รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ

รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

หลังจากรินรดาและสรวิชญ์ปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งสองกลับมาคบหาและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วันหนึ่งชายหนุ่มกลับมาถึงหอในคืนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวคนรักด้วยความคิดถึง

“ระรินครับ วันนี้พี่มีของขวัญให้หนูด้วยนะ”

“ของขวัญเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ”

“ในโอกาสที่หนูยกโทษให้พี่ไงครับ ของขวัญแทนความรักและคำขอบคุณจากพี่” เขาพูดพร้อมปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักรูป ร. ที่หน้าอกด้านซ้าย

“พี่ต้นไปสักมาเหรอคะ ร.เรือ หมายความว่ายังไงเหรอคะพี่”

“พี่ให้ช่างสักรูป ร.เรือ แทนชื่อของน้องระริน รินรดา เพื่อจะสลักชื่อหนูไว้กลางใจของพี่ตลอดไป หนูจะได้มั่นใจว่า พี่จะรักและซื่อสัตย์กับหนูเพียงคนเดียว นี่คือของขวัญแทนคำมั่นสัญญาที่พี่อยากมอบให้คนที่พี่รักที่สุดครับ”

“พี่ต้น…ขอบคุณมากนะคะ ระรินชอบมากเลยค่ะ” รินรดาโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งใจมอบให้

“พรุ่งนี้หนูพาพี่ไปหาน้าอ้อยนะ พี่อยากทำให้ถูกต้อง พี่อยากขอขมาน้าอ้อยกับเรื่องที่ผ่านมา ที่พี่เคยทำให้หนูเสียใจ”

“ได้ค่ะพี่ต้น”

ทั้งของขวัญและการที่เขาจะไปหาญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเธอ ยิ่งทำให้รอยร้าวในใจเจือจางลง จนเธอมอบหัวใจที่เหลือให้เขาไปจนหมดสิ้น

 

วันนี้รินรดางดสอนพิเศษหนึ่งวัน เพื่อพาคนรักไปหาน้าสาวถึงที่พัก พรพรรณนั่งมองหลานสาวและหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่นั่งเคียงข้างกัน ในมือของสรวิชญ์ถือพานธูปเทียนแพพลางเอ่ยขึ้นด้วยความละอายใจ

“น้าอ้อยครับ ที่ผ่านมาผมขอโทษนะครับ ผมยอมรับผิดทุกประการที่ไม่ดูแลระรินให้ดี ยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ”

“หนูก็เหมือนกันค่ะน้า หนูขอโทษในทุกอย่างที่เคยทำผิดไป” รินรดาพูดก่อนที่สรวิชญ์จะส่งพานในมือให้กับพรพรรณ แล้วก้มลงกราบแทบเท้าน้าสาว ขณะที่พรพรรณแอบปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ

“น้ายกโทษให้ ลุกขึ้นมานั่งคุยกันดีๆ เถอะทั้งสองคน”

สองหนุ่มสาวยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอก ก่อนที่สรวิชญ์จะช่วยประคองรินรดาลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

“ไหนๆ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้น้าพูดอะไรได้ ในเมื่อสองคนกลับมาคืนดีกันได้ ก็ดีแล้ว… เพียงแต่ว่า… น้ามีหลานสาวอยู่คนเดียว ต้นก็อย่าทำให้ระรินเสียใจอย่างที่ผ่านมาแล้วกัน ถ้าไม่รักกันแล้วก็เอามาคืนกันดีๆ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนั้นอีก”

“ผมรับปากครับ ผมจะไม่ทำผิดต่อน้องอีกแล้วครับน้าอ้อย ผมจะไม่มีวันทำให้ระรินเสียใจเด็ดขาด”

พรพรรณมองสองหนุ่มสาวนั่งกุมมือกันด้วยความรู้สึกอัดแน่นในอก แม้เธอจะยินดีที่ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันได้ แต่ทั้งสองก็ยังเรียนไม่จบ เธอมองเห็นเค้าลางของปัญหาที่จะตามมาอีกมากมาย

“แล้วต่อไปจะทำยังไงล่ะ กลับมาคืนดีกันแล้ว จะยังไงต่อ เราสองคนก็ยังเรียนกันไม่จบ ไหนบอกน้ามาสิวางแผนจะทำยังไงต่อไป”

