเพียงแค่ฐานินคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถพาไขศิลป์มาร่วมเล่นกับบรรดาคนเหล่านี้ได้

เมื่อทุกคนเริ่มหายเหนื่อย ปรียานุชอยากมอบความสนุกเพลิดเพลินให้เกิดขึ้นต่อเนื่องจึงเริ่มเข้าสู่การละเล่นอีกหนึ่งอย่างที่เตรียมมา

ก่อนเธอจะเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันตรงกลางลานกว้าง ฐานินก็เดินเข้ามาใกล้เธอ

“ต้องขอโทษด้วยนะครับพี่ปรี พอดีผมมีงานด่วน ยังไม่เลิกเล่นกันใช่ไหมครับ”

“กำลังจะเริ่มเล่นอย่างที่สองแล้ว มาเล่นด้วยกันสิ” เธอบอกคนตรงหน้า

“โชคดีที่ยังมาทัน ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ปวดฉี่มานานแล้ว”

ทันทีที่ฐานินรีบเดินไปในตัวบ้าน ธารทิพย์ก็แยกตัวจากสามีและลูก เร่งก้าวขามาคุยกับเธอด้วยเสียงเบาที่ได้ยินแค่สองคน “พอเห็นตัวจริงใกล้ๆ ดูดีกว่าพระเอกบางคนในซีรีส์วายที่ฉันเคยดูอีกนะ ตกลงลูกชายบ้านนี้กับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกันใช่ไหม”

“ฉันยังไม่เคยถามนะ ธารเห็นแล้วก็พิจารณาเอาเองแล้วกัน” เธอพูดเสียงเบาตามเพื่อนไปด้วย

“เรื่องแบบนี้ฉันไม่พลาดหรอก ฉันจะจับตาดูผู้ชายสองคนนั้นให้เอง แค่คิดก็ฟินแล้ว ยิ่งได้เห็นภาพจริงจะฟินขนาดไหน ฉันต้องพกหมอนมาจิกด้วยหรือเปล่า”

“อย่าดูเพลินจนลืมลูกล่ะ” เธอหยอกเพื่อนสาว

ธารทิพย์ตีแขนเธอที่เหมือนจะรู้ทัน “ฉันเอาสามีมาดูลูกให้ไง ส่วนฉันจะเฝ้าดูผู้ชายสองคน แต่ศิลป์ไม่เห็นลงมาเล่นด้วยกันเลยนะ หรือว่าจะรอให้แฟนมาถึงบ้านก่อน มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย”

เธอไม่ได้คุยกับเพื่อนสาวต่อ เมื่อเห็นฐานินเดินออกมาจากตัวบ้านเพียงคนเดียวก็เริ่มเรียกทุกคนให้มารวมตัวกัน

“มาเล่นรีรีข้าวสารกันนะคะ”

“น้ารู้จัก” เมื่อมีคนแรกบอกมาเช่นนี้ก็ต้องมีคนต่อไปพูดขึ้นมาบ้าง

“พี่รู้จัก”

“ลุงก็รู้จักนะ ตอนเด็กๆ ก็เคยเล่น”

เด็กแต่ละคนเงยหน้ามองผู้ปกครองที่บอกว่ารู้จักราวกับถามว่าเล่นกันยังไง

ก่อนที่จะสาธิตวิธีการเล่น ปรียานุชสอนให้ร้องบทร้องประกอบการเล่น

รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้

บรรดาผู้ปกครองช่วยกันส่งเสียงร้องพร้อมทั้งปรบมือเป็นจังหวะไปตามเธอซึ่งร้องบทร้องนั้นวนซ้ำไปมาหลายรอบ จนเด็กบางคนร้องตามได้ แม้จะไม่เข้าใจความหมายของบางคำ แต่ก็เอื้อนเอ่ยเพราะบังเกิดความสนุกสนานที่มีเสียงเพลงช่วยเร่งเร้า