“ผมอยู่ปีสี่เรียนใกล้จบแล้วครับ ส่วนระริน เหลืออีกหนึ่งปี ผมคิดว่าระหว่างนี้ เราสองคนตั้งใจไว้ว่าจะช่วยกันประคองความรักจนกว่าจะเรียนจบน่ะครับ”

“น้าเข้าใจ แต่ที่น้าเป็นห่วงคือ พ่อแม่เรารู้เรื่องนี้หรือยัง แล้วผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง” คำถามของน้าสาวทำเอาสรวิชญ์และรินรดาอึ้งไป ก่อนที่เขาจะตอบแบบไม่เต็มเสียงด้วยความอับอาย

“ที่บ้านผมตอนนี้เพิ่งล้มละลาย ผมเลยไม่กล้าบอกที่บ้านเรื่องของเราสองคนน่ะครับ เกรงว่าพ่อแม่จะรับไม่ได้จนทำให้เกิดเรื่องใหญ่”

“แสดงว่าผู้ใหญ่ยังไม่รู้เรื่อง” พรพรรณมองคนทั้งสองก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็น่าเห็นใจนะ ครอบครัวต้องมาเจอเรื่องหนักแบบนี้ คนที่เคยมีแล้วจู่ๆ ต้องมาล้มครืนแบบนี้ คงจะปรับตัวยากหน่อย”

“ครับ” แววตาสลดของชายหนุ่มทำให้คนเป็นน้าอดสงสารไม่ได้

“แล้วแบบนี้ ต่อไปต้นเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ”

“พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ใช้ครับ แต่ไม่ได้มีมากเหมือนเมื่อก่อน ผมคุยกับน้องระรินไว้ ผมจะย้ายเข้าไปอยู่กับน้องระรินที่หอพักครับ”

เป็นอีกครั้งที่พรพรรณมองหน้าคู่รักทั้งสองด้วยความหนักใจ

“มาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องอยู่กันก่อนแต่ง น้าคงห้ามอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราสองคนยังไม่พร้อมจะมีลูก น้าก็อยากให้คุมกำเนิดดีๆ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่ผ่านมาอีกเข้าใจไหม”

“ครับ/ ค่ะ”

“ยิ่งเราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ น้าก็ถือว่าเราสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ ต่อไปต้นกับระรินก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำนะลูก”

“ครับ น้าอ้อย”

“พี่ต้นบอกว่าจะลองมาช่วยหนูสอนพิเศษเด็กๆ หารายได้เสริมน่ะค่ะ”

“ดีเลย จะได้ช่วยกันทำมาหากิน แต่ก็อย่าให้การเรียนเสียนะลูก”

“ค่ะ/ครับ”

“แต่น้าก็ยังคิดว่า ยังไงต้นก็ควรหาเวลาคุยกับพ่อแม่นะ”

“ครับน้าอ้อย ทางด้านผมคงต้องรอสักระยะให้วิกฤติทางบ้านผ่านไปก่อน ผมตั้งใจไว้ว่ารอให้น้องระรินเรียนจบแล้วค่อยบอกทางบ้านน่ะครับ”

“งั้นก็ดีแล้วละ”

พรพรรณมองหนุ่มสาวตรงหน้าพลางคิดตรึกตรอง แม้ภายนอกทั้งสองคนดูจะรักและเข้าใจกันดี แต่ลึกๆ พรพรรณกลับรู้สึกหวั่นใจเป็นห่วงหลานสาวคนเดียว เพราะความแตกต่างทางครอบครัวและการเลี้ยงดูของสรวิชญ์และรินรดา จะทำให้ทั้งสองสามารถประคับประคองความรักครั้งนี้ได้ไปตลอดรอดฝั่งจริงหรือ

แต่ไม่ว่าอนาคตภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร เธอจะเป็นอ้อมกอดอบอุ่นที่คอยประคับประคองหลานรักคนเดียวตลอดไป

 

รินรดาและสรวิชญ์ก็ช่วยกันประคับประคองความรัก คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนความบอบช้ำทางใจของหญิงสาวค่อยๆ หายดี

สำหรับรินรดา การทำงานและหาเงินควบคู่ไปด้วยกัน เป็นเรื่องปกติที่เธอทำมาตลอด เธอจึงไม่ได้รู้สึกหนักหนาอะไร ตรงกันข้ามกับสรวิชญ์ เขาเคยชินกับการเรียนเพียงอย่างเดียว และมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ

แต่หลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินของครอบครัวครั้งใหญ่ เขาต้องใช้เงินที่ครอบครัวโอนมาให้ในแต่ละเดือนด้วยความประหยัด แม้จะมีรายได้เสริมจากการที่เขาคอยช่วยรินรดาสอนพิเศษ หากเขากลับรู้สึกว่า เงินที่ได้น้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับการทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้

“พี่ต้น ทำไมสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนั้นล่ะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“พี่เหนื่อยน่ะ ไหนจะต้องเรียนต้องไปสอบ ไหนจะต้องสอนพิเศษ เงินที่ได้ก็น้อย ไม่คุ้มกับที่ปากเปียกปากแฉะ หนูเก่งมากๆ เลย ทำได้ยังไงเนี่ย ทั้งเรียนและทำงานควบคู่ไปด้วย พี่ยอมเลย นี่พี่แค่ช่วยหนูทำไม่กี่เดือน กลับมาถึงห้องทีไรแทบหมดแรง”

“ก็หนูไม่มีพ่อแม่ หนูมีแค่น้าอ้อยที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ถ้าหนูไม่ขยันเรียนและหาเงิน หนูจะมีโอกาสได้เรียนสูงๆ เหรอคะ หนูแค่อยากมีชีวิตดีๆ ไม่ต้องลำบากอย่างทุกวันนี้นี่คะพี่ต้น”

“แฟนของพี่เก่งที่สุดเลย ตัวจบพี่หนักมากเลย ที่รักช่วยพี่ทำตัวจบหน่อยนะจ๊ะ” สรวิชญ์ออดอ้อนพลางหอมแก้มเธอฟอดใหญ่

“พี่ต้นก็พูดแบบนี้ทุกที ตั้งแต่เราคบกันมา หนูก็ช่วยพี่ต้นทำการบ้านตลอด นี่ยังจะให้หนูช่วยทำตัวจบอีกเหรอคะ”

“โธ่ หนูก็รู้ ที่บ้านพี่กำลังแย่ พี่ต้องหันมาทำงานพิเศษหาเงินอีก พี่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำตัวจบล่ะ นะหนูนะ ช่วยพี่ทำตัวจบหน่อยนะ”

“แต่พี่ต้นคะ ระรินก็เรียนและทำงานเหมือนกันนะคะ”

“แต่หนูเก่งจะตาย โพรเจกต์จบของพี่ แค่นี้ชิวๆ หนูทำได้สบายมาก พี่จะได้เอาเวลาไปหาเงินยังไงล่ะจ๊ะ”

“ก็ได้ค่ะ ระรินช่วยพี่ต้นทำโพรเจกต์ก็ได้ พี่ต้นก็จะได้มีเวลาเตรียมสอน”

“พี่คิดว่า พี่จะเลิกสอนพิเศษแล้วละ”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ” รินรดามองด้วยความแปลกใจ

“พี่มาคิดๆ ดูแล้ว รายได้จากการสอนพิเศษได้น้อยมากเมื่อเทียบกับความเหนื่อย พี่ว่าจะลองหางานพิเศษใหม่ที่ไม่เหนื่อยมาก แล้วมีรายได้เยอะกว่านี้”

“แต่ตอนนี้พี่ต้นยังไม่มีงานใหม่ แล้วพี่ต้นจะอยู่ยังไงละคะ เงินที่พ่อแม่โอนมาให้ก็ไม่เยอะไม่ใช่เหรอคะ”

“ใช่ เงินที่พ่อแม่โอนมาให้เดือนนี้ พอช่วยออกค่าหอค่าน้ำค่าไฟ พี่ก็เหลือค่ากินอีกไม่มาก เดือนนี้พี่ขอยืมเงินหนูก่อนสักสองพันก่อนได้ไหม เดี๋ยวพอพี่ได้งานใหม่แล้ว พี่จะเอาเงินมาคืนนะจ๊ะ”

“ยืมได้อยู่แล้วค่ะ แต่…จะดีเหรอคะที่พี่ต้นจะเลิกสอนพิเศษ”

“ดีสิ หนูก็เห็นเด็กๆ ฟังพี่เสียที่ไหน แถมยังมีการมาว่า หาว่าพี่สอนไม่ดี หนูสอนดีกว่าพี่ตั้งเยอะ แล้วยังบ่นอยากเรียนกับหนูมากกว่า ขืนพี่ช่วยสอน ขี้คร้านจะทำให้หนูเสียชื่อเสียงมากกว่า” สรวิชญ์ชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจ

“เรื่องแบบนี้มันฝึกกันได้ค่ะ ช่วงแรกๆ ที่หนูสอนใหม่ๆ หนูก็โดนบ่นแบบนี้ละค่ะ แต่หนูก็ค่อยๆ พัฒนาฝึกตัวเองในทุกๆ วัน พี่ต้นก็ทำได้เหมือนกันนะคะ”

“แต่พี่ไม่ได้ชอบสอนพิเศษน่ะสิ”

“ในเมื่อพี่ต้นไม่อยากสอนพิเศษ พี่ต้นก็รีบหางานใหม่ทำนะคะ เพราะเรามีค่าใช้จ่ายทุกวัน อีกอย่าง…หนูคิดว่า พี่ต้นน่าจะต้องประหยัดมากกว่านี้”

“โธ่! ที่รัก แค่นี้พี่ก็ประหยัดจนไม่รู้จะประหยัดยังไงแล้วนะ” เขาโอดครวญขอความเห็นใจ

“พี่ต้นลองใช้รถเมล์หรือเดินสิคะ นอกจากจะไม่เปลืองค่าวินมอเตอร์ไซต์แล้ว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยนะคะ ส่วนเรื่องอาหาร เราก็กินอาหารตามสั่งข้างถนนแทนที่จะไปกินอาหารร้านแพงๆ แค่นี้ก็ช่วยประหยัดเงินได้เยอะแล้วละค่ะ”

“นั่งรถเมล์ กับเดิน มันไม่ลำบากเกินไปเหรอครับ อีกอย่างพี่ก็อยากพาหนูไปกินของดีๆ ได้ใช้ของดีๆ หนูจะไม่อายชาวบ้านเขา”

“หนูไม่เคยอายใคร หนูกินง่ายอยู่ง่าย ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ จะกินในห้างหรือข้างถนน พอกินเข้าไปก็อิ่มท้องเหมือนกันหมด ส่วนข้าวของนอกกาย จะถูกจะแพงก็ใช้ได้เหมือนกันหมด พี่ต้นคะ ตอนนี้เรายังไม่ค่อยมีเงิน เรายิ่งต้องประหยัดนะคะ เราถึงจะอยู่ได้ค่ะ”

“ครับ รู้แล้วละครับที่รัก แต่พี่อยากให้แฟนของพี่มีชีวิตที่ดี ไม่ใช่ลำบากลำบนทำงานหากินไปวันๆ” สีหน้าหม่นเศร้าของแฟนหนุ่ม ทำให้รินรดามองเขาด้วยความฉงนใจ

“ไม่ใช่หากินไปวันๆ เสียหน่อย ตั้งแต่รินรดาสอนพิเศษเด็กตอนปีหนึ่ง แม้จะเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่รายได้พวกนี้ก็ช่วยให้ระรินส่งตัวเองเรียนหนังสือมาได้ ทั้งค่ากินค่าอยู่ก็จากเงินสอนพิเศษทั้งนั้น น้าอ้อยช่วยเหลือค่าเทอมบ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็มาจากเงินสอนพิเศษที่หนูสอนตอนเย็นหลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แค่เรารู้จักบริหารการเงินให้ดี เราก็อยู่ได้แล้วค่ะพี่”

“ก็หนูเป็นคนเก่ง พี่ไม่ได้เก่งเหมือนหนูนี่นา ขืนให้พี่ทำงานแบบนั้น พี่แย่แน่เลย แค่ลองช่วยหนูสอนไม่เท่าไหร่พี่ก็แย่แล้ว” เขาโอดครวญก่อนจะไปนอนหนุนตักเธอ

“แล้วถ้าพี่ต้นไม่สอนพิเศษแล้วพี่ต้นอยากทำงานอะไรเหรอคะ ถึงจะมีรายได้มากกว่านี้”

“นั่นสินะ พี่จะทำอะไรดีล่ะ”

เขานิ่งไปอึดใจเพราะเขาไม่ทันได้คิดถึงงานอื่น ก่อนจะมองไปทางละครที่กำลังเล่นอยู่ในจอโทรทัศน์ แววตาเป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“พี่รู้แล้วละ พี่จะทำอะไร หน้าตาพี่หล่อขนาดดีกรีเดือนมหาลัย พี่ว่าจะลองไปสมัครเป็นนายแบบหรือเป็นดารา รายได้น่าจะดีเหนื่อยน้อยกว่านี้ด้วย”