เมื่อมีคนพอจะรู้จักการละเล่นรีรีข้าวสาร เธอขอความร่วมมือจากผู้ปกครองบางคนช่วยแสดงเป็นตัวอย่างเพื่อให้คนที่ไม่รู้จักได้เห็นและนำไปเล่นตาม

จากนั้นก็ถึงเวลาที่เธอและพวกเด็กๆ ได้เริ่มเล่นกันในลานกว้าง

มีคนสองคนยืนหันหน้าเข้าหากันซึ่งยืนห่างกันโดยให้ตัวคนเดินผ่านได้ แล้วยื่นมือสองข้างมาประสานกันไว้และยกขึ้นสูงเพื่อเป็นสะพาน

ปรียานุชยืนใช้มือสองข้างท้าวสะเอวเป็นหัวแถวเพื่อให้คนที่อยากจะเล่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเด็กๆ ได้มายืนเกาะเอวทางด้านหลัง แล้วเกาะเอวต่อๆ กันไปเรียงเป็นแถวยาว สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดสองคนก็เข้ามาร่วมเล่นด้วยกันโดยมีบิดาคอยประกบตัวอยู่ทางด้านหลัง นอกจากพวกเด็กแล้วก็ยังมีฐานินและผู้ปกครองอีกสองคนอยู่ท้ายแถว

พอมีคนส่งเสียงร้องประกอบการเล่น เธอก็ก้าวขาเดินเพื่อนำแถวลอดใต้สะพานที่สองคนนำมือประสานกันไว้ คนที่อยู่ในแถวปากก็ร้องไป ขาก็ก้าวเดิน คนที่ไม่ได้เข้ามาเล่นก็ปรบมือเป็นจังหวะเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ครื้นเครง

สองคนที่ยืนเป็นสะพานปล่อยให้เดินผ่านไปทีละคนทีละคน จนหัวแถววนกลับมาลอดใหม่อีกหน ปรียานุชเพิ่มความเร็วในการก้าวขา คนในแถวต้องพยายามก้าวตามให้ทันโดยอย่าให้มือที่จับเอวคนข้างหน้าไว้นั้นหลุดออก

แม้บทร้องจะถูกร้องวนไปอีกหลายรอบก็ขึ้นอยู่กับสองคนที่เป็นสะพานว่าจะลดแขนลงทันที เมื่อถึงคำร้องที่ว่าพานเอาคนข้างหลังไว้ในรอบใด ส่วนคนที่กำลังจะลอดถึงช่วงคำร้องนั้นก็ต้องหนีให้ทัน อย่าให้ถูกคล้องตัวหรืออยู่ในอ้อมแขนของผู้ที่ประสานมือเป็นสะพาน

คนที่ถูกคล้องไว้ได้ต้องออกจากแถว ส่วนคนที่เหลือก็เล่นกันต่อ จนกว่าจะคล้องได้หมดทุกคน

ความสนุกเกิดขึ้นกับพวกเด็กๆ พอถึงคำร้องที่จะต้องถูกคล้องก็จะรีบวิ่งผ่านไปโดยไว และต้องเดาใจสองคนที่เป็นสะพานว่าจะลดแขนลงหรือรอคำร้องนั้นในรอบถัดไป

ผ่านไปสามรอบ จากที่ค่อยๆ ก้าวเดินก็เริ่มเป็นวิ่งเยาะๆ เพื่อจะหลบหลีกได้ทัน แต่ผู้ที่ถูกคล้องได้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ เพราะอยากให้เด็กๆ เล่นสนุกกันได้นานๆ

เมื่อฐานินต้องออกจากแถวก็ขอไปตามไขศิลป์ให้ลงมาเล่นด้วยกัน ปรียานุชที่ถูกคล้องในรอบก่อนหน้านั้นคาดไว้ว่าชายหนุ่มจะนำรุ่นน้องข้างบ้านมาเล่นสนุกด้วยกันสักที

ถ้าไม่เป็นตามที่หวังไว้ หญิงสาวจะทำเช่นไรต่อไป

 



Don`t copy text!