“อย่างนั้นก็ดีสิคะ ถ้าพี่ต้นชอบและอยากทำ ก็ลองดูค่ะ แต่หนูอยากบอกพี่ต้นว่า งานทุกอย่าง กว่าจะได้เงินมาเหนื่อยทั้งนั้นแหละค่ะ งานสบายๆ ได้เงินมาง่ายๆ ไม่มีหรอก”

“มันต้องมีสิ งานที่ทำสบาย ได้เงินมาง่ายๆ พี่จะทำให้ดูเชื่อพี่สิ”

“ค่ะ หนูจะคอยดู”

 

แล้วสรวิชญ์ก็พยายามไปแคสนักแสดงหรือเป็นนายแบบที่เขาบอกไว้ เพียงเพราะอยากจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแบบง่ายๆ แต่ความพยายามของเขาก็ต้องหมดลง เมื่อเขาถูกปฏิเสธกลับมาหลายต่อหลายครั้ง

“นี่หนูรู้ไหม พี่หล่อออกขนาดนี้ พวกนั้นตาต่ำมากที่ไม่ให้พี่เป็นพระเอก หาว่าพี่แสดงไม่ได้เรื่องบ้างละ ตัวแข็งทื่อบ้างละ ดีแต่หน้าตาหล่อ พี่ว่า…พวกนั้นมันต้องอิจฉาพี่มากกว่า ดูสิคนที่ได้ไปหน้าตาหล่อสู้พี่ไม่ได้สักคน”

เขาบ่นให้รินรดาฟังในคืนหนึ่ง หลังพลาดบทพระเอกที่เขาหมายมั่นปั้นมือว่าความหล่อของตัวเองจะเข้าตากรรมการแต่แล้วก็ต้องกินแห้วกลับมา

“พี่ต้นคะ พลาดครั้งนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ลองใหม่อีกก็ได้นี่นา อีกอย่างทำไมพี่ต้นไม่ลองแคสบทตัวประกอบดูก่อนล่ะคะ หรือไม่ก็ไปเรียนการแสดงพี่จะได้เก่งขึ้นไงคะ”

“หนูก็รู้ พี่ดีกรีเป็นเดือนมหาลัย หล่อๆ แบบพี่จะให้ไปรับบทตัวประกอบกระจอกๆ ได้ยังไง พี่ไม่เอาด้วยหรอก อย่างพี่ต้องบทพระเอกเท่านั้น อีกอย่างถ้าพี่ไปเรียนการแสดงต้องใช้เงินเยอะ พี่ไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก พี่ว่าการแสดงหรือเดินแบบ ใครๆ ก็ทำได้ แค่เปิดทีวีดูแล้วลองทำตาม ก็ทำได้ง่ายๆ ไม่เห็นจะยากเลย”

สรวิชญ์พูดพลางเก๊กหน้าลองสวมบทบาทเลียนแบบพระเอกในละครโทรทัศน์ให้เธอดู ทำให้รินรดาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความสุข โดยหลงลืมความจริงตรงหน้าไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายยังไม่มีอะไรเป็นโล้เป็นพายสักอย่าง นอกจากอยู่กับความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น

 

จนแล้วจนรอดสรวิชญ์ก็ยังไม่สามารถหางานพิเศษอย่างที่ตัวเองต้องการได้ เมื่อเขาพลาดการแคสบทอีกครั้ง ต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง ระหว่างทางชายหนุ่มที่เดินจนหมดแรงเพราะไม่มีเงินค่ารถ เขาจึงไปนั่งหมดแรงอยู่ที่ป้ายรถเมล์ มองดูรถบนถนนผ่านไปมาคันแล้วคันเล่าก็นึกถึงตอนที่ชีวิตตัวเองยังไม่ตกต่ำแบบนี้ เขามีรถขับไปมหาวิทยาลัยอย่างโก้หรูเหนือกว่าเพื่อนๆ แต่ตอนนี้เปิดกระเป๋าสตางค์ดูกลับเหลือเงินติดตัวแค่ไม่ถึงร้อย

“แม่งเอ๊ย! ชีวิตกูทำไมน่าสมเพชแบบนี้วะ” เขาเงยหน้ามองฟ้าอย่างหงุดหงิด เมื่อไหร่นะเขาถึงจะกลับมาดวงดี ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีอีกครั้ง

คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีรถเก๋งสีดำป้ายแดงแล่นมาจอดตรงหน้าพร้อมกระจกที่เปิดลง ก่อนที่คนขับจะโผล่หน้าออกมาทักทายเขาอย่างแปลกใจ

“อ้าว! คุณต้น สวัสดีครับ ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะครับ” สรวิชญ์ชะงักไปเมื่อเห็นอดีตนักโทษที่เขาเคยมีบุญคุณช่วยเหลือไว้เมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง

“อำนาจ!”

“ครับผมเอง แล้วนี่คุณต้นจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”

ชายหนุ่มมองรถคันงามที่ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยมี ชีวิตคนมันช่างน่าขำ เมื่อก่อนฐานะอีกฝ่ายต่ำต้อยยากไร้ แต่มาตอนนี้กลับเป็นเขาเองที่ตกต่ำ และอีกฝ่ายกลับได้ดิบได้ดี โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย

“จะดีเหรอ”

“ดีสิครับ ขึ้นมาเลยครับ” สรวิชญ์ขึ้นไปนั่งบนรถของอำนาจด้วยความรู้สึกต่างไปจากที่เคย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ไม่ได้เจอคุณต้นสักพัก ทำไมคุณต้นถึงมานั่งที่ป้ายรถเมล์แบบนี้ล่ะครับ”

“นายจะหัวเราะเยาะฉันก็ได้นะ”

“ผมจะไปหัวเราะเยาะคุณทำไมล่ะครับ”

“ก็ตอนนี้ฉันไม่ได้มีเงิน ไม่ได้รวยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รถก็ไม่มี ดูท่าแล้ว ฐานะนายตอนนี้ยังดีกว่าฉันตั้งเยอะเลย”

“ผมก็ยังเป็นคนเดิมที่ครั้งหนึ่งคุณต้นก็เคยช่วยไว้นั่นแหละ ผมไม่เคยลืมบุญคุณในครั้งนั้น ถ้าคุณต้นมีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกนะครับ ผมยินดีช่วยเต็มที่”

“ขอบใจมากนะ แต่นายคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฉันเพิ่งไปแคสงานเป็นนักแสดงมา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีใครเลือก”

“ผมอาจช่วยให้คุณต้นเป็นนักแสดงไม่ได้ เพราะผมไม่มีความรู้อะไรเรื่องพวกนี้เลย แต่ผมช่วยหางานให้คุณต้นมีเงินได้ หากคุณต้นต้องการ” คนฟังตาลุกวาว

“งานที่ว่าคืองานอะไร เหนื่อยมากไหม ถ้าเหนื่อยมากฉันก็ไม่อยากทำ”

“งานนี้ง่ายๆ ครับ แต่ผมว่าเราไปหาข้าวกินกันก่อนไหมครับ จะได้คุยงานไปด้วย คราวนี้ขอผมเลี้ยงเอง” พูดจบอำนาจก็ขับรถพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า

 

ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ สรวิชญ์ก็กินอาหารด้วยความหิวโหย นานหลายเดือนตั้งแต่เกิดเรื่องที่เขาไม่ได้กินอาหารหรูดีๆ แบบนี้

“ว่าแต่งานอะไรเหรอ ที่จะให้ทำน่ะ”

“แทงบอลครับ”

“อะไรนะ! แทงบอล!” สรวิชญ์อุทานด้วยความแปลกใจ

“พวกนี้ไม่ใช่ของผมหรอกครับ ของนายผมอีกที ช่วงนี้เข้าช่วงเทศกาลบอลโลกด้วย คุณก็แค่มีหน้าที่ไปชวนคนมาแทงบอล และเก็บเงินมาส่งผม หลังจากแข่งเสร็จ เราก็จะได้เงินครับ ส่วนเงินเราจะได้เยอะหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เข้ามาเล่น ถ้าชวนคนมาเล่นได้เยอะมากๆ คุณต้นก็จะได้เงินเยอะครับ”

“นี่มันเป็นการพนันไม่ใช่เหรอ ไม่ผิดกฎหมายเหรอ”

“ผิดครับ แต่ถ้าคุณต้นไม่พูดมาก ทำทุกอย่างตามที่ผมแนะนำ เราก็ไม่โดนหรอกครับ แล้วคุณต้นสนใจไหมละครับ” สรวิชญ์นิ่งคิดไปอึดใจ

“ฟังดูก็ไม่ยากนี่นา ฉันสนใจ…ว่าแต่ทำงานนี้ ฉันเบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้ไหม”

“ได้สิครับ นี่ครับ ค่าแรงล่วงหน้า” อำนาจพูดพร้อมกับหยิบธนบัตรสีเทาให้ห้าใบ ก่อนพูดต่อ

“สำหรับคุณต้น งานพวกนี้ไม่ยากหรอกครับ คุณต้นทำได้สบายมาก ส่วนขั้นตอนต่างๆ หลังจากนี้เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เป็นคนบอกอีกทีครับ”

“ขอบคุณมากนะอำนาจ นายไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ แค่เงินห้าพันบาทนี่ฉันก็หาได้ยากจริงๆ”

“ถ้าคุณต้นมาทำงานกับผม คุณต้นจะรู้ว่าเงินห้าพันบาทนี่หาได้ง่ายมาก นายผมเป็นคนกว้างขวาง มีช่องทางหาเงินเยอะแยะ ส่วนรถนี่ที่คุณต้นเห็น ผมทำงานให้นายไม่กี่งานก็ได้รถใหม่ป้ายแดงแล้วครับ งานง่ายๆ เงินดีๆ จะมีที่ไหนทำให้ผมได้เงินเยอะแบบนี้อีกล่ะครับ อีกหน่อยคุณต้นก็ทำได้เหมือนกัน”

สรวิชญ์ตาลุกวาวเพราะมองเห็นเงินก้อนใหญ่ ก่อนจะมีสีหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงใบหน้างามของแฟนสาว หากรินรดารู้จะว่ายังไง เธอเกลียดการพนันทุกชนิดเสียด้วย

“แบบนี้ฉันจะบอกแฟนได้ไหม”

“แฟนหรือครับ”

“ก็คนที่เคยจ้างให้นายช่วยไง”

“อ๋อ ผู้หญิงสวยๆ ที่คุณต้นให้ผมไปแกล้งทำร้าย แล้วคุณต้นแสดงตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยน่ะเหรอครับ”

“ใช่”

“นี่มันก็ผ่านมานานเกือบสองปีแล้ว คนนี้คุณต้นคงจริงจังไม่คบเล่นๆ แล้วมั้งครับ ” อำนาจถามดักคออย่างรู้ทัน

“ตอนแรกก็ว่าจะจีบเล่นๆ เห็นว่าจีบยากดีนัก พอคบไปคบมามันก็ดี ยิ่งตอนตกอับแบบนี้ เค้ายังอยู่ข้างเรา ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงทิ้งไปหมดแล้วละ”

“ผู้หญิงคนนี้ดูเป็นคนดีมากนะครับ ผมแนะนำว่า ถ้าเค้าเป็นคนดีแบบนี้และคุณต้นไม่อยากเสียเขาไป อย่าบอกจะดีกว่าครับ ผู้หญิงหลายคนไม่เข้าใจงานของพวกเราหรอกครับ ขี้คร้านจะเป็นอย่างผม ถ้าไม่เลิกกันก็ไปแจ้งตำรวจ ตอนหลังผมเลยตัดสินใจเป็นโสดดีกว่า ถ้าเหงาอยากมีใครก็แค่ซื้อกินชั่วครั้งชั่วคราวไม่ผูกมัด ดีกว่ากันเป็นไหนๆ”

สรวิชญ์ครุ่นคิดตามสิ่งที่อำนาจบอก ก่อนจะพยักหน้าลงด้วยความเข้าใจ

“อือ เข้าใจละ แต่ยังไงฉันคงยังช่วยทำงานเต็มตัวไม่ได้ เพราะยังเรียนไม่จบ คงทำได้เฉพาะช่วงที่ว่าง”

“ทำแค่นั้นก็ถมเถไปครับ เอาเป็นว่าช่วงฟุตบอลโลก คุณต้นก็ลองทำงานกับผมไปก่อน ถือว่าลองฝึกงานไปในตัว หากอนาคตคุณต้นต้องการมาทำงานเต็มตัวก็บอกผมได้ครับ ยังไงผมไม่ทิ้งคุณต้นแน่นอน”

“ขอบใจมากนะ”

หลังจากวันนั้นสรวิชญ์หันมารับทำงานพิเศษให้กับอำนาจ เขาทำทุกอย่างตามอำนาจ งานนี้เป็นงานที่เหมาะกับเขา งานสบายแถมได้เงินง่ายอย่างที่เขาต้องการ

 



Don`t copy text!